[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 05:45:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พรัดพราก  (อ่าน 2544 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.10 Firefox 3.6.10


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 20 กันยายน 2553 14:44:39 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/IMG00027.jpg
พรัดพราก


<a href="http://www.youtube.com/v/QFNKdMSl2A0?fs=1&amp;amp;hl=en_US" target="_blank">http://www.youtube.com/v/QFNKdMSl2A0?fs=1&amp;amp;hl=en_US</a>


รู้ทั้งรู้ว่าคนเราทุกคนหนีความตายไม่พ้น และก็รู้ว่าเมื่อมีการตายต้องมีการ

พลัดพรากจากกันเป็นของธรรมดาทุกวันไหว้พระสวดมนต์และใส่บาตรทุกวันพระตาม

ที่ได้รับคำแนะจากพระและเพื่อนฝูงแต่ไม่เห็นดีขึ้นแลยยิ่งนานวันยิ่งทำใจไม่ได้

พยายามทำใจที่จะไม่คิดพยายามที่จะลืมแต่มันแว๊บมาเอง อย่างที่บอกว่ายิ่งนานวันดู

เหมือนทำใจไม่ได้เลยจึงขอเมตตาจากท่านผู้รู้ว่าจะมีวิธีไหนหรือมีธรรมะข้อไหน

อย่างไร ช่วยให้หายความเศร้าโศกได้บ้างกราบขอบพระคุณ



พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา เพื่อการดับ

ทุกข์ใน{วัฏฏะ}ทั้งหมดผู้ที่ฟังพระธรรมแล้วเกิดปัญญารู้ความจริงจึงดับทุกข์ทางใจ

{ดับโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส} ความเศร้าโศกได้สำหรับผู้ที่ปัญญายังไม่ถึงก็ย่อม

ยังมีความทุกข์ความเศร้าโศกเป็นธรรมดาแต่จะน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรมดังนั้น..........................

การศึกษาพระธรรมจนค่อย ๆ เข้าใจขึ้นจนปัญญาสมบูรณ์จึงเป็นหนทางเพื่อการดับ

ทุกข์ทั้งหมดได้อย่างน้อยขณะที่รู้ว่าความเศร้าโศกเป็นธรรมะอย่างหนึ่งขณะนั้นก็

ความเศร้าก็เริ่มคลายลงได้แม้การเจริญกุศลอื่นๆก็ช่วยบรรเทาความโศกเศร้าได้



ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร ? สตรี บุรุษ

คฤหัสถ์หรือบรรพชิตจึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่าเรามีความตายเป็นธรรมดา

ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายความมัวเมาในชีวิตมีอยู่แก่สัตว์

ทั้งหลายซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อ

เขาพิจารณาฐานะนั้นอยู่เนือง ๆ ย่อมละความมัวเมาในชีวิตนั้นได้โดยสิ้นเชิง

หรือทำให้เบาบางลงได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล

สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีความ

ตายเป็นธรรมดาไม่ล่วงพ้นความตายไปได้



พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก - ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 140


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2553 15:44:59 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.10 Firefox 3.6.10


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 20 กันยายน 2553 15:13:39 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/IMG00027.jpg
พรัดพราก


ใน{เอกาทสนิบาต}คาถาว่า.....{กลฺยาณมิตฺตตา} เป็นต้นเป็น

คาถาของ{พระกีสาโคตมีเถรี}มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้....................................

ได้ยินว่าพระเถรีรูปนี้ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า{ปทุมุตตระ}

ก็บังเกิดในเรือนสกุลกรุงหังสวดี รู้เดียงสาแล้ววันหนึ่งฟังธรรม

ในสำนักพระศาสดาเห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่ง

เอตทัคคะ เป็นเลิศของเหล่าภิกษุณีผู้ทรงจีวรปอนก็สร้างสมกุศลให้ยิ่ง ๆ

ขึ้นไปท่องเที่ยวอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัปล์ในพุทธุปบาทกาลนี้ก็

