[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 16:27:07 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดตำนาน วิญญาณสุดเฮี้ยน  (อ่าน 4736 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2304


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2556 17:44:57 »

.

แม้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมากสักเพียงใด แต่เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ เรื่องอาถรรพณ์ วิญญาณหลอน ภูตผีปีศาจสุดเฮี้ยน ก็ยังถูกกล่าวขานถึงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน ทันสมัยไฮเทคสักเพียงใดก็ตาม เมืองไทยเรานั้นขึ้นชื่อเรื่องประเภทนี้มานานแล้ว โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องผีสางที่คอยหลอกหลอนให้คนขวัญอ่อนได้ขนลุกขนพองกัน แต่ประเทศชั้นนำของโลกอย่างญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐอเมริกานั้น เขามีเรื่องสุดยอดของความเฮี้ยนระดับโลกอย่างไร ไปดูกัน

ญี่ปุ่น

http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/03/23/334290/o3/420.jpg
เปิดตำนาน วิญญาณสุดเฮี้ยน

ศาลโออิวะ ทามิยะ จินจะ

ดินแดนปลาดิบ มีเรื่องของวิญญาณเฮี้ยนที่เล่าขานกันมานานเรื่องหนึ่ง ในฐานะที่ว่าเป็นเรื่องผีที่น่ากลัวที่สุดของเขา เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยเอโดะ มีสตรีนางหนึ่งนามว่าโออิวะ เธอเป็นหญิงสาวที่สวยมาก จึงเป็นที่หมายปองของผู้ชายทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มมากมาย แต่นางก็หักอกผู้ชายทั้งหลายด้วยการตัดสินใจที่จะมอบใจและกายให้กับอิเอม่อน ซามูไรหนุ่ม แต่ไม่นานความรักของทั้งคู่ก็เริ่มมีปัญหา เพราะไม่เพียงลำบากทางการเงิน สามีของเธอยังไปติดพันลูกสาวเศรษฐีคนหนึ่ง ในขณะที่โออิวะเพิ่งให้กำเนิดทารกน้อยคนแรก แทนที่สามีของเธอจะดีใจ กลับร่วมมือกับคนรักใหม่หาทางกำจัดโออิวะให้พ้นทาง

อิเอม่อนนำเอายาพิษที่ได้จากชู้รักไปให้กับภรรยากิน บอกว่าเป็นยาบำรุงหลังคลอดบุตร (บางครั้งก็เป็นครีมทาหน้า) ด้วยความรักที่มีต่อสามีทำให้นางหลงเชื่ออย่างง่ายดาย เมื่อยาพิษออกฤทธิ์ก็ทำให้เธอเสียโฉมกลายเป็นคนอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวตาปูดโปนออกมาข้างหนึ่ง เธอจึงรู้ว่าหลงกลคนชั่วเข้าเสียแล้ว ด้วยความเสียใจเจ็บแค้นถึงที่สุดเธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายในบึงน้ำ

เมื่อหมดก้างขวางคอ อิเอม่อนก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านภรรยาคนใหม่ผู้มั่งคั่ง แต่วิญญาณอาฆาตของโออิวะก็ตามมาทวงแค้น เธอกรีดร้องคร่ำครวญโหยหวนดังไปทั่วบ้าน ทุกคนที่ได้ยินเกิดอาการหวั่นผวาไปทั้งสิ้น แต่อิเอม่อนนั้นเป็นซามูไรผู้เหี้ยมหาญ เมื่อเขาเห็นร่างผีภรรยาปรากฏขึ้น ก็ชักดาบแทงเข้าใส่ทันที ทว่า...เมื่อร่างนั้นล้มลงมันกลับกลายเป็นร่างของลูกสาวเศรษฐี ชู้รักของเขาเอง

