[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 03:31:28 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง กรรมทั้งสามทวาร กรรมอันไหน ที่ให้ผล ร้ายแรง กว่ากัน  (อ่าน 2342 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 23 กันยายน 2553 14:01:51 »

พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง"กรรมทั้งสามทวาร"
กรรมอันไหนที่ให้ผลร้ายแรงกว่ากัน


http://i196.photobucket.com/albums/aa72/nado3009/p47.jpg
พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง กรรมทั้งสามทวาร กรรมอันไหน ที่ให้ผล ร้ายแรง กว่ากัน




พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง"กรรมทั้งสามทวาร"กรรมอันไหนที่ให้ผลร้ายแรงกว่ากัน

"การเข้าสู่ธรรมชาติของมนุษย์นั้น ต้องยืมสายพระเนตรของพระพุทธเจ้า
มีพระสูตรพูดถึงฐานะและอฐานะ ความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้
ในหมวดธรรมที่ว่าด้วยความเป็นไปได้นั้น ท่านอธิบายว่า มนุษย์ปุถุชน
ทุกคนเป็นไปได้ที่จะปลงชีวิตพ่อแม่หรือพระพุทธเจ้าหรือพระ อรหันต์ได้
คือคนธรรมดาทุกคน โอกาสที่จะทำอย่างนั้นมี แต่สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้สำหรับ
พระโสดาบันผู้บรรลุกระแสธรรมแล้ว

ข้อนี้ผมเข้าใจว่าจะนำไปสู่ความเข้าใจและเห็นใจบุคคลที่เรามักจะมอง
หรือตัดสินเขาเป็นฆาตกรโดยกำเนิดหรือมีสันดานเป็นฆาตกร
คนธรรมดาทั่วไปที่เรียกว่ากัลยาณชนหรือคนดีนั้น โอกาสที่ฆ่าพ่อแม่ก็มี
ถ้ามีความบีบคั้นหรือลืมสติอย่างรุนแรง
แม้พระโพธิสัตว์ในเรื่องชาดก เมื่อแม่ขัดขวางการปฏิบัติธรรมถึงกับ
ทำร้ายร่างการแม่"

"คนร้ายหรือฆาตกรน่าจะไดัรับการดูแลเพื่อปรับกระบวนทัศน์ด้วยวิธีหนึ่งวิธีใด
มีสิ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญมากก็คือการเคารพชีวิต ไม่ได้หมายถึงการเคารพชีวิต
ของคนดี คนที่ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น"

"ดูตัวอย่างจากพระไตรปิฎกบ้าง เรื่องของการลงทัณฑ์ คราวหนึ่งมีการถกประเด็น
ในเรื่องของทัณฑะสาม คือการลงทัณฑ์ในสามทวาร กายทัณฑะ วจีทัณฑะ มโนทัณฑะ
ถกกันว่าอันไหนมีผลร้ายแรงกว่ากัน ระหว่างกายกรรม มโนกรรม และวจีกรรม
คือเรื่องหลักกรรมในพุทธศาสนานั่นเอง ศาสดาฝ่ายลัทธิหนึ่ง ก็บอกว่ากายทัณฑะแรงกว่า
อย่างเราคิดจะฆ่าเขา เป็นมโนกรรม แต่เราก็ไม่ได้ฆ่าเขาสักหน่อย
เราด่าเขาเป็นวจีกรรม ก็ยังน้อยกว่าตี ดังนั้นการทัณฑะคือการลงทัณฑ์
ทางกายซึ่งแรงกว่า ดังนั้นโทษย่อมแรงตาม ก็ดูจะเข้ากับสามัญสำนึกของคนส่วนใหญ่
แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้คิดอย่างนั้น พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า มโนกรรมแรงกว่า
การคิดร้ายส่งผลรุนแรงต่อชีวิตมากกว่า ฟังดูอาจไม่ค่อยเข้าเหตุเข้าผลสักเท่าไร
เพราะน้ำหนักดูน้อยมาก จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่านต้องยกอุปมา อุปมัยว่า
สมมุติมีชายคนหนึ่งเป็นนักโทษฆ่าคน เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตามจับไปลงโทษ
แต่นักโทษคนนั้นไปล้มตายเอง พระพุทธเจ้าทรงถามว่า แล้วเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
ต้องตามจับร่างกายของเขาที่ตายแล้วไปขังหรือปล่าว ถ้ายืนยันว่ากายทัณฑะ
สำคัญกว่าก็ต้องจับไปขังอีก แต่ในความเป็นจริงคือเราไม่ขังคนที่ตายแล้วอีก
ท่านก็สรุปว่า ในบรรดากรรมทั้งสามทวารนั้น มโนกรรมแรงกว่า หากปราศจาก
การดำริร้ายแล้ว การทำร้ายจะไม่มี การด่าว่าจะไม่มี การฆ่ากันทำร้ายกันจะไม่มี
ทุกอย่างมันเริ่มที่จิตก่อน"



Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 23 กันยายน 2553 14:05:17 »

"ถ้าเรามองในแง่นี้ เรามาสู่บทสรุปที่ว่า จิตฝึกให้เข้าสู่ขบวนการอหิงสาได้ ผู้ที่เข้าใจว่า
จิตฝึกไม่ได้ เนื่องจากยึดถือเรื่องกรรมเก่าผิดๆว่าคนอย่างนี้หรือคนคนนี่ไม่มีทางสั่งสอนได้
เป็นความยึดติดในความรู้สึกส่วนตัวเกินไป การให้อภัยคนนี่เราสามารถทำได้อย่างถึงที่
แต่สำหรับบางคนอาจไม่ยอมให้อภัย ที่จริงสังคมไทยเรามีประสบการณ์ในเรื่องการ
กล่อมเกลาชีวิตของนักโทษ การให้บทเรียน ข้อคิด เช่น นิมนต์พระไปเทศนาก่อน
การประหาร เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่การเทศนานั้นมักเป็นเรื่องปลอบใจมากกว่า"

"ที่จริงการฆ่าคน ในขณะที่ฆ่า จิตหวั่นไหวทั้งนั้น สำหรับชาวพุทธแล้ว การฆ่าไม่ว่ารูปแบบใดๆ
ไม่พึงปรารถนาทั้งสิ้น
นอกเหนือจากไม่ฆ่าแล้ว เรายังต้องเมตตาต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ ต่อสัตว์ด้วย นอกจาก
ไม่ขโมยแล้ว เรายังต้องบริจาคทาน นอกจากไม่ผิดลูกเมียเขาอื่นแล้ว สำหรับคนที่
เคร่งครัดยังต้องรักษาพรหมจรรย์ นอกจากไม่พูดเท็จต้องกล่าวคำสัตย์จริงด้วย
นอกจากไม่เสพของมึนเมาพร่าสติตนเองแล้ว เรายังต้องเจริญสติแล้ว มองในแง่ทฤษฎีเรามีหลัก

ทีนี้ในแง่ปฏิบัติ ภาวะจำยอม ภาวะจำเป็นมันมี ดังนั้นจะหาคนดีที่ปฏิบัติศีลทุกข้อ หายาก
พระวินัยไม่ใช่กรอบหรือคอกแต่พระวินัยหรือระเบียบเหล่านั้นเป็นเหมือนรั้วสะพาน
ถ้าคนแข็งแรงจริงๆ ไม่ต้องพึ่งสะพานก็ได้ เขาเดินข้ามแผ่นไม้แผ่นเดียวก็ได้
แต่คนทั่วไปอ่อนแอ ผมเชื่ออย่างนั้นนะ ดังนั้นเราจึงต้องพึ่งราวสะพาน เพื่อเกาะ
เพื่อไต่ต่อไป แต่ถ้าใครเข้าใจผิดต่อราวสะพานยึดราวสะพานแล้วไม่เดินก็เป็นปัญหาอันใหม่
คือพวกยึดมั่นถือมั่นพระวินัย ก็เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาปัญญาได้"

"การฆ่าไม่ว่ารูปแบบใดๆ ถือเป็นบาปทั้งสิ้น ส่วนการปฏิบัติผมได้บอกแล้วว่ามนุษย์มี
ข้อปฏิบัติอยู่ไม่น้อยชาวบ้านเขาฆ่าปลาก็จริงแต่ฆ่าเพื่อกิน เพื่อให้อยู่รอด
ไม่ได้มีจิตจะฆ่าเพื่อเบียดเบียนสัตว์ดังนั้น สิ่งที่เขาตอบแทนสิ่งที่ล่วงลับไปเพื่อให้มีชีวิตอยู่
คือการนับถือหรือบูชา เช่น ชาวอินเดียนแดงเชาฆ่าฝูงไบซันเพราะฝูงไบซันคือผ้าห่มของเขา
เขาก็บวงสรวงวิญญานให้ ถือว่าวิญญาณของสัตว์สูงกว่าวิญญานของมนุษย์
วิญญานมนุษย์อยู่ได้เพราะวิญญานสัตว์ แต่การที่คนหนึ่งทำบาป จ้างวานฆ่า ฆ่า
หรือเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น แล้วไปทำบุญชดเชยเราต้องแยกส่วน คือบาปต้องมีผลเป็นบาป
ทำบาปก็ย่อมได้รับผลบาป ทำบุญได้รับผลบุญ เอามาชดเชยกันไม่ได้ แต่ว่าการทำบุญ
เป็นสิ่งที่ควรทำ แทนที่จะทำบาปถ่ายเดียว พระพุทธเจ้าตรัสว่า บาปนั้นไม่ควรทำบ่อยๆ คือ
ถ้าทำแล้วรู้ตัวว่ามันส่งผลไม่ดีมันเกิดผลสะเทือนจริงๆ แล้วไม่ต้องถามใครหรอกครับ
จิตเราทำงานอยู่ พอเราไปทำอะไรจิตมันก็รู้อยู่ เรารู้ก่อนเพื่อน"




บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 23 กันยายน 2553 14:09:45 »

"การที่มือปืนทำบาปแล้วไปทำบุญ เขาจะได้ผลหรือไม่ การที่เขาทำบาป เขาได้รับบาป
ทั้งในขณะนั้นและในขณะอื่นถัดมา เช่นญาติพี่น้องของคนที่เราทำกรรมเขาก็โกรธแค้นให้
หรือประชาชนหมิ่นน้ำใจหรือหลู่เกียรติ ไม่คบหา ทุรนทุรายในใจนั้นเป็นวิบากโดยตรงเลย
จิตกระสับกระส่าย ไม่ตั้งมั่น หวั่นไหวง่าย เช่นเราทำบาปหรือทำผิดหรือแม้แต่คิดว่าผิด
เราหวั่นไหวขึ้นชื่อว่าปุถุชนมีเครื่องวัดอันหนึ่งคือสงสัยในการกระทำของตน ต่างว่าคนนั้น
หลังจากทำบาป รู้สึกได้แล้วต่อทุกข์โทษของมัน แต่ที่จริงก็รู้สึกยังไม่ครบถ้วนหรอกครับ
เพราะยังทำได้อีก เช่น บางคนฆ่าคนแล้วสำนึก แต่รุ่งขึ้นก็พร้อมจะฆ่าอีก เพราะเอาชนะ
จิตสำนึกไม่ได้ แสดงว่าจิตของเขายังสมาทานมิจฉาทิฐิ"

"เราจะอ้างว่าเราทำดีชดเชยความชั่วไม่ได้หรอกครับ เพราะต่างกรรมต่างวาระ หมายความว่า
ชั่วก็ต้องรับผลชั่ว แต่ถ้ารีบทำความดีเผื่อไว้บ้าง ก็พอจะได้รับผลดี ผลชั่วก็จะกินเวลาสั้นหน่อย
แต่ชดเชยกันไม่ได้ แต่สามารถแทนที่ได้ แทนที่หมายความว่า ถ้าทำดีเรื่อย ๆ โอกาสทำชั่ว
ก็จะน้อยลง แต่ถ้าทำชั่วมาก ๆ โอกาสทำดีก็น้อยลง"

"พระพุทธเจ้าให้คำนิยามของอกุศลกรรมและกุศลกรรมไว้ว่า กรรมใดทำแล้วเดือดร้อยภายหลัง
กรรมนั้นไม่ดี เดือดร้อนนี้หมายถึงเดือดร้อนตนเอง เดือดร้อนคนอื่นในขณะที่ทำ ภายหลังก็ต้อง
เดือดร้อนอีก ในทางกลับกัน กรรมใดทำแล้วตัวเองไม่เดือดร้อน คนอื่นไม่เดือดร้อน
ต่อมาภายหลังก็ไม่เดือดร้อน กรรมนั้นพึงทำ คือกุศลกรรม แต่ทั้งกุศลกรรม อกุศลกรรม
เป็นธรรมชาติธรรมดา คนทำบาปเขาก็สับสน เขาคิดผิดไม่ใช่เพราะเขาชั่วแต่กำเนิดหรอก"

