sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« เมื่อ: 24 มกราคม 2553 12:37:07 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:51:01 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 12:47:17 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:88:)หลักพุทธศาสนาของเราได้ สอนให้เราเข้าใจว่าความสุข ความทุกข์ของเรา เป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของเราไม่มีใครหรือสิ่งใดมาดลบันดาลให้เราเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ได้ ถ้าเราไม่ทำมัน ด้วยตัวเราเอง ครูบาอาจารย์เป็นแต่เพียงผู้บอกทางให้เท่านั้น การลงมือเดินเป็นกิจ ที่ เราเองจักต้องทำเมื่อเป็นเช่นนี้ การกระทำาความดี จึงเป็นกิจจำาเป็นของเราทุกคน แต่การที่จักทำความดีนั้น ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจเสียก่อนว่า ความดีคืออะไร? หลักที่ ควรจำา ง่าย ๆ ในเรื่องความดีก็คือ สิ่งที่ทำาเป็นประโยชน์แก่ตน สิ่งที่ทำาเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ท่าน ผู้รับรองว่าเป็นคนดี หลัก 3 ประการนี้ เป็นส่วนประกอบให้เป็นความดี ฉะนั้นในเวลาจะกระทำาอะไร เพื่อให้เป็นความดี ก็ควรพยายามทำาให้ประกอบด้วย ใดอันหนึ่งเสียมิได้ เหมือนก้อนเส้า 3 ก้อน ขาดก้อนหนึ่งหม้อแตกหลักนี้ก็เป็นเช่นนั้น..... คนเราส่วนมากมักเป็นคนเห็นแก่ประโยชน์ตนไม่ค่อยได้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่น ถ้าจะ ทำาสิ่งใด ก็มุ่งแต่จะเอาประโยชน์ตนเป็นประมาณ ไม่ได้คิดว่าคนอื่นจักเสียผล คนเช่นนี้เป็น คนจำพวกที่ถือตนเป็นใหญ่ คิดเห็นเข้าข้างตนถ่ายเดียว เป็นคนเอาเปรียบสัง คม เพราะมุ่งหา และเก็บไว้เพื่อตนเองถ่ายเดียว ทำาให้วัตถุอันเป็นของกลาง สำาหรับ คนทั่วไปจักได้ใช้ และ ของเหล่านั้นมีเพียงพอสำหรับทุกคนจะหากินหาใช้แต่เกิดการไม่พอขึ้นก็เพราะคนบางคน โลภมาก แสวงหาและเอามาเพื่อตนถ่ายเดียว การกระทำใน รูปเช่นนี้ เป็นการเบียดเบียน ประโยชน์ของผู้อื่น เป็นการกระทำาที่ไม่เป็นธรรม จึงไม่ เป็นความดี เมื่อเราจะแสวงหา ประโยชน์แก่ตน ก็อย่าให้เป็นการทำาลายประโยชน์ของผู้อื่นให้เป็นคนคิดเห็นอกเขาอกเรา เพราะการเป็นอยู่ในโลกเป็นการเป็นอยู่แบบรวมกัน ผลประโยชน์ทุกอย่างต้องอิงอาศัยกัน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:24:57 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 12:53:51 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:7:)ความสุขจึงเกิดขึ้นได้ประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านจึงต้องมีส่วนสัมพันธ์กันอยู่เสมอ แต่ถ้าว่าในบางกรณีแม้การกระทำนั้นได้ประ โยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็ยังไม่แน่นักว่ จักเป็น ความดีเสมอไป เช่นว่า นาย ก ทำการต้มเหล้าขาย เขาคิดว่าการต้มเหล้าขายของเขาเป็นการ ได้ประโยชน์ตน ประ โยชน์ผู้อื่นก็ไม่เสีย เพราะมีคนจำานวนมากมาซื้อเหล้าจากเขาบ้างมา พลอยร่วมวงเปล่า ๆ บ้าง คงจะเป็นการดีแล้ว แต่ยังไม่ดีเพราะผู้รู้ทั้งหลายติเตียน การกระทำ เช่นนั้นว่าเป็นการผิดธรรม เป็นการผิดต่อกฏหมายของบ้านเมือง ผู้รู้ดีเขาติกันทั้งนั้นฉะนั้น การกระทำเช่นนั้น จึงเป็นการเสียใช้ไม่ได้ ต้องมีองค์ที่ สาม คือ ผู้รู้รับรองว่า ดีด้วย คำว่าผู้รู้ นั้นหมายถึงผู้รู้เหตุผลอย่างแท้จริง ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราก็ ยอมรับว่า ผู้รู้อย่าง แท้จริงก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์ไม่มีชีวิตอยู่ก็จริง แต่คำสอนยังคงมีปรากฏ ตัวแทนพระองค์อยู่ ฉะนั้นเรจักทำาอะไรลงไปก็ต้องเอาหลักธรรมเป็นแว่นแก้วส่องดูเสีย ก่อนว่า การกระทำาเช่นนั้นจักเป็นการขัดต่อคำาสอน ของพระองค์หรือไม่ถ้าเห็นว่าขัดกันก็ไม่ควรทำ ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นนำผลมาให้มาก หลาย เพราะผลที่เกิดจาก การกระทำชั่ว ๆ นำความทุกข์มาให้แก่ผู้กระทำา พระพุทธองค์ จึงตรัสเตือนว่า ใค่รครวญ ก่อนจึงทำดีกว่า เพราะสิ่งที่ทำาลงไปแล้วจักทำาคืนอีกไม่ได้ การกระทำที่จักนำความเดือด ร้อนมาให้ เป็นการกระทำที่ไม่ดีเป็นพระโอวาทผู้รักตนควรกระทำโดยแท้......................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:27:12 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:00:00 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:UU:)มีคำถามแทรกเข้ามาว่าชาวโลกมีความต้องการอะไร ?คำาตอบพึงมีว่า ทุกคนต้องการมีความสุข ความเจริญ ไม่มีใครต้องการความทุกข์ ความเสื่อม แต่ทำาไมทั้ง ๆ ที่ ทุกคนต้องการ ความสุข ความเจริญ เขายังไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการสมหมายกลับได้รับ ความทุกข์ ความเสื่อม เสมอ คำตอบในเรื่องนี้ก็มีอยู่ว่า เพราะเขาขาดคุณธรรมบางประ การ อันเป็นสิ่งสนับสนุน ให้เขามีความสุขสมหมายในปัญจกนิบาต อังคุตตรนิบาต มีคำา กล่าวไว้ว่า คนอยู่เป็นทุกข์เพราะเหตุ 5 ประการ คือ 1 ไม่มีความเชื่อ 2 ไม่มีความละอาย 3 ไม่มีความเกรงกลัว 4 มีความเกียจคร้าน 5 มีความรู้ ชั่ว ในทางธรรมสอนให้เรามีความเชื่อในทางที่ชอบที่ถูก เป็นความเชื่อที่อาจนำผู้ปฏิบัติตาม ไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ แต่มีคนจำานวนไม่ใช่น้อยขาดความเชื่อในรูปนั้น เมื่อไม่มี ความเชื่อ เขาก็ขาดความรู้สึกผิดชอบ อันเป็นปัจจัยสำาคัญของการทำความดี เพราะความรู้สึกผิดชอบ เป็นความคิดที่เกิดขึ้นคอยสะกัดมิให้กระทำาความชั่ว และบอกให้รู้ได้ทันที่ว่าสิ่งที่ตนกระทำาอยู่นี้ เป็นสิ่งไม่ดีเป็นการฝึกต่อมในธรรมโดยแท้ขณะใดขาดความรู้สึกแบบนี้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดการกระทำที่ผิดและเสียหายได้ง่าย เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนควรเพาะนิสัยผิดชอบให้เกิดแก่ตน การกระทำาโดยวิธีนี้ ก็ เป็นการปฏิบัติธรรมแบบหนึ่งเหมือนกัน มีคนบางคนเข้าใจว่า การก ระทำาความดี หรือ ปฏิบัติกิจศาสนานั้น เป็นเรื่องของคนแก่ ส่วนคนหนุ่มสาวนั้นยังไม่ จำาเป็นก่อน ความเข้า ใจในรูปนี้ เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด ธรรมะเป็นสิ่งจำาเป็นสำาหรับคน ทุกเพศ ทุกวัย เหมือนกับอาหารสำาหรับหล่อเลี้ยงร่างกาย เป็นสิ่งจำาเป็นแก่ทุกคน ถ้าร่างกาย ของใคร ขาดอาหาร ก็คงถึงแก่ความตาย ธรรมะเป็นอกหารหล่อเลี้ยงใจ......ใจของใครขาด.............................