เมื่อพ่อของนางเข้าไปดูร่างไร้ชีวิตของลูกสาว อิเอม่อนกลับมองเห็นเป็นโออิวะอีกครั้ง เขาจึงใช้ดาบฟันไปที่ร่างนางปีศาจอดีตภรรยา แต่ร่างที่ล้มลงไปตายต่อหน้าต่อตาเขาก็คือเศรษฐีพ่อตาของเขาเอง อิเอม่อนเห็นเช่นนั้นจึงหนีออกจากบ้านเศรษฐีกลับไปบ้านของตนเอง เมื่อไปถึงที่บ้านอิเอม่อนถูกเชือกที่ห้อยอยู่ในบ้านพันรัดคอ เขารีบชักดาบออกมาตัดเชือก แต่กลายเป็นการเชือดคอตัวเองตายคาที่อยู่ตรงนั้น

ตามตำนานนั้น โออิวะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2179 และมีศาลชื่อโออิวะ ทามิยะ จินจะ (Oiwa Tamiya Jinja) อยู่ในกรุงโตเกียว ทุกครั้งที่มีการสร้างภาพยนตร์ ทีมผู้สร้างและนักแสดงจะต้องไปกราบไหว้ที่ศาลเพื่อแสดงความเคารพต่อโออิวะและขอให้การถ่ายทำสำเร็จราบรื่น

http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/03/23/334290/o4/420.jpg
เปิดตำนาน วิญญาณสุดเฮี้ยน

ปีศาจนางโออิวะ
ผีโออิวะนั้น ลักษณะของเธอก็คล้ายกับผีผู้หญิงของไทย ที่มักจะปล่อยผมยาวสยาย รูปลักษณ์น่ากลัวเพราะกินยาพิษเข้าไปก่อนตายจนตาถลนออกมาข้างหนึ่ง หลายครั้งจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอุ้มลูกน้อยของนางด้วย คล้ายกับผีแม่นากของบ้านเรา นิยายผีแม่ลูกอ่อนเรื่องนี้ ถูกนำไปแสดงเป็นละครคาบูกิตั้งแต่ พ.ศ.2368 และสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายสิบครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็คงความเป็นผีที่น่ากลัวที่สุดของญี่ปุ่นมาโดยตลอด



อังกฤษ

ประเทศอังกฤษนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี สิ่งก่อสร้างจำนวนมากที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคแรกๆก็ยังคงยืนยงอยู่มาจนทุกวันนี้ หนึ่งในนั้นคือ หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) ซึ่งจะว่ากันจริงๆแล้วหอคอยนี้มีลักษณะเป็นป้อมมากกว่า สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณทศวรรษที่ 6-7 ของศตวรรษที่ 11 ในสมัยของกษัตริย์วิลเลี่ยม และได้รับการต่อเติมจากกษัตริย์องค์ต่อๆมา จนขนาดใหญ่ขึ้นเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ จัดเป็นหอคอยที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก หอคอยแห่งนี้ผ่านเหตุการณ์ที่สำคัญๆ มานับไม่ถ้วน แต่ที่โดดเด่นจนขึ้นชื่อคือ การถูกใช้เป็นที่จองจำและประหารชีวิตคนสำคัญจำนวนมาก ดังนั้น ที่นี่จึงเป็นที่เกิดเหตุการณ์ “หลอน” มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/03/23/334290/o5/420.jpg
เปิดตำนาน วิญญาณสุดเฮี้ยน

หอคอยแห่งลอนดอน

http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/03/23/334290/o6/420.jpg
เปิดตำนาน วิญญาณสุดเฮี้ยน

พระนางแอนน์ โบลีน

http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/03/23/334290/o7/420.jpg
เปิดตำนาน วิญญาณสุดเฮี้ยน

