[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 พฤษภาคม 2567 17:36:39 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : น้ำ-สำคัญที่สุด-แต่เราไม่รู้จักเลย  (อ่าน 1317 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5076


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 09 สิงหาคม 2553 21:48:24 »




 ที่จริงเรื่องที่มีเนื้อหาสาระคล้ายๆ กับเรื่องที่ผู้เขียนเขียนกับได้พูดมาแล้วตั้งหลายหน แต่นั่นก็แสนจะนานมาแล้ว ตอนนี้เอามาเขียนใหม่ เพราะมนุษย์เรา - อาจจะเนื่องจากเพราะก่อนนี้เราดูถูกดูหมิ่นธรรมชาติสิ่งแวดล้อมนานาประการ ทั้งยังคิดจะแข่งขันหรือพยายามเอาชนะมันโดยคิดว่ามนุษย์ยิ่งใหญ่ที่สุด ธรรมชาติหรือสิ่งใดที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ คือความแปลกประหลาดหรือกลัวไว้ก่อน จนกระทั่งเรารู้จักกับมันดีและรู้ว่าเราปลอดภัย ในทางตรงกันข้าม สิ่งใดก็ตามที่เราเห็นจนเจนตาหรือคุ้นเคยกับมันและคิดว่าปลอดภัย เรามักจะไม่แยแสสนใจ และน้ำธรรมดาๆ เป็นหนึ่งในธรรมชาตินั้นที่เรามักไม่แยแสสนใจ    เราจึงใช้มันอย่างไม่รู้จักบันยะบันยัง ทิ้งๆ ขว้างๆ มัน ปล่อยให้น้ำขังเละเทะสกปรกและเต็มไปด้วยมลพิษมลภาวะ ผู้เขียนคิดเองว่าแม้ผู้อ่านที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่เดี๋ยวนี้ และตั้งใจจะอ่านให้จบส่วนใหญ่มากๆ ไม่ได้ดูถูกนะครับ ก็ยังไม่รู้ว่าน้ำที่แสนจะธรรมดานั้น แท้ที่จริงมันมีความสำคัญอย่างคิดไม่ถึงอย่างไร? จนกระทั่งบัดนี้เดี๋ยวนี้แล้วเท่านั้น - เมื่อธรรมชาติทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง รวมทั้งน้ำที่คิดว่าธรรมด๊าธรรมดา ชนิดที่เราไม่เคยรู้จักมันเลยถูกข่มเหงย่ำยีถึงขีดสุดและค่อยๆ ขาดแคลน เพราะการใช้มันอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ แถมซ้ำร้ายเรายังออกลูกออกหลานมาเต็มบ้านเต็มเมือง เพราะเอาแต่ “ตามใจกู” -  เราถึงกับแก่งแย่งน้ำกันแทบฆ่ากันตาย มิหนำซ้ำในหน้าน้ำมันยังก่อภัยธรรมชาติที่หฤโหดสุดๆ ทำให้คนตายเป็นเบือที่โน่นและที่นี่ตลอดเวลา


