[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
03 ธันวาคม 2567 18:22:54 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตวิทยาเชิงบวก คิดบวก ชีวิตบวก  (อ่าน 4232 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7865


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2553 17:41:10 »

ว่าด้วยเรื่องของจิตวิทยาเชิงบวก

บทความนี้ไม่มีเนื้อหาเกี่ยว กับเกมนะครับ ผมไม่ได้เขียนในฐานะจีเอ็ม แต่ผมเขียนในฐานะนักอ่าน ที่อ่านหนังสือแนวนี้มาระยะเวลาหนึ่ง

และต้องการอยากให้หลายๆคนได้ ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความรู้ด้านนี้ ดังนั้นผมจะพูดถึงจิตวิทยาเชิงบวก

ถ้าหากใครเผลอเปิดมาแบบไม่ตั้งใจ ผมแนะนำให้กดปิดกากบาทปิดมันทิ้งซะ แต่ถ้าคุณเข้ามาเพื่ออยากรู้ว่ามันคือ

อะไร หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม คุณอาจจะเสียเวลาในการอ่านบทความนี้ประมาณ 5 - 10 นาที แต่ก็คงจะได้

ประโยชน์จากมันไม่มากก็น้อยครับ ระหว่างนี้ถ้าใครอ่านแล้วเบื่อๆ ไม่ประทับใจสามารถคลิกกากบาทมุมขวาบน

หรือ กด Alt+F4 ปิดหน้านี้ทิ้งก็ได้เลยครับ

ทำไม ถึงต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมา ??

เพราะ จิตวิทยาเชิงบวก หรือ Positive Psycholygy เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยวิทยาศาสตร์ของความสุข

ความ สุขเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง นอกจากสมองจะได้รับอาหารที่มีประโยชน์แล้วยังส่งผลให้อายุยืนยาว

อีก ด้วย เป็นเรื่องที่น่าแปลกแต่ก็เป็นเรื่องจริง ที่คนเรานั้นศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับจิตวิทยาเชิงลบ เพราะว่าสมัยนี้คน

เรา มองโลกในแง่ลบมากขึ้นทุกวัน มีสถิติ (อ้างจากหนังสือ อัจฉริยะสร้างสุข ของ หนูดี วนิษา เรซ) เขียนไว้ว่า

"ตั้งแต่ปี 2510 - 2543 นั้นมีการทำวิจัยเรื่องเกี่ยวกับความโกรธ 5,584 ชิ้น เรื่องความเครียดความกังวล 41,416

ชิ้น เรื่องภาวะซึมเศร้า 54,040 ชิ้น ในทางตรงกันข้าม มีการทำวิจัยเรื่องความสดชื่นเพียง 415 ชิ้น เรื่องความสุข

1,710 ชิ้น เรื่องความพึงพอใจในชีวิตเพียง 2,582 ชิ้น เท่านั้น" จากข้อมูลดังกล่าวเมื่อนำมาเทียบเป็นอัตราส่วน

งาน วิจัยเชิงลบกับงานวิจัยเชิงบวก อัตราส่วนจะอยู่ที่ 21 ต่อ 1 สาเหตุที่คนเราวิจัยกันแต่จิตวิทยาเชิงลบเพื่อนำไป

รักษาคนไข้ ดังเช่นที่ ซิกมันด์ ฟรอยด์ได้ทำ แต่ ระยะหลังนั้นได้มีการศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาเชิงบวกกันมากขึ้น

โดย มีแนวคิดที่ว่า คนเรามักจะเอาเวลาส่วนใหญ่ของตัวเอง ไปแก้ไขด้านลบของตัวเอง คือใช้เวลามากมายในการ

แก้ไข แต่สุดท้ายจาก ด้านลบ ก็จะกลับมาสู่เลข 0 นั่นคือทำได้อย่างมากสุดก็แค่เราพอใจ แต่ถ้าหากคนเราเอาเวลา

ไปศึกษาเกี่ยวกับด้านดีๆ หรือด้านความสุขของตัวเองนั้น มันก็จะยิ่งสร้างจุดเด่นให้กับตัวเราและก้าวข้ามสิ่งร้ายๆที่