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:27:55 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:04:41 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:28:51 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:12:00 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:-_-:)ธรรมกับอธรรมให้ผลต่างกัน (:FR:)คือธรรมจะนำตนไปสู่สถานที่ดี อธรรมนำตนไปสถานที่ชั่ว ท่านชอบอย่างไหนก็เลือกเอาเอง นึกว่าท่านคงไม่ เลือกอธรรมแน่ ๆ เพราะใจของท่านยังปรารถนาความสุขความเจริญอยู่ จึงหวังว่า ท่านคงเลือกเอาธรรมะเป็นฝ่ายดี เป็นฝ่ายที่ทำาให้ ท่านเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ การที่เราเรียกกันว่ามนุษย์นั้น ย่อมหมายถึงร่างกายและจิตใจ อันอาศัยกันอยู่ ดังคำว่า กายกับใจประกอบกันเข้า คำว่า คน จึงเกิดขึ้น ถ้ามีกายไม่มีใจ หรือมีแต่ใจไม่ มีกายก็หมดความเป็นคน ทั้งสองอย่างต้องอาศัยรวมกันเป็นอยู่เสมอ ในการ บำรุงจึง ต้องบำรุงทั้งสองอย่างแต่คนเราส่วนมากมักพอใจบำารุงแต่ส่วนร่างกาย หาสนใจการบำรุงใจไม่ มิใช่แต่ได้บำรุงเท่านั้น ซำ้าร้ายยังทำาลายใจกันเสียด้วย การทำาลายใจ ของตนก็คือ การห่างเหินจากธรรมะ นั่นเอง ถ้าเราบำรุงกายด้วยอาหารการกิน ตกแต่งอย่างไหนแล้วราก็ต้องบำรุงใจ ด้วยอาหารและน้ำฉันนั้น อาหารของกายเป็นคำข้าวอาหารของใจเป็นธรรมะ ธรรมะนี่ แหละเป็นอาหารของใจ ถ้าร่างกายอ้วนพี เพราะได้รับการบำารุงอย่างดีแล้ว ก็ควรบำรุงใจให้ เป็นอย่างนั้นด้วย ใจที่ขาดการบำรุงเป็นใจที่ซูบผอม ขาดกำาลังสำาหรับต่อสู้ เมื่อขาดกำาลัง ย่อมแพ้ข้าศึกได้ง่าย ข้าศึก ทางกายได้แก่โรคภัยนานาชนิด ข้าศึกทางใจได้แก่ความชั่วทำาใจ ให้อ่อนแอนั่นเอง ความชั่วที่เรียกว่า กิเลสบ้าง มารบ้าง ซาตานบ้างก็มี และถ้าเอาชนะไม่ได้ ก็ต้องพ่าย แพ้ต่อมัน ความทุกข์ก็เกิดขึ้นดังคำาที่ว่า....................................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:29:21 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:21:24 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:29:55 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:26:14 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:30:21 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:32:35 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:31:15 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:38:23 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:31:42 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:42:45 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:10:)ความเห็นที่กล่าวในสมัยผู้นำามีอำานาจก็ยังคงถูกอยู่แต่มิใช่ถูกโดยธรรม ถูกตามความเห็น ของเขาเท่านั้น ความถูกแบบนี้เป็นความถูกที่กลับกลายได้ เป็นความถูกที่ไม่ถูกแท้จริง ความเห็นที่มิใช่เป็นความจริงแท้ขั้นเด็ดขาด ซึ่งเรียกว่า อันติมติ แล้วยังมี การกลับกลายได้ เสมอสมัยหนึ่งเขาว่าโลกแบน ดวงตะวันเป็นเทวดาชักรถเทียมม้า ส่องแสงสว่างแก่โลก พวกเดิน เรือไม่กล้าไปไกล ๆ เพราะกลัวจะตกออกไปนอกโลก แต่ต่อมาเขาเห็นกันใหม่ว่าโลกกลม โลกเดินรอบตัวเอง และเดินรอบดวงอาทิตย์ อาทิตย์เป็นไฟดวงใหญ่เวลานี้ชาวโลกมีความ เข้าใจกันเช่นนั้น แต่ความเห็นแบบนี้ก็มิได้ เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์อย่างแท้จริงเป็นความ เห็นด้านโลกเท่านั้นหาเป็นความเห็นที่ ควรจะเอามาเถียงกันไม่ในฐานะที่เราท่านทั้งหลายเป็นชาวพุทธ ลองมาศึกษาความเห็นตามหลัก พุทธธรรมเป็น ความเห็นที่เที่ยงแท้เป็นความเห็นที่พิสูจน์ได้ด้วยใจของตนได้ เป็น ความจริงที่ไม่เคย เปลี่ยนแปลง ถึงแม้สิ่งทั้งหลายในโลกเปลี่ยนไป ความจริงหาได้ เปลี่ยนไปไม่ ก่อนที่เราจะ เข้าถึงความเห็นที่ถูกต้อง - จริง - แท้ของพระพุทธองค์เราลองมาพิจารณาถึงความเห็นของ คนในยุคของพระพุทธองค์กันสักเล็กน้อย คนในยุคก่อน แต่พระพุทธเจ้าบังเกิดเล็กน้อย หรือนานไปมาก จนกระทั่งถึงเวลาพระพุทธเจ้าแล้ว เขามีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นอย่าง มากทีเดียว ในเรื่องเกี่ยวกับการเกิด การตาย การได้รับความทุกข์สุข ตลอดถึงเรื่องโลกที่เขา อาศัยอยู่นี้ด้วย.....................................................