[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 04:05:09 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เกี๊ยวน้ำหมู  (อ่าน 9910 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 14:12:26 »





เกี๊ยวน้ำหมู เป็นเมนูอาหารที่มีรสชาติอร่อยวิธีการทำไม่ยุ่งยากเหมาะกับการทำเตรียมไว้กลางคืนและนำมาอุ่นตอนเช้าให้ลูกๆทาน น้ำซุปร้อนๆจะทำให้การใช้ร่างกายในตอนเช้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ


สูตรเกี๊ยวน้ำหมู

สำหรับ 4-5 ท่าน
เวลาประมาณ 60 นาที

วัตถุดิบเกี๊ยวน้ำหมู

1.  แผ่นเกี๊ยว    30 แผ่น
2.  หมูบด 250 กรัม
3.  น้ำซุปกระดูกหมูปรุงรสด้วย น้ำตาล ซีอิ๊วขาว พริกไทย  8 ถ้วย
4.  ซอสถั่วเหลือง  3 ช้อนโต๊ะ
5.  รากผักชี 3-4 ราก
6.  กระเทียมไทย  1 ช้อนโต๊ะพูน
7.  น้ำตาลทราย  2 ช้อนโต๊ะ
8.  พริกไทป่น   1 ช้อนชา
9. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
10. กระเทียมเจียว ตามชอบ
11. ผักชี โรย

วิธีทำเกี๊ยวน้ำหมู

1.    หมักหมู ทำไส้เกี๊ยวโดย การปั่นรากผักชี กระเทียม พริกไท ในโถปั่น
2.    ปรุงรสหมูด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาลทราย น้ำมันงา นวดหมูจนเหนียวเข้ากัน หมักทิ้งไว้
3.    นำมาห่อเป็นไส้ ในแผ่นเกี๊ยว
4.    ต้มน้ำเดือด ใส่เกี๊ยวที่ห่อแล้วลงไปลวก จนสุก ช้อนขึ้น
5.    นำเกี๊ยวไปคลุก น้ำมันกระทียมเจียว เพื่อไม่ให้ตัวติดกัน
6.    ทำน้ำซุป โดยต้มน้ำซุปกระดูก ปรุงรส
7.    เมื่อเดือด ใส่เกี๊ยวที่ลวกแล้วลงไป
8.    จัดเสริฟ
 
ข้อแนะนำเกี๊ยวน้ำหมู



 หากยังไม่รับประทาน เมื่อลวกเกี๊ยวและคลุกน้ำมัน สามารถนำไปเก็บแช่เย็นไว้ แยกกับน้ำซุป เมื่อจะรับประทาน แค่อุ่นรวมกัน ก็จะประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยค่ะ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 14:58:49 »



โคลสลอว์ คือการคลุกผสมกัน ลองสร้างสรรค์โคลสลอว์หลากหลายแบบจากจินตนาการ และการใช้ ธัญพืช ก็คือการสร้างสรรค์อีกแบบ


สูตรโคลสลอว์ปูอัดธัญพืช Coleslaw (อาหารชุดธัญพืช)


สำหรับ 2-3 ที่
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

ส่วนผสมโคลสลอว์ปูอัดธัญพืช Coleslaw (อาหารชุดธัญพืช)

1. ปูอัด หั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
2. ข้าวโพด 50 กรัม
3. ถั่วลันเตา 50 กรัม
4. แครอทหั่นเต๋า 50 กรัม
5. ถั่วแดงต้มสุก 50 กรัม
6. หอมแดงหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
7. พริกไทขาวป่น 1/8 ช้อนชา
8. เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
9. น้ำสลัดสูตรพื้นฐาน 1/2 ถ้วย
10. ไข่นกกระทาต้มสุก ปอกเปลือก ตามชอบ
11. แปะก๊วย ต้มสุก ตามชอบ

วิธีทำโคลสลอว์ปูอัดธัญพืช Coleslaw (อาหารชุดธัญพืช)

1. นำ ทุกอย่าง ยกเว้น ไข่นกกระทา และแปะก้วย คลุกผสมรสมกันในอ่างผสม
2. จัดลงชามเสริฟ ตกแต่งด้านบนด้วยไข่นกกระทา และแปะก๊วย

 
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:05:29 »





1. รากผักชีสับละเอียด 1ชช.
2. ไข่แดงเค็มหั่นเต๋า 2 ลูก
3. เนื้อกุ้งสับละเอียด 100 กรัม
4. แผ่นเกี๊ยว 10 แผ่น
5. กระเทียมสับละเอียด 1 ชช.
6. พริกไทยป่น 1/2 ชช.
7. ซีอิ้วขาว 1/2 ชช.
8. น้ำมันงา 1 ชต.

