21 พฤษภาคม 2567 21:03:46
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ไปรษณีย์
.:::
อารยธรรม เครื่องกระเบื้องพอร์ซเลน
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: อารยธรรม เครื่องกระเบื้องพอร์ซเลน (อ่าน 4692 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2337
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
อารยธรรม เครื่องกระเบื้องพอร์ซเลน
«
เมื่อ:
16 มีนาคม 2558 19:37:56 »
Tweet
.
แกะรอยอารยธรรม เครื่องกระเบื้องพอร์ซเลน
โดย : คุณากร วาณิชย์วิรุฬห์ ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน
ห้องพอร์ซเลนอันอลังการของพระราชวังชาร์ลอตเตนเบิร์ก เยอรมนี
ถ้วยชามเบญจรงค์ใบงามแต่งแต้มด้วยสีทั้ง 5 จนเป็นลวดลายไทยอย่างลงตัว ถือเป็นสมบัติชิ้นงามและสูงค่า ที่บรรดาผู้ดีชาวสยามนิยมจัดวางเอาไว้ตามตู้โชว์ เพื่อเสริมบารมีและสื่อรสนิยมอันล้ำเลิศของผู้ครอบครองมาช้านาน แต่ท่านทราบไหมว่า นอกจากความสวยงามข้ามกาลเวลา ภาชนะเครื่องกระเบื้อง หรือที่ฝรั่งเรียกรวมๆ ว่าพอร์ซเลน (
Porcelain
) เหล่านี้ยังอัดแน่นด้วยเรื่องราวการประดิษฐ์คิดค้น ตำนานการชิงไหวชิงพริบในการค้าข้ามโลก และรสนิยมของผู้คนในแต่ละยุคสมัย เรื่องราวของเครื่องกระเบื้องพอร์ซเลนนั้นผูกพันเป็นเนื้อเดียวกันกับประวัติศาสตร์โลก ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลในวันนี้ จึงอยากจะชวนท่านไปสัมผัสกับกระแสธารอารยธรรมพอร์ซเลน
ผมอยากจะชวนท่านผู้อ่านเดินทางย้อนเวลาสู่อดีตกาลไปยังยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งที่มนุษย์ในส่วนต่างๆของโลกเพิ่งจะเริ่มลงหลักปักฐาน สร้างบ้านเรือนกันตามทุ่งหญ้า ริมผา หรือตามถ้ำต่างๆ สมาชิกบางคนออกไปล่าสัตว์กลับมาเป็นอาหาร บ้างก็เริ่มรู้จักปลูกธัญพืชเลี้ยงปากท้องกันแล้ว แต่เรื่องหนึ่งที่บรรพบุรุษของเราท่านหนักใจที่สุด คือปัญหาที่ว่าจะขนน้ำจากลำธาร กลับมาใช้ดื่มกินที่บ้านอย่างไร ช่วงแรกๆ พวกเขาคงอาศัยบ้องไผ่ เปลือกหอย หรือใบไม้ขนาดใหญ่แก้ขัดไปพลางๆ แต่ภาชนะตามธรรมชาติพวกนี้ก็บรรจุน้ำได้น้อยนิด แถมพอเอาใส่น้ำกลับมาถึงบ้านก็จัดวางยากลำบากเสียอีก จนวันหนึ่งมีมนุษย์หัวใสไปสังเกตพบว่า เหตุไฉนดินเหนียวใกล้กับจุดที่ชาวบ้านก่อกองไฟสำหรับย่างเนื้อและผิงไฟทุกวี่วัน ถึงกลับกลายเป็นดินแข็ง ที่ทั้งแกร่งและละลายน้ำยากกว่าเดิมมาก นี่คือการค้นพบดินเผา ที่จะนำไปสู่การทำอิฐครับ
พอร์ซเลนของจีนในภาพวาด
The Feast of the Gods
ของโจวานนี เบลลินี ศิลปินอิตาลีสมัยศตวรรษที่ 16.