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:32:07 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:47:27 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomainเขามีความเชื่อแปลก ๆ ตามความคิดเห็นของเขา และปฏิบัติตามความคิดเห็น ของเขาประการต้นในเรื่องเกี่ยวกับโลกและชีวิตเขาถือว่าโลกนี้มีผู้สร้างผู้รักษา ผู้สร้างเป็นใหญ่กว่า อะไรทั้งหมด ตัวผู้สร้างเองเป็นผู้เกิดมาเอง เกิดจากความสิ่งว่างเปล่าเป็นตัวขึ้นแล้วสร้าง อะไรต่ออะไร ให้ยุ่งไปหมด บางพวกถือผู้สร้างองค์เดียว บางพวกถือหลายองค์ ความเห็นก็ แตกแยกออกไป เลยเป็นเหตุให้ทะเลาะกันยุ่งไปหมด เพราะความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องความสุข - ทุกข์ บางพวกว่าสุขทุกข์เกิดจากภายนอกเช่น เทวดาดลให้เป็นไป ถ้าเทวดาโกรธก็ทำาให้เป็นทุกข์ ถ้าเทวดาพอใจก็ช่วยให้เป็นสุข ความ พอใจหรือไม่พอใจของเทวดาอยู่ที่การประจบกราบไหว้ เพียงพอหรือไม่เพียงพอฉะนั้น เขา จึงทำการบูชาเทวดาเป็นการใหญ่ ฆ่าสัตว์ ฆ่าคน บูชาเทวดา เป็นการกระทำาที่อยากได้ความ สุขแต่ให้ผู้อื่นสัตว์อื่นเป็นทุกข์ เป็นการกระทำาที่ดีหรือไม่ ลองคิดดูก็พอมองเห็นในเรื่องความตายบางพวกถือว่าตายแล้วเกิด คนเป็นอะไรก็เกิดเป็นอย่างนั้น บางพวกถือว่าคนตายแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปได้สุดแล้วแต่กรรม บางพวกว่าตายแล้วหมด เรื่องกันแต่บางพวกว่าหมดแต่เพียงบางสิ่ง บางสิ่งยังคงเหลืออยู่ บางพวกว่าร่างกายกับวิญญาณอันเดียวกัน บางพวกว่าคนละอันการปฏิบัติจึงแตกต่างกันตาม ความเห็น ของตน ๆ ทำาให้สถานการณ์ทางศีลธรรม และปรัชญาอยู่ในสภาพที่ยุ่งยากพอใช้ที เดียวแม้ในสมัยนี้ซากความเห็นต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่ เราจึงเห็นการปฏิบัติของโยคีเป็นไปในรูป แปลก ๆ เช่นบางพวกไม่นุ่งผ้าเลย บางพวกนอนกลางดินเหมือนสัตว์ เดรัจฉาน (:QS:)บางพวกก็ กินอาหารอย่างสกปรกดูแล้วเป็นสภาพที่น่าทุเรศและน่าสงสารเขาก็โดยเข้าใจว่าจักเป็น ทางพ้นทุกข์ได้สมหมาย นี่เป็นความเห็นที่พระบรมครูได้แสดงออกมาแก่พวกเราทั้งหลาย อันเป็นเรื่องที่ควรจะศึกษาให้เข้าใจ..............................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:32:45 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 13:56:14 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:SHOCK:)ความเห็นถูกหรือความเข้าใจถูกทางในพุทธธรรมจึงเป็นเรื่องที่พอมองเห็นได้ด้วยการตรึก ตรองตาม เป็นความเห็นถูกหรือ ความเข้าใจถูกทางในทางพุทธธรรม เป็นความเข้าใจที่ควร ศึกษาเพื่อทำตนให้พ้นจากทุกข์ แต่ก่อนที่จะศึกษาความเห็นถูกอันเป็นชั้นยอดนี้ เราลองไต่ ตามความเห็นชั้นง่าย ๆ เสียก่อน เป็นความเห็นที่ควรทำาความเข้าใจในเบื้องต้น เป็นการ เตรียมตัวเพื่อความเห็นชอบชั้นสูงต่อไป จักได้นาความเห็นมาพิจารณาเป็นข้อ ๆ เห็นหลักกรรม กัลยาณการี กลฺยาณัง ปาปการี จ ปาปกัง - ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คำพูดเพียง 8 คำานี้ เป็นคำาพูดที่อมความจริงไว้มาก เป็นคำาที่เราควรศึกษาสนใจ เป็นคำที่ถ้าเข้าใจและทำา ตามแล้วก็นำาความสุขความเจริญมาให้ และถ้าไม่เข้าใจ ไม่ทำตามก็นำความทุกข์มาให้ได้ เช่นเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ชาวพุทธควรทำาความเข้าใจกัน ก่อนเป็นเบื้องต้น ทำดีได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว เป็นคำาสอนที่มีทั้งเหตุผลอยู่ในตัวอย่างชัดเจน ทำดีเป็นเหตุ ได้ดีเป็นผล ทำชั่วเป็น เหตุ ได้ชั่วเป็นผล การกระทำาก่อให้เกิดผลแก่ผู้ กระทำหลักนี้เป็นหลักใหญ่เรียกว่าหลักกรรมคำว่า กรรม แปลว่าการกระทำเป็นไป ได้ทั้งเหตุและผล เมื่อมีการกระทำา ผลของการก ระทำก็เกิดแก่ผู้กระทำและส่ง ผลกว้างออกไปถึงคนอื่นด้วยเหมือนการที่เอาก้อนหินปาลงไปใน้ำ ด้วยแรงดันของ ก้อนกินทำให้น้ำกระเพื่อม ทำให้ ปลาในนำ้าเกิดความรำคาญ ทำให้ตลิ่งพังเกิดการเสียหาย ผลเกิดทยอยกันไปตามลำดับใน ภาษาสมัยใหม่พูดว่า กิริยาและปฏิกิริยา กิริยาคือ การกระทำา ปฏิกิริยาหมายถึง การกระทำา ตอบอันเป็นตัวผล เช่น เราเอาฝ่ามือทั้ง 2 ข้างตบกันเป็นกิริยา เกิดเสียงดัง เจ็บฝ่ามือหนวกหหูคน ที่อยู่ใกล้เคียง เป็นปฏิกิริยาที่ เกิดขึ้นตามลำดับ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นอยู่ใน อำานาจแห่งกรรมทั้งนั้น อาการ หมุนของโลกการเดินของดวงดาว การเดินของดวงอาทิตย์ ก็ เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยน แปลงในทางดินฟ้าอากาศ การเปลี่ยนแปลงในทางดินฟ้าอากาศ ก่อให้เกิดมี การออกดอกออกผลของต้นไม้ คนได้เก็บมารับประทานหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำาให้ เกิด ความสุขสบายในเมื่อรับเอาแต่พอดีพอควร เกิดเป็นโทษเพราะรับเอาเกินพอดีไป ความ เป็นไปของสากลจักรวาลทั้งหมดอยู่ในอำานาจของกรรม พ้นจากกฏนี้ไปไม่ได้เป็นอันขาด.......................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:33:22 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 14:01:14 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:SLE:)ไม่มีสิ่งใดที่จักเกิดขึ้นและเป็นอยู่โดยมิได้อาศัยกรรมต้องมีกฏนี้เข้าไปแทรกแซงอยู่เสมอ และที่ทุกอย่างดำเนินไปได้เป็นปกติ ก็เพราะยังมีกรรมของมันอยู่ ถ้าหากหมดกรรมลงเมื่อ ใดแล้วก็แตกสลาย แต่การสลายตัวของสิ่งหนึ่ง ทำให้เกิดสิ่งอื่นต่อไป อีก เช่นต้นไม้ต้นหนึ่ง ตายก็กลายเป็นไม้ท่อน คนเราเอาไม้ท่อนไปทำรถ ทำเรือน ทำอะไรหลายอย่างถ้าวัตถุที่ถูก ทำนั้นตายคือผุพังต่อไปอีกก็กลายเป็นปุ๋ยก่อให้เกิดเป็นอาหาร แก่หญ้าแก่ต้นไม้ต่อไป วัตถุทั้ง ปวงในโลกจึงมิได้หายไปจากโลก มันหมุนเวียนเป็นสัง สารวัฏฏ์วนไปมาอยู่เสมอเป็นเรื่อง ไม่จบ แต่เป็นวงกลมที่ไม่มีการตั้งต้นและไม่มีที่สุด เป็นแต่อาศัยเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ๆ แล้ว ก็เกิดขึ้นอีก เป็นวงเวียนตลอดสายจึงเรียกว่า เป็นไปตามอำนาจของกรรม กมฺมุนา วตฺตติ โลโก - โลกหมุนไป ตามกฏของกรรมเรื่องของโลกเป็นเช่นใดเรื่องของ ชีวิตก็เป็นเช่นกัน ที่จริงชีวิตเราก็เป็นโลก เหมือนกัน เรียกว่า สัตวโลก โลกคือ หมู่สัตว์ สัตว์ โลกทั้งปวงเกิดดับไปตามอำานาจ ของกรรม กรรมนั้นเป็นของเขาผู้กระทำ กระทำแล้วก็เกิดผลแก่เขาต่อไป สัตว์โลก เช่นมนุษย์เป็นผู้มีร่างกาย มีใจครองร่างกา กายกับใจมีส่วนสัมพันธ์กันมาก และก่อให้ เกิดเรื่องราวมากหลาย การกระทำาของกายและใจเป็นกรรมทั้ง นั้นเช่นเรายกมือ เดิน กิน พูด เราทำทุกอย่าวเป็นเรื่องของกรรม ส่วนใจก็ทำาหน้าที่ในทางคิดค้น นึกไปใน เรื่องของกรรม ส่วนใจก็ทำหน้าที่ในทางคิดค้นนึกไปในเรื่องต่าง ๆ การกระทำของ กาย ดยไม่มีการบังคับจากใจ ยังไม่จัดเป็นกรรมที่จักก่อให้เกิดผลแก่ผู้กระทำาในทางเป็น บุญ เป็นบาป เรียกตามภาษาธรรมะว่า ยังไม่มีเจตนา ..............................