[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
17 พฤษภาคม 2567 03:26:20 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 182 183 [184] 185 186 ... 1129
3661  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "แอฟ ทักษอร" ละมุนมาก ยกเค้กเซอร์ไพรส์ "น้องพีร์เจ" พบเด็กหลงอีกหนึ่งอัตรา เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 13:57:45
"แอฟ ทักษอร" ละมุนมาก ยกเค้กเซอร์ไพรส์ "น้องพีร์เจ" พบเด็กหลงอีกหนึ่งอัตรา
         


"แอฟ ทักษอร" ละมุนมาก ยกเค้กเซอร์ไพรส์ "น้องพีร์เจ" พบเด็กหลงอีกหนึ่งอัตรา" width="100" height="100  แอฟ ทักษอร ทั้งสวยและละมุน แบบนี้ทำ น้องพีร์เจ หลงรักเต็มๆ อีกหนึ่งอัตรา
         

https://www.sanook.com/news/9120946/
         
3662  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - วัฒนธรรมการให้ทิปในสหรัฐอเมริกา: เมื่อผู้คนสังเกตเห็นภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปล เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 11:35:27
วัฒนธรรมการให้ทิปในสหรัฐอเมริกา: เมื่อผู้คนสังเกตเห็นภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-11-27 10:04</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>Pew Research Center ทำแบบสำรวจกับชาวอเมริกัน 11,945 คน ในช่วงเดือน ส.ค. 2023 พบ 'วัฒนธรรมการให้ทิปในสหรัฐอเมริกา' กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าจะมีการให้ทิปในสถานที่ต่างๆ มากกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ยังระบุว่าคุณภาพของบริการที่พวกเขาได้รับ เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจให้ทิป</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53350759188_ef4d74d8d6_o_d.png" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ: Tupinicomics (CC BY-NC-ND 2.0)</span></p>
<p>จากรายงานของ Pew Research Center ที่เผยแพร่เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2023 ชี้ว่า ปัจจุบันนี้แม้การให้ 'ทิป' (Tipping) จะยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่ แต่สำหรับหลาย ๆ แห่ง กฎเกณฑ์ยังไม่ชัดเจน</p>
<p>ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ระบุว่าพวกเขาถูกขอให้ให้ทิปพนักงานบริการบ่อยกว่าในอดีต คนอเมริกันกว่า 7 ใน 10 (72%) คาดว่าจะมีการให้ทิปในสถานที่ต่างๆ มากกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งสถานการณ์นี้ได้รับการขนานนามว่า "Tipflation"</p>
<p>แต่แม้ชาวอเมริกันจะกล่าวว่าพวกเขาถูกขอให้ทิปบ่อยขึ้น แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มั่นใจว่าควรให้ทิปเมื่อใดและควรให้ทิปเท่าไร มีเพียงประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้น ที่กล่าวว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะทราบว่าควรให้ทิปสำหรับบริการประเภทต่างๆ อย่างไร (34%) หรือเท่าไร (33%)</p>
<p style="text-align: center;"></p>
<p>นอกจากนี้ยังไม่มีฉันทามติว่าการให้ทิป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างค่าตอบแทนในอุตสาหกรรมบริการจำนวนมากนั้น เป็นทางเลือกหรือเป็นภาระผูกพันสำหรับผู้บริโภค ชาวอเมริกันประมาณ 2 ใน 1- คน (21%) กล่าวว่าเป็นทางเลือกมากกว่า ในขณะที่ 29% กล่าวว่าเป็นภาระผูกพันมากกว่า แต่ส่วนใหญ่ที่สุด (49%) กล่าวว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ </p>
<p>Pew Research Center ได้ทำแบบสำรวจกับชาวอเมริกัน 11,945 คน ในช่วงเดือน ส.ค. 2023 เพื่อค้นหาว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมการให้ทิป รวมถึงถามว่าพวกเขาว่าจะให้ทิปหรือไม่ในสถานการณ์เฉพาะ ในบรรดาผลการค้นพบที่สำคัญได้แก่:</p>
<p>- ชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะคัดค้าน 'จำนวนเงินทิปที่แนะนำ' ชาวอเมริกันคัดค้าน (40%) มากกว่าสนับสนุน (24%) ธุรกิจที่แนะนำจำนวนเงินทิปให้ลูกค้า - เช่น ในใบเสร็จรับเงิน หรือบนหน้าจอเช็คเอาท์ อีก 32% รู้สึกเฉยๆ</p>
<p>- ชาวอเมริกันคัดค้าน 'การรวมทิปไว้ในใบเสร็จรับเงิน' ชาวอเมริกันประมาณ 7 ใน 10 คน (72%) กล่าวว่าพวกเขาคัดค้านธุรกิจที่รวมค่าบริการอัตโนมัติหรือค่าทิปในใบเสร็จรับเงินของลูกค้า กว่าครึ่งหนึ่งที่แสดงการคัดค้านอย่างมาก มีเพียง 10% ที่สนับสนุนการรวมทิปไว้ในใบเสร็จรับเงิน</p>
<p style="text-align: center;"></p>
<p><strong>- พฤติกรรมการให้ทิปของชาวอเมริกันแตกต่างกันอย่างมากตามสถานการณ์</strong> ชาวอเมริกันประมาณ 9 ใน 10 คน (92%) ที่รับประทานอาหารในร้านอาหาร กล่าวว่าพวกเขาให้ทิปเสมอหรือบ่อยครั้ง ในบรรดาผู้ที่ใช้บริการอื่นๆ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ให้ทิปเมื่อตัดผม (78%) สั่งอาหารมาส่ง (76%) ซื้อเครื่องดื่มที่บาร์ (70%) หรือใช้บริการแท็กซี่หรือแพลตฟอร์มเรียกรถ (61%) ชาวอเมริกันส่วนน้อยค่อนข้างให้ทิปเสมอหรือบ่อยเมื่อซื้อกาแฟ (25%) หรือรับประทานอาหารในร้านอาหารจานด่วน (12%)</p>
<p><strong>- ชาวอเมริกันส่วนใหญ่กล่าวว่าพวกเขาจะให้ทิป 15% หรือต่ำกว่า</strong> สำหรับมื้ออาหารราคาเฉลี่ยที่ร้านอาหาร เกือบ 6 ใน 10 (57%) กล่าวเช่นนี้ รวมถึง 2% ที่กล่าวว่าพวกเขาจะไม่ให้ทิปเลย มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ระบุว่าพวกเขาจะให้ทิป 20% หรือมากกว่า</p>
<p><strong>- สำหรับคนส่วนใหญ่ การให้ทิปนั้นเกี่ยวกับบริการเป็นอันดับแรก</strong> ชาวอเมริกันประมาณ 3 ใน 4 คน (77%) กล่าวว่าคุณภาพของบริการที่พวกเขาได้รับเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ให้ทิป และจะให้เท่าไร </p>
<p>อนึ่งการสำรวจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การให้ทิป – ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชาวอเมริกันยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ยังคงรู้สึกขัดแย้งมานาน – กำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและเทคโนโลยีที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงการขยายตัวของแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงความนิยมในการรวมทิปไว้ในใบเสร็จรับเงินของธุรกิจต่างๆ ที่กำลังแพร่หลายขึ้น</p>
<h2><span style="color:#3498db;">วัฒนธรรมการให้ทิปในสหรัฐอเมริกา</span></h2>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/2335/2079905138_b55f6afbf7_k_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ: PDR (CC BY-NC-ND 2.0)</span></p>
<p>การให้ทิป (Tipping) เป็นวัฒนธรรมที่ปฏิบัติกันทั่วไปในสหรัฐอเมริกา โดยถือเป็นมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านตัดผม หรือการบริการอื่นๆ เมื่อใช้บริการเสร็จคุณก็ควรให้ทิปพวกเขา ยกเว้นแต่พนักงานบางคนที่ให้บริการคุณไม่ดีเท่านั้น การให้ทิปในสหรัฐอเมริกาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นอัตราร้อยละของค่าบริการ มีบ้างที่จ่ายตามจำนวนชิ้นหรือครั้ง ดังนี้</p>
<ul>
<li>ค่าทิปสำหรับบริการในร้านอาหารหรือภัตตาคาร (ยกเว้นในร้านอาหาร Fast Food หรือร้าน Self-Service) ให้ 15-20% ของค่าอาหาร</li>
<li>ค่าทิปสำหรับพนักงานขับรถแท๊กซี่ ให้ 10-15% ของค่าโดยสาร (ไม่จำเป็นต้องให้ทิปสำหรับพนักงานขับรถเมล์)</li>
<li>ค่าทิปสำหรับบริการตัดผมหรือเสริมสวย ให้ 10-15% ของค่าบริการ</li>
<li>ค่าทิปสำหรับบริการหิ้วประเป๋าที่สนามบินหรือโรงแรม ให้ $1.00 ต่อกระเป๋า 1 ใบ</li>
<li>ค่าทิปสำหรับบริการจอดรถ ให้ $1-$2</li>
<li>การให้ทิป ถ้าเป็นร้านอาหาร ให้วางเงินค่าทิปไว้บนโต๊ะ ถ้าเป็นพนักงานขับรถแท๊กซี่ หรือพนักงานบริการหิ้วกระเป๋า ให้จ่ายเป็นเงินสดกับผู้ให้บริการโดยตรง นอกจากนี้ ในกรณีที่จ่ายค่าบริการผ่านบัตรเครดิต ท่านสามารถบวกเงินค่าทิปในใบเสร็จที่จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้โดยตรง</li>
</ul>
<p>จากบทความชิ้นหนึ่งในเว็บไซต์ Time เมื่อปี 2019 ระบุว่า 'การให้ทิปแบบอเมริกันสมัยใหม่' หรือแนวทางปฏิบัติของลูกค้าที่ให้เงินตอบแทนนอกเหนือจากเงินที่พนักงานได้รับจากนายจ้างนั้น มีข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการที่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันนำวัฒนธรรมการให้ทิปกลับมาจากยุโรป โดยชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งในช่วงทศวรรษที่ 1850-1860 น่าจะเป็นผู้สร้างประเพณีนี้ ซึ่งมีต้นกำเนิดในยุคกลางในฐานะประเพณีแบบนาย-ทาส ที่คนรับใช้จะได้รับเงินพิเศษสำหรับการแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในวันหยุดในยุโรป ด้วยความต้องการที่จะดูเป็นชนชั้นสูง กลุ่มคนเหล่านี้จึงเริ่มให้ทิปในสหรัฐอเมริกาเมื่อพวกเขากลับมา</p>
<p>ในตอนแรก ผู้ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ต่อต้านเป็นอย่างมาก โดยมองว่าเป็นทั้งการดูถูกเหยียดหยามและชนชั้นทางสังคม มีแรงต่อต้านการให้ทิปมากมายจนในช่วงทศวรรษที่ 1860 ทัศนคตินี้แพร่กระจายกลับไปยังยุโรป นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมวัฒนธรรมการให้ทิปถึงไม่มีในร้านอาหารส่วนใหญ่ในยุโรป แต่ในสหรัฐอเมริกา การเคลื่อนไหวในการต่อต้านการให้ทิปนี้กลับแผ่วหายไป และวัฒนธรรมการให้ทิปกลับสถาปนาในสหรัฐอเมริกาได้นั้นกลับมาเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องทาส</p>
<p>โดยหลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงหลังสงครามกลางเมือง การค้าทาสสิ้นสุดลง แต่ผู้ที่ได้รับอิสรภาพจากการเป็นทาสยังคงมีทางเลือกจำกัด หลายคนต้องทำงานในตำแหน่งงานที่ต่ำต้อย เช่น คนรับใช้ พนักงานเสิร์ฟ ช่างตัดผม และพนักงานบริการบนรถไฟ อาชีพเหล่านี้เป็นอาชีพเพียงน้อยนิดที่เปิดให้พวกเขาเข้าถึงได้ สำหรับพนักงานร้านอาหาร พนักงานบริการบนรถไฟ การจ้างงานในขณะนั้นมีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อคือ นายจ้างส่วนใหญ่ จะไม่จ่ายเงินให้พนักงานเหล่านี้ แต่ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการจะเสนอทิปเล็กน้อยเป็นการตอบแทน</p>
<p>จากนั้น แม้การให้ทิปจะแพร่หลายมากขึ้น แต่ก็ยังมีกลุ่มคนผู้ที่ไม่พอใจวัฒนธรรมนี้อยู่ มี 6 รัฐยกเลิกการให้ทิปเป็นการชั่วคราวในปี 1915 ในรัฐไอโอวาถึงกับประกาศว่าการให้ทิปอาจถูกปรับหรือจำคุก ต่อมาในปี 1918 รัฐจอร์เจียประกาศว่าการทิปเป็น "สินบนเชิงพาณิชย์" หรือการให้ทิปเพื่อจุดประสงค์ในการให้บริการเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แม้จะมีการโต้กลับ แต่วัฒนธรรมการให้ทิปกลับได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายรัฐทางใต้ และท้ายสุดในปี 1926 กฎต่างๆ เกี่ยวกับการห้ามให้ทิปถูกยกเลิกหรือถูกตัดสินว่าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยศาลฎีกาของรัฐนั้น ๆ </p>
<p>สำหรับเจ้าของร้านอาหาร ในไม่ช้าก็ตระหนักว่าพวกเขาได้รับประโยชน์จากโอกาสในการอุดหนุนค่าจ้างของพนักงานด้วยเงินพิเศษของลูกค้าจากวัฒนธรรมการให้ทิปนี้  ดังนั้น แม้เรื่องทาสจะหายไป และความไม่เท่าเทียมกันทางเชื้อชาติในสหรัฐอเมริกาจะมีการพัฒนาที่ดีขึ้น แต่วัฒนธรรมการให้ทิปก็ยังคงอยู่และได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ</p>
<p><strong>ที่มา:</strong>
Tipping Culture in America: Public Sees a Changed Landscape (Drew DeSilver &amp; Jordan Lippert, Pew Research Center, 9 November 2023)
'It's the Legacy of Slavery': Here's the Troubling History Behind Tipping Practices in the U.S. (Rachel E. Greenspan, Time, 20 August 2019)
การให้ทิป (สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในสหรัฐอเมริกา, 23 พฤศจิกายน 2564)</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงานพิhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106993
 