น้ำนั้นในทางวิทยาศาสตร์หรือเคมี อาจกล่าวได้ว่าเป็นสารประกอบที่มีโมเลกุลประกอบด้วยก๊าซ 2  ชนิดที่หาง่ายที่สุด คือ ไฮโดรเจน (1 อะตอม) กับออกซิเจน (1 อะตอม) ก๊าซที่ไม่น่าจะเข้ากันได้ที่สุดเช่นกัน คือ ออกซิเจนนั้นไวไฟที่สุด ในขณะที่ไฮโดรเจนก็เหมือนน้ำมันหรือเป็นเชื้อเพลิงเราดีๆ นี่เอง นอกจากนี้โมเลกุลของน้ำก็เป็นโมเลกุลที่พิเศษสุดพิสดารที่สุด คือมีความจำเป็นเลิศที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า  ระบบน้ำ (water system หรือระบบน้ำที่พิเศษสุดพิเศษที่จะกล่าวถึงต่อไป) ส่วนในทางวิทยาศาสตร์ชีววิทยาบอกอย่างชัดเจนว่าน้ำสำคัญที่สุดกับชีวิต เราอาจจะเถียงว่าอากาศ หรือดิน หรือแสงแดดต่างก็มีความสำคัญเหมือนกัน อย่างน้อยก็พอๆ กับน้ำนั่นแหละ แต่เราอาจกล่าวได้ว่า ทั้งหมดนั้นมีความจำเป็นอย่างขาดไม่ได้สำหรับชีวิตทั้งนั้น แต่น้ำสำคัญกว่าเพื่อน เด็กหรือชีวิตในท้องแม่ไม่ต้องใช้อากาศสำหรับหายใจ หรือไม่มีผืนดิน ไม่มีแสงแดด ไม่มีอาหารอาจมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าขาดน้ำ - แม้แต่น้ำคร่ำ (amniotic fluid) - ก็จะตายในทันที ส่วนในทางวิทยาศาสตร์ด้านฟิสิกส์เราจะพบ 3 ความพิเศษ หรือจะถูกกว่าหากจะพูดว่าเป็นความอัศจรรย์ดุจปาฏิหาริย์ของน้ำที่เราคิดว่าเป็นธรรมด๊าธรรมดาที่ไม่เคยมีใครในประเทศไทยพูดมาก่อน หรือรู้ว่า “น้ำธรรมดาๆ” มีคุณสมบัติเป็นเช่นนั้น ยกเว้นบางส่วนของข้อห 1 และความน่าอัศจรรย์ใจดุจปาฏิหาริย์นี้น่าที่จะเอาไปให้กรรมการจัดการทรัพยากรน้ำพิจารณาดู ข้อที่ 1 ในด้านของฟิสิกส์นั้นถ้าเราขยายภาพของน้ำธรรมดาๆ 1 หยดออกไปได้ 1,000 ล้านเท่า ซึ่งเท่ากับ 10 ยกกำลัง 8  หรือ 1 ยกกำลัง 9 (1,000,000,000) หรือ 1 ตามด้วย 0 เก้าตัว ซึ่งเท่ากับขนาดของอะตอมพอดี (10 ยกกำลัง - 8 cm) ทั้งนี้ โดยมีอะตอมของก๊าซไฮไดรเจน (2 อะตอม) จับกับอะตอมของก๊าซออกซิเจน (1  อะตอม) โดยการจับกันอย่างแน่นหนาที่สุดนั้นจะต้องมีอะตอมของก๊าซออกซิเจนอยู่ตรงกลาง และก๊าซไฮโดรเจนที่อยู่ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งทำมุมกันประมาณ 110 องศา ข้อที่ 2 เรื่องของระบบน้ำที่พิเศษสุดแสนจะพิเศษ (water system) ซึ่งเป็นน้ำธรรมดาๆ แต่โมเลกุลที่จับกับออกซิเจนตรงกลางไม่ได้ธรรมดาแม้แต่น้อย เพราะมีแต่โมเลกุลของน้ำเท่านั้น - ระหว่างสารประกอบอะไรต่อมิอะไรที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักดีทั้งหลาย - ที่พิเศษสุดจะพิเศษอยู่อย่างเดียว ซึ่งมีอุณหภูมิของน้ำเย็นกว่าอุณหภูมิของธรรมชาติอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัว โดยน้ำ จะมีการเรียงตัวโมเลกุลของตัวเอง (crystalline array) เป็นรูปหกเหลี่ยม  (hexagonal) - โดยมีอะตอมของออกซิเจน (ที่อยู่ตรงกลางของโมเลกุลทั้ง 3 มิติ) เป็นหลัก - และการเรียงตัวของโมเลกุลของน้ำเป็นรูปหกเหลี่ยมสามมิตินี่เองที่ทำให้โมเลกุลของน้ำธรรมด๊าธรรมดามีความจำเป็นเลิศ คือโมเลกุลของน้ำจากการเรียงตัวของโมเลกุลเป็นผลึกหกเหลี่ยมนั้น ทำให้น้ำสามารถจดจำโมเลกุลของสารต่างๆ ที่ผ่านหรือละลายในน้ำนั้นพร้อมกับคุณสมบัติของสารละลายนั้นๆ โดยในโลกนี้มีแต่น้ำเท่านั้นที่เป็นสารประกอบที่พิเศษสุดเพียงอย่างเดียว ทั้งหมดนี้คือระบบน้ำ (water system) ที่กล่าวมาแล้วนั้น