[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 00:37:36 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตที่ระแวงย่อมหวั่นไหว  (อ่าน 2930 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2553 17:13:26 »




จิตที่ระแวงย่อมหวั่นไหว
สุมน อมรวิวัฒน์
กลุ่มจิตวิวัฒน์
โครงการจิตวิวัฒน์ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

โฆษณาเรื่องหนึ่ง ชาวผิวดำท่าทางน่ากลัวปีนเสาขึ้นไปเก็บลูกโป่งสีสวยลงมาให้เด็กน้อย แม่ของเด็กเห็นเข้าก็รีบมาคว้าลูกสาวไปด้วยความหวาดกลัว

          แม่ระแวงว่าลูกจะถูกชายผู้นั้นหลอกจับเอาไป เพราะเขามีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียด ไม่น่าไว้ใจ

          คู่รักระแวงกันและกันว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่จริงใจ

          นายจ้างระแวงลูกจ้างจะขโมยของ จึงใส่กุญแจห้องทุกห้อง คอยสอดส่องดูว่าลูกจ้างจะแอบหยิบฉวยอะไรออกไป

          ครูระแวงว่าลูกศิษย์จะโกงการสอบ แม้ในระดับมหาวิทยาลัยก็ต้องมีผู้คุมสอบทั้งหน้าห้อง หลังห้อง นั่งจ้องดูพฤติกรรมตาไม่กระพริบ

          ตัวอย่างที่ยกมา ๓-๔ เรื่องนี้แสดงว่า คนในสังคมปัจจุบันขาดความสุข ชีวิตแต่ละคน แต่ละวันต้องคอยป้องกันตัว หลบหลีก ควบคุม เข้มงวดกวดขัน ในที่สุดก็มีแต่ความเครียดอยู่ทุกเวลาทุกแห่งหน ความระแวงเช่นนี้ ถ้ามีระดับรุนแรง ก็จำเป็นต้องพึ่งจิตแพทย์

          ความระแวงเกิดจากอะไร

          เมื่อวิเคราะห์สภาวะของจิต ความระแวงเกิดจากการรับรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึกรวมถึงวิธีคิดที่ใช้ตนเองเป็นศูนย์กลาง

การรับรู้ว่าตนเองถูกต้อง คนรอบข้างไม่ถูกต้อง มีท่าทีไม่พึงประสงค์
ความเข้าใจว่าตนเองและคนอื่นในองค์กรไม่ใช่ฝ่ายเดียวกัน
ประสบการณ์สอนให้ตนเองไม่ไว้วางใจผู้อื่น และตนเองก็ไม่เป็นที่ไว้วางใจของผู้อื่น
ความไม่มั่นใจในสถานภาพ ความสามารถและอำนาจของตนเอง
          ยังมีสาเหตุอื่นอีกมากมายที่ทำให้คนในครอบครัว ในองค์กร และในสังคม ขาดศรัทธาต่อกัน ระแวงว่าตนเองจะถูกหักหลัง ถูกลอบทำร้าย ความคิดของคนช่างระแวงจึงวนเวียนอยู่กับตนเอง


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 เมษายน 2553 11:09:43 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2553 17:35:29 »



     คนเราเมื่อจิตมีสภาวะหวั่นไหว ฟุ้งซ่านเช่นนี้ ย่อมต้องหาเวลาที่จะหยุดนิ่ง สงบ แสวงหากัลยาณมิตรเพื่อคิดไตร่ตรอง ซึ่งตามพุทธธรรมเรียกว่าการฝึกสติและเจริญปัญญา

          การฝึกจิตให้นิ่งและใช้ปัญญาหาเหตุผล เป็นหนทางนำไปสู่การค้นพบความจริง ซึ่งช่วยลดความถือตัวลงได้


          เราจะทำอย่างไรจึงรู้ว่าความจริงอยู่ที่ไหน เราจะเข้าใจกันได้ด้วยวิธีใด

          ขอให้เราพบกัน หันหน้าเข้าหากัน เมื่อได้มองเห็นหน้าตาท่าทางของกันและกัน เราจะรับรู้อารมณ์กันได้


http://picasaweb.google.com/roger.degler/AZSunriseSunsetAug2008#5404343025994165826

          พบกัน แล้วพูดจากัน ใช้เหตุผล และถือหลักวจีสุจริต ๔ ประการ คือ พูดความจริงโดยไม่หวังประโยชน์เฉพาะตน พูดสร้างสามัคคี พูดสุภาพ และพูดมีสาระประโยชน์แท้จริง ถูกกาละเทศะ

          พูดกันแล้วอาจมีประเด็นขัดแย้งและขัดใจกันบ้าง ก็ต้องขัดใจตนเอง ลบความขุ่นมัวในหัวใจ ขัดเอาความมานะถือตัวออกไปจากใจเสียก่อน ทำใจให้เป็นกลาง ถ้าสามารถขัดเกลาเอากิเลสที่จับเขรอะออกจากใจเสียบ้าง คู่ครองจะคิดเอาแต่ใจตัวน้อยลง หัวหน้าก็จะลดการวางอำนาจข่มลูกน้อง เพื่อนก็จะเห็นใจเพื่อน

