[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 20:27:21 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปราโมช"ธรรม"  (อ่าน 6483 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 15:28:25 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/PF1T2001-1.jpg
ปราโมช"ธรรม"



<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae3"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva3"><embed type="application/x-mplayer2" src="http://01.learndhamma.com/pramote/other/wma/521109.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://01.learndhamma.com/pramote/other/wma/521109.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://01.learndhamma.com/pramote/other/wma/521109.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc3"></td></tr></table>


คำว่า....................จิตผู้รู้.............................


คำว่า จิตผู้รู้ นั้น ประกอบด้วยธรรมะฝ่ายกุศลจำนวนมาก
แต่ตัวที่เป็นพระเอกนั้นก็คือ การมีสติ การมีสัมมาสมาธิ มีใจตั้งมั่น
คนทั่ว ๆ ไปนั้น ไม่มีใจที่ตั้งมั่น มีแต่ใจที่ไหล ๆไปทั้งวัน
หลงไปคิดเรื่องโน้น หลงไปคิดเรื่องนี้ ลืมตัวเองทั้งวัน
จิตใจไม่ตั้งมั่น ขาดสัมมาสมาธิ ถ้าจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ลืมตัว
เรียกว่ามี สัมมาสมาธิ จิตใจตั้งมั่น และมี สติ
หากใจเรามีสัมมาสมาธิมันก็ไม่ลืมตัวเอง อะไรเกิดขึ้นในกาย
สติก็ระลึกได้ อะไรเกิดขึ้นในจิตใจ สติก็ระลึกได้
ถ้ามีสติรู้สึกกาย รู้สึกใจ ท่านเรียก สติปัฏฐาน
ถ้าเจริญสติปัฏฐานอยู่ มรรคผลนิพพานก็อยู่ไม่ไกล
เมื่อไหร่ลืมกาย ลืมใจ ก็เรียกว่า หลงไป ลืมเนื้อลืมตัว
ถ้าไหลไปในอารมณ์กุศล มันก็มีสติเหมือนกันนะ
แต่เป็นสติออกนอก ถ้าจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว มีสติขึ้นมา
ร่างกายเคลื่อนไหวคอยรู้สึก จิตใจเคลื่อนไหวคอยรู้สึก
นี่จัดเป็น สติ อย่างดีเชียว................................................

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กุมภาพันธ์ 2553 17:31:37 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 15:30:14 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/PF1T2001-1.jpg
ปราโมช"ธรรม"



สติปัฏฐาน เป็น สติ - รู้ - รูป รู้ - นามของตัวเอง
พยายามมาเรียนอยู่ที่กาย ที่ใจตัวเอง
รู้ภายในกาย ภายในใจของตัวเอง
การที่ใจมันมาอยู่กับเนื้อกับตัวสำคัญที่สุดเลย
จิตใจของคนทั้งโลกนั้น ใจมันไหลไปทั้งหมดเลย
มันลืมตัวเองทั้งวัน ตอนหัดปฏิบัติภาวนา
จะรู้สึกว่า นาน ๆ กว่าจะรู้สึกตัวได้ครั้งหนึ่ง
นอกจากนั้น ก็หลงไปยาว ๆ บางคนหลงยาวมาก
คือ ตั้งแต่ตื่นจนหลับ พอหัดนาน ๆ เข้า
หลงไป 3 นาที รู้สึกได้ครั้งหนึ่ง
หลงไป 1 นาที รู้สึกได้ครั้งหนึ่ง
ต่อไป ใน 1 นาที ก็จะรู้สึกได้เนือง ๆ
เพราะฉะนั้น ให้คอยรู้สึกตัวบ่อย ๆไว้ อย่าลืมตัวเอง
เวลาที่ จิต จะลืมตัวเองแล้ว จิตมันจะหลงไปหาอารมณ์ภายนอก
หลงไปทางตา อย่างเราเห็นสาวสวยเดินมา ใจเราไหลไปอยู่ที่เขา
เพราะเราลืมตัวเอง หรือเราเป็นสาว เห็นหนุ่มหล่อ ๆ เดินมา
ใจไหลไปอยู่ที่หนุ่ม ก็เพราะลืมตัวเอง มันเห็นแต่คนอื่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กุมภาพันธ์ 2553 17:15:31 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 15:32:42 »

