[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 08:24:33 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ลางบอกเหตุ และเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยา  (อ่าน 13878 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5461


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 04 ตุลาคม 2555 11:25:35 »


สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชา
จิตรกรรมฝาผนัง พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร  จังหวัดพิษณุโลก



ลางบอกเหตุ และเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธา

ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะเส็ง  ตรงกับวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๑๑๒ (ค.ศ. ๑๕๖๙)  เวลารุ่งแล้ว ๓.๐๐ นาฬิกา นับได้ ๒๑๙ ปีภายหลังจากที่พระเจ้าอู่ทองได้ทรงตั้งกรุงศรีอยุธยาขึ้น   ในรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช  พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑๖ แห่งกรุงศรีอยุธยา   มาในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์หรือ พระเจ้าเอกทัศ  พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๓๓  พระองค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา ดังจะกล่าวต่อไปนี้นับเป็นการเสียกรุงครั้งที่ ๒  และเป็นครั้งสุดท้ายแห่งราชธานีกรุงศรีอยุธยา

ลางนิมิตบอกเหตุเสียกรุง

ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับ สมเด็จพระพนรัตน์ กล่าวเหตุการณ์ไว้ว่า

พม่าล้อมกรุงอยู่ครั้งนั้นนานถึงสองปีเศษ  ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยอาสาออกรบแตกยับเยินเข้ามา  ในที่สุดขุนนางจีน  ขุนนางแขก  ขุนนางฝรั่ง  ขุนนางมอญ  ขุนนางลาว  และนายโจร  นายซ่อง  ก็ชวนกันออกอาสาตีกองทัพพม่าที่ล้อมกรุงทั้งแปดทิศก็มิได้ชนะ  พม่ากลับฆ่าฟันล้มตายแตกเข้ามาทั้งสิ้นด้วยอายุแผ่นดินกรุงพระนครศรีอยุธยาถึงกาลขาด  จึ่งอาเพศให้เห็นประหลาดเป็นนิมิต
     พระประธานวัดเจ้าพระนางเชิง  น้ำพระเนตรไหลลงมาจากพระนาภี
     วัดพระศรีสรรเพชญ์นั้น พระบรมไตรโลกนารถพระอุระแตก  ดวงพระเนตรตกลงมาอยู่ที่ตักเป็นอัศจรรย์
     พระเจดีย์วัดราชบูรณะนั้น  กาบินมาเสียบตายอยู่บนปลายยอดโดยอาเพศ
     รูปพระนเรศวรเจ้าโรงแสงใน กระทืบพระบาทสนั่นไปทั้ง ๔ ทิศ
     อากาศก็วิปริตไปต่าง ๆ บอกเหตุบอกลางจะเสียกรุง

ในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่าก็กล่าวถึงอาเพศ   เมื่อกรุงศรีอยุธยาจะแตกไว้ว่า
“เมื่อใกล้จะเสียพระนครศรีอยุธยานั้นเกิดลางร้ายต่าง ๆ คือ พระพุทธปฏิมากรใหญ่ ที่วัดพนัญเชิง มีน้ำพระเนตรไหล  พระพุทธปฏิมากรติโลกนารถ  ซึ่งแกะด้วยไม้พระศรีมหาโพธิ์นั้นพระทรวงแยกออกสองภาค  พระพุทธปฏิมากรทองคำเท่าตัวคนและพระพุทธสุรินทร์ซึ่งหล่อด้วยนาค  อันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีสรรเพชญ์  ในพระราชวังนั้นมีพระฉวีเศร้าหมอง  พระเนตรทั้งสองหลุดหล่นลงอยู่บนพระหัตถ์  มีกาสองตัวตีกันตัวหนึ่งบินโผลงตรงยอดพระเจดีย์เหมือนดังคนจับเสียบไว้  เทวรูปพระนเรศวรนั้นมีน้ำพระเนตรไหลและเปล่งศัพท์สำเนียงเสียงอันดัง  อสนีบาตตกลงหลายครั้งหลายหน  พระราชวงศานุวงศ์ข้าราชการก็ไม่ตั้งอยู่ในสัจธรรม  สำแดงเหตุที่จะเสียพระนครศรีอยุธยาหลายอย่างหลายประการดังกล่าวมาแล้วเบื้องต้น”


