จิตเห็นจิตที่มีกิเลส
จิตเห็นจิตที่มีกิเลส ปกติแล้วในแต่ละวันจะต้องเกิดจิตที่มีกิเลส (จิตมีราคะ จิตมีโทสะ จิตมีโมหะ) อยู่ตลอดเวลา เช่น หากมีใครมาพูดอะไรไม่ถูกใจก็โกรธ (เกิดจิตมีโทสะ) หรือเมื่อตาไปมองเห็นรูปสวย ๆ เข้าของถูกใจเข้าก็พอใจ ติดใจ (เกิดจิตมีราคะ)
เมื่อเกิดจิตที่มีกิเลสขึ้นแล้ว หากเป็นคนทั่วไปที่ไม่ได้หัดดูจิตที่มีกิเลสมาก่อน จิตที่มีกิเลสก็มักจะต่อเนื่องกันไปนานทีเดียว ยิ่งเกิดนานก็ยิ่งทำให้มีโอกาสในการทำชั่วมากขึ้น ยิ่งเกิดนานก็ยิ่งทำให้จิตหม่นหมอง จนแทบจะหาเวลาที่จิตจะปราศจากกิเลสไม่ได้เลย
จิตที่ถูกกิเลสครอบงำหรือครอบครองอยู่บ่อย ๆ นี่เอง ที่ทำให้จิตไม่สามารถจะแจ่มแจ้งความจริงว่า อะไรเป็นทุกข์, อะไรเป็นเหตุให้เกิดทุกข์, อะไรเป็นการพ้นจากทุกข์, อะไรเป็นทางให้พ้นทุกข์ (ไม่แจ่มแจ้ง อริยสัจ)
เมื่อไม่แจ่มแจ้ง จิตก็จะยังเกิดดับอยู่อย่างเป็นทุกข์ต่อไป และหากจิตเกิดพลาดพลั้งไปทำชั่วตามอำนาจกิเลสที่ครอบงำอยู่ ต่อไปภายหน้าก็ต้องรับผลกรรมชั่วที่ทำไว้ ให้ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้น ผู้ที่มีโอกาสได้เจอะเจอพระพุทธศาสนา ก็ไม่ควรละเลยที่จะ "หัดดูจิตที่มีกิเลส" ไม่ใช่เอาแต่เกลียดหรือไม่ชอบจิตที่มีกิเลส แล้วก็เอาแต่พยายามหาทางป้องกันไม่ให้เกิดกิเลส เพราะการพยายามหาทางป้องกันไม่ให้กิเลสเกิดขึ้นนั้น ไม่มีใครเลยที่จะสามารถทำได้อย่างแท้จริง ผู้ที่จิตท่านได้พ้นไปจากการครอบงำของกิเลสได้อย่างแท้จริงนั้น ท่านพ้นไปได้ด้วยการหัดดูจิตที่มีกิเลสกันทั้งนั้น
การหัดดูจิตที่มีกิเลสนั้น ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร (เช่นเดียวกับที่หัดสังเกตุว่า หลงไป นั่นเอง คือ เมื่อใดเกิดจิตที่มีกิเลสให้รู้ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดจิตมีโทสะขึ้น ก็ไม่ต้องพยายามกดข่ม ไม่ต้องคิดหาเหตุผลกลบเกลื่อนให้โทสะดับไป แต่ให้หัดสังเกตุว่า จิตหลงไปรู้อยู่ในความโกรธ, หลงไปรู้อยู่ในความคิด, หลงไปรู้อยู่ในเรื่องราวที่ทำให้โกรธ หรือหัดสังเกตุแค่ว่า จิตมีโทสะ ก็ได้
แต่ต้องหัดสังเกตุเบา ๆ สบาย ๆ ไม่เอาชนะโทสะ ไม่เพ่งจ้องไปทีโทสะ ไม่จัดการอะไรกับโทสะ เปรียบเหมือนกันหัดสังเกตุไปแบบเป็นคนดูละครไม่ใช่นักแสดง ผู้กำกับ นักพากษ์ และนักวิจารณ์ การหัดสังเกตุไปอย่างเบา ๆ สบาย ๆ ไม่เอาชนะ ไม่เพ่งจ้อง ไม่จัดการ ก็คือ การหัดดูจิตเป็นอย่างไรนั่นเอง การหัดสังเกตุจิตที่มีโทสะแบบเบา ๆ สบาย ๆ ไม่เอาชนะ ไม่เพ่งจ้อง ไม่จัดการ นี้ ในเบื้องต้นก็เพื่อให้เกิดสติ หรือให้รู้สึกตัวขึ้นมา (ขณะที่จิตกำลังมีโทสะ ไม่มีสติ ไม่รู้สึกตัว)
การเกิดสติหรือรู้สึกตัวขึ้น ก็คือ เกิดจิตดวงใหม่ที่รู้สึกได้ว่า เมื่อกี้จิตมีโทสะ (จิตมีโทสะเพิ่งดับไปสด ๆ ร้อน ๆ) ดังนั้น จิตเห็นจิตในเบื้องต้นก็คือ ขณะที่เกิดรู้สึกตัว หรือเกิดขณะที่เกิดสติขึ้นนั่นเอง
หากหัดดูจิตที่มีเกิดเลสเแล้ว
แต่จิตที่มีกิเลสไม่ดับลง ก็ให้วางใจยอมรับสภาวะที่กำลังเป็นอยู่ว่า ยังไง ๆ จิตก็ต้องมีกิเลส (เพราะยังไม่ใช่พระอรหันต์) และไม่ต้องพยายามทำให้จิตที่มีกิเลสดับลงไป เพียงแค่รู้ว่าจิตมีกิเลสไปเท่านั้น (แค่ดูจิตที่มีกิเลสอยู่เท่านั้น) แล้วก็อย่าพยายามทำให้รู้สึกตัว หรือทำให้เกิดสติขึ้นมา เพราะความรู้สึกตัวที่แท้จริง
หรือสติที่แท้จริงนั้น ต้องเกิดขึ้นเองโดยปราศจากการจงใจทำให้เกิด หากเกิดเพราะการจงใจทำให้เกิด
จะเป็นความรู้สึกตัวปลอม ๆ เป็นสติปลอม ๆ เท่านั้น เมื่อเป็นสติปลอม ๆ ก็จะใช้ในการเจริญปัญญาต่อไปไม่ได้
คัดลอกจาก บันทึกดูจิตตอน จิตเห็นจิต (สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา)
ธรรมรักษา ท่านผู้เจริญในธรรมทุกท่าน อนุโมทนาค่ะ
.....................................................
กายอ่อนน้อม ใจระลึกถึงพระคุณ
เปิดตาให้รับแสงแห่งพระธรรม เปิดหูให้ได้ยินเสียงสำเนียงธรรม เปิดปากพูดจาสนทนาธรรม
ขอบพระคุณที่มาจาก
*http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=39884