30 นาที

ชามผสม ซึ่งนึ่ง ผ้าขาวบาง ที่คีบอาหาร ง่าย (Easy)

1. เติมพริกไทย , กระเทียม ,รากผักชี ,ซีอิ้วขาว , น้ำมันงา , คนให้เข้ากัน
2. เติมเนื้อกุ้งสับ จากนั้นคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน
3. แตะน้ำเปล่าเล็กน้อยกลางแผ่นเกี๊ยว ตักไส้ลงไปบีบให้แผ่นเกี๊ยวหุ้มไส้เก็บจีบด้านข้างด้วยการแตะน้ำเปล่าปิดให้รอบจีบ วางไข่แดงเค็มลงไปตรงกลางกดดให้แน่น
ตัดริมแป้งเกี๊ยวส่วนเกินด้านบนทิ้งไป
4. นำไปนึ่งในน้ำเดือดจัด 10 นาที (รองซึ่งนึ่งด้วยผ้าขาวบาง)
5. เป็นอันเสร็จพร้อมเสริฟ์คู่กับจิ๊กโฉ่ว หรือซอสเปรี้ยวนั่นเอง
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:09:58 »



อีกหนึ่งแกงที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ตั้งแต่ข้างถนนไปยันโรงแรม 6 ดาว โดยความพิเศษของมันคือการทำให้พะแนงธรรมดามีราคาและรสชาติที่สูงและดีขึ้นโดยไม่เสียข้อดีของมันไปด้วยการใช้เป็ดย่างกับลิ้นจี่เข้ามาในการปรุงพะแนงในวันนี้ให้อร่อยยิ่งขึ้น


สูตรพะแนงเป็ดย่างลิ้นจี่

สำหรับ 1-2 ที่
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

วัตถุดิบพะแนงเป็ดย่างลิ้นจี่

1. เป็ดย่าง 1/2 ตัว
2. ลิ้นจี่ 5-7 ลูก
3. กะทิหัว 1 ถ้วยตวง
4. ใบมะกรูด 2 ใบ
5. พริกแห้งใหญ่ 5-7 เม็ด
6. ตะไคร้ซอย 2 ต้น
7. ข่าสับ 2 ช้อนโต๊ะ
8. หอมแดงสับ 3 หัว
9. กระเทียมไทย 3 กลีบ
10. ลูกผักชีคั่ว 1/2 ช้อนชา
11. เม็ดยี่หร่าคั่ว 1/2 ช้อนชา
12. น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
13. น้ำตาลปี๊ป 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำพะแนงเป็ดย่างลิ้นจี่

1. ตำพริกแกงพะแนงด้วยข้อ 5-11 จนละเอียดดีพักไว้
2. ตั้งกระทะไฟกลางใส่กะทิลงไปเคี่ยวจนแตกมัน แล้วค่อยใส่พริกแกง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊ป หั่นเนื้อลิ้นจี่ชิ้นพอดีคำใส่ลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสชาติ ให้เค็มกลมกล่อมหวานลิ้นจี่นิดๆ ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไป เบาไฟ นำเป็ดย่างที่หั่นไว้ลงไปในกระทะเพื่ออุ่นเป็ดให้ร้อน ตักเสริฟ วางลิ้นจี่โชว์ไว้ หลอดกะทิแต่งหน้า โรยใบมะกรูดซอย พริกชี้ฟ้าซอยเพื่อความสวยงาม

 
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:31:17 »



เมนูนี้คิดขึ้นมาใหม่ ทำให้ของทอดธรรมดา มีความน่าสนใจมากขึ้น เพิ่มเทคนิก ในการห่อ หรือยัดไส้อาหาร และโดยส่วนตัวของผมเองคิดว่าเมนูนี้นำมาทานคู่กับเหล้าแดงแล้ว อร่อยลงตัวมากเลยทีเดียว


สูตรปลากระพงทองคำ (ปลากะพงห่อกุ้งทอดซอสเหล้าแดง)

สำหรับ 1 ที่
ใช้เวลาในการทำ 30 นาที

ส่วนผสมปลากระพงทองคำ (ปลากะพงห่อกุ้งทอดซอสเหล้าแดง)

1. กุ้งสับ 100 กรัม
2. มันหมู 30 กรัม
3. เนื้อปลากะพง ส่วนท้อง 2 ชิ้น
4. หน่อไม้ฝรั่ง 1-2 ต้น
5. ไข่ขาวครึ่งฟอง
6. เกลือ 1 หยิบมือ
7. พริกไทย 1 หยิบมือ
8. น้ำตาล 1/4 ช้อนชา
9. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
10. พริก 3 สีหั่นเต๋า
11. หมี่กรอบ
12. ต้นหอมซอย
13. ซอสเหล้าแดง 3-5 ช้อนโต๊ะ
14. ไข่แดง
15. แป้งอเนกประสงค์
16. เกล็ดขนมปัง

วิธีทำปลากระพงทองคำ (ปลากะพงห่อกุ้งทอดซอสเหล้าแดง)

1. นำกุ้งสับ กับมันหมูลงอ่างผสม ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย น้ำตาลทราย น้ำมันงา เติมไข่ขาวลงไป คลุกให้เข้ากัน เติมเกล็ดขนมปังลงไป ฟาดให้พอเหนียว พักไว้ในตู้เย็น
2. นำปลามาตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 ชิ้นปรุงรส ด้วยเกลือพริกไทย วางหน่อไม้ฝรั่งไว้ตรงกลางเหมือนแฮมเบอเกอร์
3. นำจานสี่เหลี่ยมครุมด้วยแล๊ปพลาสติก วางกุ้งที่ผสมแล้วลงไป ใช้มือกดให้แบนออก วางชิ้นปลาลงไป ตัดแล๊ปให้เป็นทรง แล้วค่อยๆม้วน
4.เมื่อได้ชิ้นกุ้งแล้ว นำมาคลุกแป้ง ไข่ เกล็ดขนมปัง ลงทอดให้กรอบ
5.จัดเสิร์ฟ พร้อมซอสเหล้าเดง