เหตุการณ์เสียกรุง

ในปี พ.ศ. ๒๓๐๙  ปีจอ อัฐศก  เนเมียวมหาเสนาบดีแม่ทัพพม่า  ให้ฉับกุงโบคุมพล ๕๐๐ คน ยกมาตีค่ายทัพไทย ณ วัดไชยวัฒนาราม  รบกันอยู่ถึง ๘ วัน ๙ วัน  ก็ตีหักเอาค่ายนั้นได้  ทัพไทยแตกพ่ายหลบหนีเข้ากรุง    แล้วแม่ทัพพม่าให้อุตมสิงหจอจัว  เจ้าเมืองปรอนคุมพล ๕๐๐ คน ยกมาตีค่ายทัพจีนซึ่งตั้งอยู่ ณ คลองสวนพลู รบกันอยู่ถึงเดือน พม่าก็ตีหักเอาค่ายได้  ค่ายไทยซึ่งหนีออกมาตั้งรบอยู่นอกพระนครก็เสียแก่พม่าในเดือน ๓  พ.ศ. ๒๓๐๙

เนเมียวแม่ทัพจึงให้นายทัพนายกอง เกณฑ์พลทหารยกเข้ามาทำสะพานข้ามแม่น้ำที่หัวรอ ริมป้อมมหาชัย  เอากระดานไม้ตาลตั้งเป็นค่ายวิหลั่นบังสะพานทั้งสองข้างกันปืนชาวพระนคร  แล้วยกพลข้ามสะพาน  เลือกมาฟากข้างกำแพงเมือง  แล้วให้ขุดอุโมงค์รุ้งไปตามยาวใต้รากแพง ให้ขนเอาฟืนมาใส่ใต้ฐานราก แล้วให้เกณฑ์พลทหารสี่กอง ๆ ละ ๕๐๐  ให้ทำบันไดเป็นอันมากสำหรับจะพาดกำแพงปีนปล้นเอาเมืองทั้ง ๔ ทิศ  ตระเตรียมการทั้งปวงไว้ให้สรรพ  กำหนดวันจะเข้าปล้นเมืองในวันใดจะให้สัญญาณอาณัติด้วยเสียงปืนใหญ่เป็นสำคัญ  แล้วให้เอาบันไดพาดกำแพงขึ้นปล้นเอาเมืองให้พร้อมกันทุกด้านทุกกอง

ลุศักราช ๑๑๒๙ ปีกุน นพศก ๒๓๑๐  ณ วันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕  วันเนาว์วันสงกรานต์วันกลาง  พม่าจุดเพลิงเผาฟืนเชื้อใต้รากกำแพงตรงหัวรอริมป้อมมหาไชย  และพม่าค่ายวัดการ้อง วัดนางปลื้มและค่ายอื่น ๆ ทุกค่ายจุดปืนใหญ่ ปืนป้อมและหอรบ  ยิงระดมเข้ามาในกรุงพร้อมกันตั้งแต่เวลาบ่ายสามโมงเศษจนพลบค่ำ พอกำแพงที่จุดเชื้อฟืนเผารากนั้นทรุดลงหน่อยหนึ่ง ถึงเพลาสองทุ่มจึงจุดปืนสัญญาณขึ้น  พลพม่าทุกด้านทุกกองซึ่งเตรียมไว้ก็เอาบันไดพาดที่กำแพงทรุดและที่อื่น ๆ รอบพระนครพร้อมกันก็เป็นอันเข้ากรุงเข้าวังได้ในเพลานั้น  และจุดเพลิงขึ้นทุกตำบลเผาเหย้าเรือนอาวาส  และพระราชวังทั้งปราสาทราชมณเฑียร  แสงเพลิงสว่างดังกลางวัน  แล้วเที่ยวไล่จับผู้คนค้นริบเอาทรัพย์เงินทองสิ่งของทั้งปวงต่าง ๆ  

ฝ่ายเนเมียวแม่ทัพใหญ่จึงให้ทหารไปป่าวประกาศแก่นายทัพนายกองทั้งปวงว่า
“ตัวเรากระทำการตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จเพราะปัญญาและฝีมือของเรา  ซึ่งนายทัพทั้งหลายจะมาคอยเอาชุบมือส่วนกวาดเอาพระราชวงศ์กษัตริย์ไทยไปไว้ทุกค่ายทุกทัพเป็นบำเหน็จมือของตัวนั้นไม่ชอบ ให้เร่งส่งมาให้เราทั้งสิ้น  ถ้ามิส่งมาเราจะยกไปตีเอาขัติราชวงศ์ทั้งปวงมาให้จงได้”  