"ปัญหาด้านหนึ่งต้องแก้โดยระบบ ต้องยืนพื้นอยู่บนระบบคิด เคารพต่อมนุษย์ มนุษยธรรม
ความเคารพมนุษย์เกิดไม่ได้ด้วยทฤษฎีหรอกครับ ดูวันพระพุทธเจ้าออกบวชนะครับ
การที่ท่านออกบวชนั้นคือการที่ท่านเบื่อและค้นพบความเหลวแหลกของอำนาจราชศักดิ์ต่างๆ
ตัดสินใจไปเดินดิน ออกมาเป็นนักพรตเร่ร่อน แสดงว่าท่านยอมรับคนธรรมดาว่าทัดเทียม
กับท่านแล้ว การออกมหาภิเนษกรมณ์นั้นคือการกลับเข้าสู่ฐานของความเป็นมนุษย์จริงๆเลย
อำนาจราชศักดิ์เป็นเรื่องสมมุติ เป็นเรื่องอุปโลกน์กันขึ้น" "ถ้าระบบมีความเป็นธรรมหรือ
เอื้ออาทร คงไม่มีใครอยากเป็นฆาตกร เป็นมือปืน"

"ทีนี้ถ้าพูดถึงผลสืบเนื่องมาจากเหตุ เช่นมือปืนที่ฆ่าคนแล้วต้องรับโทษ เราจะมีบทปลอบใจ
ให้กำลังใจให้เขากลับตัวได้อย่างไร ผมอยากบอกว่าออกมาจากคุกแล้วก็อย่าคิดรวยเลย
ผมนึกถึงคำของมหาตมะคานธีที่ว่า ยากจนโดยสมัครใจ ถ้ายากจนโดยไม่สมัครใจนี่ทุกข์
ทรมานนะ ผมอยากจะพูดว่า ชีวิตไม่ได้สำเร็จเพราะเงินทอง จริงๆ แล้วชีวิตเราสำเร็จเพราะ
ข้าวน้ำ เราไม่ได้ต้องการข้าวน้ำ อาหารมากเลย เพียงเราเห็นความจริงอันนี้ตรงๆ เรานุ่ง
กางเกงวันละตัว ใส่เสื้อวันละตัว เรากินข้าววันละสองสามมื้อ แล้วเรากินทีละคำ ไม่ได้กิน
ทีละห้าคำสิบคำ ชีวิตดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องภายใต้กระแสกระบวนการธรรมชาติ
การหายใจเข้า หายใจออก และเรามีโชคชะตาร่วมกันด้วย แล้วช่วงชีวิตที่เนิบช้า
สอดคล้องเป็นจังหวะจะโคนนี่เอง คือความหมายของมัน การที่เราวิ่งเริดตลอดเวลานั้น
ไม่ได้มีความหมายอะไรครับ การที่เราหวังจะมีเงินทองมากนั้นเป็นการวิ่งเริ่ดเตลิดเปิดเปิง
ไปตามความ ทะเยอทะยาน ขึ้นชื่อว่าความทะเยอทะยานแล้วจะสร้างขั้วต่างและแรงเหวี่ยง
ความขัดแย้งในใจเรา แรงทะยานในภพชาติที่ทำให้เราเป็นทุกข์ พุทธศาสนามองว่ามีแรง
ชนิดหนึ่งในตัวมนุษย์ ทะเยอทะยานที่จะเป็นโน่นเป็นนี่ ที่จะเสวยนั่นเสวยนี่ นี่คือแรงทะยาน
ในภพชาติซึ่งทำให้เกิดแล้วเกิดอีก ถ้ามองไปสู่หลายวงจรชีวิตก็เรื่องหนึ่งนะ แต่ถ้ามอง
ในแง่ของการเกิดชั่วขณะ เหมือนที่ท่านพุทธทาสพูด เดี๋ยวเกิดเป็นสัตว์นรกบ้าง เดี๋ยวเกิด
เป็นเปรตบ้าง เดี๋ยวเกิดเป็นอสุรกายบ้าง ในชั่วขณะจิต จิตเราจะเข้าสู่อันใดอันหนึ่งเสมอไป
มันเหนื่อยครับ "

"ผมคิดว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ประเสริฐสุดแล้ว คือความสันโดษเป็นสุข แต่เราฟังไม่เข้าหูเอง
เรากลับคิดกันว่าเงินคือความสุข เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะ ผมจำได้ว่าผู้ใหญ่สมัยก่อน
มักให้พรว่า อยู่เย็นเป็นสุขนะลูกนะ เดี๋ยวนี้เขาให้พรกันว่าขอให้รวยๆนะ เราสูญเสียหลัก
ในการดำเนินชีวิตที่แสนประเสริฐ ชีวิตไม่ได้ประเสริฐเพราะร่ำรวย ชีวิตที่ประเสริฐต้องมี
ความอิ่มในตัว ไม่อาจไปประกวดประชันกับใครได้"





จากโซนไอที กระทู้ที่ 56717
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: พระพุทธเจ้า ตรัส กรรมทั้งสามทวาร กรรม ให้ผล ร้ายแรง 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.297 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 26 กุมภาพันธ์ 2567 22:54:22