[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 08:56:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อภิญญา 6 จากอานาปานุสติ จะเกิดเมื่อ...  (อ่าน 14408 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 12.0 Firefox 12.0


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2555 23:58:28 »

อภิญญา 6 จากอานาปานุสติ จะเกิดเมื่อ...

1.ในชาติก่อนๆต้องได้ อภิญญา 5 มาก่อน
2.ในชาติที่จะเอาอภิญญา 6 ก่อนเป็นพระอรหันต์ ต้องได้ฌาณ 4 จากอานาปานุสติก่อน เพื่อให้อภิญญา 5 ที่เคยได้ในชาติที่แล้วกลับคืนมา (ที่จริงแล้วฌาณ 4 จากกรรมฐานกองไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องอานาปานุสติ)
3.เป็นพระอรหันต์ จะได้อาสวักขญาณ มาเป็นตัวที่ 6 เรียกว่าอภิญญา 6

---------------------------------------

ถ้าไม่เคยฝึกมาในชาติก่อนๆ แล้วอยากได้อภิญญา 6 ในชาตินี้ ต้องฝึกอภิญญา 5ใหม่หมดครับ
แล้วอภิญญา 5 จะไม่สามารถได้จากอานาปานุสติด้วย ต้องไปฝึกกรรมฐานกองอื่นๆ เช่น กสิณทั้ง 10 กอง เป็นต้น
เนื่องจากอภิญญาส่วนใหญ่จะฝึกได้ต้องมีพื้นกสิณ 10 แน่นก่อน
หลังจากได้อภิญญา 5 แล้ว ค่อยยกจิตขึ้นวิปัสนาญาณตัดกิเลสให้หมด เป็นพระอรหันต์ก็จะได้อภิญญา 6

อภิญญามี ๖ ได้แก่...
๑. อิทธิวิธิแสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
๒. ทิพพโสต หูทิพย์
๓. เจโตปริยญาณ ญาณที่ให้ทายใจคนอื่นได้
๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้
๕. ทิพพจักขุ ตาทิพย์
๖. อาสวักขยญาณ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป

อานาปานสติแบบที่พระพุทธเจ้าให้ฝึกจริงๆ สมัยนี้หาคนฝึกยากครับ
โดยมากจะเพ่งจิตจับลมเข้าออก กระทั่งลมละเอียดหรือเหมือนหายไป
(น้อยคนจะหายไปจริงๆแบบที่ถึงฌาน ๔)

อานาปานสติแบบพระพุทธเจ้านั้นมีทั้งสมถะและวิปัสสนาอยู่ในตัว
และพระองค์รับรองว่าอานิสงส์ของอานาปานสตินั้น
โลกียอภิญญาก็สามารถถึงได้ (อภิญญาชนิดที่ ๑ ถึง ๕)
โลกุตรอภิญญาก็สามารถหวังได้เช่นกัน (อภิญญาชนิดที่ ๖)

อภิญญาจะไม่เกิดระหว่างฝึกอานาปานสติ
เพราะฉะนั้นไม่มีช่วงไหน จังหวะใดของผู้เริ่มฝึกรู้ลม ที่จะให้ถึงอภิญญา
ต่อเมื่อฝึกรู้ลมจนจิตอยู่ในสภาพผู้รู้
เมื่อนั้นอาจได้อภิญญาขึ้นมาตามวาสนาบารมี
เพราะอภิญญานั้นแปลว่า "ความรู้อันยิ่ง"
หรือ "รู้จำเพาะเจาะจงยิ่งยวด"