แนะนำเพิ่มเติม

ม้วนกุ้งอย่างเบามือ ทอดด้วยไฟกลาง เช็คปลาข้างในโดยการใช้เข็มแทงเข้าไป แล้วใช้นิ้วแตะดู ถ้าร้อนแสดงว่าข่างในสุกได้ที่แล้ว
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:33:20 »



ซอสพริกเซี่ยงไฮ้รสชาติออกเผ็ด เค็ม หวาน โดยส่วนตัวผมเห็นว่าไปได้ดีกับอาหารทะเลจึงนำซอสตัวนี้มาผัดกับกุ้งทานคู่กับบ๊อกโคลี่ ทานเข้ากันได้ดีทีเดียว


สูตรกุ้งผัดซอสพริกเซี่ยงไฮ้

สำหรับ 1 ที่ (ทานได้ 2-3 คน)
เวลาในการทำ 20 นาที

ส่วนผสมกุ้งผัดซอสพริกเซี่ยงไฮ้

1. กุ้งทะเลใหญ่ 5 ตัว
2. บล๊อกโคลี่ 1 หัว
3. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
4. ซอสพริกเสฉวน 3-5 ช้อนโต๊ะ (แล้วแต่ความชอบ)
5. น้ำมันหอยเป๊าฮื้อ 1 ช้อนโต๊ะ
6. ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
7. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
9. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
10. เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำกุ้งผัดซอสพริกเซี่ยงไฮ้

1. ตั้งน้ำร้อนให้เดือดใส่เกลือเล็กน้อยจากนั้นนำบร็อคโคลี่ไปลวกโดยลวกแค่พอสุกและนำลงแช่ในน้ำแข็งทันที
2. นำบร็อคโคลี่ที่ลวกแล้วไปผัดกับกระเทียม เติมน้ำมันหอย ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว น้ำตาล น้ำมันงาเหล้าจีน ผัดเข้าด้วยกันและตักออกมาพักไว้นอกกระทะ
3. นำกุ้งลงผัดกับน้ำมันพอสุก เติมซอสพริกเสฉวนและน้ำที่ได้จากการผัดบร็อคโคลี่
4. นำบร็อคโคลี่เรียงบนจานให้สวยงาม ตักกุ้งที่ผัดกับซอสราดลงไปได้เลย

แนะนำเพิ่มเติม

หั่นบร็อคโคลี่ให้เท่าๆกันจะได้สุกพร้อมๆกันในคราเดียว และกุ้งจะต้องระวังไม่ให้สุกจนเกินไป เพราะหากสุกเกินไปจะทำให้กุ้งหดตัวและมีเนื้อแข็ง
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:35:14 »



ยังคงอยู่กับเมนูของซอสพริกไทยดำที่ทำกันไปครั้งที่แล้วครับ ครั้งนี้ผมจะเปลี่ยนปลาเป็นกุ้งแทน จริงๆสำหรับเมนูผัดพริกไทยดำนั้น คุณผู้ชมสามารถเปลี่ยนเนื้อสัตว์เป็นชนิดอื่นๆได้ตามชอบครับ เพราะเรามีซอสที่อร่อยอยู่แล้ว


สูตรกุ้งผัดพริกไทยดำ

สูตรนี้สำหรับ 1 ที่ (ทานได้ 2-3 คน)
ใช้เวลาในการทำ 30 นาที

ส่วนผสมกุ้งผัดพริกไทยดำ

1. กุ้งทะเลตัวใหญ่ 5 ตัว
2. แครอทหั่นดอกไม้ 5 ชิ้น
3. ซอสพริกไทยดำ 3-5 ช้อนโต๊ะ (แล้วแต่ความชอบ และขนาดของปลา)
4. น้ำซุป 1/4 ถ้วย
5. เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ
6. หอมใหญ่หั่นสามเหลี่ยม 1/4 ลูก
7. พริกยักษ์ แดง เขียว เหลือง หั่นสามเหลี่ยม 4-5 ชิ้น ต่อสี
8. ต้นหอมหั่นท่อน
9. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง
10. ขิงหั่นเป็นรูปใบไม้ 3 ชิ้น
11. พริกไทยอ่อน 1 ชิ้น
12. น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำกุ้งผัดพริกไทยดำ

1. นำกุ้งมาคลุกแป้งมันจากนั้นลงทอดพอให้ผิวกุ้งตึงตัว
2. ตั้งกระทะให้ร้อน เติมน้ำมันกับผักทุกอย่าง ยกเว้นพริกชี้ฟ้าและต้นหอม
3. เติมเหล้าจีน ซอสพริกไทยดำและน้ำซุป
4. ใส่กุ้งที่ทอดแล้วกลับลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมพริกชี้ฟ้ากับต้นหอมผัดอีกเล็กน้อยดับไฟแล้วจัดเสิร์ฟได้เลยครับ

แนะนำเพิ่มเติม

ถ้าต้องการให้ผัดออกมาแห้งๆก็ไม่ต้องเติมน้ำเยอะครับ กุ้งก็ควรทอดแค่ให้ตึงตัวจะได้ไม่แข็งเกินไปเวลานำมาผัด
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:37:23 »



เมนูนี้ผมจะนำซอสพริกไทยดำที่ได้เคยสอนไปแล้วมาปรุงให้ได้อีกหนึ่งเมนูสุดอร่อย คือ เมนูปลากระพงผัดพริกไทยดำ ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายสำหรับเมนูผัดพริกไทยดำ ไปร้านไหนก็ต้องเห็นเมนูนี้เข้ากันดีกับเนื้อสัตว์หลายชนิดทั้งสัตว์บกและสัตว์ทะเล


