พระสูตรพวงดอกไม้ ข่ายใยรัตนะ อิทัปปัจจยตา ( หนึ่งคือทั้งหมด ทั้งหมดคือหนึ่ง )
ปฐมบทพระพุทธาตังสกะ มหาไวปุลยสูตร ( Da Fang Guang Fo Hua Yan Jing ) มีชื่อในภาษา อังกฤษว่า The Flower Garland Sutra หรือ The Great and Vast Buddha Garland Sutra เป็นพระสูตรว่าด้วยศูนยตาภาวะ ( สุญญตา ) ที่มีจุดประสงค์มุ่งเน้นให้ผู้ศึกษาได้ ละวางความแตกต่างระหว่างกันและความมีอยู่ของกันและกัน ให้เข้าถึงสภาวะที่เรียกว่า เอกภาพ หรือ ตถตา หรือก็คือสิ่งสากลชนิดหนึ่งของสรรพสิ่ง ว่ามีลักษณะร่วมบางอย่าง ( มูลฐาน ) ที่เหมือนกัน โดยได้แสดงตามหลักปัจยาการที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันโดยตลอด ซึ่งให้ความหมายว่าประดุจอินทรชาละ หรือตาข่ายของพระอินทร์ที่ถักทอร้อยเรียงเข้า ด้วยกัน ด้วยแก้วรัตนมณีจำนวนมหาศาลที่สาดแสงส่องประกายถึงกันตลอดทั้งหมดด้วย เหลี่ยมมุมบ้าง ความกลมมนบ้าง เหมือนกับหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน สะท้อนถึงกัน เพราะมีสภาวะเดิมแท้ที่ว่างเปล่า คือการยึดมั่นถือมั่นไม่ได้เหมือนกัน จึงไม่มีอุปสรรค แก่กัน ซึ่งท่านจะได้พบความพิศดาร อัศจรรย์และคัมภีรภาพได้ต่อไปนี้ โดยขอให้ท่านได้กระทำจิตตนให้เหมือนอากาศธาตุที่กว้างใหญ่ไพศาล ไร้สี กลิ่น รส ปราศจากความสูงต่ำ และปราศจากสิ่งกีดขวาง อันเป็นคุณสมบัติของอากาศที่สามารถแทรกซึมไปในทุกอณู ของสรรพสิ่งและในทุกสถานที่เสียก่อน แล้วจึงเปิดใจศึกษาพระธรรมที่ไร้สภาวะนี้ อัน พระสูตรนี้มีความหายตามภาษาจีนว่าDa / มหา = ความยิ่งใหญ่ของพระธรรมสูตรหรืออรรถธรรมนี้ อันสามารถนำไปสู่พระ มหาปรินิรวาณ แบ่งเป็น๑ ) วิสัยอันเป็นมหา คือ ๑.๑ ได้ยึดมั่นในผลวิสัยอันเป็นมหา และ ๑.๒ เที่ยงในผลวิสัยอันเป็นมหา ๒ ) มีหทัยอันเป็นมหา๓ ) มีจริยาอันเป็นมหา ดังเช่น จูลวรรคที่พระสุธนกุมารออกเดินทางเพื่อแสวงหาโมกขธรรม๔ ) ธำรงฐานะอันเป็นมหาทั้งห้าประการ มี ๔.๑ ฐานะที่มีมหาศาล ๔.๒ ฐานะที่มีมหาวิภาครู้จำแนกธรรมอย่างไพบูลย์ ๔.๓ ฐานะที่มีมหาปณิธาน ๔.๕ ฐานะที่มีมหาบรรลุ๕ ) ได้บรรลุความเป็นมหา๖ ) มีเหตุอันเป็นมหา๗ ) มีผลอันเป็นมหา ดังเช่นอจินไตยจุลวรรค๘ ) มีสัญฐานอันเป็นมหา๙ ) มีประโยชน์อันเป็นมหา๑o ) มีความเป็นธรรมอันเป็นมหา แบ่งได้เป็นอีกสามประการมี ๑o.๑ การสั่งสอนอันเป็นมหาดังเช่นในแต่ละประโยคล้วนแสดงถึงธรรมธาตุทั้งปวงในทศทิศ ๑o.๒ มีอรรถอันเป็นมหา๑o.