[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 10:11:12 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  (อ่าน 6304 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5436


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 20 มีนาคม 2556 13:42:28 »

.




วัดพระพุทธบาทสี่รอย
อำเภอแม่ริม  จังหวัดเชียงใหม่

พระพุทธบาท  หมายถึง รูปพระพุทธบาทที่มีลายลักษณ์อันมีความหมายเป็นมงคล ๑๐๘ ประการ มีความหมายเช่นเดียวกับรอยพระพุทธบาท  ตามความเชื่อว่า พระพุทธองค์ทรงกดประทับเป็นรอยไว้...ศาสตราจารย์ ดร.สันติ  เล็กสุขุม

ในอีกนัยหนึ่ง..รอยพระพุทธบาท คือรอยเท้าของพระพุทธเจ้า ซึ่งเรียกกันตามความเห็นของคนทั่วไปนั่นเอง แต่ความจริงแล้วรอยพระพุทธบาทเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการเสด็จออกเผยแผ่พระพุทธศาสนา อันเป็นคติความเชื่อของชาวลังกาทวีปที่ว่า  เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ใดก็จะประทับรอยพระบาทไว้ที่นั่น

ตามคติความเชื่อที่ถูกกล่าวขานต่อกันมานั่นคือ เมื่อพระพุทธเจ้าครั้งประสูติ  และเสด็จพระดำเนินได้ ๗  ก้าว  หมายถึง พระพุทธเจ้าทรงเผยแผ่พระศาสนา ครั้งพุทธกาลได้ ๗ แคว้น และทุกย่างก้าวแห่งรอยพระพุทธบาทไว้ ๗ แห่ง  มีมูลเหตุเกิดขึ้นจากสองคติต่างกันคือ เป็นคติของชาวมัชฌิมประเทศหรือชาวอินเดียในครั้งโบราณอย่างหนึ่ง และเป็นคติของชาวลังกาทวีป คือ ชาวลังกาในปัจจุบันอย่างหนึ่ง

สำหรับคติของชาวมัชฌิมประเทศนั้น เดิมถือกันตั้งแต่ครั้งพุทธกาลและก่อนหน้านั้นว่า ไม่ควรสร้างรูปเทวดาหรือมนุษย์ขึ้นไว้บูชา  ดังนั้นเจดีย์ที่พุทธศาสนิกชนสร้างขึ้นเมื่อก่อน พ.ศ. ๕๐๐ จึงทำแต่สถูปหรือวัตถุต่าง ๆ เป็นเครื่องหมายสำหรับบูชาแทนองค์พระพุทธเจ้า  ซึ่งรอยพระพุทธบาทก็เป็นวัตถุอย่างหนึ่งที่นิยมทำกันในสมัยนั้น

ส่วนคติที่ถือกันในลังกาทวีปนั้นเกิดขึ้นภายหลัง  โดยอ้างว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงประทับรอยพระพุทธบาทไว้ให้เป็นที่สักการบูชา มีอยู่ ๕ แห่ง ด้วยกัน  ได้แก่ ที่เขาสุวรรณมาลิก เขาสุวรรณบรรพต เขาสุมนกูฏ ที่เมืองโยนกบุรี  

พระพุทธบาทเป็นบริโภคเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ประเภทหนึ่งในสี่ประเภทของพระพุทธเจดีย์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชาเช่นเดียวกับพระพุทธธาตุเจดีย์  


ในครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกประกาศธรรมและโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจันตประเทศ (ประเทศไทยปัจจุบัน) พร้อมกับพุทธสาวกจำนวน ๕๐๐ รูป จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศชื่อ เขาเวภารบรรพต พระองค์แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้
 
เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จ ขณะประทับอยู่ที่นั้นก็ได้ทราบด้วยญาณสมาบัติว่า บนเทือกเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้แล้ว ประทับอยู่บนก้อนหินใหญ่ ถึง ๓ พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ และพระพุทธเจ้ากัสสปะ  

พุทธสาวกทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นประธาน เมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่าพระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด

พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้ แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ที่ ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทอันมีในที่นี้  ทุกๆ พระองค์และแม้นว่าพระศรีอาริยเมตไตรยก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้  และจักประทับรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว (ประทับลบทั้งสี่รอยให้เหลือเพียงรอยเดียว )

เมื่อพระพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปประทับพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์   จึงกําเนิดเป็นพระพุทธบาท ๔ รอย

แล้วทรงมีพุทธทำนายว่า เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายจักนําเอาพระบรมธาตุของตถาคตมาบรรจุไว้ที่รอยพระบาทที่นี่ และหลังจากนั้น ๒,๐๐๐ ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงชนและเทวดาทั้งหลาย จักได้มากราบไหว้และบูชา





เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานไปแล้วเทวดาทั้งหลายก็นําเอาพระบรมธาตุของพระพุทธองค์มาบรรจุไว้ที่พระพุทธบาทสี่รอย
 
ล่วงได้ ๒,๐๐๐ วัสสาหลังพุทธปรินิพพาน เทวดาทั้งหลายจึงเนรมิตรุ้งตัวใหญ่ (เหยี่ยว) บินลงจากภูเขาเวภารบรรพตอันเป็นที่แห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้ บินโฉบเอาลูกไก่ของชาวบ้านที่อยู่ตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นสู่ยอดเขา  

ชาวบ้านจึงติดตามขึ้นไปคิดจะยิงเหยี่ยวใหญ่เสียให้ตาย ค้นหาดูแต่ก็ไม่เห็นเหยี่ยวตัวนั้น แต่เห็นรอยพระพุทธบาทสี่รอยประทับอยู่พื้นต้นไม้และเถาวัลย์ปกคลุม  

ชาวบ้านผู้นั้นก็ทําการสักการะบูชา แล้วก็ลงจากภูเขา เมื่อมาถึงหมู่บ้านก็บอกกล่าวแก่ชาวบ้านทั้งหลายฟังความอันนั้น ก็ปรากฏสืบๆ กันไป  คนทั้งหลายที่ทราบก็พากันไปสักการบูชา  

แต่นั้นมา จึงได้ชื่อว่า พระบาทรังรุ้ง (รังเหยี่ยว)



พระยาเม็งราย เสวยราชสมบัติ ณ เมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าว เกิดพระราชศรัทธา จึงเสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาทสี่รอยพร้อมด้วยราชเทวี เหล่าเสนา กับบริวารทั้งหลาย เสร็จแล้วก็นําพาบริวารกลับมาสู่เมืองเชียงใหม่  ตั้งอยู่เสวยราชสมบัติต่อไป  กษัตริย์พระองค์ต่อมาก็เสด็จขึ้นมากราบพระพุทธบาทสี่รอย ทุกๆ พระองค์

หลังจากนั้นมาพระบาทรังรุ้งหรือรังเหยี่ยวก็เปลี่ยนชื่อเป็น "พระพุทธบาทสี่รอย" เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอย  ประกอบด้วยรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงลับมาแล้วในภัทรกัลป์นี้  ได้แก่ รอยที่หนึ่ง รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันธะ มีความยาว ๑๒ ศอก  รอยที่สอง เป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ มีความยาว ๙ ศอก  รอยที่สาม เป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากัสสปะ มีความยาว ๗ ศอก  และรอยที่สี่ เป็นรอยพระพุทธบาทของพระโคตมพุทธเจ้า (พระองค์ปัจจุบัน) มีความยาว ๔ ศอก


ในสมัยพระยาธรรมช้างเผือก เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่  เสด็จพร้อมด้วยบริวาร ๕๐๐ คน ขึ้นไปกราบสักการบูชาพระพุทธบาทสี่รอย ได้สร้างแท่นยืนคล้ายๆ นั่งร้านรอบๆ ก้อนหินใหญ่ที่มีรอยพระพุทธบาทประทับอยู่ และสร้างวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้ชั่วคราว ซึ่งก่อนหน้านั้น  ผู้ที่จะขึ้นไปสักการบูชารอยพระพุทธบาท ต้องใช้บันไดพาดหรือปีนขึ้นไป ซึ่งก็คงจะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น
 
