[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 พฤษภาคม 2567 14:24:19 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 248 249 [250] 251 252 ... 1128
4981  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แม่ช็อกหมดสติ รู้ข่าวลูกเป็นเหยื่อเด็ก 14 วอนสถานทูตพามาดูหน้าลูกครั้งสุดท้าย เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 09:10:23
แม่ช็อกหมดสติ รู้ข่าวลูกเป็นเหยื่อเด็ก 14 วอนสถานทูตพามาดูหน้าลูกครั้งสุดท้าย
         


แม่ช็อกหมดสติ รู้ข่าวลูกเป็นเหยื่อเด็ก 14 วอนสถานทูตพามาดูหน้าลูกครั้งสุดท้าย" width="75" height="75
  ไร้เงาผู้ปกครองเด็ก 14 ร่วมงานศพหญิงเมียนมา เพื่อนร่วมงานวอนสถานทูตรับแม่มาร่วมงานศพ ให้ได้ดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย
         

https://www.sanook.com/news/9062878/
         
4982  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ‘พริษฐ์' อภิปรายปมกราดยิงพารากอน เสนอ 4 มาตรการ พัฒนาระบบเตือนภัย ทบทวนมาตรกา เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 07:19:00
‘พริษฐ์' อภิปรายปมกราดยิงพารากอน เสนอ 4 มาตรการ พัฒนาระบบเตือนภัย ทบทวนมาตรการครอบครองปืนทั้งระบบ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 17:50</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>‘พริษฐ์' อภิปรายหารือกรณีกราดยิงที่พารากอน เสนอสี่มาตรการให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง แนะเร่งพัฒนาระบบเตือนภัยแบบ cell broadcasting-ทบทวนมาตรการครอบครองปืนทั้งระบบ-สร้างความเข้าใจงดเผยแพร่ข้อมูลคนร้าย กันพฤติกรรมเลียนแบบในอนาคต-เพิ่มช่องทางฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้อยู่ในเหตุการณ์</p>
<p> </p>
<p>4 ต.ค.2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ได้อภิปรายปรึกษาหารือในประเด็นเหตุกราดยิงที่ห้างสยามพารากอนเมื่อวานนี้ (3 ตุลาคม) โดยระบุว่าตนขอแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทุกคน และขอปรึกษาหารือต่อประธานสภาฯ ถึงข้อเสนอ 4 ประการให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในอนาคต และบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้า</p>
<p>1) ระบบแจ้งเตือนภัย - เหตุการณ์เมื่อวานนี้ ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนผ่านข้อความจากหน่วยงานรัฐ โดยต้องใช้การแจ้งเตือนจากเอกชนหรือติดตามข่าวจากโซเชียลมีเดียเป็นหลัก ดังนั้น ตนจึงขอหารือผ่านไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งรัดแผนการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยของรัฐแบบ cell broadcasting ที่จะเป็นการส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ</p>
<p>2) การครอบครองอาวุธปืน - แม้ปืนที่ถูกใช้ก่อเหตุจะเป็นปืนดัดแปลง แต่การที่ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรมปืนสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของทวีปเอเชีย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าควรมีการศึกษาทบทวนเรื่องการครอบครองปืนทั้งระบบ จึงขอหารือผ่านไปยังกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้หาแนวทางปรับปรุงกฎหมายขออนุญาตปืนในระบบให้ครอบคลุมประเภทอาวุธมากขึ้นและมีกระบวนการที่รอบคอบมากขึ้น (เช่น การให้ใบอนุญาตมีวันหมดอายุเพื่อต่ออายุ การเพิ่มเกณฑ์เรื่องสุขภาพจิต) และปรับปรุงมาตรการปิดช่องทางค้าขายปืนนอกระบบให้มีประสิทธิภาพขึ้น</p>