ขั้นแรก พยายามฝึกรู้สึกตัวเข้าไว้ อย่าใจลอย
ใจลอยไปแล้ว รู้ทัน ฝึกอย่างนี้บ่อยๆ พยายามอยู่กับเนื้อกับตัวไว้
อย่าลืมตัวเอง รู้สึกตัวให้เป็น จิตใจตั้งมั่น อยู่กับเนื้อกับตัว
เรียกว่า มีสมาธิ พอเรารู้สึกตัวได้แล้ว ต่อไปเรามาหัดเดินปัญญา
ถัดจากมีสมาธิแล้ว ไม่ใช่รู้ตัวอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร
เพราะรู้ตัวอยู่เฉย ๆแล้ว มีความสุข แต่มันไม่มีปัญญาอะไรเกิดขึ้นนะ
ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาของปัญญา พุทธะแปลว่า รู้ ตื่น เบิกบาน
ฉะนั้น..................ถ้าใครมาถามว่า อะไรคือตัวศาสนาพุทธแท้จริง
ก็ต้องตอบให้ถูกว่า คือ ตัวสัมมาทิฐิ คือตัวรู้ถูก ตัวเข้าใจถูก
ตัวรู้ถูก เข้าใจถูกนี้ก็คือ ตัวปัญญา
มีปัญญาเข้าใจความเป็นจริงของ อริยสัจ 4
หากเข้าใจความเป็นจริงของอริยสัจแล้ว ก็ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้
เข้าใจตัวรองลงมา ไม่ถึงแจ้งอริยสัจเต็มร้อย คือ
การเข้าใจตัวรูปธรรม นามธรรม ที่ประกอบกันเป็น ตัวเรา
เข้าใจว่า สิ่งที่เรียกว่าตัวเรานั้น ที่จริงแล้ว เป็นการรวมกัน
ของสิ่งที่เรียกว่ารูปธรรม นามธรรม หลายๆอย่างมารวมกันขึ้นมา
เรียกว่า ตัวเรา ขึ้นมา ฉะนั้น ถ้าเราจะมีปัญญา
ก็ต้องเห็นความจริง ความจริงของสิ่งที่รวมกันเป็น ตัวเรา ขึ้นมา
ให้เห็นความจริงว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ ตัวเรา เป็นเพียงวัตถุก้อนธาตุ
มารวมกันชั่วครั้งชั่วคราว แล้วไม่นานธาตุนี้ก็แตกสลายไป
ในความเป็นจริงแล้ว ธาตุนี้ไม่ได้คงที่ มีการเคลื่อนไหว
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา.................................
บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 15:35:25 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/PF1T2001-1.jpg
ปราโมช"ธรรม"



ธาตุดิน คือ ส่วนซึ่งแข็ง - อ่อน
ส่วนที่ซึมซ่านไป เรียกว่า ธาตุน้ำ
ส่วนที่เคลื่อนไหวไป เรียกว่า ธาตุลม
ส่วนที่เย็นที่ร้อน เรียกว่า ธาตุไฟ
การที่เรามาดูความเปลี่ยนแปลงของ นามธรรม นั้น
มันไม่มีอะไรที่ซับซ้อน เนื่องจาก นามธรรม ทั้งหลาย
เป็นสิ่งที่เรารู้จักกันง่ายๆอยู่แล้ว ตัวอย่าง เช่น ความสุข
ทุกคนรู้จักความสุขว่ามันเป็นอย่างนี้ ๆ มันรู้สึกแบบนี้ ๆ
แต่สิ่งที่ผิดคือ เวลาความสุขเกิดขึ้น มันรู้สึกขึ้นมาว่า เราสุข
คือ มันมีเราขึ้นมา เวลาความทุกข์เกิดขึ้น เราก็รู้สึกว่าเราทุกข์
เวลาความโกรธเกิดขึ้น ก็รู้สึกว่าเราโกรธ
มันมี เราแทรกเข้าไป ถ้าหัดดูนามธรรมเป็นก็จะรู้ว่า
มันไม่มีตัวเราตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเราแยกความสุขออกมา
เป็นตัวเดียวแล้ว มันจะไม่รู้สึกว่า ความสุขเป็นตัวเรา
แต่ถ้าจิตกับความสุขมันไหลไปอยู่ด้วยกัน ใจมันคิดปรุงไปเรื่อย
มันก็จะรู้สึกว่าเราสุขฉะนั้น.................เราสุข....................เกิดขึ้นมา
ก็เพราะใจมันหลงคิดไปนั่นเอง พอเรารู้สึกตัวขึ้นมาได้
เราจะหลุดออกจากโลกของความคิด พอเราหลุดออกจาก
โลกของความคิดได้ เราจะเห็น สภาวะ เห็นขันธ์
แต่ละขันธ์มันทำงานไป เห็นสภาวะแต่ละ สภาวะมันทำงานไป
แต่ละอย่าง ๆ รูปก็ส่วนรูป ไม่ใช่เรา ธาตุดิน ก็ไม่ใช่เรา
ธาตุน้ำก็ไม่ใช่เรา ธาตุดิน ธาตุลม ก็ไม่ใช่เรา...........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กุมภาพันธ์ 2553 17:19:35 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 15:39:03 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/PF1T2001-1.jpg
ปราโมช"ธรรม"



