[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 เมษายน 2567 21:35:48 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "ราหุโลวาท"พระพุทธเจ้าทรงอบรมสามเณรราหุล  (อ่าน 1608 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.56 Chrome 19.0.1084.56


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 25 มิถุนายน 2555 15:52:15 »





"ราหุโลวาท"พระพุทธเจ้าทรงอบรมสามเณรราหุล

แต่ก็มีพระสูตรบางพระสูตรที่กล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้ทรงอบรมพระราหุลที่พระเวฬุวัน ซึ่งท่านพระอรรถกถาจารย์ท่านเล่าว่า เมื่อพระพุทธเจ้าโปรดให้บวชพระราหุลนั้น พระราหุลมีชันษาได้เพียง ๗ พรรษา และเมื่อได้ทรงนำมาประทับอยู่ที่พระเวฬุวันกรุงราคฤห์ ก็ได้ทรงอบรมราหุลสามเณรอยู่เสมอ คำอบรมในระหว่างที่ราหุลสามเณรมีพระชนม์ ๗ พรรษานั้น ท่านร้อยกรองไว้เป็นพระสูตรหนึ่ง เรียกว่า ราหุโลวาท ซึ่งแปลว่า โอวาทแก่พระราหุล มีเล่าไว้ว่า พระราหุลได้ประทับอยู่ที่เรือนชั้นอันชื่อว่า อัมพลัฏฐิกา ที่ตอนสุดของพระเวฬุวัน พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปประทานพระโอวาทอบรม เตือนให้พระราหุลศึกษา  ๒  ข้อ  คือ

๑. ให้ศึกษาว่า จะไม่พูดเท็จแม้เพื่อจะหัวเราะเล่น
๒. ให้ศึกษาว่า จะปัจจเวกข์ คือ พิจารณาชำระกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมให้บริสุทธิ์


ข้อความละเอียดในพระสูตรนี้มีเล่าว่า เมื่อเสด็จพระพุทธดำเนินไปถึง พระราหุลก็ได้ปูอาสนะ ได้เตรียมน้ำล้างพระบาท และก็ได้ล้างพระบาทถวาย  พระพุทธเจ้าได้ประทับนั่งแล้วก็ตรัสให้พระราหุลดูน้ำที่เหลืออยู่ในภาชนะที่ใช้เทล้างพระบาทนั้น  ซึ่งมีเหลืออยู่น้อย  ตรัสเปรียบเทียบว่า

ความละอายในเพราะสัมปชานมุสาวาท คือ พูดเท็จทั้งที่รู้อยู่ไม่มีแก่ผู้ใด สมัญญะ
คือ ความเป็นสมณะ ของผู้นั้นก็มีน้อย เหมือนอย่างน้ำที่มีเหลืออยู่น้อยในภาชนะน้ำนั้น


แล้วก็ตรัสสั่งให้พระราหุลเทน้ำทิ้งให้หมด ตรัสโอวาทต่อไปว่า
ความละอายในเพราะพูดเท็จทั้งที่รู้อยู่ไม่มีแก่ผู้ใด ความเป็นสมณะของผู้นั้น
ก็ต้องถูกทิ้งเสียแล้ว เหมือนอย่างน้ำในภาชนะน้ำที่เขาทิ้งเสียหมด


แล้วก็ตรัสสั่งให้พระราหุลคว่ำภาชนะน้ำ แล้วทรงสั่งให้พระราหุลหงายภาชนะน้ำนั้น ก็เป็นภาชนะน้ำที่ว่างเปล่า ก็ตรัสโอวาทสืบต่อไปอีกว่า
ความละอายในเพราะพูดเท็จทั้งที่รู้อยู่ไม่มีแก่ผู้ใด ความเป็นสมณะของผู้นั้นก็ว่างเปล่า
เหมือนอย่างภาชนะน้ำที่หงายขึ้นว่างเปล่า ฉะนั้น


ต่อจากนั้น ก็ตรัสอุปมาอีกข้อหนึ่งว่า เหมือนอย่างช้างศึกของพระเจ้าแผ่นดินที่ฝึกหัดไว้เป็นอย่างดี ขึ้นระวางแล้วออกสงครามก็ทำการรบ ทำหน้าที่ออกศึก ด้วยเท้าหน้าทั้งสอง ด้วยเท้าหลังทั้งสอง ด้วยศีรษะ ด้วยหู ด้วยงวง ด้วยหาง แต่ว่าถ้ายังรักษางวงอยู่ ยังไม่ใช้งวงในการปฏิบัติหน้าที่  ก็ชื่อว่ายังมิได้สละชีวิตเพื่อพระเจ้าแผ่นดิน  ต่อไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยงวงอย่างหนึ่ง จึงชื่อว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างบริบูรณ์ และก็ไม่มีอะไรที่ช้างนั้นมิได้ทำ ฉันใดก็ดี  ถ้าไม่มีความละอายที่จะพูดเท็จทั้งรู้  ก็กล่าวไม่ได้ว่าจะไม่ทำบาปอะไร ๆ แต่ถ้ามีความละอายอยู่ในอันที่จะพูดเท็จทั้งรู้  งดเว้นจากการพูดเท็จเสียได้ จึงจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้ไม่ทำบาป.