เรามอง ว่าเป็นด้านลบของจิตใจตัวเองไปทั้งหมด และทำให้ชีวิตเรามีความสุขครับ

คุณ เป็นคนมีความคิดด้านบวก คุณตื่นเช้ามา คุณไปทำงาน พร้อมกับหน้าตาที่สดใส (เพราะนอนมาเยอะตลอดคืน)

รอรถเตรียมไปทำงาน คุณเดินขึ้นไปบนรถป้ายแรก คนไม่มีได้นั่งสบายแฮ ถัดจากนั้นอีก 2 ป้ายมี รถเริ่มแน่น มี

คนแก่ขึ้นมาบนรถ...คุณลุกขึ้นยืนแล้วบอก เชิญครับ ให้เขานั่ง แน่นอนครับ คนข้างๆ จะมองคุณ 2 แบบ

ถ้าเป็นความคิดเชิงลบ

  -โง่ว่ะ นั่งอยู่ดีๆจะลุกทำไม

ถ้าเป็นความคิดเชิงบวก

  -โห เด็กคนนั้นมีน้ำใจจริงๆ มีลูก มีหลานต้องสอนแบบนี้

แต่ที่แน่ๆ คุณจะดูดึขึ้นจากเดิมอีก 50% หรือ 100% แล้วแต่คุณเลือกละกัน(ถึงแม้หน้าตาคุณไม่หล่อก็ตาม แต่จังหวะนั้นคุณจะหล่อที่สุดในรถเมล์คันนั้นแล้วล่ะ)

นอกจากจะดูดี ขึ้นแล้วยังมีคนชื่นชมว่ามีน้ำใจเอื้อเฟื้อแก่คน ชราอีกด้วย คุณจะอมยิ้ม และหล่อได้ทั้งวัน ^^

แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ตรงกันข้ามล่ะ

คุณ เป็นคนที่มีความคิดด้านลบ คุณตื่นเช้ามา ด้วยอาการเบื่อๆ นอนไม่หลับ (เพราะบ่นหัวหน้า บ่นเพื่อนร่วมงานทั้งคืน)

พร้อมกับคิดว่า โห วันจันทร์อีกแล้ว เซ็งว่ะ แล้วก็รอรถเตรียมไปทำงานคุณทำหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา และ...

คุณเดินขึ้นไปบนรถป้ายแรกคนไม่มี ได้นั่งสบายแฮ คุณเตรียมจะนอนต่อ เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ

ถัดจากนั้นอีก 2 ป้ายมี รถเริ่มแน่น มีคนแก่ขึ้นมาบนรถ...คุณชำเลืองมองแล้วเนียนหลับต่อ

คนข้างๆ จะมองคุณได้แบบเดียวเท่านั้น คือ แm'ง เห็นแก้ตัว chip หาย คงบ่นและด่าสาดเทสาดเสียคุณไปตลอดทาง

อ้อ อีกแบบนึงคือ เขาจะมองว่า สงสัยคุณจะป่วย เลยไม่ลุกให้คนชรา แต่ผมว่าคงยากเกินไป

ถ้าหากคุณเป็นคนที่นั่งอ่านบทความนี้อยู่ ผมขอถามว่า คุณอยากเป็นเพื่อนกับคนไหน??

มีเพื่อนรุ่นพี่คนนึงของผม เป็นหัวหน้างาน มีลูกน้อง และลูกน้องตั้งหัวเอ็มว่า "หัวหน้ามันแย่ว่ะ หัวหน้ามันโคตรกดดัน หัวหน้ามันโน่น หัวหน้ามันนี่ หัวหน้าบลาๆ "

ตั้ง ด่าหัวหน้าตัวเองแบบไม่เกรงใจ ก็หัวหน้ามันแหละนั่งอ่านอยู่ทุกวัน แล้วมันก็ตั้งแบบนี้ทุกวัน คุณเป็นหัวหน้า คุณอยากจ้างลูกน้องแบบนี้ไหม ??

