[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
04 ธันวาคม 2567 07:41:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อนุศาสนาจารย์ ตำแหน่งพระราชทานรัชกาลที่ ๖  (อ่าน 4219 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5773


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 12 มิถุนายน 2557 13:16:49 »

.


พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ ๖)  

อนุศาสนาจารย์ ตำแหน่งพระราชทานรัชกาลที่ ๖

"อนุศาสนาจารย์" หรือคำย่อว่า "อศจ." เป็นตำแหน่งทางทหาร ที่ได้รับพระราชทานมานานถึง ๙๕ ปี ด้วยพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยทหารไทยในสงครามโลกครั้งที่ ๑

ในปีพุทธศักราช ๒๔๖๑ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงกลาโหมจัดส่งกองทหารอาสา ไปช่วยราชสัมพันธมิตรในงานพระราชสงคราม (สงครามโลกครั้งที่ ๑) ณ ปารีส ประเทศฝรั่งเศสแล้ว  ทรงมีพระราชปรารภว่ากองทหารที่โปรดเกล้าฯ ให้ส่งไปแล้ว นั้น เป็นอันได้จัดดีทุกสิ่ง แต่ยังขาดสิ่งสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง คือ "อนุศาสนาจารย์" ที่จะเป็นผู้ปลุกใจทหาร หาได้จัดส่งไปด้วยไม่ จึงทรงเลือก รองอำมาตย์ตรี อยู่ อุดมศิลป์ เปรียญธรรม ๙ ประโยค ซึ่ง รับราชการอยู่ในกรมราชบัณฑิต กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) ให้เป็นอนุศาสนาจารย์ตามกองทหารออกไปยังประเทศยุโรป โดยทรงมีพระราชปรารภว่า ..."ทหารที่จากบ้านเมืองไปคราวนี้ต้องไปอยู่ในถิ่นไกล ไม่ได้พบเห็นพระเหมือนอยู่ในบ้านเมืองของตน จิตใจจะเหินห่างจากทางธรรม ถึงยามคะนองก็จะฮึกเหิมเกินไป เป็นเหตุให้เสื่อมเสียไม่มีใครจะคอยให้โอวาทตักเตือน ถึงคราวทุกข์ร้อนก็จะอาดูรระส่ำระสาย ไม่มีใครจะช่วยปลดเปลื้องบรรเทาให้ ดูเป็นการว้าเหว่น่าอนาถ ถ้ามี อนุศาสนาจารย์ ออกไป จะได้คอยอนุศาสน์พร่ำสอนและปลอบโยนปลดเปลื้องในยามทุกข์"

สำหรับอนุศาสนาจารย์ ทำหน้าที่อย่างที่พระสงฆ์ควรทำ แต่พระสงฆ์ไปในสมรภูมิไม่ได้ ขัดด้วยการแต่งกายและเหตุอื่นๆ จึงต้องใช้คฤหัสถ์ซึ่งเป็นเปรียญ และเคยอุปสมบทแทน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๖๒ กระทรวงกลาโหมจึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตตั้งกองอนุศาสนาจารย์ขึ้นในกองทัพบก พร้อมทั้งให้รองอำมาตย์ตรี อยู่ อุดมศิลป์ ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณต่อไป ในตำแหน่งหัวหน้าอนุศาสนาจารย์ โดยขอโอนจากกระทรวงธรรมการ มารับราชการในกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๖๒
...น. ๒๘ หนังสือพิมพ์รายวันข่าวสด ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗



รองอำมาตย์ตรี อยู่  อุดมศิลป์

ปฐมอนุศาสนาจารย์ กองทัพไทย

รองอำมาตย์ตรี อยู่  อุดมศิลป์ (พระธรรมนิเทศทวยหาญ) นามเดิมอยู่  สกุล อุดมศิลป์ ตั้งบ้านเรือนอยู่ตำบลตรอกข้าวหลาม อำเภอหัวลำโพง จังหวัดพระนคร เป็นบุตรนายด้วง นางพร้อม เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๔ ปีมะเส็ง

เมื่อยังเยาว์ บิดามารดาให้ศึกษาอักษรเบื้องต้นที่บ้านก่อน ต่อมาจึงนำฝากให้เรียนในสำนักวัดเทพศิรินทร์  ถึงปีมะโรง พุทธศักราช ๒๔๓๕ อายุได้ ๑๒ ขวบ บรรพชาเป็นสามเณรในสำนักนั้น  โดยพระธรรมไตรโลกาจารย์ (เดช) เมื่อยังเป็นพระเทพกวี เป็นพระอุปัชฌายะ

ครั้นบวชแล้วคงอยู่ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักนั้น จนจบชั้นเปรียญโท  ถึงปีกุน พ.ศ. ๒๔๔๒ สอบได้เปรียญเอก เทียบ ๗ ประโยค มหามกุฎราชวิทยาลัยตั้งให้เป็นครูเอกโรงเรียนภาษาบาลีวัดเทพศิรินทร์ ในศกนั้นด้วย

ลุปีขาล พ.ศ. ๒๔๔๕ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ อุปสมบท ณ วันที่ ๘ กรกฎาคม มีนิยมนามตามภาษามคธว่า เขมจาโร  สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งนั้นยังเสด็จดำรงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นฯ เป็นพระอุปัชฌายะ  สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวโร เจริญ) ยังดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชมุนี เป็นพระอุปสัมปทาจารย์

อุปสมบทแล้วคงอยู่ในพระอารามนั้นไปศึกษาเล่าเรียนในสำนักสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส เข้าแปลพระปริยัติธรรม ณ สนามวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้ประโยค ๘ ในปีนั้น รุ่งขึ้น พ.ศ. ๒๔๔๖ แปลได้ประโยค ๙

ถึง พ.ศ. ๒๔๕๒ ทรงตั้งเป็น พระอมราภิรักขิต ที่พระราชาคณะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ ในฝ่ายเทศนาก็ทรงตั้งให้เป็นคณาจารย์เอก และสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ โปรดให้เป็นกรรมการสนามหลวง และกรรมการในมหาเถรสมาคมด้วยองค์หนึ่ง ต่อมาขอพระบรมราชานุญาตลาสิกขา ณ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๙

เข้ารับราชการในกรมราชบัณฑิต กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการปัจจุบัน) ได้รับพระราชทานยศเป็นรองอำมาตย์ตรี

ต่อมา เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ ได้รับพระบรมราชโองการให้เป็นอนุศาสนาจารย์ ไปกับกองทัพในราชการสงคราม ประจำ ณ กองทูตทหารกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และเมื่อเสร็จสิ้นสงครามแล้ว เดินทางกลับมาได้รับการโอนไปเป็นหัวหน้ากองอนุศาสนาจารย์ และได้รับพระราชทานยศเลื่อนเป็น รองอำมาตย์เอก และ อำมาตย์ตรีพระธรรมนิเทศทวยหาญ สังกัดกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๒ นับเป็น ปฐมอนุศาสนาจารย์ ของกองทัพไทย

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มิถุนายน 2557 13:18:26 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.252 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 27 พฤศจิกายน 2567 22:56:57