<p>3) พฤติกรรมเลียนแบบ - ตั้งแต่เกิดเหตุ มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนและประวัติผู้ก่อเหตุอย่างกว้างขวาง แม้ผู้เชี่ยวชาญและงานวิจัยจะชี้ชัดว่าการประโคมข่าวลักษณะนี้มีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ จึงขอหารือผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สร้างความเข้าใจกับสังคมในการงดเผยแพร่เรื่องราวของผู้ก่อเหตุ เพื่อส่งสัญญาณว่าการกระทำอันอำมหิตต่อเพื่อนมนุษย์แบบนี้ จะไม่มีวันทำให้ใครก็ตาม ได้แสงหรือความสนใจ แม้แต่นิดเดียว</p>
<p>4) สุขภาพจิตของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ - หลังเกิดเหตุ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์หลายคนอาจยังคงมีสภาพจิตใจที่ไม่เหมือนเดิม หรือมีอาการผวา ตนจึงขอหารือผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ในการเข้าถึงช่องทางการฟื้นฟูและบำบัดสภาพจิตใจ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106208
 
4983  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "แพทริเซีย" โร่แจ้งความ! ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัท พบผู้เสียหายจำนวนมาก เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 06:38:46
"แพทริเซีย" โร่แจ้งความ! ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัท พบผู้เสียหายจำนวนมาก
         


&quot;แพทริเซีย&quot; โร่แจ้งความ! ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัท พบผู้เสียหายจำนวนมาก" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;"แพทริเซีย" โร่แจ้งความ! ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัท พบผู้เสียหายจำนวนมาก
         

https://www.sanook.com/news/9062198/
         
4984  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ชวนคิดชวนคุย ไม่ได้ขวาง 'แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง' เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 05:40:23
ชวนคิดชวนคุย ไม่ได้ขวาง 'แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง'
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 18:09</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>มูฮัมหมัด ดือราแม : สัมภาษณ์</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ชวน วิภาวดี พันธุ์ยางน้อยคนทำงานใกล้ชิดชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่โครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง ที่รัฐจัดชุดใหญ่ ท่าเรือ มอเตอร์เวย์ รถไฟ ท่อน้ำมันและอุตสาหกรรมหนัก ที่ชาวบ้านมึนและประเมินผลกระทบไม่ได้เพราะรัฐแตกเป็นหลายโครงการจนชวนมึน มองเป็นวิธีหลีกเลี่ยงการต่อต้าน แต่ประชาชนตื่นตัวกันแล้ว แค่ชวนพวกเขาคิดชวนคุย ไม่ได้ขวางการพัฒนา </p>
<p>เธอมีคำถามหลายอย่าง จากการติดตามโครงการใหญ่มูลค่า 1 ล้านล้านบาทที่จะเกิดขึ้นในภาคใต้ “แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง” (โครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย –อันดามัน) ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้า ในขณะที่ชาวบ้านกำลังมึนและตกใจ</p>
<p>วิภาวดี นักวิจัยอิสระ ซึ่งทำเรื่องแรงงานข้ามชาติและการค้ามนุษย์ในพื้นที่ จ.ระนอง ทว่า ปัจจัยหลายอย่างทำให้เธอไม่สามารถข้ามแดนไปศึกษาประเด็นที่เธอสนใจได้ ทั้งสถานการณ์โควิดและรัฐประหารในพม่า</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53233435206_381478497a_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">วิภาวดี พันธุ์ยางน้อย</span></p>