3663  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - อย่างเท่ "น้องเรซซิ่ง" ขี่มอเตอร์ไซค์ ลุคนี้หล่อแซงหน้า "พ่อเบนซ์" ไปเลย เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 11:26:58
อย่างเท่ "น้องเรซซิ่ง" ขี่มอเตอร์ไซค์ ลุคนี้หล่อแซงหน้า "พ่อเบนซ์" ไปเลย
         


อย่างเท่ &quot;น้องเรซซิ่ง&quot; ขี่มอเตอร์ไซค์ ลุคนี้หล่อแซงหน้า &quot;พ่อเบนซ์&quot; ไปเลย" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;น้องเรซซิ่ง ลุคนี้อย่างเท่ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ของ พ่อเบนซ์ ทรงอย่างได้จนปะป๊าต้องขอให้ลูกไปขี่ม้าเหมือนเดิม
         

https://www.sanook.com/news/9120758/
         
3664  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - หนุ่มเกาหลีคลั่ง โปรยเงินแสน ถือมีด-ขู่กระโดดคอนโดหรู เล่าถูกสาวไทยหลอกแสบ! เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 08:56:04
หนุ่มเกาหลีคลั่ง โปรยเงินแสน ถือมีด-ขู่กระโดดคอนโดหรู เล่าถูกสาวไทยหลอกแสบ!
         


หนุ่มเกาหลีคลั่ง โปรยเงินแสน ถือมีด-ขู่กระโดดคอนโดหรู เล่าถูกสาวไทยหลอกแสบ!" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;หนุ่มใหญ่แดนเกาหลีคลั่ง ระเบิดอารมณ์โปรยเงินแสน ถือมีดเดินวนบนระเบียง ขู่กระโดดคอนโดหรู คาดเครียดถูกหญิงไทยหลอก

         

https://www.sanook.com/news/9120638/
         
3665  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เปิดเซฟ "ประวิตร" ทรัพย์สินรวม 89 ล้าน มีนาฬิกาแค่เรือนเดียว มีหนี้สิน 757 บาท เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 08:43:36
เปิดเซฟ "ประวิตร" ทรัพย์สินรวม 89 ล้าน มีนาฬิกาแค่เรือนเดียว มีหนี้สิน 757 บาท
         


เปิดเซฟ &quot;ประวิตร&quot; ทรัพย์สินรวม 89 ล้าน มีนาฬิกาแค่เรือนเดียว มีหนี้สิน 757 บาท" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9116314/
         
