[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 23:52:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บุญญกริยาวัตถุ คือ ทาน ศีล ภาวนา  (อ่าน 2029 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2553 12:24:32 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>



ถ่ายภาพประกอบเนื้อหาโดยนู๋(บางครั้ง)เองแหละขอรับเจ้านาย



พระภิกษุ......ขอถามเรื่องของตัวเองที่สงสัยเรื่องของ สมถวิปัสสนา อาตมาฟังเทปของ

โยมอาจารย์เรื่องของ สมถวิปัสสนา{สมถะ} ที่ไม่ใช่ วิปัสสนาภาวนาในขั้นทาน ขั้นศีล ที่เกิด ความสงบ ๆ ในกุศลในขณะนั้นได้ไหม (เจริญพร)



อ.จ.สุจินต์->ถ้าไม่ใช่เรื่อง ทาน ศีล เพราะฉะนั้น สำหรับบุญญกริยาวัตถุ ๓ ประการโดยสรุป

ก็คือว่า ทาน ศีล ภาวนา สำหรับภาวนานั้นก็รวมทั้งการฟังธรรมการแสดงธธรรม

ความสงบของจิต และ การเจริญสติปัฏฐาน


พระภิกษุ..............ถ้าผู้ที่เข้าใจการเจริญสติปักฐานก็ต้องมีสมถะสลับกับการเจริญสติปัฏฐาน

แน่นอนเพราะว่าต้องฟังธรรมมากจึงจะเข้าใจสติปัฏฐานและสลับกันไปก็เป็นความ

สงบที่สลับกันไปได้


อ.จ.สุจินต์ ->แม้แต่ขณะที่{สติปัฏฐาน}เกิดขณะนั้นก็มีความสงบ(เจ้าค่ะ)ไม่ใช่มีแต่ปัญญา

ขั้น{สติปัฏฐาน}โดยไม่มีความสงบขณะใดที่ปัญญาเกิด ขณะนั้นก็สงบ(เจ้าค่ะ)

สำหรับที่พระคุณเจ้ากรุณาเล่าให้ฟังท่านผู้ฟังก็จะเห็นได้ว่าถ้าใครจะทำ

หรือจะปฏิบัติ คนนั้นจะตอบว่าปฏิบัติไม่ถูก ปฏิบัติไม่ได้ทำไม่ได้แน่นอนเช่นขณะที่

เดินบิณฑบาต ท่านที่เข้าใจว่าจะทำก็บอกว่าจะทำได้อย่างไรในขณะที่เดิน

บิณฑบาต นี่ก็แสดงให้เห็นความเข้าใจผิด คือใครก็ตามที่คิดว่าจะทำ ขณะนั้นไม่ใช่

การอบรมเจิญปัญญา เพราะว่าปัญญาไม่ใช่ทำสี่งหนึ่งสี่งใดให้ปัญญาเกิดแต่ว่า

ต้องอบรมไปทีละเล้กละน้อย จนถึงตอนสุดท้ายที่ท่านกล่าวว่าท่านไม่เอามาก ๆ ต่อ

ไปนี้เอาทีละนิด คือ ชั่วขณะที่สติระลึกลักษณะของสภาพธรรมขณะนั้น ก็เป็นหนทางที่

จะทำให้ปัญญาเรี่มพิจารณาลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และเมื่อกำลังใส่ใจ

พิจารณาโดยที่เคยได้ได้ยินได้ฟังว่า{สภาพรู้}มีจริงขณะที่กำลังมีสี่งที่กำลังปรากฏ

จะต้องมีสภาพธรรมที่เป็นสภาพรู้สี่งนั้นด้วยในขณะที่กำลังใส่ใจพิจรณาลักษณะที่เป็น

{สภาพรู้}ขณะนั้นปัญญาก็เรี่มจะเจริญขึ้นทีละเล็กละน้อย เอาทีละนิดไม่ใช่เอาทีละ

มาก ๆ เพราะว่าทีละมากเป็นไปไม่ได้

เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า ไม่ใช่เรื่องจะทำ แต่เป็นเรื่องการอบรมเจริญ แล้วก็