๓ มีกิจกรรมอันเป็นมหา กล่าวคือในอณูหนึ่ง ๆ ยังได้แสดงถึงสรรพสิ่งอันความเป็นมหาโดยอรรถทั้งสิบประการนี้ได้รวบรวมไว้ซึ่งธรรมธาตุแล้วFang / ตำรา , วิธี , แบบแผน = มีสามนัยยะ ดังนี้ ๑ ) เป็นแบบแผนอันถูกต้อง มันจะยังให้ ออกจากมิจฉาทิฐิตามนัยยะแห่งความเป็นมหาทั้งสิบประการข้างต้น ๒ ) เป็นตำราแห่งพระธรรม ๓) เป็นวิธีแห่งแพทย์ คือนำคุณแห่งอรรถทั้งสิบข้างต้นมาเยียวยาทุรโรคาทั้งปวง Guang / ไวปูลย = ความไพบูลย์ กว้างขวาง มีสองนัยยะ ดังนี้ ๑ ) แผ่ซ่านไปทั่วในสถานะ( เทศะ) ทั้งหลาย ดังเช่น ในธรรมประการหนึ่งก็ได้ครอบคลุมถึงสรรพสิ่งในโลกธาตุจำนวนไม่มีประมาณ ๒ ) ครอบคลุมถึงช่วงเวลา ( กาละ) ทั้งปวง เช่นว่า ในตรีกาลล้วนระลึกแจ้งในขณะเดียว แลด้วย นัยยะอีกสองประการว่า ประดุจอินทะชาละ หรือ ตาข่ายของพระอินทร์ที่ถักทอด้วยรัตนะแวววาว อันประกายแสงถึงกันเป็นระยะ ๆ จนทั้ว คือ ๒.๑ แม้นว่าเอกภพก็สงเคราะห์รวบรวมไว้ซึ่งสรรพสิ่ง เรียกว่าเป็น " มหา " ๒.๒ หากความเป็นหนึ่งแผ่ซ่านไปสู่สรรพสิ่งทั้งปวง เรียกว่า " ไวปุลย "Fo / พุทธ แสดงถึงความสมบูรณ์ในพระโพธิญาณ มีนัยยะ คือ สามารถลุถึงมนุษย์ได้ หรือ วิสัย แห่งการรู้แจ้ง หมายถึง การได้รู้แจ้งในปัญญาญาณ Hua / คัณฑะ = ดอกไม้ เป็นการเปรียบเทียบถึงจริยาทั้งปวง ว่าเป็นดั่งกลีบมาลา ( บางแห่งว่า พวงดอกไม้ที่ร้อยเรียงไว้ด้วยกัน ) ที่แม้จะต่างกลีบ / ดอก แต่คือดอก / พวงเดียวกัน มีสามนัยยะ ดังนี้ ๑ ) มีอรรถอันวิเศษงดงาม ๒ ) มีอรรถอันให้ผลรับรู้ได้แก่ใจ ๓ ) มีอรรถอับตบแต่งไว้ยิ่ง แล้ว กล่าวว่า พระสูตรนี้มีอรรถที่ยังให้สรรพกุศลอันประเสริฐเลิศเลอแห่งจริยาของพระโพธิสัตว์ ทั้งปวงได้บังเกิดอุปมาดั่งมาลีผลิดอกงดงาม Yan / วยูหะ = อุปมาเป็นเครื่องตบแต่งกายให้อลังการ กล่าวว่าทั้งหมื่นจริยานั่นดุจมาลีไว้ประดับ ในสัตยภาวะ ด้วยในหลักการและเหตุผลจึงได้ปรับปรุงเป็นหลากประการ หรือว่า อันสัตยภาวะ ก็เป็นดังมาลีไว้ประดับ เพื่อความอลังการแห่งการบำเพ็ญจริยาทั้งปวงเช่นกัน ด้วยจริยาทั้งปวง ที่เกิดแต่หลักการและเหตุผลนี้ จึงกล่าวได้ว่า มิมีสิ่งใดที่หลั่งไหลจากกายคือธรรมนี้ และมิมี สิ่งใดที่ได้หวนสู่กายคือธรรมนี้ด้วย กล่าวคือเป็นการปฏิเสธมติทั้งสองประการ ถือเป็นศูนยตา คือไร้ซึ่งการเกิดและดับจากสิ่งหนึ่งสู่สิ่งหนึ่ง จึงเรียกว่า มาลีอันเป็นเครื่องประดับแห่งพระพุทธะJing / สูตร = เป็นการเรียกขานหนังสือที่ให้ความเคารพ เช่น คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ หรือปกรณ์โบราณ ของจีน เช่น คัมภีร์เต๋า ในที่นี้รวมถึงตำราทางพระพุทธศาสนาทั้งหมด กล่าวความหมายโดยรวมคือ " พระสูตรที่แสดงถึงความสมบูรณ์ในจริยาแห่งพระโพธิญาณ ( การรู้แจ้ง ) อันประดุจพวงมาลาที่ตบแต่งไว้อลังการ ด้วยการกล่าวขยายความอย่างไพบูลย์และยิ่งใหญ่ "- หน้า 24 ถึง 27 -http://www.mahaparamita.com/PDF/01/008.pdf