[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 12:05:29 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง  (อ่าน 1733 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2553 14:08:27 »

ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง




ณ. โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง หลังจากสอบกลางภาคเสร็จใหม่ๆ อาจารย์วิรัช เดินผ่าน บริเวณที่นั่งริมสวนหย่อม เห็นเด็กชายป๋องลูกศิษย์คนสนิท นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว เกิดความสงสัยจึงเดินตรงเข้าไปถาม

อาจารย์ “แหมขยันจังเลยนะ สอบเสร็จไม่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเหรอ ทำไมจึง
มานั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว?”

ศิษย์ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวว่า
“สวัสดีครับ อาจารย์ อ๋อ! ป๋องเผอิญอ่านหนังสือค้างไว้ตั้งแต่ก่อนสอบ สอบเสร็จแล้วจึงมานั่งอ่านต่อ กำลังสนุกเลยครับ”

อาจารย์“ ตัวครูเองก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน เอาไว้วันหลังครูจะเอาหนังสือดีๆ มาให้เธออ่านบ้าง
เอแต่เธอเคยคิดไหมว่า ชีวิตเราก็คล้ายกับหนังสือเล่มหนึ่งเหมือนกันนะ ”

ศิษย์“ อย่างไรหรือครับ?”

อาจารย์ “ก็คือว่า หนังสือชีวิตของเรา ชีวิตเราเป็นเสมือนกระดาษเปล่าที่เราต้องใช้ประสบการณ์ในชีวิตของเราเป็น เนื้อหาของหนังสือน่ะซิ

ชีวิตที่จริงแล้วก็เป็นเพียงหน้ากระดาษของเวลา อันว่างเปล่า เราต้องใช้ความคิดของเราเพื่อสรรสร้างสาระขึ้นมา ไม่มีใครเขียนแทนให้เราได้
เราเป็นผู้เขียน เป็นผู้อ่านเองทุกวัน สุขใจและทุกข์ใจเอง ทุกวัน เราอาจโกหกคนอื่นได้แต่เราโกหกใจของตัวเองไม่ได้ เลย

ถ้าเราทำดีแล้วได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเราก็จะบันทึกเรื่องที่ดีๆไว้ในใจเรา ก็มีความสุข ถ้าเราทำชั่วหรือไม่ได้ตามสิ่งที่ต้องการเราก็มีความทุกข์ เราก็บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ในความทรงจำของเราเสมอ

ศิษย์“ เหมือนจดไดอารี่ใช่ไหมครับ”

อาจารย์“คล้ายๆอย่างนั้น แต่นอกจากนั้นก็คือ เราเป็นผู้กำหนดเรื่องราว
ของชีวิตตัวเองด้วย ทั้งความสำเร็จและล้มเหลว ไม่ใช่แค่บันทึกเรื่องราวๆต่างๆ
อย่างเดียว”

ศิษย์“ ไม่เข้าใจครับ เราจะเลือกเป็นอะไรได้ตามใจเราหรือครับ ส่วน
ใหญ่ ผมว่าเราถูกสภาพแวดล้อมกำหนดมากกว่า เช่น มีคนมาทำให้
พอใจไม่พอใจ บางทีก็มีโชคชะตำกำหนดให้โชคดีโชคร้ายสลับกันไป”

อาจารย์“ เธอยังไม่เข้าใจ เรานี่แหละกำหนดชะตาชีวิตของเราเอง
ในศาสนาพุทธเรา ไม่เคยพูดว่าชะตาชีวิตเราถูกกำหนดไว้แล้ว มีแต่เพียง
กรรมที่เราสร้างไว้ในอดีตและปัจจุบันที่กำหนดตั้งแต่ตัวเราเอง ให้มีรูปร่างหน้าตา สติปัญญา นิสัยใจคอ เป็นเช่นไร แล้วเราจึงกำหนดการกระทำด้วยเจตนาที่ดีและชั่วเป็นกรรมต่อไปในชาตินี้และ ชาติต่อไป