<p>แต่การมาของ “แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง” ยิ่งทำให้เธอต้องลงไปคลุกกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับผู้คนและเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปอย่างสิ้นเชิง มิฉะนั้นคงไม่ถูกต่อต้านจนรัฐบาลต้องเปลี่ยนแนวเส้นทางมาแล้วหลายครั้งในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา และเธอนำเรื่องนี้มาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เริ่มต้นการมีส่วนร่วมที่ไม่เต็มที่ และข้อมูลไม่ถึงชาวบ้าน</span></h2>
<p>“รัฐบาลเริ่มอนุมัติให้ศึกษาความเป็นไปได้ของแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง รวมทั้งออกแบบและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2561 จากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้าไปศึกษาโครงการย่อยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ในปี 2564</p>
<p>แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง มีเส้นทางเชื่อมระหว่างพื้นที่แหลมริ่ว จ.ชุมพร กับพื้นที่แหลมอ่าวอ่าง จ.ระนอง แต่ก่อนหน้านั้นรัฐเริ่มศึกษาแนวท่าเรือระนอง –เขาคอม้า จ.ชุมพรมาก่อน ซึ่งชาวบ้านข้าใจว่าคือแนวนี้มาตลอด</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53233949090_8c35db1ddd_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ภาพจากเอกสารที่จัดทำโดยกระทรวงคมนาคมและสำนักงานนโนบายและแผนการขนส่งและจราจร</span></p>
<p>ต่อมาในปี 2565 ดิฉันลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านก็พบว่า ตอนนั้นชาวบ้านยังไม่รู้เรื่องเลยว่าจะมีโครงการนี้ เพราะการประชาสัมพันธ์ยังไม่ถึงชาวบ้าน อีกทั้ง มีโครงการแยกย่อยเยอะมาก ทั้งท่าเรือ มอเตอร์เวย์และทางรถไฟ ทำให้ชาวบ้านสับสนว่า ตกลงแลนด์บริดจ์คือเส้นทางไหนกันแน่</p>
<p>ประเด็นต่อมา การที่มีโครงการย่อยภายใต้โครงการใหญ่เยอะและแยกกันศึกษานั้น ทำให้ชาวบ้านจำนวนหนึ่งไม่เข้าใจว่าแลนด์บริดจ์คืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง แม้ที่ผ่านมามีการจัดเวทีรับฟังความเห็นจากชาวบ้านหลายครั้ง แต่ชาวบ้านก็ไม่สามารถปะติดปะต่อได้</p>
<p>ยิ่งตอนเริ่มศึกษาและลงพื้นที่รับฟังฯ เบื้องต้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 ยังเป็นช่วงโควิด เวทีรับฟังจึงมีมาตรการเข้มงวด จึงจำกัดโอกาสที่ชาวบ้านจะแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ในเวทีก็มีข้าราชการ ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องที่ ส่วนชาวบ้านอีกมากไม่ได้เข้าร่วม และเวทีก็กระจุกตัวอยู่ในเขตเมือง</p>
<p>ยิ่งรัฐใช้วิธีรับฟังแบบผสมผสาน โดยจัดเวทีที่ชุมพรแล้วให้คนระนองเข้าระบบซูม จากนั้นก็สลับกัน แต่ชาวบ้านบางจุดอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมทั้งความสามารถในการเข้าระบบก็ไม่มี สุดท้ายก็ทำให้กระบวนการมีส่วนร่วมในขั้นนี้ก็ไม่เกิดขึ้น</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กว่าชาวบ้านจะเริ่มตระหนัก โครงการก็ไปไกลแล้ว</span></h2>
<p>กระทั่งเกิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือ (เวที ค.1) ระหว่าง 16 – 18 สิงหาคมที่ผ่านมา การเชิญผู้เข้าร่วมก็ยังเหมือนเดิมคือเชิญแต่แกนนำ ส่วนชาวบ้านจริงๆ ไม่ได้เข้าร่วมอย่างเต็มที่</p>
<p>แม้ชาวบ้านจะรู้น้อยอยู่แล้ว แต่ก็เริ่มตระหนักและกังวลมากขึ้นตั้งแต่ก่อน เวที ค.1 เนื่องจากเห็นเจ้าหน้าที่เข้าไปปักหมุดในพื้นที่ชุมชนและไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าหมุดอะไร ชาวบ้านจึงเริ่มพูดคุยและเริ่มเชิญดิฉันไปให้ข้อมูล แต่ในพื้นที่ระนองการตื่นตัวยังไม่เยอะ ไม่รู้ว่าสุดท้ายชาวบ้านจะเห็นด้วยหรือไม่ ส่วนที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้รวมตัวกันมาก</p>