สูตรปลากระพงผัดพริกไทยดำ

สูตรนี้สำหรับ 1 ที่ (ทานได้ 2-3 คน)
ใช้เวลาในการทำ 30 นาที

ส่วนผสมปลากระพงผัดพริกไทยดำ

1. ปลากะพงทะเลหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1/2 ตัว
2. หอมใหญ่หั่นสามเหลี่ยม 1/4 ลูก
3. พริกยักษ์ แดง เขียว เหลือง หั่นสามเหลี่ยม 4-5 ชิ้น (ต่อสี)
4. ต้นหอมหั่นท่อน
5. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง
6. ขิงหั่นเป็นรูปใบไม้ 3 ชิ้น
7. พริกไทยอ่อน 1 ชิ้น
8. แครอทหั่นเป็นรูปดอกไม้ 5 ชิ้น
9. ซอสพริกไทยดำ 3-5 ช้อนโต๊ะ (แล้วแต่ความชอบและขนาดของปลา)
10. น้ำซุป 1/4 ถ้วย
11. เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ
12. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำปลากระพงผัดพริกไทยดำ

1. นำปลามาคลุกกับแป้งอเนกประสงค์ ลงทอดให้พอกรอบจากนั้นพักเอาไว้
2. ตั้งกระทะให้ร้อนเติมน้ำมันลงไปใส่ผักทุกอย่างยกเว้นพริกชี้ฟ้ากับต้นหอม
3. เติมเหล้าจีน ซอสพริกไทยดำและน้ำซุป
4. ใส่ปลาที่ทอดแล้วกลับลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันเติมพริกชี้ฟ้ากับต้นหอม ดับไฟแล้วจัดเสิร์ฟได้เลยครับ

แนะนำเพิ่มเติม

ถ้าต้องการให้ผัดออกมาแล้วแห้งๆก็ไม่ต้องเติมน้ำเยอะ และปลาควรทอดให้ข้างนอกค่อนข้างกรอบจะได้ไม่แตก
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:38:51 »



จานนี้เป็นการนำซอส XO ที่เคยสอนทำไปแล้วมาใช้กับเนื้อปลากะพงนะครับ จานนี้ทำง่ายๆแต่อร่อยมาก (เพราะซอสอร่อยอยู่แล้ว) จะทานกับข้าวสวยหรือข้าวต้มก็ได้ครับ


สูตรปลากะพงผัดซอส XO

สำหรับ 1 ที่ (ทานได้ 2-3 คน)
ใช้เวลาในการทำ 20 นาที

ส่วนผสมปลากะพงผัดซอส XO

1. ปลากะพงครึ่งตัว หั่นสี่เหลี่ยมเปียกปูน
2. เบบี้บ๊อก 6-7 ต้น
3. ซอส XO 5-6 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมันสำหรับผัด 1-2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำซุป 1/4 ถ้วย
6. น้ำมันสำหรับทอดปลา
7. แป้งอเนกประสงค์

วิธีทำปลากะพงผัดซอส XO

1. นำปลาที่หั่นไว้มาคลุกแป้ง ลงทอดให้กรอบ
2. นำเบบี้บ๊อกลงต้มในน้ำเดือดที่ใส่เกลือ แค่พอสุก 50% ใส่ลงในน้ำแข็งทันที
3. ตั้งกระทะให้ร้อน เติมน้ำมัน เติมซอส XO ลงผัด เติมน้ำซุป
4. นำปลากะพงลงผัดกับซอส คลุกเคล้าให้เข้ากัน
5. นำเบบี้บ๊อกมาเรียงบนจาน ราดด้วยปลากะพง

แนะนำเพิ่มเติม

ถ้าต้องการให้มีน้ำเยอะ ก็เติมน้ำมัน กับน้ำให้เยอะหน่อยได้
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:40:47 »



ซอส Xo มีต้นกำเนิดมาจากโรงแรมเพนเนนซูล่าโฮเต็ลบนเกาะฮ่องกง คิดค้นโดยเชฟชาวจีนท่านหนึ่งหลักการของซอสคือการนำของแห้งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปลา กุ้ง กั้ง หอยเชลล์แห้ง กะปิ และอื่นๆมาผัดเป็นเหมือนกับน้ำพริก ซอสตัวนี้เกิดขึ้นมาในช่วง80ปีหลังมานี้ แต่เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เพราะรสชาติที่อร่อยและยังสามารถสร้างสรรเมนูได้หลากหลาย จึงมีการพัฒนาสูตรออกมาอย่างหลากหลาย แต่สูตรที่นำมาทำในครั้งนี้เป็นสูตรฉบับย่อ ที่ผมได้ตัดขั้นตอนที่ยุ่งยากบางอย่างออก แต่ยังรักษาลักษณะและรสชาติของซอส XO ไว้ เพื่อให้ทุกท่านได้ลองทำซอสXO นี้ที่บ้านแบบง่ายๆ แต่รสชาติที่ได้นั้น ไม่ต่างกับการที่ท่านไปนั่งทานที่ร้านอาหารราคาแพงๆเลยครับ


สูตรซอส XO (ซอสเอกซ์โอ)

จำนวนที่ได้ ขึ้นอยู่กับเมนู และการใช้ในแต่ละครั้ง
ใช้เวลาในการเตรียมประมาณ 20 ชม ทำประมาณ 1 ชม

ส่วนผสมซอส XO (ซอสเอกซ์โอ)

