[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 16:18:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รำลึกเหตุการณ์ - เยี่ยมชมอนุสรณ์สถาน "คลื่นสึนามิ" ถล่มชายฝั่งทะเลอันดามัน  (อ่าน 5714 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5460


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 23 มกราคม 2557 14:51:03 »

.

ร่วมรำลึก : ชมอนุสรณ์สถาน
เหตุการณ์ คลื่นสึนามิ ถล่มชายฝั่งทะเลอันดามัน

เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗


รายชื่อของผู้เสียชีวิตจากคลื่นยักษ์ "สึนามิ" ถูกจารึกบนแผ่นป้ายทองเหลือง
ติดบนกำแพงเฉียง ปูอิฐสลับกระเบื้องเซรามิก
ที่บ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
(จำนวนผู้เสียชีวิตที่บ้านน้ำเค็ม มีประมาณ ๑,๔๐๐ คน

จากเหตุการณ์ “คลื่นสึนามิ” ภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหวใต้น้ำโหมกระหน่ำ ๖ จังหวัด ชายฝั่งทะเลทางใต้ แถบอันดามันของประเทศไทย ประกอบด้วย จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และ สตูล เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗  พลานุภาพของคลื่นยักษ์ทำให้เกิดน้ำบ่าท่วมทะลักเข้าไปถึงพื้นแผ่นดินภายในซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลเข้าไปเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร

วิบัติหายนะครั้งนี้ส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิต*รวม ๕,๓๙๓ คน (แยกเป็นคนไทย ๑,๘๖๓ คน คนต่างประเทศ ๑,๙๔๘ คน ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคนไทยหรือคนต่างประเทศ ๑,๕๘๒ คน) บาดเจ็บ รวม ๘,๔๕๗ คน (แยกเป็นคนไทย ๖,๐๖๕ คน  คนต่างประเทศ ๒,๓๙๒ คน) รับแจ้งสูญหาย รวม ๓,๐๖๒ คน (แยกเป็นคนไทย ๒,๐๕๙ คน คนต่างประเทศ ๑,๐๐๓ คน) ...*สถิติ ณ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ – ที่มา : สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี...

ขณะที่สิ่งก่อสร้าง บ้านเรือนที่อยู่อาศัย และสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ถูกกระแสน้ำทะเลที่เอ่อท่วมอย่างรวดเร็วพัดหายลงทะเล โดยไม่สามารถจะป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้

ความเสียหายนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงระบบเศรษฐกิจ  ความเสียหายด้านระบบนิเวศน์  ได้แก่ สภาพชายหาด ป่าชายเลน ป่าไม้ แหล่งน้ำจืด แนวปะการัง การเกิดสภาพดินเค็มในบางพื้นที่  ตลอดจนความเสียหายด้านโครงสร้างพื้นฐานและโยธาของรัฐ ที่ให้บริการเป็นสาธารณะประโยชน์แก่ชุมชน ได้แก่ ท่าเทียบเรือ สะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ พนัง/เขื่อน  และระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ ไฟฟ้า ประปา ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และอื่นๆ

เหตุการณ์หายนะเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ อันนำพาความโศกเศร้า ความสูญเสียมาสู่มวลมนุษย์ชาติอย่างไม่คาดฝัน รัฐบาลและหน่วยงานภาคเอกชนได้ประสานร่วมมือกำหนดมาตรการบูรณะฟื้นฟูสภาพแวดล้อม  ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และติดตามการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และคณะรัฐมนตรีได้มีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ มอบให้กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำจดหมายเหตุแห่งชาติเพื่อบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ประวัติศาสตร์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มภาคใต้ไว้ให้ศึกษาและหาแนวทางป้องกันแก้ไข กับทั้งให้มีการจัดสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกเหตุเศร้าสลดครั้งนี้