บังเกิดในสกุลเข็ญใจ{กรุงสาวัตถี}ชื่อของนางว่า{โคตมี}แต่เพราะตัวผอม  

เขาจึงเรียกว่า กีสาโคตมีนางไปมีสามีบิดามารดาและญาติดูหมิ่นว่าเป็น

ลูกสาวของสกุลเข็ญใจนางคลอดลูกชายออกมาคนหนึ่งเพราะได้ลูกชาย  

บิดามารดาและญาติก็ทำสัมมานะยกย่องนางแต่ลูกชายนางก็ตายเสียขณะที่

วิ่งเล่นได้ด้วยเหตุนั้นนางจึงเกิดบ้าเพราะความเศร้าโศก

นางคิดว่าเมื่อก่อนเราถูกดูหมิ่นนับตั้งแต่ลูกชายเราเกิดก็ได้รับ

ยกย่องคนเหล่านี้พยายามจะทิ้งลูกชายเราไว้ข้างนอกจึงอุ้มร่างลูกชายที่ตาย

แล้วไปโดยความบ้าเพราะความเศร้าโศกตระเวนไปในนครตามลำดับ

ประตูเรือนโดยกล่าวขอร้องว่าขอท่านโปรดให้ยาแก่ลูกชายของข้าด้วยเถิด  

ผู้คนทั้งหลายบริภาษด่าว่าจะเอายาแก้ตายมาแต่ไหนนางก็ไม่เชื่อคำของ

คนเหล่านั้นครั้งนั้นชายบัณฑิตผู้หนึ่งคิดว่าหญิงคนนี้จิตฟุ้งซ่านเป็น

บ้าเพราะโศกเศร้าถึงลูกชายพระทศพลเท่านั้นคงจักทรงรู้จักยาสำหรับหญิง

คนนี้จึงกล่าวว่า แม่คุณไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วทูลถามถึงยาสำหรับ

ลูกชายของแม่นางสินางไปพระวิหารเวลาพระศาสดาทรงแสดงธรรมทูล

ถามว่าข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดทรงประทานยาสำหรับลูกชายของ

ข้าพระองค์ด้วยเถิดพระศาสดาทรงเห็นอุปนิสัยของนางจึงตรัสว่าไปสิ    

เข้าพระนครเรือนหลังใดไม่เคยมีคนตายจงนำเมล็ดผักกาดจากเรือนหลัง

นั้นมานางรับพระพุทธดำรัสว่า ดีละพระเจ้าข้า ดีใจก็เข้าพระนครไปในเรือน

หลังแรกพูดว่า พระศาสดาโปรดให้ข้านำเมล็ดผักกาดไปเพื่อทำยา

สำหรับลูกชายของข้าถ้าในเรือนหลังนี้ไม่เคยมีใคร ๆ ตายโปรดให้

เมล็ดผักกาดแก่ข้าด้วยเถิดคนในเรือนหลังนั้นกล่าวว่าใครเล่าจะสามารถนับ

คนที่ตายไปแล้วในเรือนหลังนี้ได้นางไปเรือนหลังที่สอง - สามด้วยพุทธา

นุภาพก็หายบ้าอยู่ในปกติจิตจึงคิดว่าจะประโยชน์อะไรด้วยเมล็ดผักกาด

นั้นพอกันทีสำหรับเมล็ดผักกาดในที่นี้นางคิดว่าธรรมเนียมนี้นี่

แหละคงจักมีทั่วพระนครความจริงนี้คงจักเป็นข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรง

