[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
17 เมษายน 2567 04:53:32 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อนัตตา  (อ่าน 5636 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 14 สิงหาคม 2553 12:35:06 »



<a href="http://www.youtube.com/v/zN8Csj_l66c?fs=1&amp;amp;hl=en_US" target="_blank">http://www.youtube.com/v/zN8Csj_l66c?fs=1&amp;amp;hl=en_US</a>


อนัตตาเป็นเป็นการค้นพบที่สำคัญมากของพระพุทธองค์
ในเวลานั้นผู้คนฝั่งซีกโลกตะวันตกและอินเดียยังเชื่อกันว่าโลกแบน
และมีอัตตาตัวตนที่เที่ยงแท้แบ่งแยกต่อไปไม่ได้อีกแล้วคืออาตมัน
หรืออัตตาในสัตว์ส่วนในวัตถุเรียกว่าอะตอม
หลังการตรัสรู้พระพุทธองค์ได้ประกาศว่าโลกกลม
และเรื่องของอัตตาเป็นเรื่องไม่จริง
พอพระพุทธองค์ประกาศว่าขันธ์ทั้งห้าเป็นอนัตตาเท่านั้น
พวกพราหมเขาก็ถึงกับสดุ้งโยงเดือดร้อนกันไปหมด
เรื่องของขันธ์ห้านี้พราหมเขารู้จักกันมานานแล้ว
แต่ที่เขาหวั่นไหวกันก็ตรงเรื่องของวิญญาณขันธ์
ที่ทรงกล่าวว่าไม่เป็นอมตะเท่านั้น
ส่วนขันธ์ทั้งสี่เขาไม่ติดใจว่ามันไม่อมตะก็ไม่เป็นไร
เพราะเขาก็ว่าขันธ์ทั้งสี่มันไม่อมตะมีการเกิดดับ
ตามการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติอยู่แล้ว
เพราะถ้าอาตมันอัตตาของเขายังไม่เที่ยงแท้
ก็แน่นอนพระเป็นเจ้าของเขาที่เป็นปรมาตมันก็ต้อง
ตกอยู่ในสถานะเดียวกันคือไม่ใช่สิ่งที่เที่ยงแท้เหมือนกัน
ก็เป็นอันว่าความเชื่อว่าพระเจ้าเป็นปฐมไม่มีสิ่งใดมาก่อนพระเจ้า
ก็ต้องสั่นคลอนไปด้วย
ปฐมเหตุหรือจุดเริ่มต้นเป็นสิ่งที่สำคัญในศาสนาที่มีพระเจ้า
ถ้าพระเป็นเจ้าไม่ใช่สิ่ที่เที่ยงแท้คงที่แล้วจุดตั้งต้นก็จะไม่มี
และวันสิ้นสุดก็จะไม่มีตามมาด้วย
ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปแบบวัฏฏะจักรไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 สิงหาคม 2553 12:50:33 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2553 12:36:03 »




ความคิดแบบมีตัวตนนอกจากจะมีวันสร้างโลกและมีวันสิ้นสุดโลกได้แล้ว
ก็ยังมีการแบ่งแยกนรกกับสวรรค์นิรันดร์อย่างชัดเจนอยู่คนซีกโลก
ส่วนในพุทธศาสนาบอกว่าสวรรค์กับนรก
ที่แยกกันอยู่นั้นเป็นผลมาจากงานสร้างของอวิชชา
ในส่วนพระนิพพานไม่ได้มีที่อยู่แยกต่างหากไปจากวัฏฏะสงสาร
หรือจะกล่าวว่านิพพานก็อยู่ในวัฏฏะสงสารนี้แหล่ะ
แต่สำหรับพวกที่เขาคิดว่านิพพานเป็นอัตตามีตัวตนที่เที่ยงแท้
เขาก็จะต้องจัดสรรให้พระนิพพานมีที่อยู่โดยเฉพาะแบบสวรรค์ในวัฏฏะ
สิ่งใดก็ตามที่มีอัตตาที่เที่ยงแท้มันย่อมต้องกินพื้นที่
เอาอะไรไปผสมไปทับกับมันก็ไม่ได้
มันจึงต้องมีพื้นที่ของตนเองโดยเฉพาะ
ผิดกับลักษฌะของอนัตตาที่ความมีของมันไม่ต้องการพื้นที่เฉพาะ
ดังนั้นทั้งพระนิพพานกับวัฎฎะสงสารซึ่งเป็นอนัตตาด้วยกันทั้งคู่
จึงอยู่ด้วยกันได้เพราะมันไม่มีตัวตนที่แท้จริงนั่นเอง
มาถึงตอนนี้ยังมีใครยังแอบจิตคิดว่าอนัตตาเป็นความว่างเปล่า
ก็สามารถพิสูจน์ด้วยตนเองแบบง่ายๆโดยการหยิกตนเองดู
ว่าเจ็บหรือเปล่าเพราะรูปขันธ์นี้มันก็เป็นอนัตตาเหมือนกันนิ
อนัตตาไม่ได้แปลว่าไม่มีตัวตนแล้วอนัตตาหมายถึงอะไรเล่า??
ลองมาดูความหมายกันในคำสอนในอนัตลักขณสูตร
คนไทยจำนวนไม่น้อยอ่านพระสูตรนี้แล้วบอกว่าสิ่งใดเป็นอนัตตา
สิ่งนั้นย่อมเป็นทุกข์พระสูตรนี้ท่านเทศให้พระสาวก
ที่มาจากพวกพราหมฟังพอหลังพุทธกาล
พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ชาวกรีกเข้ายึดอินเดียตอนเหนือได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 สิงหาคม 2553 12:44:26 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2553 12:38:08 »