ขอให้พิจารณาดูชีวิตของทุกท่านในอดีตแสนโกฏิกัปล์ไม่ใช่ท่านจะไม่เคยเกิดมา

เลยเคยเกิดแล้วก็ตาย ๆ ๆ ๆ นับชาติไม่ถ้วนในแสนโกฏิกัปล์ และผลคือปัญญาในชาติ

นี้มีแค่ไหนนี่เป็นสี่งที่พิสูจน์การค่อย ๆ เจริญเติบโตของปัญญาเพราะว่าถ้าไม่เคย

ฟังพระธรรมในอดีตมาเลยไม่มีการที่จะสนใจฟังอีกเพราะเห็นว่าเป็นสี่งที่ยากเกินไป

และไม่สามารถจะรู้ได้เพียงในชาติเดียวเพราะฉะนั้น บางคนก็อาจจะท้อถอยด้วย

ความหวังในผลและถ้าเป็นผู้ที่ท้อถอยมากก็จะหันไปสู่การปฏิบัติอย่างอื่นเพราะว่า

ไม่ได้เป็นผู้ที่ตรงต่อเหตุผลจริง ๆ ว่าถ้าจะต้องประจักษ์การเกิด - ดับของสภาพธรรมใน

ขณะนี้ก็จะต้องเรี่มระลึกศึกษารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้นั่นเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ชาตินี้สติระลึกเท่าไรแล้วปัญญาพิจารณาเรี่มรู้ลักษณะของนามธรรม

และรูปธรรมบ้างเท่าไรนี่เป็นผลของการสะสมอบรมในแสนโกฏิกัปล์ซึ่งปัจจุบันชาติ

นี้เป็นการพิสูจน์การสะสมซึ่งได้ผ่านมาแล้วแสดงให้เห็นว่าน้อยแค่ไหนเพราะ

ฉะนั้นต้องไปอีกกี่กัปป์ คือถ้าไม่เทียบกับชาตินี้ก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าก่อน ๆ นั้นไม่ใช่ว่า

ไม่เคยอบรมไม่ใช่ไม่เคยฟังไม่ใช่{สติปัฏฐาน}ไม่เคยเกิดเคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว

แสนกัปป์ ย่อลงมาอีกก็ได้แต่ว่าปัจจุบัน ที่ได้อบรมมาแล้วทั้ง ๆ ที่อบรมมาแล้วแสนกัปป์

หรืออาจจะไม่ถึงก็ตามแต่ - >แต่ว่าหลายชาติขณะนี้มีความเข้าใจแค่ไหน

นี่คือผู้ที่ตรงจริง ๆ เพราะฉะนั้น..........พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา ฯ ทรง

ตรัสรู้และทรงแสดง ใม่ใช่สี่งซึ่งไม่มีพร้อมที่จะให้พิสูจน์แต่ไมใช่ง่ายและต้องเป็น

การอบรมความเข้าใจที่ถูกต้องจริง ๆ ไม่ใช่เป็นเรื่องทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้เพราะว่า

ไม่ใช่ให้ทำไม่ใช่ให้ปฏิบัติแต่อบรมความเข้าใจให้เพี่มขึ้นจนกระทั่งเป็นปัญญาแต่ละขั้น



บางส่วนของคำบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มูลนิธิเพื่อการศึกษาพระธรรม บ้านธรรมมะ บุคโล ธนบุรี


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 กรกฎาคม 2553 12:57:33 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น: คำศอน ธรรมมะ บางครั้ง สติ ระลึก แนว ทางเจริญวิปัสนา dhamma ข้อคิด เตือนใจ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.284 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 04 กันยายน 2566 09:15:46