เมื่อจิตอยู่กับลมหายใจได้เสมอๆทั้งวัน
จะมีความรู้ ความเห็นภายในขึ้นมา
แน่นอนอันดับแรกคือนิมิตสายลมหายใจอันก่อจากการเฝ้ารู้ผัสสะคือลมนั่นเอง
จากนั้น ถ้าหากจิตไม่น้อมมาพิจารณาไตรลักษณ์ของลมหายใจ
ไม่น้อมมาพิจารณาไตรลักษณ์ของสุขเวทนา ทุกขเวทนา
โดยมากมักเกิดสัมผัสที่ละเอียด เช่นกินข้าวอร่อยขึ้น ฟังคนพูดรู้เรื่องมากขึ้น
ตลอดจนกระทั่งทราบชัดว่าใครหายใจอ่อน ใครหายใจแรง
และในลมหายใจของแต่ละคนจะเป็นตัวบอก ว่าจิตของเขากำลังหยาบหรือละเอียด
เมื่อรู้มากๆเข้าก็กลายเป็นการเห็นทะลุทะลวงไปถึงความรู้สึกนึกคิดเป็นขณะๆของเขา
ฉะนั้นอานาปานสติจึงมีของแถมเป็นเจโตปริยญาณเป็นอันดับต้นๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ไม่จำเป็นต้องถึงฌาน เอาแค่ขณิกสมาธิแบบเข้มแข็ง
จิตมีความเป็นกลาง รู้ลมหายใจชัด ก็ได้กันแล้ว
แต่จะเป็นเจโตแบบตื้นๆ รู้เฉพาะคนที่มีจิตหยาบกว่าเท่านั้น

อันดับต่อมาที่มักได้กันไม่ยากคือทิพพจักขุ
สามารถเห็นอะไรที่ตาเปล่าไม่เห็น เช่นคลื่นพลังของมนุษย์ ราศีมนุษย์
ซึ่งเมื่อเห็นบ่อยๆก็จะพลอยทำให้เห็นวิญญาณต่างๆในชั้นหยาบ
หรือไม่ก็เป็นอดีตและอนาคตที่ใกล้ๆ และเป็นเรื่องใกล้ตัว

อภิญญาอื่นๆนั้น ถ้าไม่ถึงฌาน ๔ ก็หวังสำเร็จยาก
เพราะต้องใช้กำลังอย่างสูง ต้องใช้ความเพียรกันนานกว่าจะระลึกได้หรือทำได้
ส่วนมากที่ระลึกชาติได้จะเป็นของหลอกมากกว่าของจริง
ประเภทอยู่ๆมีนิมิตโผล่มาบอกว่าเป็นนั่นเป็นนี่ และมักจะเป็นคนสำคัญๆ
ของหลอกไม่ค่อยบอกว่าเราเป็นหมูหมากาไก่ จะเอาเฉพาะดีๆที่กิเลสชอบ

ส่วนอภิญญาชนิดที่ ๖ ซึ่งมีคุณค่าสูงสุดนั้น
ก่อนจะได้มา ก็ต้องผ่านขั้นหนึ่ง สอง สามเสียก่อน
ซึ่งสำหรับขั้นหนึ่งกับสองนั้น ไม่ต้องมีสมาธิเข้มแข็งขนาดใหญ่
เอาแค่ทรงจิตให้ตั้งมั่น เป็นสติรู้ปัจจุบันธรรมไปเรื่อยๆ
ว่าเกิดขึ้นแล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา ไม่ว่าสุข ทุกข์ เฉย ชอบ ชัง
นับว่าน่าเอาอานาปานสติมาใช้ทำมากกว่าอย่างอื่น เพราะ...
๑) ง่ายกว่าเมื่อขวนขวายอภิญญาชนิดอื่น ถ้ารู้เป็น
๒) ประสพความสำเร็จได้ใน ๗ วันเป็นอย่างเร็ว ๗ เดือนเป็นอย่างกลาง ๗ ปีเป็นอย่างช้า
ต่างจากอภิญญาชนิดอื่น ที่พยายามทั้งชาติก็อาจไม่สำเร็จ เพราะต้องอาศัยปัจจัยนานาชนิด
๓) เมื่อสำเร็จแล้ว จะเป็นอภิญญาชนิดเดียวที่ไม่กลับไม่เปลี่ยน ต่างจากชนิดอื่น
ที่ต้องเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเล่า วนเวียนไม่รู้จบ



จาก palungjit

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
คำค้น: อภิญญา สติ ภาวนา 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.323 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 29 กุมภาพันธ์ 2567 15:57:53