ทรงถามพระนาคเสนเรื่องอนัตตาแต่พระคุณเจ้านาคเสน
ไม่ยกพระสูตรอนัตลักขณสูตรขึ้นมาอธิบายแต่กับยกเรื่องความเป็นรถมาอธิบายให้ฟัง
ว่าตรงไหนของรถที่สามารถเรียกเป็นรถได้ ตรงล้อรึ ตรงเพลารึ พระราชาก็ตอบว่าไม่ใช่ เพราะความเป็นรถหมายถึงทั้งหมด
จะมาชี้ว่าล้อหรือเพลาเป็นรถมิได้  
รถย่อมหมายถึงคุณสมบัติที่สามารถเคลื่อนที่ไปด้วยล้อได้
ในทำนองเดียวกันถ้าถามว่าความเป็นปุถุชนของเราอยู่ตรงไหนในขันธ์ห้า
ก็ต้องตอบว่าความเป็นปุถุชนของเราก็คือขันธ์ทั้งห้า
จะมาชี้ว่ารูปขันธ์นี้เป็นตัวเราแบบชาวอียิปเชื่อกันว่า
มีตัวตนที่แท้จริงในรูปขันธ์นี้ต้องเอารูปขันธ์นี้ไปทำมัมมี่
รอวันที่โลกมีเทคโนโลยี่ที่เจริญพอมากระตุ้นร่างนี้
ให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งหรือพวกที่เชื่อในวันโลกาวินาศที่เชื่อว่า
เมื่อวันนั้นมาถึงพระเจ้าจะมากระตุ้นปลุกให้กายนี้ฟื้นชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนพวกพราหมสมัยนั้นเชื่อว่ามีตัวตนที่แท้จริงในวิญญาณขันธ์
ดังนั้นพวกพราหมจึงเผาศพกันได้
ทำไมท่านนาคเสนไม่ยกพระสูตรอนัตตลักขณสูตร
มาอธิบายให้พระราชาฟังผมกลัวท่านอเล็กซานเดอร์
จะเข้าใจผิดว่าสิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
แค่อ่านเอาความหมายของนิพพานในพระไตรปิฎก
ก็จะพบว่านิพพานคือคุณสมบัติที่พ้นทุกข์สิ้นอาสวะ
หรือคือปัญญาที่พ้นทุกข์
ถ้านิพพานคือคุณสมบัติ
วัฏฏะสงสารก็คือคุณสมบัติและตัวเราเป็นใคร
ก็ต้องตอบว่าตัวเราก็คือคุณสมบัติเหมือนกัน
ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
ถ้าเพียงเคยพบความเงียบในเสียงหรือ
เคยพบเเสงสว่างในความมืดก็จะเข้าได้เองว่า
แท้ที่จริงสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงคุณสมบัติโดยมิได้
มีตัวตนที่แท้จริงบางสำนักก็ไม่ต้องจัดหาที่อยู่
ให้พระนิพพานและไม่จำเป็นต้องกล่าวว่า....นิพพาน.....เป็น{นิพพาน}อีกด้วย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 สิงหาคม 2553 12:45:26 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2553 12:40:47 »