และข้อที่ 3 ความสำคัญของน้ำต่อชีวิตอีกอย่างหนึ่ง นอกจากน้ำจำเป็นเท่าๆ กับหรือยิ่งกว่าอาหารหรือแสงแดดหรืออากาศที่เรารู้ดีกันทุกคนแล้ว น้ำธรรมดาๆ เมื่อมันมีสภาพเป็นน้ำแข็ง หรือเปลี่ยนคุณสมบัติจากของเหลวเป็นของแข็งแล้ว นับว่าเป็นสารประกอบหรือสารผสมหรือธาตุทั้งหลายทั้งปวงแต่ชนิดเดียวหรือหนึ่งเดียวที่แข็งแล้วลอยน้ำได้ ความแปลกประหลาดมหัศจรรย์นี้อาจจะเป็นคุณสมบัติธรรมชาติของน้ำตามปกติธรรมดาของมันเองก็ได้ที่อาจเกี่ยวข้องกับลักษณะโมเลกุลที่ต้องจับกันเป็นหกเหลี่ยมสามมิติ (hexcal หรือ hexagonal ถ้าป็นเรขาคณิตที่มีสองมิติ) เมื่อเย็นจัดจะทำให้เกล็ดหิมะแม้จะมีหกเหลี่ยม แต่ทั้งหมดจะเป็นผลึกหกเหลี่ยมที่ไม่เหมือนกันเลย ซึ่งน้ำแข็งที่แข็งแต่ลอยน้ำได้นี้  เพราะมันเป็นสารประกอบเพียงอย่างเดียวในจักรวาลที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ คือเรารู้ดีว่าน้ำธรรมดาๆ นั้นเมื่อเย็นหรืออุณหภูมิลดลงไปนั้น โมเลกุลจะเรียงตัวกันเป็นรูปหกเหลี่ยมสามมิติ แต่เมื่อเย็นลงไปอีกเรื่อยๆ มันก็สร้างให้โมเลกุลกลายเป็นผลึกสามมิติจนอุณหภูมิต่ำลงถึง 96 องศาเซลเซียส ต่อจากนี้ไปถึงจุดเยือกแข็งของน้ำหรือ 100 องศาเซลเซียส 4 องศาสุดท้ายก่อนน้ำแข็งจะแข็งตัวเองกลายเป็นน้ำแข็ง  น้ำพลันพองตัวอย่างรวดเร็วจนขณะที่น้ำมันเปลี่ยนสภาวะจากของเหลวเป็นของแข็งที่อุณหภูมิ 100  องศาเซลเซียสนั้น น้ำแข็งมันจะพองตัวโดยมีปริมาตรมากกว่าน้ำธรรมดา  คือจะเบากว่าน้ำเล็กน้อย น้ำแข็งจึงลอยน้ำ ตรงนี้สำคัญ เพราะว่าถ้าหากน้ำแข็งมันหนักกว่าน้ำและจมน้ำ มหาสมุทรอาร์กติกและมหาสมุทรแอนตาร์กติกก้นน้ำก็จะเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ยิ่งฤดูหนาวยิ่งไปกันใหญ่ น้ำทะเลที่ยิ่งลึกยิ่งเย็นอยู่แล้ว  เมื่อก้นทะเลก้นมหาสมุทรเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ความเย็นจัดก็จะแผ่กระจายมากขึ้น ชีวิตหลากหลายในมหาสมุทรและในเขตหนาวไล่มาถึงเขตร้อนจึงอยู่ได้ยากยิ่งนักหรืออยู่ไม่ได้ด้วยซ้ำไป ทำไม? ธรรมชาติถึงได้เป็นแบบนี้ แบบที่คนขี้เกียจคิดหรือคนที่ไม่มีเหตุผลที่ตนเองรับไม่ได้กับสิ่งที่ตนมองไม่เห็น คือเชื่อมั่นว่าใช้คำว่าบังเอิญ บังเอิญ บังเอิญ ไม่ว่ามันจะมีคำว่าบังเอิญถึงเป็นหมื่นเป็นพันบังเอิญ ก็ยังเป็นวิทยาศาสตร์หรือน่าเชื่อกว่าฉันจะต้องยอมรับว่ามันมีสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น จิตหรือจิตวิญญาณว่ามี เป็นความจริงที่แท้จริงอย่างที่ทุกศาสนาและทุกๆ ลัทธิความเชื่อบอกกับเราก็ได้ ไม่ว่าอย่างไรสำหรับผู้เขียนแล้วขอคิดว่ามันไม่มีคำว่าบังเอิญเป็นหมื่นเป็นพันบังเอิญหรอก จริงๆ แล้วมันก็มีปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหมดที่อธิบายไม่ได้จริงอยู่เพียงแค่นั้นเช่นเดียวกัน สำหรับผู้เขียนแล้ว ผู้เขียนเห็นด้วยกับนักฟิสิกส์จำนวนมากที่มีความคิดเห็นกับมีข้อพิสูจน์บางส่วนว่า มันมีหลักการของธรรมชาติที่เรียกว่าหลักการมนุษย์จักรวาลวิทยา (Anthropic Cosmologic Principle) ที่ดูประหนึ่งว่าธรรมชาติของจักรวาลของเราเฉพาะจักรวาลแห่งนี้มีหรืออุบัติขึ้นสำหรับให้มีชีวิตและมีมนุษย์เป็นการเฉพาะ เมื่อถึงเวลา และที่กล่าวมานั้นจะได้เล่าต่อไปข้างล่างเมื่อพูดถึงวัฒนธรรมหรือลัทธิพระเวทและศาสนา


