พ่อท่านอินทร์ อินทสโรวัดย่านซื่อ ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง พระปลัดอินทร์ อินทสโร หรือ "พ่อท่านอินทร์" เจ้าอาวาสวัดย่านซื่อ ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง ดำรงตำแหน่งในช่วงปี พ.ศ.2460-2513 เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในเมืองตรัง
มีนามเดิมว่า อินทร์ สุวรรณราช เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2423 ที่ ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
ในวัยเยาว์ ด้วยฐานะทางบ้านยากจน จึงเป็นกำลังสำคัญช่วยหาเลี้ยงครอบครัวด้วยความขยันขันแข็ง
เมื่ออายุ 24 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดคลองน้ำเจ็ด อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2449
หลังอุปสมบทอยู่จำพรรษาที่วัดคลองเจ็ด โดยอาศัยอยู่กับพระครูธรรมจักร เจ้าอาวาส ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2447 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี
กล่าวถึงวัดย่านซื่อในขณะนั้น ไม่ค่อยจะมีพระไปอยู่จำพรรษา แม้ถึงมีพระภิกษุอาสาไปอยู่ก็อยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 2-3 ปี ล้วนแต่ลาสิกขาไปบ้าง ร่ำลือกันว่าที่วัดแห่งนี้มีผีดุมาก
จนเดือดร้อนถึงชาวบ้านในชุมชนท้องถิ่นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ได้ไปขอคำปรึกษาจากพระครูธรรมจักร เมื่อท่านทราบเหตุผลแล้ว จึงมอบหมายให้พ่อท่านอินทร์และพระติดตามมาอีก 3 รูป มาอยู่จำพรรษาที่วัดดังกล่าว กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2451
ครั้นเมื่อพ่อท่านอินทร์มาเป็นเจ้าอาวาส โดยสมบูรณ์และถูกต้องตามพระวินัยแล้ว ท่านจึงได้เริ่มพัฒนาวัด จากวัดที่รกร้างและรกทึบไปด้วยป่าไม้ เปลี่ยนปรับปรุงให้เป็นวัดที่มีความสะอาดเรียบร้อยน่าอยู่น่าอาศัย เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม ด้วยเป็นที่โล่งเตียน ปลอดโปร่ง และเป็นที่พึงพอใจของชาวบ้านทั้งใกล้และไกลที่ได้มาทำบุญกับพ่อท่านอินทร์ เนื่องจากศรัทธาที่ท่านเป็นพระวิปัสสนากัมมัฏฐาน
โดยเฉพาะในช่วงเย็น จะมีชาวบ้านชักชวนกันมาฟังเทศน์และเจริญพระพุทธมนต์กันเป็นประจำทั้งวันพระและวันธรรมดา
พ่อท่านอินทร์เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง พระภิกษุ-สามเณรทุกรูปภายในวัดจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางไว้ เช่น ทำวัตรเย็น ทำวัตรเช้า และสวดมนต์หลังจากทำวัตรแล้ว ซึ่งเป็นกิจของสงฆ์ที่พึงปฏิบัติ
นอกจากนี้พ่อท่านอินทร์ยังเป็นหมอยารักษาโรคภัยไข้เจ็บและอาการบาดเจ็บต่างๆ หรือแม้กระทั่งถูกคุณไสย เป็นโรคหนองใน หรือฝีมะม่วง ทำให้มีชาวไทยจีน เดินทางมารับการรักษาจากท่านเป็นจำนวนมาก บางรายถึงกับนำคนป่วยมานอนรักษาอยู่ที่วัดนานหลายเดือน แต่พ่อท่านอินทร์ก็ไม่ปฏิเสธ
พร้อมทั้งบอกว่า "เรามีความรู้ เราต้องช่วยเขา วิชาเรียนไว้เพื่อช่วยมนุษย์ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก จึงต้องทำไปตามความสามารถ"
นอกจากนี้ ยังมีความโดดเด่นด้านวิทยาคมหลายด้าน อาทิ อักขระขอม โดยเฉพาะผ้าประเจียด
เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา ดังนั้น เมื่อท่านประสงค์จะพัฒนาวัด ชาวบ้านจะร่วมแรงร่วมใจกันคนละไม้คนละมือ จนสามารถก่อสร้างศาลาการเปรียญ (โรงธรรม) และอุโบสถจนสำเร็จเรียบร้อย
วาระสุดท้าย เมื่ออายุ 92 ปี จึงละสังขารอย่างสงบ การจากไปครั้งนี้ได้สร้างความเศร้าสลดเป็นอย่างยิ่ง
แต่คุณงามความดียังคงปรากฏอยู่ในใจชาวเมืองตรังจวบจนปัจจุบัน
อริยะโลกที่ 6