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:33:48 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 14:04:44 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomainดังพุทธดำรัสว่า เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ - ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็น....................................... ตัวกรรมเจตนาแปลว่า ความจงใจความตั้งใจที่จะทำ เช่น การทำให้สัตว์ตาย ถ้าเราเดินไป และไม่ได้เห็นว่า มีตัวสัตว์อยู่บนพื้นดิน เหยียบมันตาย การกระทำเช่นนี้ไม่ก่อให้เป็นบาป ในทางใจ แต่เจ้าสัตว์ตัวนั้นต้องตายโดยไม่ได้อะไร เป็นการตายเปล่า เพราะผลกรรมของ มันที่เดินมา ขวางอยู่ตรงนั้น ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าผลของกรรมเป็นไปในด้านวัตถุอย่างหนึ่ง เป็นไปในด้านจิตใจหรือนามอย่างหนึ่ง ผลกรรมที่เกิดเพราะผลทางด้านวัตถุไม่จัดเป็นบุญ เป็นบาป เรื่องบุญบาปเป็นเรื่องทางด้านจิตใจโดยเฉพาะ ส่วนกรรมที่มีเข้าประกอบก็จัดเป็นบุญเป็นบาปได้ บุญบาปก่อให้ชีวิตของผู้กระทำา หมุนเวียนไปสู่ความสุขบ้างทุกข์บ้าง สุดแต่อย่างไหนเกิดขึ้น ดังที่กล่าวว่า ทำดีได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว นั่นเอง เรื่องดีชั่วเป็นเรื่องของ แต่ละบุคคล เป็นเรื่องของใจโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องของ วัตถุ ผู้ใดทำาผู้นั้นได้รับผลของ การกระทำนั้น หาก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนทางใจแก่ ใครไม่ แต่อาจมีการกระ ทบกระเทือนทางวัตถุกันบ้าง เพราะเรื่องของวัตถุก็เกิดผลทางด้าน วัตถุ เรื่องของใจก็ เกิดผลทางด้านจิตใจ ความดีความชั่วเป็นเรื่องของใจล้วน ๆ เมื่อเป็นเรื่อง ของใจ ผลก็ต้องเป็นไปในทางใจโดยส่วนเดียว ฉะนั้นคำาที่ตรัสว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจึง เป็น ความจริงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง.........................................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:34:28 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 14:08:03 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomainเพื่อให้เข้าใจชัดเรามาพิสูจน์อีกสักเล็กน้อย อันที่กระทำความดี ก่อนลงมือกระทำต้องมี ความคิดเกิดขึ้นก่อน เช่น คิดจะทำทาน จะรักษาศีล จะไปนั่งภาวนาเพื่อ ความสงบใจ ความ คิดเช่นนี้เป็นความคิดในด้านดี เป็นเรื่องของใจ ในขณะที่ใจ คิดอย่างนี้ เรียกว่า การทำกรรม โดยใจ เป็นมโนกรรม คนที่คิดเช่นนี้ ถ้าใจของเขา ไม่มีความชั่ว เมื่อคิดจะทำทาน ความโลภ ไม่มี ความเห็นแก่ตัวไม่มี เมื่อจะรักษาศีล ความเกลียดไม่มี ความพยาบาทไม่มี ความคิดจะ ฆ่า จะลัก จะประพฤติผิดในกาม หรือ จะพูดจาหลอกลวงใครไม่มีอยู่ในใจของเขา เขาเริ่มได้ ความดีแล้ว เหมือนจะจุดตะ เกียงให้แสงสว่าง พอขีดไม้ขีดไป