อนุเคราะห์ด้วยหวังดีทรงเห็นแล้วก็ได้ความสลดใจจากที่นั้นก็ออกไป

ข้างนอกทิ้งลูกชายที่ป่าช้าผีดิบกล่าวคาถานี้ว่า

ธรรมคือ {อนิจจตา}ความไม่เที่ยงมิใช่เป็น{ธรรม}

ของชาวบ้านมิใช่ของชาวนิคมและมิใช่ของตระกูล

หนึ่งหากแต่เป็นธรรมของชาวโลกทั้งหมดรวมทั้งเทวโลกด้วย

ก็แลนางครั้นกล่าวอย่างนี้แล้วก็ไปเฝ้าพระศาสดาพระศาสดาตรัส

ถามนางว่าโคตมีเจ้าได้เมล็ดผักกาดมาแล้วหรือนางกราบทูลว่าข้า

แต่พระองค์ผู้เจริญกิจกรรมเมล็ดผักกาดเสร็จแล้ว พระเจ้าข้าขอทรงโปรด

เป็นที่พึ่งของข้าพระองค์ด้วยเถิดลำดับนั้นพระศาสดาตรัสคาถาแก่นางว่า

{มฤตยู}ย่อมพานรชนผู้มัวเมาในบุตรและสัตว์เลี้ยงมีใจฟุ้งซ่านไปเหมือน

กระแสน้ำหลากขนาดใหญ่พัดพาชาวบ้านที่มัวหลับใหลไปฉะนั้น

จบคาถานางก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลตามอาการที่ยืนอยู่ทูล

ขอบรรพชากะพระศาสดาพระศาสดาทรงอนุญาตให้บรรพชาในสำนักของ

ภิกษุณีนางถวายบังคมพระศาสดา ทำประทักษิณเวียนขวา ๓ รอบแล้วไป

สำนักภิกษุณีบรรพชาอุปสมบทแล้วไม่นานนักทำ{โยนิโสมนสิการ}เจริญ

วิปัสสนาครั้งนั้นพระศาสดาตรัสพระคาถาประกอบด้วยโอภาสแก่นางดังนี้ว่า

ผู้เห็น{อมตบทมีชีวิตอยู่วันเดียวยังประเสริฐ}

ว่าผู้ไม่เห็นอมตบทมีชีวิตอยู่ถึง ๑๐๐ ปี

จบพระคาถานางก็บรรลุพระอรหันต์ในการใช้สอยบริขาร

ก็อุกฤษฏ์อย่างยิ่งครองแต่จีวรที่ประกอบด้วยความปอน ๓ อย่างครั้งนั้น

พระศาสดาประทับอยู่ ณ.พระเชตวันวิหารกำลังทรงสถาปนาพระภิกษุณีทั้ง

หลายไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะตามลำดับก็ทรงสถาปนาพระเถรีไว้ในตำแหน่ง

{เอตทัคคะ}เป็นเลิศของเหล่าภิกษุณีผู้ทรงจีวรปอน พระเถรีนั้นพิจารณาการ

ปฏิบัติของตนคิดว่าเราอาศัยพระศาสดาจึงให้คุณวิเศษนี้ได้กล่าวคาถา

เหล่านั้นโดยมุข คือ การสรรเสริญกัลยาณมิตรว่า

เฉพาะโลกพระมุนีทรงสรรเสริญความเป็นผู้มี

กัลยาณมิตรคนเมื่อคบกัลยาณมิตรแม้เป็นพาลก็พึง

เป็นบัณฑิตได้บ้างควรคบแต่สัตบุรุษคนดีคนคบสัตบุรุษปัญญา

ย่อมเจริญได้เหมือนกับคนคบสัตบุรุษจะพึงพ้นจาก

ทุกข์ได้ทุกอย่าง

บุคคลพึงรู้จักอริยสัจแม้ทั้ง ๔ คือทุกข์ ทุกข -

สมุทัยทุกขนิโรธและมรรคมีองค์ ๘ ฯลฯ



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔- หน้าที่ 302


อรรถกถาเอกาทสกนิบาต ๑{อรรถกถากิสาโคตมีเถรีคาถา}

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2553 15:44:06 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 20 กันยายน 2553 20:03:18 »

ทุกสิ่งล้วนอนัตตา

ถ้าเอาตัวเราไปผูกไว้ก็เกิดทุกข์ สาธุ
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: ตาย ตรัสรู้ ปรินิพพาน พระพทธเจ้า ศาสดาเอก ของโลก พรัดพราก ธรรม dhamma 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.239 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 14 กุมภาพันธ์ 2567 06:46:55