1. กังป๋วยญี่ปุ่น 100 กรัม
2. กุ้งแห้งเนื้ออย่างดี 100 กรัม
3. ปลาตาเดียวตากแห้ง 100 กรัม
4. แฮมยูนาน 100 กรัม
5. พริกชี้ฟ้าแห้ง 50 กรัม
6. กระเทียมสับ 100 กรัม
7. หอมแดงสับ 80 กรัม
8. หอมใหญ่สับ 80 กรัม
9. ขิงสับ 50 กรัม
10. น้ำมันหอยเป๋าฮื้อ 2 ช้อนโต๊ะ
11. เหล้าXO 250 กรัม
12. น้ำมันข้าวโพด 2 ถ้วย
13. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำซอส XO (ซอสเอกซ์โอ)

1. แช่ของแห้งทุกอย่างจนนิ่มในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท
2. นำน้ำที่ได้จากการแช่ของทุกอย่างไปเคี่ยว โดยใส่ก้างปลากับหนังลงไปด้วย เคี่ยวให้เหลือน้ำ 20%
3. นำเนื้อปลา แฮมยูนาน พริกแห้งและกุ้งแห้งไปปั่น และเอากังป๋วยไปฉีกเป็นเส้นๆ
4. เริ่มต้นผัดกระเทียม หอมแดง หอมใหญ่ ขิงลงไปผัด นำส่วนผสมในข้อ2 ลงผัดกับน้ำมันข้าวโพดเติมน้ำมันทีละน้อย เรื่อยๆอย่าให้แห้งเด็ดขาด
5. พอได้ที่เติมเหล้าXO ผัดจนเหล้าแห้ง
6. ปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย น้ำมันหอยเป๋าฮื้อ
7. กรองน้ำที่เคี่ยวปลาไว้ลงไป
8. ผัดจนแห้ง

คำแนะนำเพิ่มเติม

ซอสXO ทำไม่ยากครับ แต่ต้องใจเย็นพอสมควร ผัดส่วนผสมทุกอย่างด้วยไฟกลาง หรือต่ำไปเรื่อยๆ อย่าให้ไหม้เด็ดขาด ลักษณ์ซอส จะเหมือนน้ำพริกเผาหยาบๆ 

 
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:42:17 »



เห็นกันบ่อยๆ สำหรับเมนูผัดพริกไทยดำ เช่น ปลากะพง นกกระจอกเทศ เนื้อ กวาง กุ้ง และอื่นๆ ขั้นตอนการทำอาจดูยุ่งยากเพราะเครื่องปรุงค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าทำซอสตัวนี้เอาไว้ สามารถลดเวลาในการปรุงได้มากเลยทีเดียว


สูตรซอสพริกไทยดำ

จะใช้สำหรับกี่ที่แล้วแต่ปริมาณในการใช้ในแต่ละสูตร และปริมาณของเนื้อสัตว์
ใช้เวลาในการทำ 30 นาที

ส่วนผสมซอสพริกไทยดำ

1. พริกไทยดำเม็ด 100 กรัม
2. กระเทียมสับ 100 กรัม
3. หอมแดงสับ 100 กรัม
4. พริกชี้ฟ้าแดง 50 กรัม
5. ซอสปรุงรส 25 กรัม
6. น้ำมันหอย 80 กรัม
7. ซีอิ๊วขาว 50 กรัม
8. น้ำตาลทราย 20 กรัม
9. น้ำผึ้ง 20 กรัม
10. ซอสมะเขือเทศอย่างดี 50 กรัม
11. เนยถั่ว 20 กรัม
12. เหล้าจีน 50 กรัม
13. น้ำมันข้าวโพด

วิธีทำซอสพริกไทยดำ

1. คั่วพริกไทยให้หอมด้วยไฟต่ำ นำไปบดพอแหลก
2. ตั้งกระทะให้ร้อน ลดไฟต่ำ เติมน้ำมันข้าวโพด เติมผักทั้งหมดลงผัดและผัดจนส่งกลิ่นหอม
3. เติมซอสมะเขือเทศ ผัดจนซอสมะเขือเทศเริ่มแห้ง
4. เติมเหล้าผัดต่อจนเหล้าเริ่มแห้ง
5. เติมซอสปรุงรส น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เนยถั่ว
6. คนต่อจนส่วนผสมเข้ากันดี
7. ปิดไฟ เติมน้ำผึ้ง กับพริกไทยดำ

คำแนะนำเพิ่มเติม

อย่าให้ผักไหม้ตั้งแต่เริ่ม เพราะจะทำให้รสชาติซอสไม่ดี ขม เมื่อผัดเสร็จแล้วทิ้งไว้จนเย็น สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือนเลยครับ
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:46:01 »



ของว่างเมนูนี้เชื่อว่าอาจเคยผ่านสายตาทางบ้านที่เคยไปถนนคนเดินจังหวัดเชียงใหม่ มาบ้าง เป็นเมนูที่หาทานที่อื่นยากนอกจากเชียงใหม่หรือทางภาคเหนือของบ้านเรา และทำง่ายมาก ป่าม เป็นภาษาพื้นเมืองแปลว่า ปิ้ง เป็นอาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือซึ่งทำจากไข่ไก่ปรุงรส ใส่ในกระทงใบตอง แล้วนำไปปิ้งบนไฟอ่อนจนกระทั่งสุกเหลือง มีลักษณะคล้ายไข่เจียวและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบตอง


สูตรอาหารไข่ป่าม (อาหารเหนือ)

สำหรับ 3-4 ที่
ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

วัตถุดิบไข่ป่าม (อาหารเหนือ)

1.ไข่ไก่ 3-5 ฟอง
2.ต้นหอม 4-5 ต้น
3.เกลือ 1/2 ช้อนชา
4.มะเขือเทศ 1 ลูก
5.ใบตอง

วิธีทำไข่ป่าม (อาหารเหนือ)

1. ห่อใบตองตามคลิบรอไว้
2. ตอกไข่ใส่เกลือใส่มะเขือเทศตีพอเข้ากันดี ตักใส่ใบตองที่พับไว้ โรยหน้าด้วยต้นหอม นำไปย่างด้วยไฟอ่อนถึงกลางนิดๆ พอไข่สุกเกือบทั้งหมด กลับด้านเพื่อให้มีสีเหลืองจากการย่างอีกนิดหน่อยเป็นใช้ได้

ข้อแนะนำ

มะเขือเทศ หริกหยวก เห็ดไสล์ต ปูอัด ไส้กรอก หมูสับ กุ้งสับ etc ตามสะดวก (แต่ของที่สุกยากควรทำให้สุกก่อนเช่น หมู ไก่)
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:47:27 »





ช่อบุษราคัม คือดอกไม้ในจินตนาการที่เสริมแต่งขึ้นมาจากช่อม่วง มีสีเหลืองอำพันเปรียบดังพลอยบุษราคัมอันเลื่องชื่อ สีเหลืองได้จากการนำส่วนผสมของฟักทองนึ่งและน้ำฟักทอง มาใช้ในการนวดแป้งและกวนแป้งจนได้ที่นั้นเอง

บุษราคัมงามดั่งทอง เหมือนผิวน้องผ่องโสภา
หอมรสชื่นอุรา ยลสักคราพาชื่นใจ

ช่อบุษราคัมสูตรนี้ แปลงจากสูตรเดิมของ อาจารย์สุพรรณิการ์ โกสุม อาจารย์ประจำสาขาวิชา มหาวิทยาลัยเทคโนโยลีราชมงคลพระนคร(โชติเวช) อดีตหัวหน้าสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ

ช่อบุษราคัม จะจัดทำขึ้นคู่กับช่อม่วง เวลาออกงานต่างๆที่สำคัญของทางมหาวิทยาลัย เช่น ต้อนรับพระบรมวงศานุวงศ์ ต้อนรับแขกคนสำคัญของรัฐบาลเป็นต้น


สูตรช่อบุษราคัม (อาหารว่างไทยโบราณ)

ได้ประมาณ100-120ดอก หากทำในปริมาณที่น้อยให้ลดสูตรลงมาครึ่งหนึ่ง

วัตถุดิบช่อบุษราคัม (อาหารว่างไทยโบราณ)

ส่วนผสมแป้ง

1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
2. แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
3. แป้งมัน 1/2 ถ้วย (และเพิ่มเป็นแป้งนวล 1/2 ถ้วย)
4. แป้งข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำฟักทองหรือซุปฟักทอง 1 1/2 ถ้วย + น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
6. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
7. กระเทียมเจียว
8. กระเทียมสับละเอียด 1 ถ้วย
9. น้ำมันพืช 1 ถ้วย

ส่วนผสมไส้ไก่

1. เนื้อไก่สับละเอียด 1 ถ้วย
2. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
3. หอมใหญ่สับละเอียด 1 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
5. รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 3-4 ช้อนโต๊ะ
7. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
8. เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
10. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำช่อบุษราคัม (อาหารว่างไทยโบราณ)

วิธีทำส่วนแป้ง

1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งท้าวยายม่อม แป้งข้าวเหนียว นวดรวมกับน้ำฟักทอง ค่อยๆใส่จนหมด ใส่น้ำมันคนให้เข้ากัน
2. นำไปกวนในกระทะทองเหลือง พอแป้งเริ่มจับเป็นก้อนไม่ติดกระทะ นำไปนวดกับแป้งนวล
3. แบ่งแป้งเป็นก้อนเท่าๆกัน แผ่ใส่ไส้หุ้มให้มิด จับเป็นดอกโดยใช้แหนบจีบ
4. นำไปนึ่งในลังถึงปูใบตองทาน้ำมันประมาณ 5นาที ยกลง พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว
5. จัดเสิร์ฟกับผักกาดหอม และพริกขี้หนู หรือผักสลัด

วิธีทำส่วนไส้ไก่

1. โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ให้ละเอียด
2. ตั้งน้ำมันพอร้อน ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทยลงผัดให้หอม
3. ใส่ไก่ หอมใหญ่ ผัดให้เข้ากัน
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือ พอแห้งดีชิมรสหวาน เค็ม ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น

หมายเหตุ

ในสูตรนี้ ได้ประมาณ100-120ดอก หากทำในปริมาณที่น้อยให้ลดสูตรลงมาครึ่งหนึ่ง

 
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:49:18 »



เมื่อพูดถึง ขนมมงคลที่เชื่อกันว่า ทำให้ชีวิต รุ่งเรือง เฟื่องฟู เพิ่มพูน ทุกคนย่อมนึกถึง ขนมถ้วยฟู ปุยฝ้าย และสาลี่ อย่างแน่นอน ขนมทั้ง 3 ชนิดนี้ จัดอยู่ในขนมมงคลดั่งที่กล่าวมา และมีกรรมวิธีการทำไม่แตกต่างกันมากนัก อีกทั้งเนื้อของขนม ฟู เบาและละเอียดหอม หวานยิ่งนัก