ก็ได้ความสว่างแล้วนิดหนึ่ง พอจุดตะเกียงความส่วางก็มากขึ้นในเรื่องการกระทำาความดีก็เช่นกัน พอคิดก็ได้แล้ว ลงมือทำ ก็ได้ความดี เพิ่มขึ้นในใจ ทำไป ไม่หยุดความดีก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความสะอาด สงบ สว่าง ใน ทางใจ นี่แหลผลของ การกระทำความดี ในด้านความชั่ว การฆ่า การลัก การประพฤติผิดในกาม การพูดโกหกพูด หยาบ พูดเหลวไหล พูดยุให้คนแตกจากกัน การดื่มกินของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความ ประมาท เหล่านี้เป็นความชั่ว เพราะเป็นการกระทำที่ทำลายตนทำลายท่าน ผู้รู้กล่าวติว่าเป็น สิ่งไม่ดี ลองนึกถึงตัวเราเองสักเล็กกน้อย คนที่ใจดีใจงามอยู่จักทำาสิ่งเหล่านี้ได้ลงคอ ไหม ทำาไม่ได้ เมื่อจะทำาชั่วเริ่มเศร้าหมอง :'( :'( :'( :'(
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:34:59 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 14:14:28 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:BR:)เหมือนบ้านจะมืดตะเกียงเริ่มหรี่เพราะหมดน้ำพอน้ำมันแห้ง ตะเกียงดับทันที ความมืดปรากฏออกมาให้เห็น คนทำาบาปก็เช่น เดียวกัน เขามีความตั้งใจในทางผิดเกิดขึ้นเป็นความชั่ว และทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จนกระทั่งทำาบาปได้โดยปราศจากความยับยั้ง ผลที่เกิดทางใจก็ คือความเศร้าหมองทวี จำนวนมากชึ้น ใจเป็นบาปหนักเพราะความเศร้าหมองนั้น ๆ นี่เป็นความชั่วที่เขาได้รับ ทุกครั้งขณะทำาชั่วอันคนที่ทำชั่วนั้น ๆ นี่เป็นความชั่วที่เขาได้รับทุกครั้ง ขณะที่ทำชั่ว อันคนที่ทำชั่วนั้น ทำทีละน้อย ๆ ไปก่อน ค่อยทวีจำนวนมากขึ้นจนชินและ รู้สึกตัวต่อความชั่ว เหมือนคนที่ไปทำงานที่สกปรก เช่นทำงานถ่ายอุจจาระ นานเข้าจมูกชิน กับกลิ่นนั้น ความรู้สึกว่าสกปรกหายไปจากใจ เขาก็จับถึงอุจจาระได้สบายเหมือนจับถัง ข้าวต้มคนที่ทำาชั่วก็เป็นเช่นนั้น ทำหนักเข้าก็กลายเป็นคนชั่วชนิดถอนตัวไม่ออก ใจของ เขา ถูกเย็บย้อมพัวพันรัดรึงกับควมชั่วเสียแล้ว เป็นเรื่องน่ากลัวโดยแท้ ความดีความชั่ว เป็นเรื่อง ของใจก่อน เมื่อใจมีความดี การกระทำก็เป็นไปในทางดี เป็นการเพิ่มความดี ให้แก่ตน ถ้าใจ มีความชั่วการกระทำก็เป็นความชั่ว เป็นการเพิ่มความชั่วให้แก่ตน การ เพิ่มความดีเป็นความ สุขการเพิ่มความชั่วเป็นความทุกข์ ท่านชอบอย่างไหน ?ในสมัยนี้มีคนจำนวนมาก มีความเข้าใจ ผิดจากความจริงเขาเข้าใจคำาว่าคำ สอนที่ว่า ทำดีได้ ดีทำชั่วได้ชั่ว เป็นสิ่งที่ไม่จริง โดยอ้างว่าบางคนทำชั่วแต่เห็นเขาร่ำรวยมีกินมีอยู่ดีบางคน เป็นซื่อตรงสุจริต แต่ลำาบากยากจนต้องหาเช้ากินเย็นความเป็นอยู่ลำบากเต็มทีเขาจึงกล่าว ติหลักธรรมข้อนี้ว่าเรื่องเหลวไหล ไม่เป็นจริง เป็นเช่นนี้มีอยู่มากเหมือนกัน เพราะเขา ตีความหมายผิดไปจากหลักเดิม เข้าใจว่า ได้ดีได้ ชั่วเป็นเรื่องของวัตถุเงินทองไปเสียเขาจึง เขวไปจากแนวทางของความเห็นชอบ และเมื่อเ้ขวก็เป็นเหตุทำาให้ทำาผิดไปได้มาก มี ตัวอย่างอยู่มากมายในสมัยนี้..................................