          ครอบครัวมีสุข ทุกคนก็เป็นสุข องค์กรเป็นหนึ่งเดียว ทุกคนในองค์กรก็มีกำลังใจ สังคมที่มุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ความขัดแย้งส่วนตัวลดลง สังคมก็เข้มแข็ง

         ที่สาธยายโทษของความหวาดระแวงมาทั้งหมดนี้ มิได้หมายความว่าจะจูงใจให้เราดำเนินชีวิตอย่างหละหลวม ขาดความรอบคอบระมัดระวัง มิได้ชักชวนให้หลงเชื่อคนง่าย และมิได้ทำลายกฎเกณฑ์กติกาที่กำหนดไว้เป็นปทัสถาน

          แท้จริงแล้ว ชีวิตส่วนตัวและการทำงานในสังคมมีแง่มุมต่างๆ ที่เราต้องปรับตัว เรียนรู้ และก้าวไปแต่ละย่างก้าวอย่างไม่ประมาท คำนึงถึงระเบียบชีวิต ระเบียบสังคม และระเบียบขององค์กร

          ฝึกจิตฝึกตนให้เดินสายกลางระหว่างความเป็นเจ้าระเบียบกับความไร้ระเบียบ รู้จักผ่อนคลายจนใจปลอดโปร่งโล่งเบา

          มีกัลยาณมิตร เกิดศรัทธาต่อกันและใช้ปัญญาร่วมกัน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 เมษายน 2553 11:16:11 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2553 17:57:02 »



  ขั้นแรกของการฝึกจิตที่ระแวงหวั่นไหว คือการทำตนให้นิ่ง สงบ อยู่กับความเงียบ เพราะว่าท่ามกลางความเงียบ เราจะได้ยินเสียงภายในของตนเอง          เสียงแห่งจิตสำนึก แสวงหาความจริงที่ประจักษ์ในตน ซึ่งเป็นเสียงก้องอยู่ในใจ ต่อจากนั้นจงฟังอย่างตั้งใจ ฟังตนเอง ฟังความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่ส่งเสียงอยู่ล้อมรอบ

          เราจะได้ยินเสียงของสรรพสิ่งทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต เริ่มตระหนักว่า แท้จริงแล้ว โลกนี้ช่างกว้างใหญ่หลากหลาย มีความแตกต่างเปลี่ยนแปลงไปไม่รู้จบ ตัวเรานี้ช่างเล็กนิดเดียว เป็นเพียงอณูน้อยนิดในจักรวาล

          ถึงจุดนี้ เมื่อตัวตนเล็กลง จิตสำนึกใหม่ก็เกิดขึ้นจากความรู้ ประสบการณ์ที่ได้ผ่านพบมา เป็นความรู้ภายในตนที่มีคุณค่า เพราะกลั่นกรองจากกรณีตัวอย่างทั้งสุขทั้งทุกข์ที่ได้พบได้เผชิญ เราเคยคิดถูกคิดผิด ทำได้สำเร็จและหลายครั้งก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า


          ความรู้ภายในตน ช่วยชี้แนวทางเราว่าจะมัวระแวงกันอยู่ทำไม ตัวเราเองก็ใช่จะอยู่ค้ำฟ้า ทุกคนทุกฝ่ายต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น

          เมื่อเกิดความรู้ภายในตน จิตของเราหนักแน่นขึ้น พร้อมกันนั้นเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย

          นิ่ง ฟัง คิด และรู้ เช่นนี้ ศรัทธา และความเป็นกัลยาณมิตรต่อกันก็ผุดบังเกิด ความระแวงต่อกันลดลง ความหวั่นไหวก็ลบเลือน ครอบครัวที่เครียดจะเริ่มมีรอยยิ้ม องค์กรที่ร้อนเริ่มเย็นลง สังคมที่ขัดแย้งก็จะมองเห็นทางประนีประนอมเพื่อนำไปสู่สันติภาพ


          ไม่มีใครวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วยาวนานโดยไม่เคยพลาดล้ม   ไม่มีใครยิ่งใหญ่อย่างยั่งยืนจนลืมวันตกต่ำ ทุกชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อแพ้หรือชนะ หากแต่เป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ก่อประโยชน์หรือโทษต่อโลกตามพืชพันธุ์และเผ่าพันธุ์ที่เราเป็น

          รู้เช่นนี้แล้ว ยังไม่รู้จักรักกันอีกหรือ ?




ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต
 ตลก http://www.buddhadasa.org/html/articles/6_proverb/Doubt.html

ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมาย
อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ
บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2553 17:58:16 »

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
จิตที่ระแวงย่อมหวั่นไหว
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 1274 กระทู้ล่าสุด 13 มิถุนายน 2553 13:56:48
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.33 วินาที กับ 34 คำสั่ง

Google visited last this page 09 กุมภาพันธ์ 2567 18:38:18