3666  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ‘มูลนิธิขาเทียมฯ’ ผลิต ‘ขาเทียม’ กว่า 3,000 ขาต่อปี ให้ ‘ทุกคน-ทุกสิทธิ-ทุกเชื้อชาต เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 08:34:33
‘มูลนิธิขาเทียมฯ’ ผลิต ‘ขาเทียม’ กว่า 3,000 ขาต่อปี ให้ ‘ทุกคน-ทุกสิทธิ-ทุกเชื้อชาติ’ ฟรี
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 16:07</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สปสช. ลงพื้นที่มูลนิธิขาเทียมฯ จ.เชียงใหม่ เยี่ยมชมโรงงานจัดทำขาเทียม-รับฟังข้อมูลการให้บริการเพื่อความยั่งยืน ช่วยผู้พิการที่ต้องการขาเทียมได้อย่างทั่วถึงครอบคลุมมากขึ้น ด้านเลขามูลนิธิฯ ระบุ มูลนิธิบริการขาเทียมปีละกว่า 3,000 ขา ใช้งบประมาณราว 40-50 ล้านบาท ฟรีทุกคน ทุกเชื้อชาติตามปณิธานของสมเด็จย่า พร้อมอบรมบุคลากร-จัดหลักสูตรเสริมความรู้ด้านกายอุปกรณ์ จัดตั้งโรงงานผลิตขาเทียมในโรงพยาบาลชุมชน 95 แห่งทั่วประเทศ </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53357029045_f834bd3516_k_d.jpg" /></p>
<p>เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2566 ที่ผ่าน คณะผู้บริหาร นำโดย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่เยี่ยมชมมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อรับฟังการดำเนินการ และเยี่ยมชมโรงงานทำขาเทียมสำหรับผู้พิการขาขาด โดยมี ศ.คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ นพ.วิรัช พันธ์พานิช รองเลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ นพ.พิรุณ คำอุ่น รองเลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ </p>
<p>ศ.คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ เปิดเผยว่า มูลนิธิขาเทียมฯ ให้บริการทำขาเทียมสำหรับผู้พิการขาขาดทุกคน ทุกสิทธิการรักษา ทุกเชื้อชาติที่อยู่ในประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นไปตามปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีว่า “อย่าไปเก็บเงินที่เขา ให้มาเก็บฉัน” เพื่อให้ผู้พิการขาขาดสามารถเข้าถึงขาเทียมได้ทุกคน  </p>
<p>อย่างไรก็ดี มูลนิธิขาเทียมมีโรงงานผลิตขาเทียมหลายประเภท ตั้งแต่ระดับข้อเท้า ระดับใต้เข่า ระดับข้อเข่า ระดับเหนือเข่า ระดับถึงข้อสะโพก รวมถึงขาเทียมสำหรับทำเกษตรกรรมเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับทุกคนมากที่สุด และยังมีการออกหน่วยเคลื่อนที่ไปตามที่ต่างๆ อีกด้วย </p>
<p>นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งโรงงานในโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศประมาณ 95 แห่ง เพื่อให้ผู้พิการได้รับขาเทียมสำหรับการดำรงชีวิต มีหลักสูตรการสอน 2 ปีเรื่องกายอุปกรณ์ ร่วมกับกรมอาชีวศึกษา วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ รวมถึงมีการอบรมเจ้าหน้าที่กายอุปกรณ์ของมูลนิธิฯ เพื่อเข้าไปประจำในโรงงานตามโรงพยาบาล จำนวน 700 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีบริการให้ความรู้แก่ผู้พิการขาดที่ได้รับขาเทียม เพื่อให้สามารถใช้งาน และดูแลได้อย่างเหมาะสม </p>
<p>ศ.คลินิก นพ.นิเวศน์ ระบุว่า ที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 32 ปี ให้บริการออกหน่วยเคลื่อนที่ประมาณ 164 ครั้ง และให้บริการทำขาเทียมไปมากกว่า 2.7 หมื่นขา ขณะที่การบริการทำขาเทียมต่อปีจะอยู่ที่ปีละประมาณกว่า 3,000 ขา ใช้งบประมาณราว 40-50 ล้านบาทต่อปี  </p>
<p>“เงินทั้งหมดจะเป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา บริษัท ห้างร้าน ธนาคารบริษัทประกันต่างๆ ที่เห็นความสำคัญของมูลนิธิและได้สนับสนุนให้มาตลอด แต่หากจะให้เกิดความยั่งยืนอาจจะต้องคำนึงถึงแหล่งเงินอื่นๆ ร่วมด้วย” ศ.คลินิก นพ.นิเวศน์ ระบุ  </p>
<p>ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับมูลนิธิขาเทียมตั้งขึ้นมาโดยมีความประสงค์ให้ผู้ที่ต้องการได้รับขาเทียมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นไปตามปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งหากต่อยอดแล้วต่อไปนี้ผู้ป่วยทุกคนที่ต้องการขาเทียมไม่ควรมีค่าใช้จ่าย  </p>
<p>อย่างไรก็ดี สปสช. มีกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด ที่ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ซึ่งก็คิดว่ามูลนิธิขาเทียมน่าจะเป็นอีกหน่วยงานสำคัญ ขับเคลื่อนให้เกิดความเข้มแข็งได้ ส่วนนี้ก็อาจจะต้องคิดต่อไปเพื่อให้เกิดความยั่งยืนให้ประชาชนได้รับขาเทียมอย่างทั่วถึงมากขึ้นในอนาคต  </p>
<p>“ตอนนี้ที่มีโรงงานงานทำขาเทียมทั่วประเทศ 95 แห่ง หรือในอนาคต หากมีการพัฒนาเทคโนโลยีจำนวนมากก็สามารถขยายได้ด้วย สปสช. จะไปดูเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในเรื่องขาเทียมที่จ่ายให้โรงพยาบาลอยู่แล้ว เราอาจจะให้การชดเชยค่าขาเทียมที่ทำโดยเทคโนโลยีจากมูลนิธิฯ ในอัตราเดียวกับที่ต้องซื้อจากต่างประเทศ” นพ.จเด็จ กล่าว  </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106983
 