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:35:30 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 14:18:47 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:36:08 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 14:23:27 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:HIT:)ใคร่จะแนะนำอีกสักเล็กน้อย เกี่ยวกับการทำกรรมเพื่อหวังผลแก่ตน ผู้กระทำที่มี ความเชื่อในทางผลกรรมแล้วว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นเรื่องของใจก่อน ผลเป็น วัตถุเป็นสิ่งตามมา ทีหลัง เป็นของแน่นแน แต่การเป็นอยู่ในโลก เราอยู่กับคนที่มีนิสัยใจ คอไม่เหมือนกันมี ความคิดเห็นแตกต่างกัน การอยู่ร่วมกันต้องเรียรู้นิสัยใจคอกันบ้าง พอให้รู้ใจว่าใครชอบ อย่างไร เพื่อจักได้ปฏิบัติตนให้พอเหมาะพอควรกัน การกระทำา อะไรทุกอย่างต้องเป็นไปใน รูปพอดี และเหมาะแก่กาละเทศะเสมอ ถ้าขาดความพอดีไม่เหมาะแก่กาละเทศะผลก็ไม่ อำนวยให้แก่ตนได้ฉะนั้นการทำความดีที่หวังผลทางวัตถุต้องเข้าใจว่าวัตถุที่คนจักพึงได้นั้นจะได้จากไหน ใครเป็นผู้อำานวยให้วัตถุอันนั้นมาบ้าง แล้วคิดต่อไปว่าคนนั้นๆ เขาชอบในทางไหน ต้องหา ทางเข้าถึงจิตใจของเขา แต่ไม่ทิ้งความดีของเรา การทำความดีในบางครั้งอาจไม่เป็นที่พอใจ ของคน บางคนก็ได้ เมื่อเขาไม่พอใจ เขาก็เป็นปรปักษ์กับเรา เราเองต้องได้รับความเบียด เบียนจากเขา เรื่องมันยุ่งอยู่เหมือนกัน เพราะการกระทำที่ไม่ถูกกาลและบุคคลจึงเป็นความ จำเป็นต้องทำให้เหมาะแก่กาลเวลาผู้ใหญ่บางคนก็มีศีลธรรมดีบางคนก็ปราศจากศีลธรรม ถ้าเราอยู่ใต้บังคับบัญชาของคนที่มี ศีลธรรม ก็ไม่สู้ลำบากนักแต่ถ้าได้คนขาดศีลธรรมก็เดือดร้อนจึงต้องหาทางออกให้ แยบคายอย่าทำสิ่งใดที่เขาไม่ชอบใจการทำดีนั้นมีหลายอย่างเหมือนทางเดินมีหลายทางถ้า......................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:36:38 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 24 มกราคม 2553 14:27:34 » |
|
องค์สามของความดี dictionaryDomain (:7:)ทำดีแบบนี้คนอื่นเขาขัดใจ เราก็เปลี่ยนทำอย่างอื่นเสียก็ได้ ถือหลักว่าอย่าขัดใจเขา และเราก็ไม่เสียคนเป็นใช้ ได้ หรืออีกประการหนึ่ง การทำดีอย่างเดียวไม่เพียงพอแต่ต้องเป็นความ ชอบด้วย เช่นชอบใจผู้บังคับบัญชา ชอบด้วยตัวบทกฏหมายชอบด้วยเวลาชอบด้วย ภูมิประเทศ และ ชอบด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างนี้เป็นความชอบ ถ้าดีกับชอบมารวมกัน เมื่อใดผลก็จะเกิดขึ้นทันที จงคอยกำหนดดูคนที่เขาก้าวหน้าในทางงาน เขาต้องมีความดีส่วนตนอยู่ ก่อน เช่นมีความรู้ดี มีความประพฤติดี เมื่อมีความดีอย่างนี้แล้วก็พยายามเข้าหาเจ้านายไว้บ้าง ทำดีชนิดที่นาย ชอบให้เหมาะแก่โอกาส เขาก็เป็นที่คุ้นเคยกับนายเวลา เวลาจะเลื่อนคนเลื่อนเงิน เป็น ธรรมดานายจะต้องนึกถึงคนใกล้ และคนที่รู้จักก่อนเสมอ เรื่องนี้เป็นธรรมดาของโลกหนีไม่ พ้นคนอยู่ในโลกต้องเรียนรู้ไว้บ้าง แต่คนใดที่ ทำดีไปฝ่ายเดียว โดยไม่ทำให้เป็นที่ชอบใจ นายไม่เป็นที่รู้จักของนายทางเดินมันตันบ่อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะใช้ธรรมะไม่ถูกกาละ เทศะนั่นเอง จึงขอฝากความคิดนี้ไว้ด้วยส่วนบุคคลที่กระทำความดีโดยหวังเอาความดีแท้ ๆ นั่นไม่มีปัญหาอะไรเขาจักต้องได้ความ.......................... ดีตอบแทนเสมอ คนเช่นนี้แหละเป็นคนนำาความสงบสุขมาสู่โลก ว่ากัน ตามความจริงแล้ว ควรทำดีเพื่อความดี ทำงานเพื่องาน อย่าไปหวังผลจากอะไรจากสิ่งนั้น ปล่อยให้ผลมันเกิด ขึ้นเองตามเรื่องของมัน เราเองมีหน้าที่แต่เพียงกระทำเท่านั้นเมื่อทำกิจเสร็จแล้วก็เป็นอัน....................
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มกราคม 2553 15:37:09 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
กำลังโหลด...