เมื่อมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์รู้ว่า ถ้าเผาดินเหนียวให้ร้อนพอก็จะกลายสภาพเป็นดินแกร่ง นักสร้างสรรค์ยุคดึกดำบรรพ์ก็เริ่มชวนกันปั้นดินเหนียวเป็นรูปทรงต่างๆ ตั้งแต่ตุ๊กตารูปสัตว์ หน้ากาก และถ้วยโถโอชาม นำไปสุมไฟ จนได้ตุ๊กตาดินเผา หน้ากากดินเผา และภาชนะเครื่องปั้นดินเผาสำหรับเก็บน้ำสำหรับดื่มกินในชุมชน
เมื่อเวลาล่วงเลยไปนับพันปี นายช่างปั้นหม้อของชุมชนต่างๆ ก็สั่งสมประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น จนรู้กรรมวิธี รู้จักคัดสรรดินเหนียวเนื้อละเอียดที่มีสารประสานเนื้อดินคุณภาพดี หลายชุมชนรู้จักสร้างเตาเผา (
Kiln
) ที่ให้ความร้อนถึงระดับพันองศา ทำให้สามารถผลิตเครื่องปั้นดินเผาเนื้อบางแต่แกร่ง น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ แถมยังผลิตได้คราวละมากๆ เสียด้วย ยิ่งชุมชนไหนได้ช่างปั้นหม้อหัวสร้างสรรค์ ที่รู้จักใส่ลวดลายประดับงามๆ คิดค้นน้ำเคลือบชุบภาชนะจนมีผิวแวววาว หรือออกแบบตัวหม้อไหถ้วยชามรูปทรงสวยงามเป็นพิเศษได้ด้วยแล้ว ก็อาจจะตั้งตัวเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาระดับอุตสาหกรรม นำเอาผลผลิตที่ได้ไปแลกข้าวของอื่นๆ ได้สบาย
งานจิตรกรรมพอร์ซเลนร่วมสมัยของศิลปินชาวสหรัฐอเมริกา
.
จากหลักฐานหม้อไหถ้วยชามที่พบตามแหล่งโบราณคดีต่างๆ เราก็รู้ว่าชาวจีนคือ ผู้บุกเบิกนวัตกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่เก่าแก่ที่สุดของโลก หม้อบางใบที่พบในมณฑลเจียงซี ทางภาคตะวันออกของจีน มีอายุเก่าแก่ร่วมสองหมื่นปี พอถึงสมัยราชวงศ์ถัง หรือช่วงศตวรรษที่ 7 ชาวจีนยังพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำหน้ากว่าใคร โดยนำเอาดินขาว หรือดินเกาลิน มานวดผสมในเนื้อดินเหนียวก่อนจะเอาขึ้นรูปเป็นภาชนะ แล้วนำไปเผาที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,300 องศาเซลเซียส จนได้ภาชนะเนื้อละเอียดแบบใหม่ ที่บางมากจนใสพอให้แสงส่องทะลุได้ เราเรียกภาชนะประเภทนี้ว่า เครื่องปั้นดินเผาเนื้อกระเบื้อง หรือพอร์ซเลน (
Porcelain
) ขอรับ
พอร์ซเลนเป็นของสวยงามที่ใครๆก็อยากครอบครอง จึงถูกซื้อขายกันในราคาสูงลิบ ขณะที่ฝ่ายจีนก็เก็บงำกรรมวิธีผลิตพอร์ซเลนเป็นความลับสุดยอด จนจีนผูกขาดการผลิตพอร์ซเลนขายทั้งโลกได้สำเร็จ ถึงขนาดที่ชาวโลก เรียกพอร์ซเลนแบบเล่นๆ ว่า “ไชน่า”