นามธรรมแต่ละอัน ๆ ก็จะไม่เป็นเราขึ้นมา ถ้าไม่ไปหลงอยู่
หลงไปในความคิด อย่างเรานั่งสมาธิเราเกิดความรู้สึกปวดขาขึ้นมา
หากจิตใจเราตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ดู ขึ้นมาเราจะเห็นว่า..............
ร่างกายมันนั่งมาตั้งนานแล้ว ความปวด นั้นเป็นสิ่งแปลกปลอม
เข้ามาทีหลัง ความปวดนั้นมันแทรกเข้ามาในร่างกาย
เพราะฉะนั้น ความปวด กับ ร่างกาย นั้น มันเป็นคนละสิ่งกัน
อย่างเรานั่งสมาธิอยู่ เราเห็นร่างกายมันนั่ง ใจมันเป็นคนดู
ทีแรกก็ฝึกอย่างนี้ก่อน
ร่างกาย มันนั่ง............................ใจเป็นคนดู
ร่างกาย มันยืน............................ใจเป็นคนดู
ร่างกาย มันนอน..........................ใจเป็นคนดู
ร่างกาย มันเดิน...........................ใจเป็นคนดู
เห็นร่างกายนี้เคลื่อนไหว เหมือนเห็นคนอื่นเคลื่อนไหว
จะมีความรู้สึก เหมือนเห็นหุ่นยนต์ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
มันขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวอยู่
ใจเราเพียงแค่เข้ามาอาศัยอยู่ในกายนี้
แล้วก็คอยรู้ทันมันด้วยจิต มันอาศัยอยู่ในกาย
ค่อย ๆ ฝึกไป นั่งไป เดินไป แล้วก็ค่อยๆสังเกต
ร่างกายก็อยู่ส่วนหนึ่ง จิตใจที่เป็นผู้รู้ ก็อยู่ส่วนหนึ่ง
พอนั่งไปนาน ๆ พอเดินไปนาน ๆ ก็มีความปวดความเมื่อยขึ้นมา
ก็ดูต่อไปอีก ทีแรกนั้น นั่งอยู่ เดินอยู่ เห็นร่างกายกับจิต
มันคนละอย่างกัน ยังไม่มีความเมื่อยเกิดขึ้น
แต่พอความเมื่อยมันเกิดขึ้นมา
ความเมื่อยนั้นมันแทรกเข้ามาในกาย
เราจะเห็นทันทีว่าความปวดความเมื่อยกับร่างกายนั้น
มันคนละส่วนกัน และเป็นเพียงสิ่งที่จิตมันเข้าไปรู้ด้วย....................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กุมภาพันธ์ 2553 17:20:53 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 15:40:34 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/PF1T2001-1.jpg
ปราโมช"ธรรม"