เมื่อได้ตรัสโอวาทดั่งนี้แล้ว จึงสรุปให้พระราหุลศึกษา จะไม่พูดเท็จ แม้เพื่อจะหัวเราะเล่น.
ต่อจากนั้นได้ทรงสอนให้พระราหุล ปัจจเวกข์ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ได้ทรงชักวัตถุอย่างหนึ่งมาเปรียบเทียบ คือ
ตรัสถามว่า แว่นส่องมีประโยชน์อะไร” 
พระราหุลก็กราบทูลว่า มีประโยชน์เพื่อจะปัจจเวกขณ์  คือ ว่าได้ตรวจดูหน้าตาเป็นต้น

พระพุทธเจ้าจึงได้ประทานพระโอวาทสืบต่อไปว่า  ควรที่จะปัจจเวกขณ์ คือ พิจารณาก่อนแล้วจึงทำกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เมื่อคิดปรารถนาจะทำ  จะพูด  จะคิด ก็ให้ปัจจเวกขณ์ก่อนว่า  เราจะทำ จะพูด จะคิด อย่างนี้  แต่ว่าการทำ พูด คิด อย่างนี้เป็นอย่างไร เมื่อปัจจเวกขณ์แล้ว รู้ว่า การทำ การพูด การคิด อย่างนี้ เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตน  เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น เพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นให้เดือดร้อน เป็นอกุศล มีทุกข์โศกเป็นกำไรเป็นผล  เมื่อรู้ดังนี้แล้วก็ไม่ควรทำ  กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมนั้น ต่อเมื่อได้ปัจจเวกขณ์แล้วก็รู้ว่าไปตรงกันข้าม คือ การทำ  การพูด  การคิดนั้นไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนดังกล่าว เป็นกุศล มีสุขเป็นกำไรเป็นผล เมื่อรู้ดังนี้แล้ว จึงควรทำกายกรรม วจีกรรม  มโนกรรมนั้น

อนึ่ง เมื่อกำลังทำ  กำลังพูด  กำลังคิดอยู่  ก็ให้ปัจจเวกขณ์ว่า บัดนี้เรากำลังทำ  กำลังพูด  กำลังคิดอย่างนี้  แต่ว่าการทำ  การพูด การคิดอย่างนี้  เป็นอย่างไร เมื่อปัจจเวกขณ์ก็จะรู้   เมื่อรู้ว่าเป็นส่วนไม่ดี ก็ให้เลิกเสีย เมื่อรู้ว่าเป็นส่วนดี ก็ให้ทำเพิ่มเติมต่อไป

อนึ่ง  ทำ  พูด  คิด มาแล้วก็ให้ปัจจเวกขณ์เหมือนกันว่า เราได้ทำ  พูด  คิด อย่างนี้มาแล้ว แต่ว่าการทำ  การพูด  การคิดของเรานั้น เป็นอย่างไร เมื่อรู้ว่าไม่ดี แต่ว่าทำไปแล้ว ก็ให้แสดงเปิดเผยในพระศาสดาหรือในสหพรหมจารีซึ่งเป็นวิญญูชน  คือ เป็นผู้รู้และถึงความสังวรเพื่อจะไม่ทำอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าเป็นส่วนดี ก็ให้เป็นผู้มีปีติความอิ่มใจปราโมทย์ความบันเทิงอยู่
และตามศึกษาสำเหนียกอยู่ในธรรมที่เป็นส่วนกุศลทั้งหลายทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน.


พระพุทธเจ้าได้ตรัสสรุปต่อไปว่า สมณพราหมณ์ในอดีต ปัจจเวกขณ์ชำระกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมมาอย่างนี้  ในอนาคตก็จักได้ปัจจเวกขณ์ชำระอย่างนี้  ในปัจจุบันก็พิจารณาชำระอย่างนี้

ในที่สุดก็ตรัสเตือนให้พระราหุลศึกษาเป็นข้อที่  ๒  คือให้คอยปัจจเวกขณ์กายกรรม  วจีกรรม มโนกรรมให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ

พระสูตรนี้เรียกว่า อัมพลัฏฐิการาหุโลวาทสูตร ตามชื่อของเรือนนั้น ชื่อว่า อัมพลัฏฐิกา หรือเรียกว่า จุลราหุโลวาทสูตร พระสูตรที่แสดงพระโอวาทแก่พระราหุลซึ่งเป็นสูตรเล็ก เพราะเมื่อพระราหุลมีอายุมากขึ้น พระพุทธเจ้าได้ประทานพระโอวาทอย่างอื่นต่อไป

ที่มา :  ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า
พระนิพนธ์ใน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก; วัดบวรนิเวศวิหาร

http://www.phuttha.com/พระพุทธเจ้า/ตรัสรู้/ราหุโลวาท-พระพุทธเจ้าทรงอบรมสามเณรราหุล

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
"Lemon Soup" อาสาส่ง"ทุกวัน"เพลงกระตุ้น"รัก"ที่เมื่อรู้สึกแล้วต้อง"บอก"
หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
มดเอ๊ก 0 5132 กระทู้ล่าสุด 03 มิถุนายน 2554 10:29:07
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.327 วินาที กับ 34 คำสั่ง

Google visited last this page 24 กันยายน 2566 23:28:34