<p>ที่พะโต๊ะชาวบ้านตื่นตัวกันมาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ทำสวนทำไร่ ซึ่งแนวเส้นทางทั้งมอเตอร์เวย์และทางรถไฟจะพาดผ่านที่ดินทำกินของพวกเขา โดยชาวบ้านเริ่มถามข้อมูลโครงการและข้อกฎหมายต่างๆ จากนั้นก็รวมกลุ่มตั้งชื่อ “เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริจด์ ชุมพร-ระนอง” โดยยื่นจดหมายคัดค้านเป็นครั้งแรกในเวที ค.1 ของโครงการท่าเรือ</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53233433371_8bcce4785e_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">เอกสารประกอบการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ของโครงการที่ระนอง จัดทำโดยกระทรวงคมนาคมและสำนักงานนโนบายและแผนการขนส่งและจราจร</span></p>
<p>ขณะนี้โครงการดำเนินการมาไกลแล้วสำหรับท่าเรือและทางรถไฟ เวที ค.1 เสร็จแล้ว ขั้นต่อไป ค.2 เพื่อขออนุมัติ และ ค.3 เพื่อดำเนินการ ซึ่งมาถึงช่วงท้าย ๆ แล้วกว่าที่ชาวบ้านจะตื่นตัวและเริ่มตั้งคำถามกับโครงการ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">รัฐจัดชุดใหญ่ ท่าเรือ มอเตอร์เวย์ รถไฟ ท่อน้ำมันและอุตสาหกรรมหนัก</span></h2>
<p>โครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง หน่วยงานที่ดูแลภาพรวม คือ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แต่ที่ยังไม่มีหน่วยงานไหนรับผิดชอบ คือ ระบบขนส่งทางท่อ และยังไม่รู้ว่าจะเริ่มศึกษาเมื่อไหร่</p>
<p>ส่วนเรื่องอุตสาหกรรมหลังท่าเรือก็ยังไม่รู้ว่าใครจะทำเช่นกัน รวมทั้งระบบรับส่งน้ำมันจากในทะเลและการจัดการน้ำมันบนชายฝั่ง ยังไม่รวมการจัดหาแหล่งน้ำและไฟฟ้าสำรองที่จะนำมาใช้ในโครงการ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอามาจากไหน</p>
<p>โดยสรุปคือ โครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง เป็นชุดแผนพัฒนาขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยหลายโครงการย่อย ทั้งท่าเรือ ถนน รถไฟ ท่อน้ำมัน และ อุตสาหกรรมหลังท่า</p>
<p>ตามแผนที่เคยกำหนดไว้ที่ผ่านมาและปรากฏในแนวทางการศึกษารอบนี้ด้วย ก็มีกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเคมีและการขนส่ง แต่หน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้กระทรวงคมนาคม กลับใช้วิธีแยกชุดการพัฒนาออกเป็นโครงการย่อยตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน</p>
<p>โดยโครงการที่กำลังผลักดันอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่</p>
<p>1. โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบการลงทุนพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานของสะพานเศรษฐกิจในเส้นทางชุมพร-ระนอง ทาง สนข.เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ประกอบด้วย ท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน การขุดร่องน้ำลึก เขื่อนกันคลื่น และอุตสาหกรรมหลังท่าเรือ เช่น การขนส่งสินค้า การขนส่งน้ำมันดิบ</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/50449452646_4ed755e2f8_o_d.jpg" /></p>
<p>2. โครงการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-MAP) กรมทางหลวงเป็นหน่วยงานหลักในการสำรวจ ออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงานผลประทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งแลนด์บริดจ์คือแนวเส้นทาง MR8 ที่เป็นระบบคมนาคมแบบผสมผสานเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกทั้งสองฝั่ง ทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ ท่อน้ำมัน การพัฒนาพื้นที่รองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในแนวเส้นทางเชื่อมต่อ</p>