วิญญาณ พระนางแอนน์ โบลีน

วิญญาณหรือผีที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดคือ พระนางแอนน์ โบลีน ผู้เป็นราชินีอยู่ในช่วง พ.ศ.2076-2079 พระนางถูกประหารชีวิตด้วยการตัดพระศอ โดยบัญชาของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 สวามีของพระนางเอง สาเหตุก็เพราะพระนางมักจะขัดแย้งกับพระเจ้าเฮนรี่เป็นประจำ ทำให้ข้าราชบริพารแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ว่ากันว่าพระนางถูกประหารตรงบริเวณที่เรียกว่า Tower Green ดวงวิญญาณของพระนางอาจยังสิงสถิตอยู่ที่นั่น เพราะบางครั้งทหารยามเห็นสตรีนางหนึ่งมีผ้าคลุมศีรษะเดินอยู่ริมระเบียงที่ถูกปิดตาย ที่สุดสยองก็คือ สตรีผู้นั้นถือศีรษะของตนเดินไปด้วย บางครั้งมีคนได้ยินเสียงลากโซ่ตรวนในห้องที่พระนางถูกประหาร ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง บ่อยครั้งที่มีคนเห็นพระนางแอนน์ โบลีน นำทหารในสมัยนั้นและเลดี้หรือสตรีระดับสูงเข้ามาในโบสถ์ที่หอคอยแห่งลอนดอน (Tower Chapel Royal) ภาพเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นแล้วค่อยๆเลือนหายไป เหลือเพียงโบสถ์ที่เงียบวังเวงเช่นเดิม

นอกจากนี้ ยังมีวิญญาณเฮี้ยนที่เคยมีคนเห็นอีกหลายครั้งคือ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6, เซอร์ วอลเตอร์ ราเลย์, เคาน์เตสแห่งซาลิสบิวรี่, เลดี้เจน เกรย์ ฯลฯ


สหรัฐอเมริกา

แม้ว่าประเทศนี้จะมีประวัติศาสตร์มาเพียงสองร้อยกว่าปี แต่การสร้างประเทศจากแผ่นดินที่เรียกว่า “ดิบๆ” ผู้คนของเขาก็ต้องเสียสละเลือดเนื้อกันมานับจำนวนไม่ถ้วนเช่นกัน หลายๆ แห่งในสหรัฐฯ จึงขึ้นชื่อเรื่อง “ผีดุ” ไม่น้อยหน้าประเทศอื่นๆ ที่จะยกตัวอย่างความสยองขึ้นชื่อก็คือที่อิลลินอยส์

คืนอันหนาวเหน็บของเดือนมกราคม พ.ศ.2460 ที่อาคารเพ็มเบอร์ตัน ฮอลล์ หอพักแห่งหนึ่งของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น อิลลินอยส์ นักศึกษาสาวแมรี่ ฮอว์กกินส์ เธอนอนไม่หลับ ทั้งๆ ที่ใกล้เที่ยงคืนแล้ว เธอจงใจไปที่ชั้นสี่ของตัวอาคารเพื่อเล่นเปียโน การกระทำของเธอไปกระทบโสตภารโรงหื่นกระหายคนหนึ่งที่คงเฝ้ารอโอกาสมานานแล้ว มันแอบย่องขึ้นไปยังห้องที่แมรี่เล่นเปียโนอยู่ เธอนั่งหันหลังให้ประตูจึงไม่รู้ว่าภารโรงใจชั่วกำลังมุ่งตรงเข้ามา มันล็อกเธอจากด้านหลัง ชกต่อยเธออย่างหนักเมื่อเธอพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ แมรี่ผู้น่าสงสารถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้า แล้วข่มขืนอย่างไร้ปรานี ก่อนที่คนร้ายจะหนีไปมันยังทุบตีด้วยไม้จนมั่นใจว่าเธอตายสนิท แต่แมรี่ก็ยังไม่สิ้นใจ เธอตะเกียกตะกายพาร่างโชกเลือดคลานลงไปพร้อมทั้งร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเลย จนกระทั่งเธอคลานลงไปถึงชั้นล่างสุด ที่ห้องของผู้ดูแลตึก เธอทั้งกรีดร้องและใช้เล็บตะกุยประตูให้คนข้างในรับรู้ จนในที่สุดความพยายามของเธอก็เป็นผล เมื่อผู้ดูแลตึกได้ยินเสียงตะกุกตะกักนอกห้องจึงเปิดประตูออกมาดู แต่ช้าไปเสียแล้ว...แมรี่ผู้เคราะห์ร้ายขาดใจตายไปต่อหน้าต่อตา ทิ้งรอยเลือดตามทางที่เธอคลานลงมาไว้ให้ดูอย่างสุดสยอง