คุณ เป็นลูกน้อง ถ้าใส่อารมณ์ขนาดต้องไปตั้งหัวเอ็มแบบนั้น แสดงว่าคงทำงานไม่มีความสุข แล้วจะทำงานไปทำไม มันอยู่ที่ตัวเราทั้งนั้น

ถ้า หากคนเราไม่เปลี่ยนตัวเอง มีแต่ความคิดด้านลบๆเต็มหัว อย่างกรณีลูกน้องกับหัวหน้างานที่ผมบอกไป

อยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุข ครับไม่ว่าจะย้ายงานใหม่อีกกี่ครั้ง สิ่งที่ต้องเปลี่ยนไม่ใช่สภาพแวดล้อมแต่มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งนั้น

แต่ ถ้าหากเอาจิตวิทยาเชิงบวกมาช่วย มองโลกในแง่ดีมากขึ้น (แต่ไม่ควรมองทุกอย่างแง่ดีเกินไป อันนี้ก็ไม่ใช่) แล้วชีวิตคุณจะมีความสุขครับ ผมยืนยัน

นี่แหละครับเป็นตัวอย่างที่ผม ยกมาให้ฟังเกี่ยวกับความคิดเชิงบวกและความคิดเชิงลบ ซึ่งเปรียบเทียบให้เห็นจะๆ ถึงข้อดีและข้อเสียของมัน

ความคิดด้านบวก ทำให้คนเรามีความสุข คนที่มีความสุขนั้นเมื่อได้รับเรื่องทุกข์ๆ ไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด เขาจะไม่ถามว่าทำไม แต่เขาจะหาวิธีรักษาตัวเองและจะใช้เวลาไม่นานในการรักษาตัวเอง

ให้ กลับมาอยู่ในสภาพเดิมหรือดีกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก

แต่สำหรับคนที่ ยึดถึอความคิดด้านลบเป็นหลัก หากคุณมีอะไรมากระทบจิตใจนิดนึง คุณจะไม่มีกำลังใจในการต่อสู้ และโทษชีวิตตัวเองว่าทำไมเราถึงต้องเจออะไรแบบนี้ ทำไมถึง... ทำไม....

ทำไม และ ทำไม และพลอยทำตัวเป็นปัญหา และเกิดปัญหาขึ้นภายในสังคม

อย่าคิด ว่าเราไม่เก่ง อย่าคิดว่าเราไม่มีดี แต่ทั้งหมดอยู่ที่ความพยายาม หากคุณมีความพยายาม ไม่ล้มเลิก ไม่ท้อถอย พระเจ้าไม่มีสิทธิ์มอบอย่างอื่นให้คุณได้นอกจากความสำเร็จ

คนฉลาด เลือกทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนธรรมดา

ส่วนคนที่ทำในสิ่งที่คนฉลาดคิด ว่าทำไม่ได้ นั่นคืออัจฉริยะ

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ครับ แต่คนเราเลือกที่จะเป็นได้ อย่าเฝ้าถามว่าทำไม แต่จงเฝ้ามองตัวเองและค้นพบวิธีที่จะทำให้ตัวเราเองมีความสุขที่ได้เกิดมาบน โลกนี้และใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ใช้ชีวิต

อย่างคุ้มค่าใช้ยังไง พระอาจารย์ ว.วชิรเมธีกล่าวไว้ว่า "ก็ใช้ชีวิตแบบที่เราคิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่บนโลกใบนี้สิ" แล้วคุณจะใช้ชีวิตได้คุ้มค่าในทุกๆวันครับ

"นาฬิกาแห่งชีวิตถูกไขลานไว้เพียงรอบเดียวและไม่มีมนุษย์คนไหนมี อำนาจจะบอกว่าเข็มหยุดเดินเมื่อไหร่ จะช้าหรือเร็ว

ปัจจุบันขณะเท่า นั้นที่คุณเป็นเจ้าของ ใช้ชีวิตดำรงรัก และทำงานหนักอย่างมีเป้าหมาย อย่าเชื่อว่าเวลาจะคงอยู่ตลอดไป เพราะเข็มอาจหยุดเดินในไม่ช้า"

ขอบ คุณพี่ๆทั้งสองที่ผมนับถือ ที่ได้แนะนำหนังสือดีๆมาให้อ่านครับ




อ้าง อิงจาก : หนังสืออัจฉริยะ สร้างสุข ผู้แต่ง หนูดิ วนิษา เรซ
               บทความของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี

ที่มา : Click !!!

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: จิตวิทยา เชิงบวก คิดบวก หนูดี อัจฉริยะ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 2.273 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 10 ตุลาคม 2567 20:38:24