นวัตกรรมด้านวัสดุศาสตร์ที่ว่านี้ เปิดโอกาสให้พ่อค้าพอร์ซเลนจีนกอบโกยกำไรอู้ฟู้อยู่นับพันปี ยิ่งถึงยุคที่ราชวงศ์ซ่งต้องระดมเงินสร้างกองทัพรับการรุกรานของชนต่างชาติจากทางเหนือด้วยแล้ว ราชสำนักจีนยิ่งส่งเสริมให้ผลิตพอร์ซเลนเพื่อส่งออกอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แม้ในคราวที่ชาวมองโกล ตั้งราชวงศ์หยวนขึ้นปกครองจีนได้สำเร็จเมื่อปี ค.ศ.1271 การผลิตพอร์ซเลนในจีนก็ไม่ได้ยุติลง แต่กลับเฟื่องฟูสุดขีด ธรรมเนียมการผลิตพอร์ซเลนเนื้อสีขาวใส ตกแต่งด้วยลวดลายสีครามใต้ชั้นเคลือบอย่างประณีตงดงาม ซึ่งคนไทยเรียกว่า “เครื่องลายคราม” ก็ปรากฏขึ้นในยุคนี้เอง อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องลายครามของจีนมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น (
Jingdezhen
) ในมณฑลเจียงซี หรือที่คนแต้จิ๋วออกเสียงว่ามณฑลกังไซ ต่อมาคนไทยเรียกเพี้ยนไปเป็น “กังไส” และหันไปเรียกเครื่องลายครามจากจีนแบบรวมๆ ว่า “เครื่องกังไส” การผลิตพอร์ซเลนคุณภาพดีป้อนโลก เปลี่ยนเมืองจิ่งเต๋อเจิ้นให้เป็นนครใหญ่ ถึงขนาดที่ลอร์ดมะคาตนี ราชทูตอังกฤษซึ่งเดินทางไปเยือนจีนเมื่อปี ค.ศ.1792 บันทึกเอาไว้ว่า “ได้ผ่านไปใกล้เมืองเก็งเต็กติ้น (จิ่งเต๋อเจิ้น ตามสำเนียงแบบแต้จิ๋ว) สืบได้ความว่า แต่ที่เมืองนั้นมีเตาทำเครื่องถ้วยถึง 3,000 เตา มีราษฎรอยู่กว่าล้านคน ราษฎรโดยมากหากินแต่ในการทำเครื่องถ้วย” และถ้าพูดถึงความงดงามนั้น ปราชญ์ชาวจีนก็ยกย่องพอร์ซเลนจากเมืองจิ่งเต๋อเจิ้นว่า “บางราวกระดาษ ขาวราวกับหยก เงางามเยี่ยงกระจก ให้เสียงใสและไพเราะราวกระดิ่ง” แม้ถึงสมัยนี้ นายช่างชาวเกาหลีและญี่ปุ่นจะค้นพบเทคโนโลยีการทำพอร์ซเลนเรียบร้อยแล้ว ทว่าพอร์ซเลนชิ้นงาม คุณภาพระดับราชสำนัก จากจิ่งเต๋อเจิ้นก็ยังถูกส่งขายทั่วโลกในราคาสูงลิบ เศรษฐีและผู้ปกครองจากทุกมุมโลก ทั้งในเอเชีย ยุโรป หรือกระทั่งในแอฟริกา ล้วนปรารถนาจะได้ครอบครองเครื่องลายครามของจีน เพื่อเอาไปตั้งจัดแสดงในพระราชวัง หรือฝังประดับผนังอาคารต่างๆ พอร์ซเลนจีนในยุคราชวงศ์มองโกลและราชวงศ์หมิง ถือเป็นสุดยอดงานศิลป์ที่ผสานเทคโนโลยีทางวัสดุศาสตร์ขั้นสูงสุดของยุคสมัยเข้ากับงานเขียนลายอันแสนประณีต โดยในปี 2005 มีไหพอร์ซเลนจากยุคราชวงศ์มองโกล ชิ้นหนึ่งถูกประมูลซื้อขายกันที่กรุงลอนดอนด้วยสนนราคาที่สูงจนน่าขนลุก ที่กว่าหนึ่งพันล้านบาท
ภาพวาดสมัยศตวรรษที่ 15 แสดงฉากกองคาราวาน ขนพอร์ซเลนไปตามเส้นทางสายไหม.