<p>3. โครงการก่อสร้างทางรถไฟช่วงชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง เป็นส่วนหนึ่งของ MR8 มีการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานหลักในการสำรวจ ออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">แยกศึกษาเป็นโครงการย่อย ทำชาวบ้านมึน ประเมินผลกระทบไม่ได้</span></h2>
<p>การผลักดันชุดแผนพัฒนาในลักษณะแยกเป็นโครงการย่อยตามภารกิจหน่วยงานนั้น ทำให้ประชาชนประเมินผลกระทบด้านบวกและด้านลบได้ไม่ครอบคลุม การแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่สะท้อนถึงผลประโยชน์และผลกระทบที่ประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริง</p>
<p>สุดท้าย พอแยกเป็นโครงการย่อยๆ ชาวบ้านก็ไม่เข้าใจว่าภาพใหญ่คืออะไร เป็นแผนพัฒนาอะไร ทำให้ประเมินไม่ได้ว่าผลกระทบคืออะไร ผลประโยชน์คืออะไร เพราะฉะนั้น สิ่งที่ชาวบ้านบอกว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้น ก็อยู่บนฐานข้อมูลที่ไม่ครอบคลุม และไม่ได้ประเมินจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กฎหมายเปิดทาง หาผู้ลงทุนได้ก่อน ไม่ต้องสนว่า ชาวบ้านจะค้านหรือไม่</span></h2>
<p>โครงการทั้งหมดคาดว่า จะศึกษาแล้วเสร็จต้นปีหน้า จากนั้นก็เริ่มหาผู้ลงทุนและพัฒนาโครงการต่อไปได้เลย ภายใต้เงื่อนไขใหม่ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 มาตรา 49 คืออนุญาตให้โครงการด้านคมนาคมสามารถหาผู้ลงทุนได้ก่อนที่ EIA จะผ่านการอนุมัติของ สผ.(สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)</p>
<p>ถ้าตอนนี้รัฐหาผู้ลงทุนได้แล้ว รัฐจึงมั่นใจว่าจะพัฒนาโครงการได้รวดเร็ว ถามว่า แรงกดดันจะตกไปอยู่ที่ผู้พิจารณาโครงการหรือไม่ จะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้พิจารณาโครงการมากน้อยแค่ไหน</p>
<p>การหาผู้ลงทุนไปแล้วโดยที่การรับฟังความคิดเห็นยังไม่เสร็จ โดยที่ยังไม่รู้ว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย รวมทั้งข้อเสนอหรือข้อค้นพบต่าง ๆ นั้น จะมีมาตรการอะไรที่จะมารองรับ จะป้องกันความเสียหายและจะชดเชยอย่างไร กฎหมายฉบับนี้ก็ปล่อยให้ดำเนินการไปก่อนแล้ว</p>
<p>โครงการนี้จึงมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณา ประเด็นแรก รัฐต้องมีความจริงใจในการสื่อสารกับประชาชนว่า สุดท้ายแล้ว โครงการนี้คือการพัฒนาระบบขนส่งข้ามมหาสมุทร หรือการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี</p>
<p>เพราะหากย้อนไปดูแผนแม่บทการพัฒนาภาคใต้ฉบับแรก มีการระบุไว้ว่า รัฐบาลต้องการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในพื้นที่แลนด์บริจด์ภาคใต้ โดยมีน้ำมันและอุตสาหกรรมหนักเป็นแกนนำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">แลนด์บริจด์ภาคใต้ แนวเส้นทางที่เปลี่ยนไปเรื่อย</span></h2>
<p>แลนด์บริจด์ในภาคใต้ไม่ใช่โครงการใหม่ แต่มีการศึกษามาอย่างน้อยตั้งแต่ปี 2528 คือโครงการ Southern Seaboard  ถ้าจำไม่ผิดมีการอนุมัติเส้นทางแรกในปี 2536 จากนั้นก็เปลี่ยนแนวเส้นทางมาหลายครั้ง จนกระทั่งมาถึงแนวชุมพร-ระนอง</p>
<p>เส้นทางแรก คือ กระบี่-ขนอม แต่ไม่เกิดขึ้น รัฐจึงขยับมาที่เส้นที่ 2 ทับละมุ-สิชล ซึ่งรัฐได้ศึกษาซ้ำจากครั้งแรกก็พบว่า การขนส่งสินค้าไม่คุ้มและไม่มีตัวเลขชี้ชัดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการท่าเรือน้ำลึกได้คุ้มค่ากับการลงทุน สุดท้ายรัฐบาลสมัยนั้นจึงตัดการพัฒนาท่าเรือ(ในฝั่งอันดามัน)ออกไป แต่ยังจะทำเรื่องน้ำมันอยู่และได้กำหนดจุดไว้แล้ว</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53232580797_7bd5aa5976_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ภาพจากเอกสารที่จัดทำโดยกระทรวงคมนาคมและสำนักงานนโนบายและแผนการขนส่งและจราจร</span></p>
