[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 18:22:49 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปาฏิหาริย์พระบรมธาตุเจดีย วัดพระบรมธาตุวรวิหาร จังหวัดชัยนาท  (อ่าน 4472 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 07 ตุลาคม 2556 16:30:08 »

1



ปาฏิหาริย์ พระบรมธาตุเจดีย์
วัดพระบรมธาตุวรวิหาร  อำเภอเมือง  จังหวัดชัยนาท

เรื่องราวที่จะนำเสนอนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัดพระบรมธาตุวรวิหาร  ซึ่งมีพระบรมธาตุเจดีย์  สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดชัยนาทมาแต่ครั้งราชธานีกรุงศรีอยุธยา  โดยมีตำนานกล่าวถึงที่มาของการสร้างพระบรมธาตุ และเหตุอัศจรรย์เกี่ยวกับอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือปาฏิหาริย์ปรากฏเล่าขานสืบต่อมาจนปัจจุบัน

วัดพระบรมธาตุวรวิหาร เดิมชื่อ วัดพระธาตุ สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ยุคขอมเรืองอำนาจในแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา  

ปัจจุบันวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร มีพื้นที่ ๓๑ ไร่ ๑ งาน ๒๔ ตารางวา อยู่ห่างจากตัวเมืองชัยนาทประมาณ ๔ กิโลเมตร อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บ้านท้ายเมือง หมู่ ๖ ตำบลชัยนาท อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท  

และเนื่องจากวัดตั้งอยู่บ้านท้ายเมือง จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดท้ายเมือง
 
มีตำนานพื้นบ้านเล่ากันว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่งลงไปสรงน้ำที่หน้าวัดในเวลาจวนจะพลบค่ำได้ยินเสียงวัตถุกระทบขันตักน้ำ และเห็นแสงเป็นประกายจึงหยิบมาดูก็แน่ใจว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ จึงอัญเชิญบรรจุไว้ใน องค์พระเจดีย์  เล่าขานกันว่าเมื่อถึงวันดีคืนดีพระบรมสารีริกธาตุจะแผ่รังสีฉายรัศมีพวยพุ่งออกจากซุ้มพระนาคปรกทั้งสี่ทิศ ฉายแสงสว่างไสวจับทั่วองค์เจดีย์พระบรมธาตุเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

ลักษณะขององค์พระเจดีย์ สร้างด้วยศิลาแลงทั้งองค์ ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม รองรับซุ้มจระนำทั้งสี่ด้าน ลักษณะใกล้เคียงกับซุ้มจระนำที่เจดีย์วัดภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันนักโบราณคดียังมีความเห็นแตกต่างเกี่ยวกับลักษณะของพระเจดีย์  บางท่านก็ว่าเป็นศิลปะแบบอู่ทอง บ้างก็ว่าเป็นศิลปะแบบสุโขทัยเนื่องจากมีอิทธิพลศิลปะศรีวิชัยผสมผสานอยู่ด้วย
 
ตามหลักฐานและจารึกยืนยันปรากฏอยู่ที่วัดพระบรมธาตุวรวิหารแห่งนี้  เชื่อได้ว่าองค์พระเจดีย์ได้รับการบูรณะมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ได้แก่ สมัยพระยาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ  และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา สืบต่อมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์  เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานวิสุงคามสีมาแก่วัดแห่งนี้  

และเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์มาที่จังหวัดชัยนาท เพื่อทอดพระเนตรการก่อสร้างเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระธาตุ หรือวัดท้ายเมืองเป็นแห่งแรกก่อนปฏิบัติพระราชกรณียกิจอื่น  

 หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามวัดแห่งนี้ให้ใหม่ นามว่า วัดพระบรมธาตุวรวิหาร และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิด “วรวิหาร”

 


