[ โดย อ.ไกร จากบอร์ดเก่า ]
หลักการถือศีล ๕ ให้ครบ ใครรักษาศีล ศีลก็จะรักษาคนผู้นั้นให้ปลอดภัยมีความเจริญ กั้นอำนาจกรรมเก่า
ที่จะมาบั่นทอนชีวิต ขั้นตอนในการรักษาศีลให้มีความบริสุทธิ์ก็เปรียบเสมือนกับ
เสื้อผ้าที่สะอาดไม่มีรอยด่างพร้อยของสีอื่นๆ
แม่ชีทศพรบอกว่าคนเรามักจะชอบคุยเรื่องของคนอื่น มนุษย์ชอบพูดถึงบุคคล
ที่ 3 ถ้าลูกน้อง 2 คนคุยกัน ก็จะคุยถึงเจ้านาย การคุยเรื่องคนอื่นก็หนีไม่พ้นเรื่อง
ของศีลข้อที่ 4 บางคนจะมีรหัสกรรมเด่นคือนิสัยชอบพูดคุยนินทาคนอื่นไม่หยุดปาก
ทำอย่างไรก็แก้ยาก แม้จะเข้าวัดมาปฏิบัติธรรมพยายามรักษาศีลข้อที่ 4 โดยไม่
ไปโกหกใคร แต่ทว่าเราก็ยังอดนินทาให้ร้ายบุคลที่ 3 ไม่ได้ ก็ถือว่าทำให้ศีลข้อ
ที่ 4 มีมลทิน ด่างพร้อย แทนที่เราจะได้อานิสงส์ของการรักษาศีลข้อที่ 4 การว่า
ร้ายผู้อื่นทำให้จิตใจเราขาดเมตตา เพราะขณะที่นินทาผู้อื่นอยู่นั้นจิตใจของเรามี
ความสนุกสะใจสนุกสนาน ในการนินทาทุกครั้งมักจะมีความขยายความเพิ่มเติม
จากข้อมูลข่าวสารที่เราได้ยินมาจากที่อื่นการเพิ่มเติมข่าวสารเข้าไปโดยที่เราไม่ได้
รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นการเพิ่มเติมข้อมูลข่าวสารการให้ร้ายคนอื่นโดยตัวเรา
เองเข้าข่ายการมุสาหรือปั้นน้ำเป็นตัวโดยที่เราเองไม่ทันรู้ตัว
ในขณะที่”จิตใจ” ของเราที่เมามันกับการว่าร้ายนินทาผู้อื่นนั้น มันยึดเอา”ตัวเรา
และคำพูดของเรา” ที่ประกอบไปด้วยรูปร่างหน้าตาของเราที่แสดงออก บุคลิกของ
เราในขณะนินทา อารมณ์ที่คลุกเคล้าเข้าประทับในจิตนี้กลายเป็นตอกย้ำรหัสกรรม
เดิมของตนเองมากขึ้นจนยากที่จะถอนรากถอนโคนให้หมดสิ้นได้ แถมตนเองยัง
สร้าง “เจ้ากรรมคนใหม่” เกิดขึ้นรายวันอีกด้วย
การรักษาศีลให้ได้นิสงส์อันประเสริฐบริบูรณ์จะต้องไม่ทำให้ศีลขาด หลักการที่
ถือว่าศีลขาดนั้น มี 3 ขั้นตอนด้วยกันคือ
1.ศีลขาด หมายถึงการตั้งใจผิดศีลและทำให้ศีลนั้นขาดโดยสมบูรณืทั้งกาย วาจา ใจ
เช่นการคิดฆ่าสัตว์ แต่สัตว์นั้นยังไม่ตาย มีความพยายามวางแผน กระทำการฆ่าให้
สำเร็จลง เรียกว่า ศีลขาด
2.ศีลทะลุ หมายถึงพยายามฆ่าแต่ไม่สำเร็จเปรียบเสมือนเสื้อผ้าที่เป็นรูก็ยังดีกว่า
เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้
3.ศีลพร้อย หมายถึงไม่ได้ตั้งใจทำแต่ให้สัตว์เดือดร้อน เรียกว่าศีลพร้อย คนโบราณ
เปรียบศีลดั่งเสื้อผ้า มีรอยกระดำกระด่าง เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ขาวสะอาด
แม่ชีทศพรเล่าให้ฟังว่า มีโยมผู้ชายที่เป็นข้าราชการ พอได้ยินเสียงแม่ชีอธิบายถึง
ความงดงามอันอัศจรรย์ของศีลว่าสามารถแก้รหัสกรรมบางอย่างและดัดนิสัยของคน
ให้ค่อยๆเข้าเส้นทางธรรมได้อย่างไร โยมผู้ชายคนนนี้ถึงกับร้องว่า”โอ้ . . . ผมไม่
กล้าที่จะทำอะไร”พอแม่ชีทศพรได้ยินก็ค่อยอธิบายด้วยความใจดีว่า ทุกเรื่องราว
ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่าทำให้การปฏิบัติธรรม รักษาศีลเป็นเรื่องเคร่งเครียด ขอ
ให้ทำแบบสบายๆ ค่อยๆปรับนิสัย รับศีล 5 ไปก่อน จากนั้นค่อยๆ โน้มนำจิตใจให้อ่อน
ลงสู่ธรรมได้เองในเวลาต่อมา
ขอบคุณที่มาข้อมูล :
http://www.thossaporn.com/article_detail.php?id_edit=34