พระพุทธรูปขนาดใหญ่สีทองสุกปลั่งองค์นี้ สร้างไว้ริมหาดบ้านน้ำเค็ม
อาจมีวัตถุประสงค์ ให้ประชาชนที่กำลังประสบความเศร้าโศก สูญเสีย
ไว้เป็นที่สักการะบูชา เพื่อให้ช่วยคุ้มครอง เป็นสิริมงคล และบำรุงขวัญกำลังใจ
ตามคติความเชื่อของพุทธศาสนิกชนไทย
(เสียดายที่ไม่ได้จดชื่อองค์พระปฏิมา คิดว่าจะมาเปิดชื่อดูตามเว็บไซต์...แต่ไม่พบ)


พระรูปกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ริมหาดบ้านน้ำเค็ม


เรือประมงลำนี้ ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ
ถูกนำมาตั้งไว้ที่อนุสรณ์สถานบ้านน้ำเค็ม ด้านหน้ากำแพงที่จารึกรายชื่อผู้เสียชีวิต

สอบถามชาวบ้านถึงความเป็นมาของเรือลำนี้ ได้รับทราบว่า หลังเกิดสึนามิ เรือประมงลำนี้ยังลอยอยู่ในทะเล
แต่เนื่องจากตัวเรือได้รับความเสียหายมาก จึงถูกยกมาตั้งไว้ ณ สถานที่แห่งนี้
(ตามเว็บไซต์ให้ข้อมูลว่าเป็นเรือลำที่ถูกคลื่นสึนามิพัดจากทะเลมาเกยฝั่ง ณ ตรงบริเวณนี้ ซึ่งไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง)


สวนอนุสรณ์สึนามิบ้านน้ำเค็ม
อยู่ติดชายทะเลบ้านน้ำเค็ม ห่างจาก อ.ตะกั่วป่า ประมาณ ๗ กิโลเมตร





เรือตรวจการ ๘๑๓

อนุสรณ์เรือตรวจการ ๘๑๓


พังงา เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติสึนามิอย่างมาก  นอกจากให้มีการสร้าง “อนุสรณ์สถานสึนามิบ้านน้ำเค็ม” ณ บ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา แล้ว ยังมีอนุสรณ์สำคัญที่เกี่ยวโยงเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยอีกแห่งหนึ่ง ได้แก่ "อนุสรณ์เรือตรวจการ ๘๑๓” ตั้งอยู่ที่หมู่ ๕ บ้านบางเนียง ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ที่โดนคลื่นสึนามิ ซัดห่างจากชายฝั่ง ข้ามถนนมาเกยติดเชิงเขา ระยะทางเกือบ ๒ กิโลเมตร และได้ตั้งเรือไว้ในลักษณะอย่างนั้นเป็นอนุสรณ์สถานมาจนตราบปัจจุบัน

[/b]ใครมาเห็นกับสายตาตัวเอง คงจะถามในใจว่ามาได้ยังไง? วันนี้เรามาไขปริศนาและมาทำความรู้จักเรือลำนี้กัน

ร.ต.อ.นิรัตน์  ช่วยจิตต์ (Nirat Chuyjit) เป็น หัวหน้าควบคุมเรือ ต. ๘๑๓ วันเกิดเหตุ

ก่อนเกิดเหตุ เรือลำนี้เป็นเรือในหน่วยงานกรมตำรวจ เป็นเรือตรวจการณ์ ๘๑๓ หรือที่คนทั่วไปรู้จักในนาม ต. ๘๑๓  เรือดังกล่าวมีน้ำหนัก ๖๐ ตัน หรือ ๖๐,๐๐๐ กิโลกรัม  ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๗ ให้เดินทางไปถวายการอารักขาทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ และครอบครัว ที่จังหวัดพังงา  จึงออกเดินทางตั้งแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗ ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ไปประจำการในเรือทั้งหมด ๑๑ คน  โดยมี ร.ต.อ.นิรัตน์  ช่วยจิตต์ เป็น หัวหน้าควบคุมเรือ

บทความต่อไปนี้ ถอดคำให้สัมภาษณ์ของผู้การท่านนี้ ขณะพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น ๖ โรงพยาบาลตำรวจ