ตามประวัติกล่าวว่าพระบรมธาตุเจดีย์ศรีไชยนาท สร้างสมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ซึ่งสอดคล้องกับพระราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ และกรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ซึ่งทรงพระราชวินิจฉัยสอดคล้องกันว่า  “สร้างมาก่อนสมัยขอม จำหลักจากหินทั้งองค์ แปลกกว่าพระเจดีย์องค์อื่น เป็นฝีมือช่างอินเดีย”

พระเจดีย์องค์นี้บรรจุพระเกตุธาตุลงในพระปรางค์ องค์เจดีย์เป็นทรงกลมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งต่อมุมขึ้นไปรองรับ ใต้องค์ระฆังมีซุ้มจระนำเล็กๆ ทั้ง ๔ ด้าน ภายในประดิษฐานพระปรางค์นาคปรกทั้ง ๔ ทิศ

หน้าบันของซุ้มจระนำมีสองชั้นซ้อนกัน มีปูนปั้นประดับเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบเหนือฐานบัวหงาย ๔ กลีบอยู่ตรงกลาง หน้าตักกว้าง ๒๓ เซนติเมตร สูงจากฐานจรดพระเศียร ๓๑ เซนติเมตร ทรงจีวรแบบห่มตอง หรือห่มเฉียง ผ้าสังฆาฏิพาดลงมาเกือบถึงฝ่าพระบาท  ลักษณะของพระเศียรและพระพักตร์มีเค้าของศิลปะลพบุรีหรืออู่ทองรุ่นแรก  

ระหว่างซุ้มจระนำนี้มีผนังทำเป็นมุมเหลี่ยม ขึ้นไปรองรับองค์ระฆัง และเหนือมุมระหว่างหน้าบันของซุ้มจระนำยังทำเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปอีกหลายองค์เรียงรายอยู่โดยรอบ จากนั้นถึงองค์ระฆังทรงกลมรองรับ ปลีย่อส่วนบนสุดมีลักษณะเป็นโลหะประดับ ทำนองเป็นฉัตรประดับอีกต่อหนึ่ง จัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบอู่ทอง (อยุธยาตอนต้น) ที่นิยมใช้เจดีย์เล็กๆ ประดับ


ปาฏิหาริย์ พระบรมธาตุเจดีย์
๑. สมัยสงคราม พม่าได้นำช้างหลายเชือกมาลากพระธาตุให้ล้มเพื่อทำลายและเอาสมบัติที่ฝังอยู่ภายใน
    แต่ลากเท่าไรพระธาตุก็ไม่ล้ม จนพม่าหมดความหวังและยกเลิกไป
๒. ครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้เดินทางมามานมัสการพระบรมธาตุเจดีย์
    แล้วอธิษฐานว่าถ้าพระธาตุนี้ศักดิ์สิทธิ์ขอให้พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ เมื่อเสด็จกลับก็ได้ขึ้นครองราชย์จึงกลับมานมัสการอีกครั้ง
๓. พระบรมธาตุเกิดปาฏิหาริย์สิ่งมหัศจรรย์  เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ตามตำนานที่ท่านผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า เมื่อถึงวันดีคืนดี
    พระบรมสารีริกธาตุจะแผ่รังสี ฉายรัศมีพวยพุ่งออกจากซุ้มพระนาคปรกทั้งสี่ทิศ ฉายแสงสว่างไสว
    จับทั่วองค์เจดีย์พระบรมธาตุเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง มักจะปรากฏในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
    เช่น วันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา หรือวันมาฆบูชา มักจะปรากฏการณ์เป็นบางปี มิใช่ทุกๆ ปี
๔. เรื่องแปลกของพุทธเจดีย์ ไม่ได้หมายถึงลักษณะภายนอกขององค์พุทธเจดีย์
    สิ่งที่แปลกนั่นคือพระพุทธเจดีย์เป็นศิลาแลงเป็นก้อนเดียวกันทั้งองค์
    ยังมีเร้นลับอยู่ภายใต้คอระฆังลงไปภายในองค์เจดีย์คือมีช่องว่างหรือภายในเจดีย์กลวง ซึ่งอยู่ตรงซุ้มพระนาคปรก
    หลังวิหาร มีอยู่ซุ้มเดียวหลังพระนาคปรกทิศตะวันออก  คือท่านหันหลังให้วิหาร หันหน้าไปทางเจดีย์ มีซุ้มเดียว
    มีช่องพอมือของเราล้วงเข้าไปได้ นั้นแหละช่องฝากเงินทำบุญกับพระธาตุ และของมีค่า  
    ได้นำใส่ลงไปในช่องตามเจตนาของคนสมัยก่อน แต่สิ่งที่ลี้ลับมีความสงสัยก็คือ เวลานำของใส่ในช่องทำบุญแล้วเอาหูฟัง
    เราจะได้ยินเสียงวัตถุที่ทิ้งลงไปนั้นไปกระทบข้างๆ เจดีย์ จะได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊กๆ นานเล็กน้อยแล้วจะได้ยินเสียงวัตถุ
    ที่ทิ้งลงไปตกถึงน้ำดังจุ๋ม  สันนิษฐานว่าใต้องค์เจดีย์พระธาตุมีสระน้ำรองรับอยู่ด้านล่าง จึงนับว่าแปลกกว่าพุทธเจดีย์องค์อื่นๆ