นั่นเป็นการกล่าวทางด้านวิทยาศาสตร์ของน้ำธรรมดาๆ ที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับชีวิตและมนุษย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร และเพราะมันดำรงอยู่มานานทำให้เราส่วนใหญ่มากๆ จึงมักลืมเลือนความสำคัญของน้ำไปเกือบทั้งหมด รู้แต่ว่ามันเป็นสิ่งของที่ไม่มีค่าหรือหาง่าย และคิดว่าธรรมชาติจะต้องจัดหามาให้เราตลอดเวลาเมื่อชีวิตใดๆ และมนุษย์ต้องการจะใช้มันเพื่อบริโภคอุปโภคเท่านั้น ยังจำได้ที่ครูเล่าถึงขอทานที่อินเดียให้ฟังตอนเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ ใหม่ๆ ว่า ขอทานคนหนึ่งได้เดินเข้ามาขอบริจาคที่หน้าประตูบ้านว่า “นายจ๋าขอให้ช่วยให้ทานแก่ข้าด้วยเถิด แม้เป็นเพียงอุทกที่ไร้ค่าก็ยังดี” นั่นคือ แม้แต่ขอทานยังรู้ว่าน้ำธรรมดาๆ นั้นไร้ค่าจริงๆ


ซึ่งก็ได้เล่ามาแล้วในคอลัมน์นี้หลายหน แต่นานมาแล้ว วัฒนธรรมก่อนพระเวท (pre-Vedic  culture) นั้น นักวิจัยค้นคว้าประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีวิทยาศาสตร์ส่วนมากเชื่อว่ามาจากชนเผ่าแอฟริกันตะวันออกที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับชนเผาดราวิเดียน ที่อยู่ตอนใต้ของประเทศอินเดียกับศรีลังกาในปัจจุบัน โดยเดินข้ามอ่าวอาหรับมาที่ยังเป็นผืนดินที่ตอนนั้นติดต่อระหว่างแอฟริกากับเอเชียตะวันตกเมื่อราว 12,000 ปีมาแล้ว สุดท้ายก็มาอยู่ที่ลุ่มน้ำสินธุ และสร้างอารยธรรมขึ้นที่นั่นเมื่อประมาณห้าหกพันปีก่อน (Indus civilization) วัฒนธรรมก่อนพระเวทนี้เป็นศาสนาที่มีพระเจ้าองค์เดียวคือพระอิศวรที่ประทับบนหลังวัวร่ายรำ ศิวลึงค์ ต้นพิพัล (papal tree) ที่พบที่แอฟริกา แต่ไม่มีที่ลุ่มน้ำสินธุ และที่สำคัญกับบทความนี้คือการนับถือน้ำว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่สัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพลังงานปฐมและพลังงาน “ปราณ” ที่เราทุกคนต้องมี (vital force) ภาพพระอิศวรกำลังร่ายรำหรือแผ่นดินเหนียวนี้คือสัญลักษณ์ของอารยธรรมสินธุ (pictograph) ที่มาพบที่คลองท่อม กระบี่ ที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งสันนิษฐานว่าอารยธรรมสินธุคงมีการค้าขายกับบ้านเรา อารยธรรมสินธุและวัฒนธรรมก่อนพระเวทที่มีพระเจ้าองค์เดียวนี้มีมาก่อนพวกอารยันจากเอเชียกลาง ซึ่งนับถือพระเจ้าหลายองค์ เช่น  พระอัคนี พระสุริยะ เป็นต้น เข้าใจว่าลัทธิพระเวทของอินเดียโบราณนั้นเป็นผลของการรวมกันของลัทธิก่อนพระเวท (pre-vedic culture) กับลัทธิพระเจ้าหลายองค์ของชาวอารยันที่มาจากเอเชียกลาง รวมทั้งตอนใต้ของรัสเซียในปัจจุบันที่มีหลักฐานว่าภาษาสลาวิคเกี่ยวข้องกับภาษาอินโด-ยูโรเปียน เช่น คำว่าสุญตา ที่แปลว่าเหมือนๆ กัน