นายทัพทั้งปวงก็กลัวอำนาจเนเมียว  ต่างก็ส่งพระราชวงศานุวงศ์ซึ่งจับมาไว้ ณ ค่ายนั้นให้ไปแก่เนเมียวแม่ทัพ ณ ค่ายโพธิ์สามต้นทั้งสิ้น มิได้มีผู้ใดขัดแข็งเอาไว้   ฝ่ายสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์ พระเจ้าแผ่นดินนั้นเสด็จหนีออกจากพระราชวัง ลงเรือน้อยไปกับมหาดเล็กสองคนไปซ่อนเร้นอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ใกล้บ้านจิก  ข้างวัดสังฆาวาส  มหาดเล็กนั้นก็ทิ้งเสียหนีไปที่อื่น  ทรงอดอาหารอยู่แต่พระองค์เดียว  พม่าหาจับได้ไม่ จับได้แต่พระราชวงศานุวงศ์ทั้งปวงไปไว้ทุก ๆ ค่าย


กวาดต้อนราษฎรและขนย้ายทรัพย์สมบัติในพระนคร

เนเมียวกับนายทัพนายกองทั้งปวงก็ให้ขนเอาปืนใหญ่น้อยในพระนครศรีอยุธยา  ได้ปืนใหญ่น้อย ๑,๒๐๐ เศษ ปืนนกสับอีกหลายหมื่น ขนลงบรรทุกเรือกับขุนนางและครอบครัวราษฎรชายหญิง ประมาณ ๓๐,๐๐๐ คนเศษ **  บังคับให้เดินตามทัพพม่ากลับไปและไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่พม่า และต่อมาก็กลายเป็นพม่าไปเสียเลย    ที่หนีไปซุ่มซ่อนอยู่ในป่าดงและไป ณ หัวเมืองต่าง ๆ ก็มาก  ที่ยักย้ายทรัพย์สินลงเร้นซ่อนฝังไว้พม่าก็เฆี่ยนตีและให้นำขุดเอาสิ่งของเงินทองได้บ้างไม่ได้บ้าง  ฆ่าฟันตายเสียก็มาก   พม่าเอาเพลิงสุมหลอมเอาทองคำซึ่งแผ่หุ้มองค์พระพุทธรูปผืนใหญ่ในพระวิหารหลวงวัดพระศรีสรรเพชญ์ดาราม  ขนเอาทองคำไปเสียสิ้น  พม่าได้จัดแจงเก็บรวบรวมเอาทรัพย์มาไว้ทุกทัพทุกค่าย ใช้เวลาอยู่ถึง ๙ วัน ๑๐ วัน    

 พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีเกือบทุกพระองค์ทรงเพิ่มพูนการก่อสร้างในกรุง  วัดอันสวยวิจิตรมีนับตั้งร้อย ๆ เฉพาะภายในโบสถ์ของวัดมงคลบพิตร  มีพระพุทธรูปอันใหญ่มหึมา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  สร้างโดยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ  สูง ๔๘ ศอก  กว้าง ๒๕ ศอก  มีทองหุ้มอันมีน้ำหนักถึง ๓๖๓ กิโลกรัมเศษ     ได้ถูกพม่าทำลาย จนกระทั่งตัววิหารพังลงมาถูกองค์พระพุทธรูปเสียหาย  และทองที่หุ้มองค์พระนั้นหายไปด้วย  จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๙๙ ทางรัฐบาลจึงได้สร้างวิหารขึ้นแทนหลังเดิม

พม่าข้าศึกยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาครั้งนั้นใช้เวลารบสองปีเศษ  พม่าเสียกำลังพลประมาณสามสี่พันคน รวมถึงทั้งป่วยไข้ตาย    ไทยเสียคนไปประมาณสองแสนเศษ ทั้งตายด้วยอาวุธ ป่วยไข้ และอดตาย  และประเภทคนอดโซตายนั้นรวมถึงสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยานั้นด้วย


ข้อมูล : เรียบเรียงจาก
          ๑. หนังสือ "สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช"  พิมพ์ที่ สำนักพิมพ์ "รวมข่าว"  พ.ศ. ๒๕๒๘
          ๒. หนังสือ "เจ้าชีวิต"  พระนิพนธ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์  พิมพ์ครั้งที่ ๖  โดย บริษัท โรงพิมพ์กรุงเทพ (๑๙๘๔) จำกัด  พ.ศ. ๒๕๕๕
          ๓. วิกิพีเดีย  สารานุกรมเสรี

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 ตุลาคม 2556 16:10:08 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ลางบอกเหตุ-สภาพหลังฉากวันสวรรคต ร.5 จากบันทึกหม่อมศรีพรหมา
สุขใจ ห้องสมุด
ใบบุญ 0 1859 กระทู้ล่าสุด 16 กรกฎาคม 2563 10:54:51
โดย ใบบุญ
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.332 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 21 มกราคม 2567 19:44:43