3667  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ไต้หวันยังคงเป็นประเด็น 'อ่อนไหวที่สุด' ในความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 07:04:07
ไต้หวันยังคงเป็นประเด็น 'อ่อนไหวที่สุด' ในความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 16:20</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ในการประชุมซัมมิทของผู้นำจีน-สหรัฐฯ ครั้งล่าสุดมีการหารือกันที่แสดงให้เห็นท่าทีประนีประนอมและมีความคืบหน้าทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงย้ำจุดยืนเดิมในประเด็นไต้หวัน ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าในขณะที่ประเด็นนี้ยังอ่อนไหวต่อทั้งสองชาติ มันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างสองชาติมหาอำนาจนี้หรือไม่ อย่างไร</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/52269244055_5c38ef5396_o_d.jpg" /></p>
<p>ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 2 แห่งในโลกคือสหรัฐฯ และจีน เดินออกจากห้องประชุมสุดยอดผู้นำระดับสูงด้วยน้ำเสียงที่ประนีประนอมและสื่อถึงพันธกิจที่ต้องการจะทำการแข่งขันทางเศรษฐกิจในแบบที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองชาติ แต่อย่างไรก็ตาม มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่ยังคงเป็นเสี้ยนหนามต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ นั้นคือประเทศไต้หวัน</p>
<p>เมื่อช่วงกลางเดือน พ.ย. ที่ผ่านมามีการพบปะกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน และผู้นำจีน สีจิ้นผิง ซึ่งเหล่านักวิจารณ์ทั้งหลายก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะทำให้ประเด็นเรื่องไต้หวันมีความคืบหน้าเป็นเรื่องเป็นราว แต่อย่างน้อยก็มีการนำเรื่องไต้หวันมาขึ้นโต๊ะหารือ โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังคงแสดงท่าทีในแบบเดิมต่อประเด็นนี้</p>
<p>ไบเดนกล่าวย้ำว่า ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะเห็นชอบกับนโยบาย "จีนหนึ่งเดียว" แต่พวกเขาก็ยังคงมีจุดยืนแบบเดิมคือมองว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีอธิปไตยของตัวเอง ซึ่งจีนจะอ้างไปในทางตรงกันข้าม</p>
<p>ทางฝ่าย สีจิ้นผิง กลับเรียกร้องให้สหรัฐฯ มีการกระทำที่ดูหนักแน่นกว่านี้ในการที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้กำลังสนับสนุน "เอกราชของไต้หวัน" ผู้นำจีนยังได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ เลิกติดอาวุธให้ไต้หวัน และสนับสนุนสิ่งที่จีนอ้างว่าเป็น "การกลับมารวมชาติระหว่างไต้หวันและจีน"  ด้วย</p>
<p>"จีนจะต้องทำให้การกลับมารวมชาติ(กับไต้หวัน)เป็นจริงให้จงได้ และนี่เป็นสิ่งที่หยุดไม่ได้" สีจิ้นผิงประกาศในที่ประชุมซัมมิท</p>
<p>ถึงแม้ว่าทั้งสองชาติมหาอำนาจจะแสดงออกถึงจุดยืนที่ต่างกันในประเด็นของไต้หวันในที่ประชุมซัมมิท แต่พวกเขาก็ตกลงกันได้ในประเด็นอื่นๆ เมื่อการประชุมจบลง เช่นประเด็นเรื่องการหารือเกี่ยวกับระบบปัญญาประดิษฐ์, การตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหาการใช้ยาเฟนทานิลเกินขนาด (ซึ่งในไทยถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด) และการทำให้มีการสื่อสารกันในระดับสูงของกองทัพสองทั้งประเทศอีกครั้ง</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ปมขัดแย้งไต้หวัน</span></h2>
<p>ไต้หวันเป็นประเทศเกาะที่ปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย ประเด็นเกี่ยวกับเอกราชไต้หวันกลายเป็นประเด็นที่เสี่ยงต่อการปะทุเป็นความรุนแรงในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความตึงเครียดต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ</p>
<p>สองมหาอำนาจต่างก็โต้เถียงกันเรื่องไต้หวันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยรัฐบาลก่อนหน้านี้ของสหรัฐฯ คือรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนจีนก็กล่าวอ้างหลายครั้งว่าพวกเขาอาจจะจำเป็นต้องใช้กำลังเพื่อ "ยึดคืน" ไต้หวันถ้าหากจำเป็น</p>
<p>การยกระดับความขัดแย้งทางการทูตบวกกับการที่จีนเน้นมองกลับเข้าไปภายในประเทศตัวเองมากขึ้นรวมถึงบรรยากาศแบบที่จำกัดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ และการที่จีนใช้อำนาจยึดกุมฮ่องกงได้มากขึ้นนั้น ทำให้ทุนพากันไหลออกจากจีน</p>
<p>อลิเซีย การ์เซีย-เฮอร์เรโร หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ธนาคารการลงทุนสัญชาติฝรั่งเศส นัตติซิส กล่าวว่า "ประเด็นไต้หวันเป็นส่วนที่สำคัญในการประชุมซัมมิท"</p>
<p>การ์เซีย-เฮอร์เรโร บอกว่า "คำปราศรัยที่บรรจงร่างออกมาอย่างดีของสีจิ้นผิงในช่วงที่มีการประชุมซัมมิททางธุรกิจนั้นมีความสำคัญมาก มันแสดงให้เห็นว่าจีนจะไม่ทำสงครามเย็นใดๆ หรือแสดงให้เห็นว่าจีนไม่ได้ต้องการให้มีการสู้รบ"</p>
<p>"...ฉันคิดว่า จีนรู้ดีว่าประเด็นไต้หวันนั้นเป็นวาระที่มีความสำคัญสูงสุดในสายตาของกลุ่มผู้บริหารธุรกิจ แล้วความเสี่ยงจากประเด็นนี้เองได้กลายมาเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่า ทำไมนักลงทุนบางส่วนถึงไม่ลงทุนทั้งในไต้หวันหรือในจีนแผ่นดินใหญ่ ดังนั้นแล้วฉันจึงคิดว่ามัน(คำแถลงของจีน)เป็นคำแถลงที่ใหญ่โตมาก" การ์เซีย-เฮอร์เรโร กล่าว</p>
<h2><span style="color:#3498db;">"การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ"</span></h2>
<p>ในช่วงเย็นของการประชุมซัมมิทกลางเดือน พ.ย. กับไบเดน สีจิ้นผิงได้พูดปราศรัยในห้องที่เต็มไปด้วยกลุ่มผู้นำทางธุรกิจในซานฟรานซิสโก โดยเรียกร้องให้มี "การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ" ให้เป็นพื้นฐานขั้นแรกต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ต้องรักษาไว้ในฐานะสองชาติมหาอำนาจ</p>
<p>ศีจิ้นผิงเน้นย้ำว่า จีนจะไม่ขัดแข้งขัดขาสหรัฐฯ หรือแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐฯ "และเช่นเดียวกันคือ สหรัฐฯ ไม่ควรจะขัดแข้งขัดขาจีนหรือแทรกแซงกิจการภายในของจีน"</p>
<p>สีกล่าวอีกว่า "การรุกรานและการขยายอาณาเขตอำนาจนั้นไม่ได้อยู่ในยีนส์ของพวกเรา"</p>
<p>คำพูดของสีจิ้นผิงจะช่วยลดความตึงเครียดในคาบสมุทรไต้หวันได้มากแค่ไหน และจะช่วยลดความตึงเครียดในระดับความขัดแย้งทะเลจีนใต้ไปด้วยมากน้อยแค่ไหนนั้น เป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์จะต้องจับตามองต่อไป รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านไต้หวันอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่เป็นพันธมิตรสำคัญกับสหรัฐฯ จะต้องจับตามองเรื่องนี้ต่อไปด้วยเพราะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อพวกเขา</p>
<p>ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เกิดคำถามที่ว่าคำพูดของสีจิ้นผิงจะสามารถกลับมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนให้นำเงินลงทุนก้อนใหม่ไปลงที่จีนได้หรือไม่</p>
<p>ประเทศสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างก็เคยแสดงการต่อต้านสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นภัยคุกคามจากจีน ในตอนที่จีนทำการซ้อมรบรอบๆ ไต้หวันเพื่อแสดงออกว่าพวกเขามีอำนาจอธิปไตยเหนือประเทศไต้หวัน กองเรือจีนยังทำการซ้อมรบในแบบรุกล้ำทะเลจีนใต้ในตอนที่มีข้อพิพาทน่านน้ำกับฟิลิปปินส์ด้วย</p>
<p>ข้อพิพาทระหว่างสองมหาอำนาจในเรื่องไต้หวันนั้น เคยทำให้จีนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงที่ แนนซี เปโลซี เดินทางเยือนไต้หวันในตอนที่เธอดำรงตำแหน่งเป็นโฆษกสภาผู้แทนสหรัฐฯ เมื่อเดือน ส.ค. 2565</p>
<p>หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น จีนก็โต้ตอบด้วยการระงับช่องทางการสื่อสารทางการทหารกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเพราะช่องทางการสื่อสารนี้เป็นหนทางสุดท้ายที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันทางการทหารในแบบที่ไม่ได้ตั้งใจ</p>
<p>Zhang Baohui ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยหลิงหนานในฮ่องกงกล่าวว่า ถึงแม้ว่าการกลับมาเปิดช่องทางสื่อสารทางการทหารระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอีกครั้งนั้น มันจะไม่ได้ส่งผลอะไรมากต่อประเด็นไต้หวัน แต่มันก็ยังคงนับเป็นสิ่งที่ช่วยคงเสถียรภาพต่อความสัมพันธ์ความเสี่ยงสูงของทั้งสองประเทศ</p>
<p>Zhang บอกว่า "การที่สหรัฐฯ สามารถบรรลุเป้าหมายในการเปิดช่องทางการสื่อสารทางการทหารและสร้างความร่วมมือกับจีนได้อีกครั้งในขณะที่จีนก็บรรลุเป้าหมายเรื่องการสร้างเสถียรภาพกับคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ เป็นสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้อะไรๆ แย่ลงไปกว่าเดิม"</p>
<p>Zhang บอกอีกว่า เขาคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นบวกต่อทั้งสองประเทศ ทั้งสองประเทศจะมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นจากการที่คนมองว่าพวกเขาร่วมมือกันในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของโลก</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ในแง่การเงินเป็นอย่างไรบ้าง</span></h2>
<p>ในแง่การเงินและธุรกิจ กลุ่มนักลงทุนกำลังอยู่ในท่าทีรอดูต่อไปว่า การประชุมซัมมิทระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนึ่งคือสหรัฐฯ ไม่ได้ยกเลิกการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูง (วัตถุดิบที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งเรื่องนี้จีนได้พูดถึงตอนประชุมซัมมิท และได้วิพากษ์วิจารณ์อเมริกันว่าพยายามจะปฏิเสธไม่ให้ประชาชนจีน "มีสิทธิที่จะพัฒนา"</p>
<p>บร็อค ซิลเวอร์ส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของไคหยวน แคปิตอล กล่าวว่า "การประชุมซัมมิทจะส่งผลลัพธ์ในระยะยาวต่อตลาดการเงินเพียงเล็กน้อย สีจิ้นผิงเคยได้รับการตอบรับทางบวกอย่างมากจากกลุ่มผู้นำทางธุรกิจมาก่อน แต่ในครั้งนี้ เหมือนเขาแค่เทศนาในสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว"</p>
<p>ซิลเวอร์ส บอกอีกว่า มีการพูดคุยและตกลงกันน้อยเกินกว่าที่จะทำให้เหล่านักลงทุนหัวแข็งเชื่อว่าจีนจะแก้ปัญหาเรื่องการกดดันการลดค่าเงิน มีการปฏิรูปที่จำเป็น หรือมีการแก้ไขปัญหาเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับความสามารถในการเข้าลงทุนของนักลงทุน ทำให้จีนสามารถเปลี่ยนใจนักลงทุนได้น้อยมาก</p>
<p>แต่ การ์เซีย-เฮอร์เรโร ก็มองโลกในแง่ดีมากกว่า เธอมองว่าโดยรวมแล้วการประชุมระหว่างผู้นำจีน-สหรัฐฯ จะเป็นการส่งสัญญาณให้กลุ่มธุรกิจต่างชาติเล็งเห็นว่า "บางทีแล้วจีนอาจจะไม่ได้ถึงขั้นไม่น่าลงทุนด้วย"</p>
<p>การ์เซีย-เฮอร์เรโร ประเมินว่าจีนจะได้รับการลงทุนมากขึ้นหลังจากการประชุม ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีมาตรการอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะในเรื่องยกเลิกการควบคุมการส่งออกหรือยกเลิกภาษีนำเข้าศุลกากรก็ตาม แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าจีนมีความถ่อมตัวลงบ้างและเข้าใจว่าตัวเองกำลังเดินไปในทางที่ผิดในเรื่องการดึงดูดนักลงทุนถ้าหากว่าพวกเขายังคงแสดงออกในเชิงก้าวร้าวต่อไป</p>
<p>เจมส์ ดาวเนส ประธานโครงการการเมืองและรัฐประศาสนศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงเมโทรโปลิแทนกล่าวว่า การประชุมซัมมิทจะส่งผลบวกต่อการวางรากฐานเริ่มต้นทางเศรษฐกิจเพื่อที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า</p>
<p>ดาวเนสบอกว่า ประเด็นไต้หวันนั้นเป็นปัญหาเชิงภูมิศาสตร์การเมืองระยะยาวที่มีความซับซ้อน มันจะดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะละเรื่องนี้ไว้ก่อนชั่วคราว แล้วกันมาเน้นเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และระบบปัญญาประดิษฐ์ แทนที่จะผลักดันจุดยืนในเรื่องไต้หวันของตัวเองไปข้างหน้า</p>
<p>ซึ่งดูเหมือนว่าจีนจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะแม้แต่สีจิ้นผิงก็ยอมรับว่าไต้หวันยังคงเป็น "ประเด็นที่สำคัญที่สุดเและมีความอ่อนไหวมากที่สุด" สำหรับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน</p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong>
Taiwan remains the ‘most sensitive’ issue in US-China relations, Benar News, 17-11-2023</p>
<p><strong>ข้อมูลเพิ่มเติมจาก</strong>
เฟนทานิล (Fentanyl), กองควบคุมยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงานพิเhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106984
 
3668  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - คนมุงจนรถติด สาวล่ามคอแฟนจูงช้อปปิ้ง ใครเห็นก็ว่าทารุณ ตร.เข้าเคลียร์ได้คำตอบส เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 06:25:07
คนมุงจนรถติด สาวล่ามคอแฟนจูงช้อปปิ้ง ใครเห็นก็ว่าทารุณ ตร.เข้าเคลียร์ได้คำตอบสุดเงิบ
         


คนมุงจนรถติด สาวล่ามคอแฟนจูงช้อปปิ้ง ใครเห็นก็ว่าทารุณ ตร.เข้าเคลียร์ได้คำตอบสุดเงิบ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9120458/
         