http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/03/23/334290/o8/420.jpg
เปิดตำนาน วิญญาณสุดเฮี้ยน

เพ็มเบอร์ตัน ฮอล์ ในปี 2516

หลังการตายของแมรี่ ภารโรงใจชั่วหนีหายไร้ร่องรอยและไม่เคยถูกจับมาลงโทษแต่อย่างใด ทิ้งให้วิญญาณของแมรี่ยังคงสิงสถิตอยู่ในหอพักนั้น สร้างความอกสั่นขวัญแขวนแก่บรรดานักศึกษาสาวที่นั่น คนจำนวนมากได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไปเดินมาในอาคารและบันไดของหอพัก ไม่มีใครกล้าโผล่หน้าออกไปจากห้องพักในยามวิกาลแม้สักก้าวเดียว หลายคนเห็นร่างของแมรี่ลอยผ่านกำแพงเข้ามาในห้องนอน บางคนเล่าว่า พวกเธอลืมปิดทีวีหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วจู่ๆ มันก็ปิดไปเองเหมือนมีใครมาช่วยปิด ที่ชวนขนหัวลุกหนักก็คือ บางครามีเสียงดังออกมาจากผนังห้อง ซึ่งหากเอาหูไปแนบกับผนัง จะได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงขอความช่วยเหลือดังอยู่ข้างใน ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ บางคนเห็นรอยเลือดเป็นทางยาวไปตามทางเดิน แล้วก็มีรอยเท้าปรากฏขึ้นบนรอยเลือดนั้น ภาพสุดช็อกนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป

ปัจจุบันนี้อาคารเพ็มเบอร์ตัน ฮอลล์ยังเปิดใช้งานอยู่ เช่นเดียวกับเรื่องวิญญาณเฮี้ยนที่เล่าสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นให้นักศึกษาในหอนั้นเสียวสันหลังเล่น แต่บริเวณชั้นสี่ของตัวอาคารถูกปิดตาย ห้ามนิสิตหรือผู้ใดขึ้นไปดูผีหรือไปดูเปียโนแห่งความหลังอีกต่อไป

นอกจากที่อิลลินอยส์แล้ว ยังมีอีกหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยน เช่น คุกอัลคาทราซ, Athens Lunatic Asylum เมืองเอเธนส์ รัฐโอไฮโอ, อุโมงค์เซี่ยงไฮ้ (Shianghai Tunnels) ในเมืองพอร์ตแลนด์, โรงละคร Dock Street เมืองชาร์ลสตัน เซาท์แคโรไลนา, อาคาร Lalaurie House เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียนา, Hampton Lillibridge House เมืองซาวานนา รัฐจอร์เจีย ฯลฯ


http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/03/23/334290/hr1667/630.jpg
เปิดตำนาน วิญญาณสุดเฮี้ยน