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพระพุทธบาทสี่รอย

พระพุทธบาทสี่รอยนี้ เป็นพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย


ชาวบ้านไล่ล่าเหยี่ยวที่โฉบลูกไก่ จนพบรอยพระพุทธบาท


พระยาเม็งราย พร้อมด้วยราชเทวี เหล่าเสนา กับบริวารทั้งหลาย
เสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาทสี่รอย


พระชายาเจ้าดารารัศมี เสด็จขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย
ได้มีพระราชศรัทธาก่อสร้างวิหารไว้หนึ่งหลัง  
ปัจจุบันได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วทั้งหลัง


ปี พ.ศ. ๒๔๗๒  ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย
ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย ได้รื้อพระวิหาร
ที่เจ้าพระยาธรรมช้างเผือกสร้างไว้ชั่วคราว
ได้สร้างพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทใหม่ และได้ฉาบปูนครอบ


พระเจ้าอินทร์สาน
หัตถ์ศิลป์ งานถักสานจากวัสดุไผ่และหวาย
พรสวรรค์และจินตนาการ ตลอดจนฝีมือที่ละเอียดประณีตบรรจง
ของพระภิกษุวัดพระพุทธบาทสี่รอย








 
สถาปัตยกรรมล้านนา
อันวิจิตรงดงามของวัดพระพุทธบาทสี่รอย






















Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ธันวาคม 2560 11:43:37 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5436


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2564 19:56:27 »



หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม





หลวงปู่ตื้อพูดถึงพระพุทธบาทสี่รอย


หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอริยเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อย่างยิ่งยวด ท่านเคยเล่าประสบการณ์ การเดินธุดงค์ไปกราบนมัสการ พระพุทธบาทสี่รอย ให้พระศิษย์ฟัง และท่านได้ยืนยันรับรอง รอยพระพุทธบาทดังกล่าวว่า “เป็นรอยพระพุทธบาทสี่รอยของพระพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์ ในมหาภัทรกัปนี้จริง และเป็นสัญลักษณ์แห่งมหาภัทรกัปที่สำคัญสูงสุดในจักรวาล” ทำให้พระศิษย์เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ใคร่อยากจะเดินธุดงค์ไปกราบนมัสการบ้าง

รอยพระพุทธบาทสี่รอยนี้ประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระพุทธบาทสี่รอย ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ สมัยก่อนนั้นสภาพเป็นป่าเป็นเขา ต้นไม้ปกคลุมหนาทึบ เส้นทางค่อนข้างห่างไกลและทุรกันดาร เป็นสถานที่วิเวกเงียบสงัด มีอากาศหนาวเย็นมาก

“พระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้ เป็นรอยพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย” ด้วยเหตุนี้ แม้พระเดชพระคุณพระญาณสิทธาจารย์ หรือ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร แห่งสำนักสงฆ์ ถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พระอริยเจ้าผู้ทรงคุณธรรมและฌานสมาบัติชั้นสูง เป็นพระศิษย์สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ ก็เคยธุดงค์ไปกราบพระพุทธบาทสี่รอย และนำมาเทศนาบอกเล่ารับรอง ภายหลังจากตรวจการทั้งปวงด้วยญาณวิถีแห่งพระอรหันตเถระเจ้าที่ไม่มีกิเลสอาสวะใดมากีดกันปิดกั้นให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์หลายครั้ง จนพระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้เป็นที่รู้จักมักคุ้นและแพร่หลายกันโดยทั่วไปในเวลาต่อมาว่า

“ในเขตเชียงใหม่นี้ ยังมีพระบาทสี่รอยอยู่ในเขตอำเภอแม่ริม แต่ว่าลึกเข้าไปในภูเขา หลวงปู่ผู้เทศน์ไปดูมาแล้ว ไปกราบไปไหว้ มันเป็นก้อนหินก้อนใหญ่ เป็นก้อนสี่เหลี่ยมขึ้นไปอยู่ข้างริมแม่น้ำ

พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ได้มาตรัสรู้ในโลก ท่านก็มาเหยียบรอยพระพุทธบาทไว้ในยอดหินก้อนนั้น ยาวขนาด ๑๒ ศอก ขนาดนั้น พระพุทธเจ้ากกุสันโธก็โปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลาย นำพระสาวก อุบาสก อุบาสิกาไปสู่นิพพาน