3669  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สวนดุสิตโพลเผยคนหนุน 'ลอยกระทง' เป็น Soft Power เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 05:31:42
สวนดุสิตโพลเผยคนหนุน 'ลอยกระทง' เป็น Soft Power
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 16:37</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สวนดุสิตโพล เผยประชาชนมองประเพณีลอยกระทงเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีไทยสู่สายตาชาวโลก ส่วนใหญ่ 70.72% ระบุมีศักยภาพเป็น Soft Power ของไทย</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53355727742_c8f15dce61_o_d.jpg" /></p>
<p>26 พ.ย.2566 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “วันลอยกระทงกับวัฒนธรรมประเพณี และประวัติศาสตร์ไทย” พบว่า กลุ่มตัวอย่างพอมีความรู้บ้างเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวันลอยกระทง ร้อยละ 69.03 โดยมองว่าวันลอยกระทงเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีไทยสู่สายตาชาวโลก ร้อยละ 95.35</p>
<p>และเห็นว่าประเพณีลอยกระทงมีศักยภาพในการเป็น Soft Power ในระดับมาก ร้อยละ 70.72 เนื่องจากช่วยดึงดูดความสนใจ ทำให้ต่างชาติเห็นถึงประเพณี ศิลปะ ดนตรี อาหาร การแต่งกาย ร้อยละ 89.63</p>
<p>ทั้งนี้วันลอยกระทงทำให้ประชาชนสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี และประวัติศาสตร์ไทยมากขึ้น ร้อยละ 51.54 ด้านปัญหาและอุปสรรคของการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณี และประวัติศาสตร์ไทย คือ การเปลี่ยนแปลงของสังคม ค่านิยมและพฤติกรรมของคนไทย ร้อยละ 71.59 จึงควรนำเทคโนโลยีและสื่อโซเชียลมาช่วยเผยแพร่ เชื่อมโยงกับปัจจุบัน ร้อยละ 85.09</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106985
 
3670  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - นักวิชาการคาดปัญหาวิกฤตหนี้สินอาจกดทับเศรษฐกิจไทยปีหน้า เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 03:53:41
นักวิชาการคาดปัญหาวิกฤตหนี้สินอาจกดทับเศรษฐกิจไทยปีหน้า
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 17:23</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นักวิชาการคาดปัญหาวิกฤตหนี้สินอาจกดทับเศรษฐกิจไทยปีหน้า กำหนดเพดานดอกเบี้ย ผลักหนี้นอกระบบเพิ่ม พักหนี้แค่บรรเทาปัญหา แก้หนี้ต้องกระจายรายได้และกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เป็นธรรม สร้างโอกาสการทำงานรายได้สูง</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/51487497935_802ff01f91_o_d.jpg" /></p>
<p>26 พ.ย. 2566 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าจากข้อมูลล่าสุด หนี้ครัวเรือนไทยเทียบกับจีดีพีในไตรมาสสองทรงตัวอยู่ที่ระดับ 86.3% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสแรก หนี้ครัวเรือนที่สูงกว่าร้อยละ 80 ของ GDP เป็นระดับที่ต้องเฝ้าระวัง และอาจฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต สร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินและอาจลุกลามไปเป็นปัญหาสังคม ซึ่งจะยิ่งแก้ไขได้ยากขึ้น แม้นหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีทรงตัว อันเป็นผลจากจีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับหนี้ครัวเรือน แต่ยอดหนี้คงค้างยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้หนี้ครัวเรือนคงค้างอยู่ที่ 15.3 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้นประมาณ 1.1 แสนล้านบาทจากไตรมาสแรกที่มีอยู่ยอดหนี้ครัวเรือนคงค้างอยู่ที่ 15.19 ล้านล้านบาท เมื่อนำมาคำนวณ พบว่า หนี้เฉลี่ยรายบุคคลอยู่ที่ 231,818 บาทต่อคน หนี้ครัวเรือนของชาวไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 546,428 แสนบาทต่อครัวเรือน เป็นหนี้ในระบบประมาณ 59-60% หนี้นอกระบบ 39-40% ชาวไทยในวัยทำงานอายุไม่เกิน 35 ปี มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 25,000-27,000 บาท ขณะที่รายจ่ายครัวเรือนเฉลี่ยแต่ละเดือนเกือบเท่ากับรายได้จึงไม่มีเงินออม เมื่อมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินมากกว่ารายจ่ายปรกติ จึงจำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้เพียงพอ ประเทศไทยจึงมีหนี้ครัวเรือนสูงเป็นอันดับสองในเอเชีย รองจากเกาหลีใต้ และ อยู่ในอันดับที่ 12 ของโลก ขณะเดียวกัน คนไทยมีหนี้สาธารณะที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบเฉลี่ยท่านละ 168,430 บาท จะเห็นได้ว่า ชาวไทยมีภาระหนี้สินส่วนครัวเรือนรวมหนี้สาธารณะอยู่ที่ท่านละ 400,248 บาท ฉะนั้นการตั้งเป้าให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ 5-6% เป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจมีรายได้สูงขึ้น และ ต้องสร้างกลไกให้เกิดการกระจายรายได้มายังคนส่วนใหญ่อย่างทั่วถึง    </p>
<p>สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่ระดับ 86.3% ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทที่ก่อหนี้เกินตัว บวกกับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่ระดับ 62.14% (ณ. เดือนกันยายน 2566) คิดเป็นมูลค่าหนี้สาธารณะ 11.13 ล้านล้านบาท หนี้ทั้งสามมิตินี้ อันประกอบไปด้วย หนี้ครัวเรือน หนี้เอกชน หนี้สาธารณะ อาจจะกดทับต่ออัตราการขยายเศรษฐกิจไทยปีหน้าได้หากดอกเบี้ยภายในประเทศยังปรับตัวในทิศทางขาขึ้นต่อไป ขณะเดียวกัน หนี้ครัวเรือนเป็นหนี้นอกระบบสูงกว่า 20% คิดเป็น 3.48 ล้านล้านบาท การดำเนินมาตรการและนโยบายกำหนดเพดานดอกเบี้ยในระบบดูเหมือนเป็นความพยายามแก้ปัญหาความเดือดร้อนจากภาวะดอกเบี้ยลอยตัว แต่ได้สร้างปัญหาให้กับครัวเรือนและประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ เนื่องจากสถาบันการเงินในระบบไม่ยอมปล่อยสินเชื่อหรือเงินกู้ให้กับผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูงด้วยอัตราดอกเบี้ยเพดานตามที่ทางการกำหนด การแก้ปัญหาการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไปของสถาบันการเงินในระบบแก้ด้วยการเปิดเสรีให้มีการแข่งขันมากขึ้น ไม่ใช่กำหนดเพดานทำให้อัตราดอกเบี้ยไม่สะท้อนความเสี่ยงของผู้กู้  การกำหนดเพดานดอกเบี้ยในระบบจึงกลายเป็นการผลักหนี้นอกระบบเพิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ </p>
<p>มาตรการพักหนี้ที่ทำกันมาเกือบทุกรัฐบาลก็ทำได้เพียงแค่บรรเทาปัญหาวิกฤติหนี้สินครัวเรือน แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่รากฐานแห่งการเป็นหนี้ นอกจากนี้หากดำเนินการอย่างไม่รัดกุมและใช้มาตรการแบบนี้บ่อยๆ จะทำให้เกิดจริยวิบัติ (Moral Hazard) ในระบบการเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ และ จะสะสมความเสี่ยงของการเกิดวิกฤติระบบสถาบันการเงินในอนาคตได้  มาตรการแก้ไขหนี้สินนั้นต้องกระจายรายได้และกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เป็นธรรม สร้างโอกาสการทำงานด้วยรายได้สูงให้กับประชาชน ธุรกิจอุตสาหกรรมต้องสามารถเพิ่มมูลค่าด้วยความรู้และนวัตกรรม แปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีราคาและมูลค่าสูงขึ้น  </p>
<p>การปรับลดอัตราเงินสดสำรองตามกฎหมายของสถาบันการเงิน ผ่อนกฎเกณฑ์การตั้งสำรองหนี้เสียหรือหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้กับธนาคาร ลดหย่อนภาษีการขายหรือโอนทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสถาบันการเงิน อาจมีความจำเป็นในระยะต่อไปหากปัญหาการไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อและปัญหาหนี้สินไม่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างชัดเจน    </p>
<p>โครงสร้างทางการเงินของกิจการและธุรกิจอุตสาหกรรมบางส่วนอ่อนแอมากและถูกซ้ำเติมจากผลกระทบการแพร่ระบาดของ Covid-19 เมื่อปี พ.ศ. 2563-2564 มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นมีหนี้สินเพิ่มมากกว่า 4 ล้านล้านบาทในช่วงดังกล่าว บริษัทกิจการท่องเที่ยว กิจการสายการบิน กิจการขนส่ง ค้าปลีก ร้านอาหาร กิจการเหล่านี้จำนวนไม่น้อยต้องเพิ่มทุนหรือต้องขายทรัพย์สินเสริมสภาพคล่องและชำระหนี้ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโควิด แม้นภาพรวมของเศรษฐกิจมีขยายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปัจจุบัน แต่กิจการจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่พ้นจากภาวะการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวและขาดสภาพคล่อง สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจดทะเบียนปี พ.ศ. 2563 อยู่ที่ 2.83 เท่าเมื่อเทียบกับ 2.57 เท่าในปี พ.ศ. 2561 หนี้สินรวมของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 29.28 ล้านล้านบาท สูงกว่าจีดีพีประเทศประมาณเกือบ 2 เท่า และ ขณะที่ ล่าสุด ณ.   2566 สัดส่วนหนี้สินต่อทุนและหนี้สินรวมของบริษัทจดทะเบียนยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลายกิจการประสบปัญหาการจำหน่ายหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิม มีความเสี่ยงของ Debt Rollover เพิ่มขึ้นนั่นเอง สัดส่วนหนี้สินต่อทุนน่าจะทะลุ 3 เท่า อย่างไรก็ตาม  ผลประกอบการไตรมาสี่ของปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปีหน้าบริษัทจดทะเบียนน่าจะผลกำไรสุทธิกระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยภาพรวม   ตราสารหนี้กลุ่ม high-yield bond ยังมีการขอขยายวันครบกำหนดอายุ โดยประมาณ 1 - 2 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ออกรายเดิมที่เคยขอขยายวันครบกำหนดอายุแล้ว และยังไม่สามารถออกตราสารหนี้ใหม่เพื่อทดแทนตราสารเดิมที่ครบกำหนดได้ และมักจะเป็นตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ</p>
<p>ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (downgrade) และแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนเล็กน้อย เกิดจากปัจจัยเสี่ยงเฉพาะของแต่ละบริษัท ตั้งแต่ต้นปี 2566 มีผู้ออกหุ้นกู้ที่มีการเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ที่มีการผิดนัดชำระหนี้จำนวน 3 ราย มูลค่าเงินต้นที่ผิดนัดรวมทั้งสิ้น 12,278.29 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.25 ของตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งระบบ โดยทั้งหมดเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้ของทั้ง 3 รายดังกล่าวเป็นปัญหาเฉพาะบริษัท ยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะตลาดตราสารหนี้โดยรวม</p>
<p>รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่าการที่เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ในระดับต่ำกว่า 3% ขยายตัวประมาณ 2.5-2.6% จะเพิ่มความเสี่ยงต่อฐานะการเงินของภาครัฐและภาคเอกชนในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น  โดยกลุ่มธุรกิจที่ยังมีปัญหาในการชำระหนี้มากที่สุด ได้แก่ กลุ่มธุรกิจสื่อเดิม กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจสปาและเสริมสวย กลุ่มค้าปลีกขนาดเล็กขนาดกลาง กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม กลุ่มธุรกิจสายการบินและการขนส่งคน กลุ่มธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าและงาน Event ต่างๆ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มกิจการโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเอกชน เป็นต้น  ขณะเดียวกัน ฐานะทางการคลังของประเทศอ่อนแอลงเล็กน้อย โดยการก่อหนี้เพื่อดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัล จะทำให้สัดส่วนของหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ในปีหน้าทะลุ 64% ได้ ขณะที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีพุ่งทะลุ 91% สูงที่สุดในรอบ 18 ปีก่อนหน้านี้จะปรับลดลงบ้างจากมาตรการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ การปรับเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนมากกว่าปรกติก่อนหน้านี้เป็นผลมาจากการล็อกดาวน์ไร้ประสิทธิภาพและประสิทธิผล รายได้หดตัว ว่างงาน หนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นหนี้ผ่อนชำระที่อยู่อาศัยมากกว่า 34% การมีนโยบายสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตัวเองมีความจำเป็น </p>
<p>เรื่องการเป็นหนี้และไม่สามารถชำระหนี้ได้ขณะนี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องการไม่มีวินัยทางการเงินหรือก่อหนี้เกินตัวแต่เป็นเรื่องของการว่างงานและรายได้ลดลงมากกว่าในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโควิดและมีผลกระทบต่อเนื่องมา ขณะนี้สถานการณ์การว่างงานดีขึ้นอย่างชัดเจน อัตราการว่างงานต่ำมากและหลายกิจการเกิดภาวะขาดแคลนแรงงาน แต่รายได้จากการจ้างงานยังไม่ปรับเพิ่มมากนัก ส่วนการปรับลดเพดานดอกเบี้ยก็อาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดนัก เมื่อสถาบันการเงินไม่สามารถคิดดอกเบี้ยได้ตามความเสี่ยง สถาบันการเงินก็จะไม่ปล่อยกู้ เท่ากับผลักให้ผู้มีรายได้น้อยและฐานะการเงินอ่อนแอต้องไปกู้นอกระบบแทน  เตือนปัญหาการผิดนัดชำระหนี้จะรุนแรงขึ้นจากโครงสร้างทางการเงินอ่อนแอของทั้งภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจและภาครัฐ เกิดขึ้นพร้อมๆกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของ SMEs และ ครัวเรือนบางกลุ่มที่ยังมีฐานะการเงินเปราะบางจากรายได้เพิ่มเล็กน้อยและฟื้นตัวช้าเมื่อเทียบกับรายจ่าย รวมทั้งยังมีความจำเป็นต้องก่อหนี้เพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่อง ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจขนาดใหญ่โดยภาพรวมยังทรงตัว  </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106987
 