ต่อมาทางวัดได้พิจารณาถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากคนสมัยก่อนเขานำวัตถุเงินทองสิ่งของอันมีค่าทิ้งลงไปเพื่อเป็นการบูชาและทำบุญฝากเงินไว้  แต่ต่อมาคนรุ่นหลังได้เห็นเป็นเรื่องเล่น ได้นำเอาก้อนกรวด ก้อนอิฐ ทิ้งลงไปเพื่อจะฟังเล่น เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น  ทางวัดเห็นว่าไม่สมควรจึงทำการปิดช่องฝากเงินนั้น ปิดมาประมาณ ๒๐ ปีเศษ  ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการเสียหายกับสิ่งที่เราต้องเคารพบูชากราบไหว้ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์และเป็นมรดกตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน

วัดพระบรมธาตุแห่งนี้ ในอดีตเป็นสถานที่ประกอบพิธีพุทธาภิเษกของพระมหากษัตริย์  มีพระวิหารเก้าห้อง อายุกว่า ๗๐๐ ปี สันนิษฐานว่าสร้างพร้อมกับเจดีย์พระบรมธาตุ ภายในวิหารมีบ่อน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มีน้ำออกมาตามธรรมชาติ  

ภายในวิหารมี หลวงพ่อเพชรจำลอง (องค์เดิมพระมหาธรรมราชาลิไท ทรงสร้างไถ่เมืองชัยนาทคืนจากพระเจ้าอู่ทอง ขณะนี้กรมศิลปากรนำไปรักษาไว้)

ส่วนในพระอุโบสถ มีหลวงพ่อทอง พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ลงรักปิดทองปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๓๒๐ เซนติเมตร  สูง ๔๓๐ เซนติเมตร เป็นพระประธาน ประดิษฐานมาแต่ดั้งเดิม  ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๘ กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน

ประเด็นปัญหาที่กำลังถูกสังคมจับตามองในวันนี้คือ หลวงพ่อทอง เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ และทวีความเสียหายมากขึ้นทุกขณะ พระครูศรีปริยัติอุเทศ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ได้ทำหนังสือยื่นขอทำการบูรณะซ่อมแซมถึงสำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ แต่ยังไม่มีการตอบรับหรือสั่งการใดๆ ลงมา










Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 กันยายน 2558 10:36:31 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
พระอินทโมลี (ช้าง) วัดบรมธาตุ จังหวัดชัยนาท
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
ใบบุญ 0 119 กระทู้ล่าสุด 11 ธันวาคม 2566 12:25:29
โดย ใบบุญ
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.431 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 28 กุมภาพันธ์ 2567 17:57:32