<p>ส่วนในฝั่งอ่าวไทยก็ให้มีท่าเรือขนส่งสินค้าทั่วไป ไม่ใช่ท่าเรือขนาดใหญ่ หากเศรษฐกิจเติบโตก็มีโอกาสจะสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ได้ แต่ช่วงนั้นสร้างไม่ได้เพราะเกิดสึนามิ และในรายงานการศึกษาของกระทรวงพลังงานเมื่อปี 2548 พบว่า พื้นที่ทับละมุไม่เหมาะที่จะตั้งคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือน้ำมัน เนื่องจากตั้งอยู่บนรอยเลื่อนที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิได้ในอนาคต</p>
<p>ทั้งทับละมุและระนองก็มีรอยเลื่อนเหมือนกัน แต่มีข้อโต้แย้งว่าสร้างได้ เพราะท่าเรือระนองที่สร้างไว้แล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ แต่ประเด็นคือ การตั้งอุตสาหกรรมน้ำมันบนรอยเลื่อนมีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่รัฐบาลได้ยกเลิกแลนด์บริจด์ทับละมุนั่นเอง</p>
<p>เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลก็ต้องหาเส้นทางใหม่ คือ แนวสงขลา-สตูล แต่ผลการศึกษาของดูไบพบว่า การทำระบบขนส่งสินค้าหรือโลจิสติกส์แค่นั้นไม่คุ้มค่า จะต้องทำอุตสาหกรรมหนักควบคู่กันไปด้วย และต้องมีอุตสาหกรรมเบาเพื่อใช้วัตถุดิบจากอุตสาหกรรมหนักและสนับสนุนวัตถุดิบให้อุตสาหกรรมหนักด้วย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ความคุ้มค่าอยู่ตรงไหน ทำไมไม่พูดถึงอุตสาหกรรมหนัก</span></h2>
<p>เมื่อจะมีแลนด์บริจด์ชุมพร-ระนอง ถามว่า ความคุ้มค่าอยู่ตรงไหน เพราะท่าเรืออเนกประสงค์ระนองที่สร้างแล้วก็ขาดทุน ไม่มีผู้มาใช้งานเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นอุตสาหกรรมน้ำมันหรืออุตสาหกรรมหนักจะต้องมีหรือไม่ แต่รัฐบาลไม่พูดถึง</p>
<p>แต่แม้ไม่พูดถึงในที่สาธารณะ แต่ปรากฏในเอกสาร ขั้นต่ำที่สุดคือเอกสารรับฟังความคิดเห็นประจำเดือนธันวาคมปี 2564 มีส่วนที่พูดถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องที่เรียกว่า สวนถังบรรจุวัตถุประเภทของเหลว ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นน้ำมันหรือก๊าซ และเอกสารยังกล่าวถึงโรงไฟฟ้าด้วย</p>
<p>ที่สำคัญ เป็นเอกสารเขียนเป็นภาษาไทยยกเว้นข้อความที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหล่านั้น ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ เจตนาคืออะไร ทั้งที่เอกสารในการรับฟังความคิดเห็น ต้องเป็นภาษาที่คนเข้าร่วมรับฟังเข้าใจ เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายสาธารณะ</p>
<p>ในเอกสารรับฟังฯครั้งล่าสุดยิ่งกว่าอีก ผู้นำเสนอทำเอกสารแยกต่างหากระบุว่า ไม่มีโรงกลั่นน้ำมัน แต่จะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมสะอาด ซึ่งข้อความแบบนี้ไม่มีในเอกสารอื่นๆ ที่เป็นทางการ ซึ่งถ้าไม่มีโรงกลั่นน้ำมันและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง แล้วทำไมจึงมีระบบขนส่งทางท่อด้วย เขาก็ตอบว่า สร้างไว้เผื่อรองรับ แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มี</p>
<p>โครงการใหญ่ขนาดนี้ไม่สำคัญว่าชาวบ้านจะเอาหรือไม่เอา เพราะนั่นคือปลายทาง แต่กระบวนการการรับฟังฯยังไม่ทั่วถึง ยังไม่ครอบคลุม ในแง่สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการมีส่วนร่วมตัดสินใจโครงการของรัฐ ได้ถูกละเมิดแล้วในกระบวนการนี้</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">จุดเริ่มต้นการขับเคลื่อนโครงการแบบแยกส่วน</span></h2>
<p>ที่ผ่านมา มีการศึกษาแลนด์บริจด์ทั้งหมด 4 เส้นทาง แต่รัฐบาลเริ่มใช้วิธีแยกย่อยซอยโครงการมาตั้งแต่การศึกษาแนวสงขลา – สตูล (ปากบารา)</p>