...เมื่อเรือวิ่งปากร่องน้ำระนอง ออกเลยเขตจังหวัดระนอง เข้าเขตจังหวัดพังงา บริเวณเกาะพระทอง ประมาณ ๐๘.๐๐ น. ก็ถึงบริเวณชายทะเล ใกล้เขาหลัก จึงจอดเรือทอดสมออยู่กับเรือของทหารเรือ จากนั้นเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการไปพูดคุยกับชาวบ้านที่ทำการประมงอยู่แถบนั้น ขอออกห่างจากฝั่งเพราะมีการเสด็จ

เช้าวันที่เกิดเหตุ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ แต่ละคนตื่นกันค่อนข้างเร็ว ช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังผลัดเปลี่ยนเวร มีการสอบถามทางวิทยุกับกองบังคับการตลอดเวลา ว่าจะมีกิจกรรมอะไร ซึ่งได้รับแจ้งให้ปฏิบัติหน้าที่ถวายอารักขา...

ท่านผู้การท่านเล่าว่า “ประมาณเก้าโมงครึ่ง เกือบสิบโมง มีวิทยุมาจากตำรวจน้ำที่อยู่จังหวัดภูเก็ต บอกว่ามีคลื่นยักษ์กำลังเข้าฝั่ง ทั้งหมดใช้วิทยุเครือข่ายเดียวกัน ทำให้รู้รายละเอียดเดียวกันทั้งหมด จึงแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่กำลังจะนำเรือยางออกไปรับหมอและพยาบาลขึ้นมาบนเรือตรวจการณ์ ตอนนั้น พยาบาลยังไม่ทันขึ้นมา เรือก็ย้อนกลับไม่สามารถมาได้ เนื่องจากในช่วงระยะที่เขาแจ้งมา ว่ามีคลื่นยักษ์ ระดับน้ำอยู่ในระยะที่ไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่ จากระดับ ๓ เมตรกว่าตรงบริเวณทอดสมอ ระดับน้ำก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นที่ผิดสังเกต จึงต้องตรวจวัดระดับน้ำกันใหม่ ปรากฏว่า ระดับน้ำมาอยู่ที่เมตรกว่าๆ มองจากฝั่งก็ห่างออกมาเกือบหนึ่งกิโลเมตร ผมก็ติดเครื่องเรือและถอนสมอ ต้องใช้มือถอนสมอ เพราะเครื่องทำงานไม่ได้ เมื่อเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งจึงขึ้นมาอยู่ที่ห้องควบคุม ส่วนผมไปอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าเพื่อควบคุมเรือด้านบน


...พอผมมองออกไปที่กลางทะเล เห็นคลื่นขนาดยักษ์เรียงตัวกันมาเป็นหน้ากระดาน จึงสั่งให้ลูกน้องหันหน้าเรือสู่เพื่อความปลอดภัยของเรือ เพราะยังไม่รู้ว่าคลื่นยักษ์ที่มามีลักษณะอย่างไร ตอนแรกตั้งใจจะฝ่าคลื่นออกไป คิดว่ามุดลงไปในคลื่นลูกแรกแล้ววิ่งออกทะเลไป อาศัยความเร็วของเรือ เอียงเรือไปด้านหนึ่งเพื่อที่จะล่องผ่านคลื่นไปให้ได้ เพราะปกติธรรมดาคลื่นลูกแรกๆ จะหนัก หากสามารถผ่านรอดไปได้ ลูกต่อไปก็จะไม่ใหญ่แล้ว

...ด้วยความคิดที่คิดว่าความเร็วและความแรงของคลื่นไม่มาก ผมจึงเร่งความเร็วไปที่ประมาณกว่า ๒๐ กว่าน็อต กดจนหมดเลย ซึ่งในช่วงที่กดนั้นระบบเครื่องมันเต็มที่ เพราะเรากดด้วยความกะทันหัน ทำให้หัวเรือเฉียงออกจากฝั่งเล็กน้อย พอหันไปอีกที เรือก็ชนกับคลื่นตรงๆ เลย ผมคิดว่าในช่วงนั้นต้องผ่านเรือออกไปทำอะไรก็ได้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ที่เห็นตอนนั้นคือ คลื่นห่างจากเรือ ๒๐๐-๓๐๐ เมตร แต่ไม่ถึง ๒-๓ นาที เท่านั้นก็ถึงเรือแล้ว โดยเฉพาะลูกที่วิ่งชนเรือนั้นไม่ถึง ๓ วินาที แค่เราเพิ่งจะเร่งความเร็วเรือ คลื่นก็มาชนแล้ว