ฉะนั้น...................จะเห็นว่า ร่างกาย ก็อยู่ส่วนหนึ่ง
ความปวด ความเมื่อย ก็อยู่ส่วนหนึ่ง
จิตที่ไปรู้ ความปวด ความเมื่อย ก็อยู่คนละส่วนกัน
ถ้าจิตเราตั้งมั่น ขันธ์มันจะค่อยๆแยกออกมาให้ดู
เมื่อเกิดความปวดเมื่อยมากๆแล้ว สิ่งใดจะกระสับกระส่ายบ้าง ?
จิตกระสับกระส่าย เมื่อจิตมันกระสับกระส่าย เราก็ค่อยๆสังเกต
ค่อย ๆ ดูว่า ตอนนั่งใหม่ ๆ จิตมันไม่กระสับกระส่ายและขณะนี้
ใจมันกระสับกระส่าย ความกระสับกระส่ายนี้เรียกว่า สังขารขันธ์
มันจะค่อย ๆ แยกออกไป จะเห็นว่ากายก็ส่วนกาย
เวทนาก็ส่วนเวทนา คือความสุข - ทุกข์ทั้งหลาย ก็อยู่ส่วนหนึ่ง
ความปรุงดี ปรุงชั่วทั้งหลาย ก็ส่วนหนึ่ง
จิตที่เป็นธรรมชาติรู้ ก็เป็นธรรมชาติรู้ ทำหน้าที่รู้ไป
แต่หากขาดสติเมื่อไหร่ จิตจะไม่ได้ทำหน้าที่เดียวแล้ว
คือจะทำหน้าที่ฟุ้งซ่าน ทำหน้าที่คิดขึ้นมา
มันจะเริ่มมีตัวเราขึ้นมา เราทุกข์ เราสุข เราโลภ เราโกรธ เราหลง
ในความป็นจริงแล้ว ตัวเราไม่มีหรอก ความเป็นตัวเรานั้น
มันเป็นเพียงความคิด พอหลุดออกจากโลกของความคิดได้เมื่อไหร่
เราก็จะเห็นแต่สภาวะธรรม เห็นแต่ขันธ์ เห็นแต่รูปธรรม
เห็นแต่นามธรรม ซึ่งมันไม่มีตัวเรามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว.........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กุมภาพันธ์ 2553 17:22:19 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 15:43:02 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/PF1T2001-1.jpg
ปราโมช"ธรรม"



การที่เราสามารถแยกสิ่งที่เรียกว่าเป็นตัวเรา
ออกเป็นส่วนเล็กส่วนน้อย ค่อยๆแยกออกมา ก็จะเห็นความเป็นจริง
ความ ไม่มีตัวเรา เป็นวิธีล้างความเห็นผิดว่ามีตัวเรา
วิธีนี้เรียกว่า วิภัชวิธี คล้าย ๆกับ การที่มีรถยนต์ 1 คัน
จับรถยนต์นั้นมาแยกออกจากกันเป็นชิ้นๆ อันนี้ลูกล้อ
อันนี้ฝาครอบล้อ อันนี้ตัวถังรถ จะเห็นได้ว่า
ฝาครอบล้อก็ไม่ใช่รถยนต์ ตัวถังรถ ก็ไม่ใช่รถยนต์
เมื่อถอดออกมาเป็นชิ้นๆนั้น ก็จะได้เพียงจำนวนเศษเหล็ก
ไม่เห็นเป็นรถยนต์ สิ่งที่เรียกว่า รถยนต์ นั้น เกิดจากภาพลวงตา
ที่ประกอบด้วยสิ่งปรุงแต่งเป็นจำนวนมาก
ทำนองเดียวกัน เรามาเรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า ตัวเรา
แยกมันออกมาเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย รูปส่วนรูป เวทนาส่วนเวทนา
ค่อยๆแยกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วเราก็จะพบว่า
แต่ละชิ้นนั้นก็ไม่ใช่ตัวเรา แต่ถ้าแต่ละชิ้นมาประกอบมารวมกัน
มีสัญญาเข้าไปหมาย เข้าไปรู้เอาว่า นี่แหละตัวเรา
มันก็เกิดเป็น ตัวเรา ขึ้นมา......................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กุมภาพันธ์ 2553 17:23:00 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 15:47:08 »

http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/nirux/PF1T2001-1.jpg
ปราโมช"ธรรม"