3671  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ส่องทะเบียนรถหรู ต้อนรับ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 03:53:40
ส่องทะเบียนรถหรู ต้อนรับ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” รองอันดับ 1 Miss Universe 2023
         


ส่องทะเบียนรถหรู ต้อนรับ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” รองอันดับ 1 Miss Universe 2023" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ประวัติศาสตร์ในรอบ 35 ปี แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 กลับบ้าน! คอหวยไม่พลาดส่องทะเบียนรถหรู

         

https://www.sanook.com/news/9119934/
         
3672  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เปิดทรัพย์สินในรอบ 9 ปี "ประยุทธ์" รวย 130 ล้าน ไร้หนี้ ปืน 9 กระบอก รถหรูหลายคัน เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 02:42:46
เปิดทรัพย์สินในรอบ 9 ปี  "ประยุทธ์" รวย 130 ล้าน ไร้หนี้ ปืน 9 กระบอก รถหรูหลายคัน
         


เปิดทรัพย์สินในรอบ 9 ปี  &quot;ประยุทธ์&quot; รวย 130 ล้าน ไร้หนี้ ปืน 9 กระบอก รถหรูหลายคัน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;เปิดทรัพย์สินบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ อ.น้อง นราพร จันทร์โอชา ในรอบ 9 ปี รวย 130 ล้าน ไร้หนี้

         

https://www.sanook.com/news/9116334/
         
3673  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ก.ต่างประเทศ เผยมีคนไทยชุดที่สองได้รับการปล่อยตัวอีก 4 ราย เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 02:02:03
ก.ต่างประเทศ เผยมีคนไทยชุดที่สองได้รับการปล่อยตัวอีก 4 ราย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 18:02</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ก.ต่างประเทศ เผยวันนี้ (26 พ.ย.) มีคนไทยชุดที่สองได้รับการปล่อยตัวอีก 4 ราย ขณะนี้ อยู่ระหว่างการนำตัวไปที่ รพ. ที่ฝ่ายอิสราเอลจัดไว้เพื่อตรวจสุขภาพตามขั้นตอน โดยเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และประสานการติดต่อกับครอบครัวที่ รพ. แล้ว</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="662" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FThaiMFA%2Fposts%2Fpfbid0kT4orgZkfCEPbESuii5DYo41CBitQcqTfKDYSzBMf6LKw12cDe2mni5xGhtsa6crl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>26 พ.ย. 2566 เพจกระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand รายงานว่าตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งข่าวเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันคนไทยชุดแรกจำนวน 10 ราย เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2566 นั้น วันนี้ (26 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ามีคนไทยชุดที่สองได้รับการปล่อยตัวอีก 4 ราย ขณะนี้ อยู่ระหว่างการนำตัวไปที่ รพ. ที่ฝ่ายอิสราเอลจัดไว้เพื่อตรวจสุขภาพตามขั้นตอน โดยเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และประสานการติดต่อกับครอบครัวที่ รพ. แล้ว</p>
<p>กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับครอบครัวของพี่น้องคนไทยทั้ง 4 รายที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ รวมถึงขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ได้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาให้มีการปล่อยตัวประกันในชุดที่ 2 นี้ </p>
<p>อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าทางการอิสราเอลได้ยืนยันจำนวนคนไทยที่ถูกควบคุมตัว เพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ทำให้ภายหลังการปล่อยตัวคนไทยชุดที่ 2 แล้ว คาดว่ายังมีคนไทยที่ถูกควบคุมตัวอีกจำนวน 18 ราย ซึ่งรัฐบาลไทยจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่เหลือให้ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด</p>
<p>ทั้งนี้ โดยที่มีตัวประกันเริ่มทยอยได้รับการปล่อยตัว และมีโอกาสได้พูดคุยกับญาติพี่น้องในประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่อาจ สัมภาษณ์ญาติของตัวประกัน มิให้ซักถามหรือเผยแพร่ ข้อมูลระหว่างการถูกควบคุมตัว ซึ่งอาจมีความอ่อนไหว และส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของตัวประกันที่ยังอยู่ในความควบคุมได้</p>
<p>ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานกับ ฝ่ายอิสราเอลเกี่ยวกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำพี่น้องคนไทยทั้ง 14 รายที่ได้รับการปล่อยตัวและผ่านกระบวนการเยียวยาเบื้องต้นในอิสราเอลแล้ว กลับสู่ประเทศไทยและครอบครัวโดยเร็วต่อไป</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ฮามาสจะปล่อยตัวประกันรอบที่ 3 ในวันนี้</span></h2>
<p>สำนักข่าวไทยอ้างรายงานข่าวต่างประเทศ ระบุว่าทำเนียบนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวว่า ได้รับรายชื่อตัวประกันที่ฮามาสจะปล่อยตัวในวันนี้ (26 พ.ย.)  ขณะนี้รายฃื่อกำลังถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและครอบครัวของตัวประกันก็ได้รับการแจ้งเรื่องการปล่อยตัวแล้ว</p>
<p>การแลกเปลี่ยนตัวรอบล่าสุดเมื่อวานนี้ ต้องล่าช้าออกไปหลายชั่วโมงหลังจากที่กลุ่มฮามาสกล่าวหาอิสราเอลว่าละเมิดข้อตกลงที่นำไปสู่การพักรบเป็นเวลา 4 วัน ในสงครามที่ดำเนินมาเป็นเวลา 7 สัปดาห์แล้ว แม้จะมีข้อพิพาทในเรื่องนี้แต่สุดท้ายแล้ว ฮามาสก็ปล่อยตัวประกันที่เป็นชาวอิสราเอล 13 คนและคนไทย 4 คน ในตอนกลางคืนของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งอิสราเอลก็ปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ 19 คนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนในรอบนี้ สำนักข่าวเอเอฟพี ยังรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้โพสต์ข้อความผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์แจ้งเรื่องการปล่อยตัวประกันคนไทย โดยกล่าวว่าผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวในวันเสาร์มีสุขภาพแข็งแรงดี</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106988
 