...พอเรือชนกับคลื่นลูกแรก เข้าใจว่าเรือจะจมตั้งแต่ลูกแรกแล้ว จึงสั่งให้ลูกน้องปิดประตูทุกบาน กันน้ำเข้า ช่วงเวลานั้นคลื่นยังไม่ได้เคลื่อนตัวถึงบริเวณฝั่ง คิดในใจว่า จะต้องนำเรือวิ่งออกทะเลไปให้ได้ แต่พอมองไปข้างหน้า โอ้โฮ้...คลื่นมาเป็นกระดานแล้วสูงประมาณเท่าเรือ ถึงเวลานั้นเรือใช้ความเร็วไม่ได้แล้ว เพราะน้ำค่อนข้างแห้ง มันดูดน้ำไปแล้วพัดคลื่นเข้ามา พอวิ่งชนคลื่น เรือของเราก็ดำน้ำไปแล้วโผล่ขึ้นมาใหม่ โชคดีมากที่เรือไม่จมโผล่ขึ้นมาอีก พอคลื่นลูกต่อมา ก็ซัดเรือเข้าหาฝั่ง

...คลื่นลูกแรกมันกวาดเอาเรือของเราลงไปใต้น้ำ พวกผมที่อยู่นอกเรือ ๘ คน โดยคลื่นเหวี่ยงตกน้ำหมด จมน้ำ แต่โชคดีที่ทั้ง ๘ คน สวมชูชีพ สามารถดำน้ำโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่ชูชีพของผมหลุด คงไปกระทบอะไรสักอย่างตอนที่ถูกคลื่นซัด แต่เพราะผมรู้ตัวมีสติ คิดว่าต้องเอาชีวิตให้รอด กระแสน้ำตอนนั้นก็แรงมาก ตอนที่จมลงไปรู้สึกตัวอีกครั้ง หายใจไม่ออกแล้ว เจ็บตัวมาก แต่ความที่เคยฝึกมาจึงสามารถดำน้ำขึ้นบนผิวน้ำได้

...โผล่ขึ้นมาเห็นแพชูชีพ ก็รู้ว่าไม่เป็นอะไรแล้ว จึงว่ายไปขึ้นแพชูชีพซึ่งอีกนิดเดียวก็จะเข้าฝั่ง มองเห็นตึกหน้าโรงแรมลาฟลอร่า เหลือแค่ ๓ ชั้น ข้างๆ เป็นต้นสน ต้นมะพร้าว หลังจากนั้นไม่นานคลื่นลูกที่สองมาอีก แต่ไม่แรงเหมือนลูกแรก คลื่นมันพาตัวผมไปกระแทกต้นสน จนถึงตึก ผมนอนก้มอยู่ในแพชูชีพตลอด รู้ว่ารอดชีวิตกว่า ๕ เปอร์เซ็นต์ แพชูชีพยังคงลอยไปเรื่อยตามแรงคลื่นไปจนเกือบถึงถนนเพชรเกษม

...ผมเห็นเสาไฟฟ้า ทิงต้นสน พอใกล้ถึงถนนอีกไม่ถึง ๑๐๐ เมตร น้ำที่เอ่อขึ้นมันหมดแรง ก็ไหลย้อนกลับทะเล ผมตกใจรีบดึงเชือกที่อยู่ข้างแพชูชีพมารัดไว้ที่ตัวเองเพื่อไม่ให้เรือไหลตามน้ำ ตอนนั้นในแพเต็มไปด้วยเลือดกับน้ำปนกัน มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นเร็วมาก

... มาถึงตอนนี้ผมนึกในใจว่ารอดแน่แล้ว มองไปด้านบนก็เห็นเรือ ๘๑๓ ไปโผล่เกยบนเชิงเขา มีลูกน้องอยู่บนเรือ ประมาณ ๕ คน จากนั้นมีตำรวจเข้ามาช่วยเหลือผม ตอนนั้นน้ำแห้งเกือบหมดแล้ว ที่เห็นชัดเจน คือ มีคนอยู่บนต้นมะพร้าวเต็มไปหมด บนตึกก็มี สภาพบนฝั่งแทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว ตัวผมเองนอนหมดแรงอยู่บนถนน