เมื่อหมดศาสนาพระพุทธเจ้ากกุสันโธแล้ว พระพุทธเจ้าโกนาคมโน ก็มาตรัสรู้รื้อขนสัตว์ไปอีก ก่อนนิพพานท่านก็มาเหยียบไว้ที่พระบาทแม่ริมนี้เป็นรอยที่สอง (ขนาด) ลดลงมา คือคนสมัยนั้นก็เรียกว่ามันกำลังทดลง ไม่ได้ใหญ่ขึ้น (ตัวเล็กลง)

เมื่อพระพุทธเจ้าโกนาคมโนนิพพานไปพร้อมด้วยสาวก แล้วศาสนธรรมคำสอนท่านหมดไป มาถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโปมาตรัสรู้ ท่านก็มาเหยียบไว้ ได้ ๓ รอยล่ะ

เมื่อศาสนาพระพุทธเจ้ากัสสโปหมดไปแล้ว มาถึงศาสนาพระพุทธเจ้าของเราในปัจจุบันนี้ ให้ชื่อว่า พระพุทธเจ้ําโคตมโคตร พระพุทธเจ้ําโคดมมาตรัสรู้ ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ก็มาเหยียบรอยพระบาทไว้ในก้อนหินก้อนเดียวกัน จึงให้ชื่อว่า “พระพุทธบาทสี่รอย”

คือในโลกนี้ แผ่นดินนี้ ยังเหลืออยู่อีกพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ที่เราทุกคนได้ยินได้ฟังกันมาจนชินหูแล้วก็มี ว่ายังมีพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาตรัสรู้เป็นองค์สุดท้าย เมื่อตรัสรู้แล้ว โปรดเวไนยสัตว์แล้ว ก็มาเหยียบไว้อีก เหยียบทีนี้น่ะดูเหมือนจะใหญ่ คือว่าเหยียบเต็มเลย ก็คล้ายๆ กันกับว่าเหยียบปิดเลย ละลายหินก้อนนั้น เพราะว่าเมื่อหมดศาสนาพระศรีอารย์แล้ว ก็ไม่มีศาสดาใดที่จะมาตรัสรู้อีก

เรียกว่า แผ่นดินที่เราเกิดนี้ นับว่าเป็นแผ่นดินที่ร่ำรวยที่สุด แผ่นดินนี้เรียกว่า “ภัทรกัป” มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ได้ ๕ พระองค์

พระพุทธเจ้าองค์ใดมาตรัสสอนก็ตาม ก็สอนให้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายบำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนา ละกิเลส ความโกรธ ความโลภ ความหลง อันเก่านี้แหละ เมื่อใครปฏิบัติภาวนา บารมีเต็มแล้วก็รู้แจ้งพระนิพพาน เมื่อรูปนามแตกดับแล้วไปสู่พระนิพพาน ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกอันแสนทุรกันดารนี้อีกต่อไป”


ขอขอบคุณเพจพระพุทธศาสนา (ที่มาข้อมูล/ภาพประกอบ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤศจิกายน 2564 19:59:21 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
แฟนบอลตะลึง เมสซี่น้อย ณ.แม่ริม
สุขใจ จิบกาแฟ
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ 4 3134 กระทู้ล่าสุด 17 กันยายน 2554 10:45:09
โดย หมีงงในพงหญ้า
วันรอฟ้าสางที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 3062 กระทู้ล่าสุด 07 มีนาคม 2557 11:53:21
โดย Kimleng
ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ - หลากพันธุ์ไม้สวยงามและสัมผัสวิถีสงบสุขของชนเผ่า
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 1 9228 กระทู้ล่าสุด 05 สิงหาคม 2557 15:09:30
โดย Kimleng
ชมอุโบสถเงินหลังแรกของโลก วัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 3 7396 กระทู้ล่าสุด 31 มีนาคม 2558 16:22:32
โดย Kimleng
อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า จ.เชียงใหม่
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 1739 กระทู้ล่าสุด 08 มิถุนายน 2559 11:38:05
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.391 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 13 เมษายน 2567 14:59:13