ชาวโปรตุเกสเป็นฝรั่งชาติแรกที่เดินเรือข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้าขายกับเอเชียได้สำเร็จ เมื่อได้รู้จักเครื่องถ้วยชามอันงดงามของจีน ฝรั่งโปรตุเกสก็เกิดประทับใจว่า ภาชนะเหล่านี้มีสีขาวใส แถมยังบางเบาราวเปลือกหอย จึงขนานนามมันว่า พอร์เซลานา (
Porcellana
) อันเป็นที่มาของคำว่า พอร์ซเลน ในภาษาอังกฤษนั่นเอง
ครั้นถึงปลายราชวงศ์หมิง พอร์ซเลนคุณภาพปานกลางของจีนเริ่มมีราคาถูกลง ชาวยุโรปชาติต่างๆ จึงเริ่มซื้อพอร์ซเลนจากจีนมากขึ้น ส่วนมากจะเป็นการสั่งทำ โดยให้ช่างชาวจีนใช้สีครามเขียนลวดลายตามความต้องการของลูกค้าฝรั่ง นี่คือสมัยที่ฝรั่งชนชั้นกลางฐานะดีแทบทุกคนฝันจะมีชุดเครื่องถ้วยชากาแฟประจำบ้านที่ทำจากพอร์ซเลน แต่พอร์ซเลนฝีมือช่างชั้นครูก็ยังคงมีราคาสูงลิบลิ่ว และถูกเป็นสินค้าบ่งบอกฐานะที่สูงส่งกว่าคนอื่น ผู้ปกครองบางคนหลงใหลพอร์ซเลนขึ้นสมอง อาทิ พระเจ้าออกัสตัสที่ 2 แห่งรัฐแซกโซนี ยอมเอากองทหารม้า 600 นายไปแลกกับพอร์ซเลน 151 ชิ้นของกษัตริย์ปรัสเซีย นี่คือช่วงที่เกิดกระแสความคลั่งไคล้เครื่องกระเบื้องเคลือบของจีนขนานใหญ่ จนบรรดากษัตริย์และขุนนางชั้นสูงในยุโรป ต้องชวนกันแห่สร้างห้องจีน (
China Room
) หรือห้องพอร์ซเลน (
Porcelain
) ขึ้นในวัง เพื่อใช้เป็นที่เก็บสะสมและจัดแสดงคอลเลกชั่นเครื่องกระเบื้องจีนในครอบครอง ให้ญาติมิตรที่มาเยี่ยมเยือนได้ประจักษ์ในความมั่งคั่งและรสนิยมอันสูงล้ำของตน
จานพอร์ซเลนแบบขาวคราม วาดลายกิเลน จากยุคราชวงศ์หยวน.
แต่พอราชสำนักแซกโซนีในยุโรปค้นพบสูตรการทำเครื่องกระเบื้องพอร์ซเลนได้สำเร็จในปี 1713 ก็เริ่มมีการตั้งโรงงานผลิตพอร์ซเลนแบบเมดอินฝรั่งเศส เมดอินเยอรมนี พอร์ซเลนที่ชาวยุโรปคิดค้นได้นี้มีเนื้อแกร่ง ไม่บิ่นง่ายแบบพอร์ซเลนจีน เพราะผสมแคลเซียมจากกระดูกสัตว์ลงไปด้วย จึงเรียกว่า
Bone China
นับจากนี้ การค้าพอร์ซเลนกับจีนก็ซบเซาลง พอร์ซเลนมีราคาถูกลงอย่างรวดเร็ว และเมืองเดลฟ์ (
Delft
) ในเนเธอร์แลนด์ ก็กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตพอร์ซเลนสีขาวฟ้า ที่ได้อิทธิพลจากเครื่องลายครามของจีน
พูดถึงประวัติศาสตร์มากสีสันของเครื่องกระเบื้องพอร์ซเลนมาพอสมควรแล้ว แต่เครื่องเบญจรงค์ของสยามประเทศไปเกี่ยวข้องกับพอร์ซเลนโลกตรงไหน อันนี้ตอบได้ว่า สมัยที่พ่อค้าชาวยุโรปสั่งให้ช่างจีนตวัดพู่กันเขียนลายสตรีร่างอวบในชุดฟูฟ่องและหมวกขนนกลงบนพอร์ซเลนที่เตรียมส่งไปขายให้ฝรั่ง พ่อค้าชาวจีนก็รับออร์เดอร์จากผู้ดีชาวสยาม ที่ต้องการได้เครื่องเบญจรงค์ลายเทพพนม ลายกนก และลายก้านขดมาเสริมบารมีในรั้วในวัง แล้วส่งไปทำการผลิตในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เครื่องเบญจรงค์นั้น แท้จริงแล้วคือเครื่องพอร์ซเลนแบบไทยๆ ที่มีลวดลายอันเกิดจากสีห้าสี ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีดำ สีแดง และสีเขียว (คราม)