เรื่องราวของแม่นากนั้นคนรุ่นเก่าได้ยินติดหูแต่เด็กรุ่นใหม่อาจไม่รู้ละเอียดนัก เรื่องราวของแม่นากเชื่อกันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เรื่องมีอยู่ว่า นายมากและนางนากเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาก ทั้งสองอยู่ที่พระโขนง ขณะที่นางนากตั้งครรภ์ได้ไม่นาน นายมากก็ได้รับหมายเกณฑ์ให้ไปเป็นทหารที่บางกอก ระหว่างนั้นนางนากถึงกำหนดคลอด ซึ่งสมัยนั้นก็ต้องอาศัยหมอตำแย แต่เนื่องจากลูกในท้องไม่ยอมกลับหัว นางจึงไม่สามารถคลอดลูกได้ ทนทุกข์ทรมานอยู่นาน จนกระทั่งนางทนความเจ็บปวดไม่ไหว สิ้นใจไปพร้อมกับลูกในท้อง ศพของนางถูกนำไปฝังไว้ที่ป่าช้าท้ายวัดมหาบุศย์ ต่อมาเมื่อนายมากกลับจากประจำการ ก็รีบกลับแต่มาถึงบ้านตอนพลบค่ำ เขาพบนางนากคอยอยู่ในรูปลักษณ์เหมือนคนปกติธรรมดา นายมากจึงไม่รู้ว่านางนากนั้นตายไปแล้ว ผีนางนากพยายามไม่ให้ผัวของตนออกไปพบปะกับใคร เพื่อจะได้ไม่รู้ว่านางนั้นตายแล้ว แต่ในที่สุดนายมากก็รู้จนได้ และพยายามหนีออกจากบ้านจนสำเร็จ ทำให้ผีนางนากโกรธมากและออกอาละวาดหลอกหลอนชาวบ้านไปทั่ว กลายเป็นตำนานความเฮี้ยนที่ร่ำลือกันมานับร้อยปี

เรื่องราวของแม่นากและนายมากถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง และเร็วๆ นี้ก็มีบริษัทภาพยนตร์ได้หยิบยกเอาตำนานนี้กลับมาเล่าอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้เป็นการนำเสนอในมุมมองที่แตกต่าง กับเรื่องราวที่ไม่เคยมีใครรู้ของ “พี่มาก” ชายหนุ่มที่แม่นากรักมากที่สุดและผองเพื่อนทั้งสี่ที่เดินทางกลับมาที่พระโขนงด้วยกันจนมาเจอ

แม่นาก ความฮาและความเฮี้ยนจึงบังเกิดกลายเป็นหนังผีคอมเมดี้ โรแมนติก ที่ตั้งชื่อเก๋มากว่า “พี่มาก...พระโขนง” เปิดตำนานวิญญาณสุดเฮี้ยนกันอีกครั้งโดยทีมสร้างที่มากด้วยฝีมือมาร่วมกันสร้างสรรค์ ให้ตำนานผีไทยนั้นไม่น้อยหน้าชาติใดๆ.

 

โดย "ลุงดำ"
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน



Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
เปิดตำนาน เงือกกินคน
ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ 0 2701 กระทู้ล่าสุด 22 ธันวาคม 2552 07:41:21
โดย 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
เปิดตำนาน ป่าคำชะโนด
ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ 3 4893 กระทู้ล่าสุด 23 ธันวาคม 2553 18:53:35
โดย หมีงงในพงหญ้า
เปิดตำนาน เคยมียานพาหนะที่บินได้ในสมัยโบราณจริงหรือ ?
ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
-NWO- 5 5524 กระทู้ล่าสุด 15 พฤศจิกายน 2556 10:43:24
โดย -NWO-
เปิดตำนาน "ป๊อบคอร์น" ของว่างกินเล่นเพลินๆ
สุขใจ ห้องสมุด
Kimleng 0 1630 กระทู้ล่าสุด 11 พฤศจิกายน 2557 15:13:58
โดย Kimleng
อาชูร่า เทพหรือมาร เทพสงครามในตำนานญี่ปุ่น เปิดตำนาน อาชูร่า
ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
มดเอ๊ก 0 513 กระทู้ล่าสุด 09 กุมภาพันธ์ 2566 22:56:18
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.449 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 15 กุมภาพันธ์ 2567 04:28:37