ขนมสาลี่ มีลักษณะเนื้อเหมือนเค้กสปันจ์หรือเค้กเนื้อฟองน้ำ ปุยฝ้ายเองเช่นเดียวกันที่มีลักษณะเนื้อแบบนี้ แต่ต่างตรงที่รูปแบบ ของขนมจะต้องมะหน้าขนมที่แตก ฟูสวยงามเป็นแฉกๆเหมือนดอกฝ้ายที่แตกออกจากฝัก และกลิ่นของขนมต่างกันเล็กน้อย ส่วนของขนมถ้วยฟู ลักษณะหน้าขนมแตกออกฟู แต่เนื้อขนมต่างกับสองชนิดแรก เพราะต้องใช้ลูกแป้งข้าวหมากในการหมักทำแป้งขนมชนิดนี้ ซึ่งต่างจากขนม 2 ชนิดแรกที่ใช้แป้งสาลีในการทำ

ขนมสาลี่สูตรนี้เป็นของคนสุพรรณบุรีดั้งเดิม ซึ่งเป็นเพื่อนกับคุณแม่ของเชฟใหม่ (ผู้สาธิต) มีรสชาติไม่หวานมาก เนื้อนุ่มกำลังดี หอมกลิ่นเนื้อขนมอ่อนๆ ซึ่งสูตรนี้ใช้บ่อยมาก แต่เดิมใช้เพียงไข่ขาวของไข่เป็ด แต่เชฟใหม่เห็นว่าจริงๆ สามารถนำมาแปลงใช้ไข่เป็ดทั้งฟองได้ จึงลองแปลงสูตร ทำให้มีรสชาติไม่หวานมาก เนื้อนุ่มกำลังดี หอมกลิ่นเนื้อขนมอ่อนๆ ได้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างมากขึ้น


สูตรขนมสาลี่

ระยะเวลาที่ใช้ในการประกอบประมาณ 50 นาที
ทั้งนี้ปริมาณที่ได้ ขึ้นอยู่กับถาด หรือภาชนะที่ใช้นึ่งขนมสาลี่

ส่วนผสมขนมสาลี่

1. แป้งสาลี(ชนิดแป้งเค้ก) 300 กรัม
2. ไข่เป็ด 10 ฟอง
3. น้ำตาลทรายขาว 400 กรัม
4. สารเสริมคุณภาพเอสพี 1-2 ช้อนชา
5. กลิ่นมะลิเล็กน้อย
6. ลูกเกดดำและเหลืองหรือผลไม้เชื่อมชนิดอื่นๆ เช่นกีวี่อบแห้ง
7. กระดาษไข
8. พิมพ์ขนม

วิธีทำขนมสาลี่

1. นำไข่เป็ดตีด้วยเครื่องผสมอาหารด้วยหัวตะกร้อ จนขึ้นฟูใช้ความเร็วปานกลาง สลับกับการค่อยๆใส่น้ำตาลทรายลงเป็นจนเป็นเนื้อครีมขาว ตามด้วยเอสพีตีจนเป็นเนื้อเนียน
2. นำแป้งมาร่อน 2 ครั้งเพื่อให้เนื้อละเอียดและไล่ความชื้น จากนั้นลดระดับความเร็วลง ค่อยๆใส่แป้งจนหมด ปิดเครื่องใส่กลิ่นมะลิ ตะล่อมให้เข้ากันด้วยพายยาง
3. ตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ รองด้วยกระดาษไข นำไปนึ่งในลังถึง น้ำเดือดจัดประมาณ 10-20 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดพิมพ์ที่ใช้ ก่อนนึ่งเช็ดฝารังถึงเพื่อป้องกันน้ำหยดด้วย
4. จัดเสิร์ฟโดยตัดเป็นคำๆรับประทานคุ่ชาหรือกาแฟที่ชื่นชอบได้เป็นอย่างดี

ข้อแนะนำ

การที่ใช้ไข่เป็ดทั้งฟอง จำทำให้เนื้อขนมมีความแน่น หนึบ และนุ่ม ต่างจากการใช้ไข่ขาวเพียงอย่างเดียว เนื้อขนมจะโปร่ง ฟู ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ทำ
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:51:25 »





ฟักเขียว สำรับอาหารจีนนิยมไปต้มหรือตุ๋น มีรสชาติหวาน ปรุงกับเนื้อสัตว์ได้หลายฃนิด เชื่อว่ามีฤทธิ์เย็น ใช้ถอนพิษ ขับร้อนใน ส่วนเม็ดบัวรสขมฝาด แต่มีโปรตีนสูงเช่นดียวกับถั่วเหลือง ช่วยบำรุงเลือด บำรุงหัวใจ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่ต้องการจะคุมน้ำหนัก