อมิต โกสวา มีนักควอนตัมฟิสิกส์เชื้อสายอินเดียที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยโอเรกอน (Amit  Goswami : God Is Not Dead, 2008) ได้เขียนในเรื่องการหาตำแหน่งของน้ำใต้ดิน (dowsing) ว่าน้ำธรรมดาๆ นั้นมีความพิเศษสุดพิเศษ เพราะเป็นสารเดียวที่สัมพันธ์กับเหตุที่ก่อให้เกิดผลด้านล่าง  (dawnward causation) ที่ฟิสิกส์ใหม่ให้ความสนใจ (ปกติเหตุต้องก่อผลด้านบนหรือไปข้างหน้า (upward   causation) เป็นเส้นตรงตามลูกศรแห่งเวลา แต่นานๆ ทีก็มีเหตุที่ก่อผลย้อนไปข้างหลังที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ นอกจากนี้ พลังงานชีวิต (vital force) ยังมีในชีวิตในคนแต่ละคนและทุกๆ คน ที่คนอินเดียเรียกว่า “ปราณ” และคนจีนเรียกว่า “ชี่” และการมีความจงใจอย่างจดจ่อที่ดีงาม (intention) นั้นก็คือการทำให้พลังชีวิตของผู้นั้นๆ สามารถติดต่อกับพลังโดยรวมให้หาตำแหน่งของน้ำใต้ดินให้พบ (อย่าลืมว่าการทำสมาธินั้นต้องประกอบด้วยองค์ 3 เสมอ คือเราต้องมี intention, attention, และ repetition).



http://www.thaipost.net/sunday/080810/25883

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ความทรงจำนอกมิติ : รูป นาม วิญญาณกับจักรวาลวิทยา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2467 กระทู้ล่าสุด 21 กุมภาพันธ์ 2553 14:00:45
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : วิวัฒนาการสุดท้ายของสังคมมนุษย์
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2747 กระทู้ล่าสุด 08 มีนาคม 2553 08:52:02
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ประวัติศาสตร์คือบันทึกความสัมพันธ์ของดินกับฟ้า
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2057 กระทู้ล่าสุด 05 เมษายน 2553 08:47:42
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีรวมแรงทั้งหมดกับพุทธศาสนา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2000 กระทู้ล่าสุด 18 เมษายน 2553 17:16:25
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : มนุษย์กับโลกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2054 กระทู้ล่าสุด 03 พฤษภาคม 2553 08:42:23
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.371 วินาที กับ 34 คำสั่ง

Google visited last this page 08 เมษายน 2567 15:54:32