3674  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ราวภาพฝัน งานแต่งสุดอลังการที่เมียนมา ฝีมือของคนไทย เผยที่มาแรงบันดาลใจ เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 00:45:08
ราวภาพฝัน งานแต่งสุดอลังการที่เมียนมา ฝีมือของคนไทย เผยที่มาแรงบันดาลใจ
         


ราวภาพฝัน งานแต่งสุดอลังการที่เมียนมา ฝีมือของคนไทย เผยที่มาแรงบันดาลใจ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ฮือฮา งานแต่งสุดอลังการที่ประเทศเมียนมา ฝีมือคนไทยเนรมิตจนกลายเป็นวิวาห์หรูราวเทพนิยาย ใช้ดอกไม้กว่า 3 ประเทศ
         

https://www.sanook.com/news/9119970/
         
3675  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ไทยสร้างไทย' ห่วงออก พ.ร.บ.กู้เงินเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต เสี่ยงกระทบเสถียรภ เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2566 00:27:17
'ไทยสร้างไทย' ห่วงออก พ.ร.บ.กู้เงินเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต เสี่ยงกระทบเสถียรภาพคลัง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 18:32</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พรรคไทยสร้างไทย ไม่ค้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ห่วงออก พ.ร.บ.กู้เงินเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เสี่ยงกระทบเสถียรภาพการเงิน การคลังของประเทศระยะยาว ขอคิดให้รอบคอบ รับฟังความเห็นต่าง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53328863781_fd2bcbbb22_k_d.jpg" /></p>
<p>26 พ.ย. 2566 เว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา นายรณกาจ ชินสำราญ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทตามนโยบายกระตุ้มเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า เห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนจะได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐ แต่มีประเด็นที่กังวล คือการออกพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)กู้เงิน วงเงิน 500,000 ล้านบาทเพื่อเดินหน้าโครงการนั้น สุดท้ายแล้วอาจไม่มีใครได้เงินเลย เพราะเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 และขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ที่ระบุว่า หากใช้เงินที่ไม่ได้เป็นไปตามงบประมาณปกติ จะทำได้เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น แต่วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน จึงขอรัฐบาลพิจารณาด้วยความรอบคอบ </p>
<p>นายรณกาจ กล่าวต่อว่าการที่รัฐบาลกู้เงินมาแจกโดยออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน เป็นการซื้อเวลามากกว่าหรือไม่ เพื่อให้เห็นว่าได้ทำตามนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้ง โดยที่ไม่ได้นำผลกระทบมาพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่งผลคนไทยทั้งประเทศต้องแบกรับหนี้ดังกล่าวในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกัน หลายคนมองว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีการประชาสัมพันธ์ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ให้แก่ประเทศ อันจะทำให้เกิดการพัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบก้าวกระโดด แต่ดูเหมือนว่าเมื่อนานไป หลังรัฐบาลออกมาชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดการดำเนินโครงการ ทำให้เห็นชัดว่า ไม่ได้เป็นตามที่เคยประชาสัมพันธ์ไว้ แต่เป็นเพียงการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นการอุปโภค บริโภค แบบเบื้องต้นเท่านั้น ไม่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในมิติของการหารายได้ อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งการเพิ่มหนี้สาธารณะ เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว และยังอาจเป็นปัจจัยให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก ซึ่งประเด็นดังกล่าว ขณะนี้มีผู้ไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง ไม่ได้พัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างที่มีการหาเสียงไว้ </p>
<p>นอกจากนี้ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ มากกว่าร้านค้าปลีกขนาดเล็กหรือไม่ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยมากยิ่งขึ้น สำหรับพรรคไทยสร้างไทย มองปัญหาที่สำคัญของประเทศในระยะใกล้ คือการที่ประเทศเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ เป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยสูงที่สุดในโลก ทั้งยังมีฐานะยากจน สุขภาพไม่ดี รัฐต้องเผชิญปัญหาการเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากไปกับการดูแลรักษาพยาบาลผู้สูงวัย ดังนั้น การเตรียมตัวในเรื่องนี้จึงสำคัญและจำเป็น รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณอย่างมีคุณภาพ และให้ความสำคัญกับมาตรการรองรับสังคมผู้สูงวัยให้เป็นนโยบายในระดับต้นๆ  ดังนั้น การดำเนินการของรัฐบาลจึงขอให้ทำอย่างรอบคอบ และรับฟังเสียงของผู้เห็นต่างเพื่อนำมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขนโยบายให้การกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้เงินภาษีของประชาชนที่มีจำนวนมหาศาล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106989
 
3676  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - พลวัตความแมสภาพยนตร์อีสาน | หมายเหตุประเพทไทย EP.498 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2566 22:35:25
พลวัตความแมสภาพยนตร์อีสาน | หมายเหตุประเพทไทย EP.498
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 21:06</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="415" src="https://www.youtube.com/embed/QinB6_tNRWQ?si=CHbBwXBIITa6UFRI" title="YouTube video player" width="720"></iframe></p>
<p>ภายหลังภาพยนตร์ "สัปเหร่อ" (2566) ผลงานกำกับของ ‘ต้องเต’ ธิติ ศรีนวล ประสบความสำเร็จล้นหลาม หมายเหตุประเพทไทยสัปดาห์นี้ ชานันท์ ยอดหงษ์และภาวิน มาลัยวงศ์ แนะนำบทความ "อีสานแมส/อีสานใหม่: กระแสนิยมของภาพยนตร์อีสาน และการประกอบสร้างความเป็นอีสานตั้งแต่ทศวรรษ 2550" ของไซนิล สมบูรณ์ และมาโนช ชุ่มเมืองปัก (อ่านบทความ) ซึ่งพาย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษที่ 2550 เพื่อสำรวจว่ามีปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจใดบ้าง อันเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสภาพยนตร์อีสานระลอกล่าสุด พร้อมคำถามทิ้งท้ายว่าจากยุค “15 ค่ำเดือน 11” (2545) มาจนถึงจักรวาลไทบ้าน “สัปเหร่อ” (2566) ภาพแทนการนำเสนอคนอีสานในภาพยนตร์มีความเหมือนหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ติดตามได้ในรายการหมายเหตุประเพทไทย</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53357227168_0d17064d95_k.jpg" /></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ภาคตะวันออกเฉียงเหนืhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106992
 
3677  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ทำความรู้จัก! อีกมุมของ "สายป่าน อภิญญา" เพราะอะไรถึงหลงรักการดำน้ำ เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2566 22:02:15
ทำความรู้จัก! อีกมุมของ "สายป่าน อภิญญา" เพราะอะไรถึงหลงรักการดำน้ำ
         


ทำความรู้จัก! อีกมุมของ &quot;สายป่าน อภิญญา&quot; เพราะอะไรถึงหลงรักการดำน้ำ" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ทำความรู้จัก! อีกมุมของ "สายป่าน อภินญา" เพราะอะไรถึงหลงรักการดำน้ำ