สูตรอาหารลูกฟักเขียวตุ๋นไก่เม็ดบัว

เตรียม 20 นาที ปรุง 30 นาที
สำหรับ 2 ท่าน

วัตถุดิบลูกฟักเขียวตุ๋นไก่เม็ดบัว

1. เนื้ออกไก่ติดหนัง หั่นชิ้น 200 กรัม
2. หมูแฮม หั่นเส้นยาว 2 แผ่น
3. ลูกฟักเขียวขนาดกลาง 1 ลูก ผ่าครึ่ง หั่นเนื้อฟักเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ขนาด 2x2 ซม
4. เม็ดบัวต้มสุก 1/4 ถ้วย
5. หน่อไม้ต้มหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย
6. เห็ดหอมแช่น้ำจนนิ่ม 2 ดอก
7. ขิงแก่สับให้ละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
8. ต้นหอม ผักชี อย่างละ 1ต้น
9. เหล้าจีน 1/2 ช้อนโต๊ะ
10. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำตาลกรวด 10 กรัม
12. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
13. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
14. น้ำซุปไก่ 8 ถ้วย

วิธีทำลูกฟักเขียวตุ๋นไก่เม็ดบัว

1. นำลูกฟักล้างให้สะอาด หั่นครึ่งลูกแล้วนำมาคว้านเมล็ดออก ส่วนเนื้อฟักหั่นแยกไว้ บั้งขอบเป็นหยักโดยรอบให้สวยงาม ส่วนด้านในมีลักษณะเหมือนโถหรือถ้วย พักรอ เพื่อนำส่วนผสมมาใส่
2. เริ่มปรุงส่วนผสม ตั้งกระทะน้ำมัน ไฟร้อนปานกลาง ใส่ขิงลงผัดให้พอหอม ใส่เนื้อไก่ผัดให้สุก
3. ใส่เหล้าจีนผัดให้ทั่ว จนได้กลิ่นหอม
4. ใส่แฮมและเห็ดหอม ผัดให้ทั่ว ใส่เม็ดบัวต้มสุกและหน่อไม้ต้ม ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่ว ปิดไฟ
5. ตักส่วนผสมที่ผัด ใส่หม้อ เติมน้ำซุป ซีอิ้วขาวเล็กน้อย น้ำตาลกรวด แล้วตั้งไฟปานกลางจนเดือด จึงใส่เนื้อฟัก
6. ลดไฟอ่อนลง หมั่นช้อนฟองออก เคี่ยวจนเนื้อฟักสุกนุ่มชิมรสก่อน ปิดไฟ
7. ตักใส่ภาชนะ หรือ โถลูกฟักที่คว้านเนื้อออกแล้ว
8. นำไปนึ่งน้ำเดือด 10 นาที หรือจนกว่าเนื้อฟัก จะสุกร้อน ยกลง ก่อนเสริ์ฟโรยด้วยพริกไทย ตกแต่งด้วยต้นหอมผักฃี

ข้อแนะนำ

1. ลูกฟักเขียวไม่ควรเลือกขนาดเล็กเพราะเวลาคว้านเนื้อออก จะทะลุออกผิวได้ง่าย อีกทั้งวางตั้งแล้วไม่สมดุล
2. ฟักเขียว 1 ลูก ผ่าครึ่งตุ๋น ได้ 2 โถ
3. เลือกปรุงกับเนื้อสัตว์อื่นได้ ตามความพอใจ เช่น หอยแมลงภู่ ปลา กุ้ง หมู เนื้อวัว
บันทึกการเข้า
สาวเรือพ่วง
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 88


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2556 15:52:34 »



บัวลอยน้ำขิงเป็นบัวลอยที่มีไส้เป็นงาดำบดละเอียด เพิ่มรสชาติด้วยน้ำขิง เป็นของว่างที่ทานเพื่อบำรุงสุขภาพได้เป็นอย่างดี


สูตรขนมบัวลอยน้ำขิง

เวลาในการทำ 40 นาที
ส่วนผสมสำหรับ 5-6 ที่

วัตถุดิบบัวลอยน้ำขิง

1. แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
2. แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
3. งาดำคั่วบดละเอียด 80 กรัม
4. น้ำตาลทรายแดง 150 กรัม
5. น้ำตาลปี๊ป 200 กรัม
6. ขิงหั่นแว่น 100 กรัม
7. น้ำเปล่า 150 มล. (สำหรับนวดแป้ง)
8. น้ำเปล่า 1 1/2 ลิตร (สำหรับทำน้ำขิง)

วิธีทำบัวลอยน้ำขิง

1. นำงาคั่วบดละเอียด น้ำตาลปี๊ป ไปกวนในกระทะทองเหลือง ประมาณ 10 นาทีจนส่วนผสมเริ่มเหนียวข้น พักไว้ให้เย็น (ใช้ไฟอ่อน)
2. นำแป้งข้าวจ้าว แป้งข้าวเหนียว ผสมรวมกัน เติมน้ำเปล่าลงไปทีละน้อยและนวดให้เข้ากันดี
3. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมขนาด 1 1/2 นิ้ว และแผ่แป้งออกเป็นแผ่นแบน ตักใส่งาดำวางตรงกลางแป้ง จากนั้นเก็บริมแป้งให้มิดและปั้นเป็นก้อนกลม วางพักไว้บนถาดแป้งที่โรยนวลแป้งไว้แล้ว
4. ต้มน้ำเปล่าให้เดือดจัด นำแป้งบัวลอยลงต้มให้สุกประมาณ 5-7 นาที เมื่อแป้งบัวลอยเริ่มลอยตัวขึ้นมาให้ตักขึ้นพักไว้ในน้ำเย็น
5. ต้มน้ำเปล่า น้ำตาลทรายแดง ขิงแก่ รวมกันจนเดือด ตักน้ำขิงใส่ถ้วยบัวลอย เป็นอันเสร็จ พร้อมเสิร์ฟ
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.254 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 25 มีนาคม 2567 00:48:17