วิธีที่จะเดินวิปัสสนาก็คือ การถอดสิ่งที่เรียกว่า ตัวเรา ขึ้นมา
เป็นส่วนๆเป็นกองๆแยกไป ๆ จะเห็นว่าไม่มีเรา...................ตัวเราไม่มี
เมื่อไม่มี ตัวเรา.........แล้วใครจะทุกข์ ?
ความทุกข์นั้นมันอยู่ที่ขันธ์ ความทุกข์ทางกาย มันก็อยู่กับกาย
ความทุกข์ทางใจนั้น มันก็อยู่ที่ใจมันปรุงขึ้นมา จนกระทั่ง
ใจ มันไม่ใช่ เรา กายมันทุกข์ ใจมันทุกข์ แต่มันไม่มีเราทุกข์
ฝึกไป ฝึกไป จนกระทั่ง ใจเรา มันไม่มีอะไรมาย้อมมันได้
ต่อไปจะมีแต่ ความทุกข์ทางกาย ไม่เหลือความทุกข์ที่ใจ
ปัญหามีอยู่ตลอดเวลา แต่ความทุกข์ทางใจนั้นไม่มี
ค่อยๆฝึกต่อไปเราจะเข้ามาถึงตรงนี้ได้
มันจะค่อย ๆถอดถอนความทุกข์ที่ใจนี้ได้



ประโยคทิ้งท้าย


สู้ไหว หรือ สู้ไม่ไหว ก็ต้อง สู้ มันเหมือนไฟไหม้บ้านนะ
ไฟกำลังไหม้ วิ่งไม่ไหว ก็ต้องคลาน การภาวนาก็เหมือนกัน
ไหวไม่ไหว ก็ต้องสู้ ก็ต้องทำ ตอนนี้ยังลุกขึ้นวิ่งยังไม่ว่องไว
อย่างคนอื่นเขา กระเสือกกระสนไป เลื้อยคลานไป ก็ต้องเอา…................
ต้องสู้ตายนะ ต้องตั้งใจไว้เลยว่า วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวานให้ได้
สติปัญญาต้องพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องถึงขนาดต้องหวังว่า
จะต้องได้มรรคผลนิพพานวันนั้นวันนี้ เจริญสติ เจริญสมาธิ
เจริญปัญญา ทำเหตุให้สมควร แล้วผลมันจะตามมาเอง...........................



ขออนุโมทนากับผู้ถอดเทป.......................อุบาสิกา...................ณชเล...............ณ.โอกาสนี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กุมภาพันธ์ 2553 17:33:04 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 20.0.1132.57 Chrome 20.0.1132.57


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2555 18:20:39 »




บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 20.0.1132.57 Chrome 20.0.1132.57


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2555 22:08:44 »

สาธุ ๆ

 หัวเราะลั่น

กลับมาแล้งครับ หลังจากหายไปหลายวัน ฮ่า ๆ ๆ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
"ในหลวง" ทรงขอบใจยื่นจดสิทธิบัตร"ยีนความหอมข้าวไทย"
สุขใจ ห้องสมุด
ไอย 0 2726 กระทู้ล่าสุด 30 ธันวาคม 2552 12:07:44
โดย ไอย
คำเตือน !! "เซ็กส์เสื่อม" ของแถม จาก "ออฟฟิศซินโดรม" (มนุษย์บ้างานระวังให้ดี)
สุขใจ อนามัย
หมีงงในพงหญ้า 1 3754 กระทู้ล่าสุด 13 เมษายน 2553 07:47:53
โดย PETER
หนังสั้น "ราตรีสวัสดิ์" เรียกน้ำตาอีกแล้ว (Shortfile - "GoodNight")
หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
Sweet Jasmine 0 2739 กระทู้ล่าสุด 29 เมษายน 2553 14:49:08
โดย Sweet Jasmine
ธรรม ๔ อย่างเป็นไฉน "ปุจฉาวิสัชนา มังสาวิรัต" :หลวงปู่เทสก์
ธรรมะจากพระอาจารย์
เงาฝัน 0 2073 กระทู้ล่าสุด 25 กรกฎาคม 2555 16:16:39
โดย เงาฝัน
"กาย เวทนา จิต ธรรม” ที่จิตเรามาเกี่ยวข้องด้วย
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 979 กระทู้ล่าสุด 07 ตุลาคม 2563 15:07:07
โดย Maintenence
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.243 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 02 ตุลาคม 2566 16:06:41