อาจมีบางครั้งที่กรรมในอดีตมาให้ผลบ้างเช่น ประสบอุบัติเหตุ ประสบชะตากรรมที่ไม่ดี มีโรคประจำตัว มีโรคร้ายแรง หรือ มีศํตรูคู่เวรมารังควาญ ก็เป็นเพียงฉากหนึ่งให้เราเลือกแสดงกรรมเท่านั้น ผู้ไม่รู้ก็คิดว่าเป็นโชคชะตา ผู้รู้ก็จะทำใจได้ว่าเป็นผลของกรรมเก่าและกรรมไม่ดีในบัจจุบันมาร่วมกันส่ง ผลแค่นั้นเอง เราก็ทำกรรมใหม่ประคับประคองไปได้ โดยไม่ต้องปล่อยใจให้ทุกข์
จนเกินไป เพราะทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนของใครเลย

สรุปก็คือ เรานี่แหละเป็นคนเขียนหนังสือกำหนดอุปนิสัย บทบาทของตัวละคร และเป็นตัวแสดงเสียเอง เมื่อแสดงไปนานๆก็จำไม่ได้ว่าเรากำหนดอะไรไว้ ทำอะไรไว้ อาจเป็นเพราะบทบาทที่เราต้องเลือกแสดงในแต่ละวันเหมือนไม่มีใครกำหนดหรือ บังคับ พอเกิดเรื่องอะไรไม่ดีก็โทษโชคชะตา โทษกรรม แล้วใครเล่าจะเป็นคนกำหนดโชคชะตาหรือกรรม ถ้าไม่ใช่ตัวเอง ล้วนเป็นสิ่งที่เราทำไว้แล้วเป็นต้นทุนทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้รอเพียงเวลา สถานการณ์ และโอกาสที่จะให้ผลแค่นั้นเอง”

ศิษย์ “ แต่เราไม่รู้ว่าเราทำกรรมไม่ดีอะไรมาบ้าง อย่างนี้เราก็แย่ซิ มิต้องรอให้
กรรมเก่ามาคอยให้ผลอยู่ร่ำไป อย่างไม่มีทางสู้อย่างนั้นหรือครับ ?”

อาจารย์ “ป๋องถามได้ดีมาก กรรมเก่าเขามีหน้าที่ให้ผล แต่ กรรมใหม่ที่เราสร้าง ย่อมมีผลด้วยเช่นกัน และเราทำดีได้ทุกวัน เหมือนหนี้เก่าและเงินที่เราหาได้ใหม่ทุกวัน ถ้าเราทำกรรมดีมากๆ เราก็จะมีบุญสะสมไว้มาก เวลาเราใช้หนี้กรรมเก่า อาจผ่อนหนักเป็นเบา หรือถ้ามีกรรมดีมากๆ กรรมชั่วเบาๆก็อาจส่งผลไม่ทันก็ได้

สิ่งสำคัญก็คือในแต่ละวัน เราต้องทำดีให้มากกว่าทำชั่ว พยายามเอาชนะกิเลสที่จะพาให้เราทำชั่ว ถ้ากรรมชั่วเหมือนเกลือ กรรมดีเหมือนน้ำ เกลือขนาดหนึ่งช้อนโต๊ะใส่ในน้ำหนึ่งแก้ว ย่อมเค็มดื่มไม่ได้ แต่ถ้า เราเติมน้ำมากขึ้นทุกวัน จนน้ำเพิ่มขึ้นเป็นน้ำหนึ่งโอ่ง แต่เกลือเท่าเดิม เราก็ดื่มได้โดยไม่รู้สึกเค็มแต่ประการใดเลย”