 


ประวัติเรือตรวจการณ์ ๘๑๓ (บุเรศผดุงกิจ)

เรือตรวจการณ์ ๘๑๓ (บุเรศผดุงกิจ) สังกัดสถานีตำรวจน้ำ ๑  กองกำกับการ ๘  ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง  สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ โดย บริษัท มาร์ซัน จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ  ราคาลำละ ๔๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท (สี่สิบเก้าล้านห้าแสนบาทถ้วน)  โดย ยกเว้นภาษีอาการขาเข้า

การควบคุมการต่อเรือ เป็นไปตามมาตรฐาน Lloyd’s Register of shipping ประเทศอังกฤษ ตัวเรือสร้างด้วยอลูมิเนียมอัลลอย เกรด ๕๐๘๓ ความยาวตลอดลำ ๘๐.๘๕ ฟุต ความกว้างกลางลำ ๑๙.๔๐ ฟุต กินน้ำลึก ๖ ฟุต รัศมีปฏิบัติการ ๖๕๐ ไมล์ ความเร็วสูงสุด ๒๘.๙๒ น็อต ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง ๖,๘๐๐ ลิตร

วัตถุประสงค์หลักในการปฏิบัติงาน คือ ถวายความปลอดภัย และรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญทางน้ำ รักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความมั่นคงของรัฐ สิ่งแวดล้อม สืบสวนสอบสวนป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ค้นหาและช่วยเหลือเรือ อากาศยาน และผู้ประสบภัยทางน้ำ ประสานงานหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงาน กับองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ก่อนเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ สึนามิ  เรือตรวจการณ์ ๘๑๓ (บุเรศผดุงกิจ) จอดอยู่ในทะเลบริเวณโรงแรมลาฟลอร่า ห่างจากฝั่งประมาณ ๑ ไมล์ทะเล เพื่อปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัย แด่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พร้อมพระโอรสและพระธิดา กระทั่งเกิดเหตุการณ์สึนามิ ซัดถล่มชายฝั่งทะเลอันดามัน ความแรงของคลื่นซัดพาเรือตรวจการณ์ ๘๑๓ (บุเรศผดุงกิจ) ขึ้นไปอยู่บนฝั่งห่างจากทะเลไปทางทิศตะวันออก ประมาณ ๒ กิโลเมตร




ริมหาดทะเล บ้านน้ำเค็ม


ประภาคาร : หอสูง ซึ่งตามไฟฉายแสงอย่างแรงไว้บนยอด ใช้บอกสัญญาณในการเดินเรือ


ริมหาดแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากอนุสรณ์สถานสึนามิ
เป็นบริเวณที่ถูกทำลายด้วยคลื่นยักษ์สึนามิ ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนี้ได้กลายเป็น
แหล่งพักผ่อนของชาวต่างชาติ (จำนวนยังน้อยมาก) ที่มานอนอาบแดด ลงเล่นน้ำทะเล
จุดเด่นของบริเวณนี้คือ หาดทรายเนียนละเอียด ขาวสะอาด  และน้ำทะเลสวยใส
แต่ ภูมิทัศน์โดยรอบริมฝั่งยังไม่ได้รับการพัฒนาให้สะอาดเรียบร้อยสักเท่าใดนัก
คงเนื่องด้วย หาดแห่งนี้ถูกกว๊านซื้อจากเศรษฐีมีสตางค์ในกรุงเทพฯ
ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากเกิดคลื่นสึนามิ..ข้อมูลจากผู้ที่เชื่อถือได้

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กันยายน 2558 13:42:29 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
มหาคลื่นแห่งเทพโพเซดอนปกป้องชาวกรีก ที่แท้คือ คลื่นสึนามิ
ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
หมีงงในพงหญ้า 2 6305 กระทู้ล่าสุด 17 พฤษภาคม 2555 02:02:05
โดย หมีงงในพงหญ้า
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.429 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้