         

https://www.sanook.com/news/9119942/
         
3678  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กกต. แจงเหตุผลอธิบายยังไม่แจกใบ ‘เหลือง-แดง’ เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2566 21:02:56
กกต. แจงเหตุผลอธิบายยังไม่แจกใบ ‘เหลือง-แดง’
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 18:49</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เลขา กกต. ยก 6 เหตุผลแจงยังไม่แจกใบ 'เหลือง-แดง' เลือกตั้ง สส. มองสถิติร้องเรียนลดลงแบบมีนัยยะ แนะรอลุ้นผลวินิจฉัยคดีที่เหลือผ่านเว็บไซต์สำนักงาน กกต.</p>
<p>26 พ.ย. 2566 มติชนออนไลน์ และ ผู้จัดการออนไลน์ รายงานตรงกันว่านายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงมาตรการและรูปแบบการควบคุมการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งปี 2566 ทำไมยังไม่มีใบเหลือง/ใบแดง ว่า </p>
<p>1.กรอบแนวคิดการนำคดีเลือกตั้งไปสู่ศาลไม่อาจควบคุมให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามที่กฎหมายได้ ออกแบบไว้อย่างที่ควรจะเป็นต้องหามาตรการเสริม </p>
<p>2.บทเรียนจากข้อกฎหมายเรื่องมาตรฐานของการชั่งน้ำหนักพยานที่สูงขึ้นเทียบเท่าคดีอาญา คดีเลือกตั้ง เน้นรักษาผลประโยชน์ของรัฐ เพียงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า (คือสงสัย) เพียงพอที่จะเอาผู้เล่นออกจากสนามแล้ว แต่ในทางคดีอาญาคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปัจเจกชน ต้องพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัยจึงจะลงโทษได้ นั่นหมายความว่าถ้าสงสัยต้องปล่อยไป เมื่อกฎหมายนำเรื่องคดีเลือกตั้งและคดีอาญามาอยู่ในการกระทำเดียวกัน ทุกคดีการเลือกตั้งต้องจบที่ศาล การชั่งน้ำหนักพยานจึงต้องพยายามใช้มาตรฐานคดีอาญาไปโดยปริยาย</p>
<p>3.บทเรียนจากอดีตในเชิงข้อเท็จจริงรูปแบบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะมีความสลับซับซ้อน เพราะเกี่ยวพันกับผู้จะมีอำนาจมากที่สุดเมื่อชนะเลือกตั้ง สมประโยชน์ทั้งผู้ให้/ผู้รับ มีความรัก ความศรัทธาต่อพรรคการเมืองและผู้สมัครเป็นพื้นฐาน มีผลประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เกาะเกี่ยวผูกพันกัน ด้วยองค์ประกอบดังกล่าวข้างต้น การดำเนินคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งจึงประสบผลสำเร็จได้ยาก เพราะทุกคดีต้องไปที่ศาล โจทก์ จำเลย พยาน ต้องไปเผชิญหน้ากันในศาล หลังเลือกตั้งถ้าพยานไม่เหมือนเดิมแล้ว ผลคดีจะเปลี่ยนไป </p>
<p>4.มาตรการปี 2566 นำบทเรียนมาใช้ด้วยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงตามที่กล่าวมาแล้ว กกต.และสำนักงาน จึงได้ดำเนินการมาตรการเชิงใช้ “การป้อง/ป้องปราม”ก่อนการเลือกตั้ง มาเป็นหลัก ส่วนการดำเนินคดีหลังเลือกตั้งดำเนินการเช่นเดิม วีธีดำเนินการ มีศูนย์ข่าว บัญชีหัวคะแนน ของผู้สมัครและของพรรคการเมืองทุกพรรค จัดโซนพื้นที่ตามระดับการแข่งขัน เพื่อเป็นข้อมูลให้ชุดปฏิบัติการต่างๆ ในแตละเขตเลือกตั้ง อาทิ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ชุดปฏิบัติการข่าว ชุดเคลื่อนที่เร็ว และยังมีการบูรณาการร่วมกันกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ ภาคประชาชน และ ศส.ปชต. ด้วย ทั้งนี้ จะใช้วิธีป้องปราม กดดัน ลาดตระเวน สังเกตการณ์ สืบสวนหาข่าว แล้วแต่กรณีในแต่ละเขตเลือกตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิด หรือถ้าคิดหรือเตรียมการจะทำกระทำไม่สำเร็จ</p>
<p>5.เป้าหมาย เพื่อควบคุมให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม โดยการป้องกันมิให้มีการกระทำความผิด (ลดหรือไม่มีใบเหลือง ใบแดง) อันเป็นเหตุให้มีการเลือกตั้งซ่อม และสิ้นเปลืองทรัพยากรอีกทางหนึ่งด้วย </p>
<p>6.ผลการดำเนินการ การเลือกตั้งปี 2566 มีจำนวนเรื่องร้องเรียนในภาพรวมลดลงมากกว่าครึ่ง เฉพาะการร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อสิทธิขายเสียง 100 กว่าเรื่อง นอกนั้นเป็นเรื่องอื่นๆ เช่น การนับคะแนน การหลอกลวง กว่า 100 เรื่อง และเป็นเรื่องที่ชุดต่างๆ ไปปฏิบัติการได้ข้อมูลและเบาะแสมา เกือบ 100 เรื่อง รวมเป็นคำร้องทั้งหมด 365 เรื่อง จากการเลือกตั้งแต่ละครั้งที่ผ่านมาจะมีคำร้องมากกว่านี้เป็นหลายเท่าก็มี จึงถือว่าสถิติคำร้องลดลงอย่างมีนัยสำคัญ</p>
<p>อย่างไรก็ตาม สำนวนใด มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กกต. มีมติในสำนวนนั้นว่าอย่างไร ดูได้จากคำวินิจฉัยของแต่ละสำนวน ซึ่งสามารถตรวจสอบคำวินิจฉัยได้จากเว็บไซต์สำนักงาน กกต.</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106990
 
3679  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - ทำอะไรก็เป็นประเด็น! รวมเรื่อง "นายกฯ เศรษฐา" เกือบพาซวย เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2566 20:34:23
ทำอะไรก็เป็นประเด็น! รวมเรื่อง "นายกฯ เศรษฐา" เกือบพาซวย
         


ทำอะไรก็เป็นประเด็น! รวมเรื่อง &quot;นายกฯ เศรษฐา&quot; เกือบพาซวย" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9119830/
         
3680  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ธนกร' ย้ำนิรโทษกรรมต้องไม่เหมารวมคดี ม.112 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2566 19:31:47
'ธนกร' ย้ำนิรโทษกรรมต้องไม่เหมารวมคดี ม.112
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-26 19:10</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ธนกร' ย้ำนิรโทษกรรมต้องไม่เหมารวมคดี ม.112  ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นความมั่นคงของรัฐ ลั่นค้านถึงที่สุดเหตุย่ำยีหัวใจคนไทย เห็นด้วย 'ชัยธวัช' คุยฝ่ายเห็นต่างนำไปสู่ความปรองดอง - 'ภูมิธรรม' ชี้ 'ก้าวไกล' มีสิทธิ์ เดินสายพบทุกขั้วขอแรงหนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยันรัฐไม่พร้อมเปิดความขัดแย้งรอบใหม่</p>
<p>26 พ.ย. 2566 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่านายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายไปพบและรับฟังความเห็น ฝ่ายต่างๆ ทั้งคนเสื้อแดง กลุ่มพันธมิตรฯ กปปส. ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่นายชัยธวัช ไปรับฟังทุกฝ่าย ก่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ระหว่างรอเปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งจะทำให้แต่ละฝ่ายเข้าใจเนื้อหาเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมคดีทางการเมืองดีมากขึ้น หากมีวัตถุประสงต์หวังให้เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดกระบวนการปรองดองทางการเมือง จะต้องเป็นการดำเนินการเพื่อคนทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ไม่ใช่มีผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มตัวเองแอบแฝง ควรทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ</p>
<p>เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล จะมุ่งปลดล็อคคดีมาตรา 112 นายธนกร กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวหากจะสร้างความปรองดองแก่ทุกฝ่ายทางการเมืองที่เห็นต่างถือว่ายอมรับได้ แต่ต้องไม่ใช่ความผิดจากการกระทำที่ความรุนแรง และต้องไม่ละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งรัฐ โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีไว้เพื่อปกป้องประมุขแห่งรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องการเมือง ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากจะมีการนิรโทษความผิดในมาตรา112</p>
<p>“หากพรรคก้าวไกลจะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อช่วยกลุ่มผู้สนับสนุนให้พ้นความผิดในมาตรา112 นั้น ผมขอคัดค้าน เพราะเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทยทั้งชาติที่รัก เทิดทูนสถาบันฯ การเดินสายรับฟังความเห็นคนทุกสีเสื้อ ทุกกลุ่มของก้าวไกล แต่จะนำมาอ้างว่าทุกฝ่ายเห็นด้วยคงไม่ใช่ ผมเชื่อว่า สภาก็จะไม่เห็นด้วย จึงขอให้พรรคก้าวไกลพูดให้ชัดในเรื่องนี้ หากรวมคดีม.112 ด้วย ผมรับไม่ได้และขอคัดค้านแน่นอน“ นายธนกร กล่าว</p>
<h2><span style="color:#3498db;">'ภูมิธรรม' ชี้ 'ก้าวไกล' มีสิทธิ์ เดินสายพบทุกขั้วขอแรงหนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยันรัฐไม่พร้อมเปิดความขัดแย้งรอบใหม่</span></h2>
<p>เว็บไซต์สยามรัฐ รายงานว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายขอเสียงสนับสนุนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคก้าวไกล โดยล่าสุดได้เข้าพบ อดีตพระพุทธอิสระ ที่วัดอ้อน้อย ว่า เป็นสิทธิของพรรคก้าวไกล ที่จะไปรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ทั้งพรรคการเมือง และ พุทธอิสระ  ขอให้สรุปมา อะไรที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลนี้ทำได้ก็จะทำ</p>
<p>เมื่อถามถึงจุดยืนของรัฐบาล และ พรรคเพื่อไทย ต่อร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามุ่งมั่นที่จะทำทุกเรื่องที่เป็นข้อสรุปในสังคม แต่ถ้ายังไม่มีข้อสรุป แล้วจะนำไปสู่ความขัดแย้ง เราก็ยังไม่อยากจะทำ เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้งใหม่ ในขณะที่เราได้สลายความขัดแย้งเดิมไปแล้ว หน้าที่ของเราวันนี้ คือ ทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า อย่าให้ความขัดแย้งใดๆ เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนประเทศ</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106991
 
หน้า:  1 ... 182 183 [184] 185 186 ... 1129
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.699 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 04 กันยายน 2566 07:21:57