ศิษย์ “แต่ผมว่ามันยากอยู่นะครับ เพราะแต่ละวันเราก็มักจะทำอะไรตามใจไปเรื่อย ตามนิสัย ความเคยชิน ตามความอยากโน่น อยากนี่ แล้วเมื่อไหร่น้ำสะอาด จะเต็มโอ่งได้หล่ะครับ แถมยังเติมเกลือเข้าไปอีก” ป๋องอมยิ้มไปด้วยขณะพูด

อาจารย์ “ นั่นแหละทุกวันนี้เราถึงได้มีปัญหาต่างๆมากมาย ไม่มีใครคิดว่า ตัวเองจะได้รับผลของกรรมที่ตัวเองก่อ ต่างกอบโกย มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตัว

การทำผิดทั้งหลายก็เกิดจากความคิดและการเข้าใจที่ผิดพลาดทั้งนั้น นี่แหละ
เป็นสิ่งที่ชาวพุทธเรา ควรจะศึกษาและเชื่อเรื่องกรรมกันไว้ อย่างน้อย ก็เพื่อให้สังคมและบ้านเมืองมีความสงบร่มเย็น

ป๋องจงจำไว้นะว่าเราเป็นชาวพุทธ ความเชื่อเรื่องกรรมเป็นเรื่องของสัมมาทิฏฐิเป็นความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าไม่มีโทษใคจะร้ายแรงเท่าการมองเห็นไม่ถูกตรงเลย

เสมือนคนต้องการไปทิศเหนือ แต่ตัวเองไปทิศใต้ด้วยความเห็นผิด นับวันก็ยิ่งถลำตัวสู่ความชั่วต่างๆนาๆ ในชั่วชีวิตหนึ่งของเราไม่ยาวมากนัก วัยหนุ่มสาว ก็แค่ช่วงสั้นๆ ขอให้เราคิดดี ทำดีแก่ตัวเองและผู้อื่น ก่อนที่จะแย่จนแก้ไม่ได้เสมือนการดัดไม้นั้นเมื่อไม้มีกิ่งก้านที่ยังอ่อน อยู่ ย่อมง่ายกว่ามาดัดไม้เมื่อไม้นั้นแข็งเสียแล้ว เมื่อดัดเข้าก็จะมีแต่หักแค่นั้นเอง

ขอให้ป๋องจำคำของครูไว้ เราเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของตัวเอง จงละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดี เป็นคนที่ดีคิดดีทำดีทุกๆวัน เธอจะสร้างชีวิตของเธอได้ เสมือนคนที่รู้ว่าทิศแห่งความสุขความสำเร็จอยู่ที่ไหน และจงเดินไปอย่างมั่นคง ชีวิตของเธอจะเป็นชีวิตที่มีค่า เสมือนหนังสือที่เขียนบทสรุปท้ายไว้ด้วยความสุขและความสำเร็จ เธอเป็นผู้สร้างงานเขียนชนิดที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อ่านไม่รู้ลืม เลือนทีเดียว”

ศิษย์ “แหมอาจารย์พูดได้ดีจังเลย ถึงแม้ว่าสมัยนี้คนจะไม่เชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรมก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ผมคิดดีทำดี ก็มีความสุขใจอยู่เสมอๆ ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าถูกหรือผิด เพราะว่ารู้อยู่ในใจเราเอง ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ผลลัพท์ที่ดีตอบแทน แต่ผมว่า การทำความดีก็เป็นหน้าที่ของคนดีทุกคน ผมเชื่ออาจารย์และจะปฏิบัติตามคำสอนของอาจารย์ครับ”

อาจารย์ “นั่น ต้องอย่างนั้น อาจารย์มั่นใจว่า เธอต้องทำได้ เธอต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน เดี๋ยวอาจารย์ขอตัวก่อนนะ”
อาจารย์ยิ้มพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่

ศิษย์ “ ขอบพระคุณมากครับ อาจารย์”
ป๋องกล่าวสวัสดีพร้อมประนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อม

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: ชีวิต คล้าย หนังสือ ศิษย์ อาจารย์ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.308 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 21 กันยายน 2566 20:05:07