ในการสั่งผลิตช่วงแรกๆ สมัยอยุธยา ช่างจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องลงมือวาดลายบนเครื่องเบญจรงค์ ย่อมไม่รู้จักลายไทย ถึงต่อให้เคยเห็นลายไทยมาก่อนก็ย่อมวาดสัดส่วนไม่ถูกต้องนัก จึงต้องให้ช่างหลวงในราชสำนักสยาม เขียนลายเป็นตัวอย่างส่งไปให้ช่างเครื่องกังไสในจีนวาดตาม บางคราวถึงกับต้องส่งตัวช่างไทยไปคุมการผลิตถึงแผ่นดินจีน เพื่อไม่ให้ลายสิงห์ไทยออกมาเพี้ยนเป็นสิงห์จีน จึงจะได้ถ้วยชามลายก้านขดเขียนสีที่มีรูปครุฑ รูปราชสีห์ และเทพพนมงามๆ มาใช้กันตามวังหลวง
เตาอบเครื่องกระเบื้องเคลือบแบบโบราณที่เมืองจิ๋งเต๋อเจิ้น.
เบญจรงค์ในสมัยรัตนโกสินทร์ มักจะผลิตขึ้นโดยโรงงานในมณฑลทางใต้ เช่น มณฑลฝูเจี้ยนและมณฑลกวางตุ้ง อันเป็นบ้านเกิดของชาวจีนสยาม แต่เบญจรงค์ชิ้นงามจริงๆ บางส่วนของก็ถูกผลิตขึ้นที่เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น เมืองหลวงของอารยธรรมพอร์ซเลนเช่นเดิม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เครื่องเบญจรงค์กลับมาเป็นที่นิยมในฐานะเครื่องประดับบ้านและของที่ระลึกอันทรงคุณค่า สำหรับโอกาสพิเศษ เนื่องจากเป็นของใช้ชิ้นงามที่ผสานเรื่องราวการแลกเปลี่ยนอารยธรรมทั้งศาสตร์และศิลป์ไว้ครบครัน โดยสื่ออัตลักษณ์ศิลปะไทยชั้นสูงไปพร้อมกันด้วย
งานจิตรกรรมพอร์ซเลนร่วมสมัยของศิลปินชาวรัสเซีย.
ปัจจุบันอารยธรรมพอร์ซเลนของโลกยังคงพัฒนาต่อไปไม่หยุดยั้ง แทนที่ช่างวาดลายจะจมอยู่กับการวาดลวดลายซ้ำๆ ลงบนเครื่องกระเบื้องเคลือบอย่างที่เคยทำมานับร้อยปี ศิลปินจิตรกรรมเครื่องกระเบื้องเคลือบ หรือพอร์ซเลนเพนติ้ง ได้ยกระดับการผลิตงานพอร์ซเลนไปอีกขั้น ที่ผมขอเรียกว่าเป็นการปรับงานศิลป์แบบจารีตสู่งานศิลปะร่วมสมัย ศิลปินเหล่านี้จะหยิบพอร์ซเลนมาเป็นฉากวาดภาพแบบต่างๆ ตามลีลาเฉพาะตัว บางคนนิยมวาดภาพธรรมชาติ บ้างหยิบยกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์มานำเสนอ บางคนใช้วิธีเสริมเทคนิคทำลายนูนแกะสลัก ฝังเงิน ฝังทองคำ และฝังหินมีค่าตามจินตนาการ จนสร้างผลงานเอกลักษณ์ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก
งานเบญจรงค์ร่วมสมัยของไทย.
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 มีนาคม 2558 04:55:32 โดย 自由人
»
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...