สมัยพุทธกาลพระพุทธองค์ได้วางรากฐานการศึกษาพุทธศาสนา
ในรูปแบบของไตรสิกขลาอันมีศีล สมาธิ ปัญญา
และในมรรคมีองค์แปดก็มีเรื่องศีลสมาธิปัญญาอยู่ครบ
การจะเข้าถึงพุทธศาสนาต้องผ่านทางไตรสิกขลา
ในมรรคมีองค์แปดนี้เท่านั้น ผู้คนสมัยพุทธกาลที่ตกอยู่ใน
อิทธิพลคำสอนเรื่องอาตมันอัตตาของศาสนาพราหมมาก่อน
แน่นอนผู้คนสมัยนั้นยังไม่รู้จักคำว่าอนัตตาพวกเขาเชื่อแต่ใน
เรื่องตัวตนที่แท้จริงเท่านั้น ต้องไม่ลืมนะครับว่าอัตตานี้
เป็นเรื่องที่พราหมเขาเชื่อกันมาก่อนและตลอดพระชนชีพ
ก็ทรงเที่ยวสั่งสอนผู้คนที่มาจากคติความเชื่อแบบพราหมทั้งนั้น
มาถึงวันนี้ชาวพุทธจำนวนมากก็ยังไม่รู้จักความหมายของอนัตตา
จะว่าไปเรื่องของโลกแบนและเรื่องของความเชื่อในอัตตาที่เที่ยงแท้{ATOM}นี้ได้ครอบงำความเชื่อของมนุษย์มายาวนานหลายพันปี
ท่านเชื่อไหมว่าพุทธศาสนาบอกว่าโลกกลมและบอกว่าเรื่องของ{ATOM}หรืออัตตาเป็นเรื่องไม่จริงมาแต่สมัยพุทธกาลแล้วการจะบอกให้คน
ที่ไม่เคยพบกับปรากฏการณ์ของอนัตตาเข้าใจเรื่องอนัตตาย่อมยากพอ ๆ
กับพูดเรื่องโลกกลมให้กับผู้คนในสมัยกลางเชื่อ ท่านเชื่อไหมว่าเมื่อประมาณห้าถึงหกสิบปีมานี่ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งพยายามพิสูจน์ว่า
โลกนี้แบนและในที่สุดจุดจบในความเชื่อว่าโลกแบนก็มาถึง
โดยภาพถ่ายรูปโลกของเราจากดาวเทียมและจุดจบของความเชื่อในเรื่อง{atom}
อัตตานี้ก็เมื่อสมัยของนีลบอห์รนักวิทยาศาสตร์ร่วมสมัยกับไอสไตน์
เรื่องของอนัตตาท่านต้องเคยพบมาก่อนแล้วท่านจะไม่แปลกใจเลย
ว่าธรรมทั้งปวงเเละพระนิพพานเป็นอนัตตาได้อย่างไร
ปรากฏการณ์ที่ทำให้ผมรู้จักอนัตตาก็คือการพบความเงียบในเสียง
คือทั้งสองสิ่งคือสิ่งเดียวกันยิ่งเสียงดังความเงียบก็ชัดเจนขึ้น
ถ้าเสียงกับความเงียบมีตัวตนจริง
ปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้
จะว่าไปทั้งวัฏฏะสงสารและนิพพานต่างก็เป็นอนัตตาด้วยกันทั้งคู่
อย่างคำที่กล่าวว่านิพพานก็มิได้อยู่แยกไปจากวัฏฏะสงสาร
ผมว่าความหมายของอนัตตาน่าจะเป็นดังนี้.......................................



(:LOVE:)มีอยู่จริงแต่ไม่มีตัวตนที่แท้จริง รัก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 สิงหาคม 2553 13:02:17 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2553 17:46:51 »






 ยิ้ม   ยิ้ม   ยิ้ม


ธรรมจักร์ ธัมมะจัก Drammajak Thammajak U 2-2
บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2553 18:15:49 »

สาธุ ๆ ครับ

ปล. พระที่ไหนครับ สวยมากเลย เหมือนแกะมาจากไม้ท่อนเดียว
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.8 Firefox 3.6.8


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2553 22:08:33 »

สาธุ ๆ ครับ

ปล. พระที่ไหนครับ สวยมากเลย เหมือนแกะมาจากไม้ท่อนเดียว


รัก รัก รัก


.......................................น้า McK...........................



ใช่เลย.........................ไม้ท่อนเดียวแกะสลัก ลืมไปละจังหวัดไหน ? แต่ที่แน่ ๆ ถ่ายที่ สนามหลวง กรุงเทพ ฯ



สลึมสลือ สลึมสลือ สลึมสลือ







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 สิงหาคม 2553 22:12:18 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

คำค้น: สัจจะ บารมี สร้าง ธรรม บางครั้ง แนวทาง อนัตตา ประจำ จิต กุล dhamma มูลเหตุ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.46 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 26 กุมภาพันธ์ 2567 15:31:23