<p>ในยุคแรก ชุดแผนแม่บทการพัฒนาภาคใต้ได้บอกไว้ทั้งหมดว่าจะพัฒนาอะไรบ้าง ซึ่งต้องเข้าใจบริบทในยุคนั้นด้วยว่า รัฐจะพัฒนาโครงการอะไรรัฐก็ทำไปเลย เสียงของประชาชนไม่ต้องฟัง เพราะยังไม่มีใครต่อต้าน และสังคมไทยก็ยังไม่มีประสบการณ์จากผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมจากโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จึงยังไม่มีใครต่อต้าน</p>
<p>เมื่อมีปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ประกอบกับโครงการแลนด์บริจด์ยุคที่ 2 ทับละมุ-สิชล รัฐก็ได้ทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ด้วย จึงนำมาสู่การปรับลดและเปลี่ยนรูปแบบโครงการ เพราะตอนนั้นศึกษาพบว่า ในฝั่งอันดามันไม่เหมาะกับการพัฒนาอุตสาหกรรม แต่เหมาะกับการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นต้องคงสภาพให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ยังจะทำคลังน้ำมันอยู่ แต่ไม่ทำท่าเรือเพื่อที่จะรบกวนสภาพแวดล้อมเดิมให้น้อยที่สุด</p>
<p>ส่วนในฝั่งอ่าวไทยยังทำได้ก็จะทำไปก่อน เพราะท่าเรือสามารถเชื่อมโยงแหล่งพลังงานในอ่าวไทยและนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้</p>
<p>ยุคนั้น ยังนำเสนอในแบบชุดโครงการ แต่คนเริ่มต่อต้านแล้ว จนเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายที่ใหญ่มาก ทั้งต่อต้านโรงงานอุตสาหกรรมเหล็กและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">คือกลยุทธ์เลี่ยงการต่อต้าน แต่ประชาชนก็ตื่นตัวกันแล้ว</span></h2>
<p>พอมาแนวสงขลา - สตูล รัฐบาลจึงเริ่มแยกเป็นโครงการย่อย เพราะรู้แล้วว่าไม่สามารถนำเสนอภาพใหญ่ได้ แต่ถึงจะแยกประชาชนก็ตื่นตัวมากขึ้นแล้ว จนสุดท้ายประชาชนก็สามารถต่อจิ๊กซอว์ต่าง ๆ ได้</p>
<p>ช่วงนั้น เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มาบตาพุดอย่างรุนแรง มีการประกาศเขตควบคุมมลพิษและมีมาตรการต่างๆ ออกมา และมีนโยบายให้ย้ายโรงงานต่าง ๆ ออกไป โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ระยองและมาบตาพุดมาอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ จึงทำให้ชาวบ้านตื่นตัวกันมาก</p>
<p>ประกอบกับพื้นที่ จ.สงขลาและสตูลมี NGO (องค์กรพัฒนาเอกชน) ทำงานอยู่แล้ว สามารถ Mapping โครงการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็สู้ได้ และมองทะลุว่านี่คือโครงการแลนด์บริจด์</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กว่าชาวบ้านจะรู้ตัว โครงการก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว</span></h2>
<p>แต่พอมาที่ระนอง สถานการณ์ของภาคประชาสังคมแตกต่างจากสงขลาและสตูลอย่างสิ้นเชิง ส่วนที่ชุมพรดิฉันสัมผัสน้อยจึงไม่กล้าพูด ยกเว้นพื้นที่ อ.พะโต๊ะ ที่ชาวบ้านตื่นตัวมาก เพราะโครงการนี้จะเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของพื้นที่ไปเลย โดยเฉพาะผลไม้สำคัญอย่าง ทุเรียน มังคุด ซึ่งต่างมีราคาแพงขึ้น</p>
<p>แล้วรัฐบาลจะมาเวนคืนที่ดินสร้างโครงการอย่างไรให้คุ้มค่าพอกับพื้นที่ที่จะเสียไป เพราะถึงอย่างไรชาวบ้านก็ต้องการหาความคุ้มค่าให้วิถีชีวิตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ</p>
<p>ยิ่งมีสิ่งที่ยังคลุมเครืออยู่ในเวทีรับฟังฯ คือ หินที่จะนำมาใช้ถมทะเลสร้างท่าเรือ ซึ่งบอกว่าแหล่งหินอยู่ในพื้นที่ชุมพร ห่างจากจุดก่อสร้างท่าเรือระนองประมาณ 50 กิโลเมตร ชาวบ้านก็สงสัยว่า คือพื้นที่ อ.พะโต๊ะหรือไม่</p>
<p>แต่บางที กว่าชาวบ้านจะรู้ว่ามีการประกาศแหล่งหินในพื้นที่ใด โครงการก็ดำเนินผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเกินต้านแล้วก็ได้</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">แค่ชวนคิดชวนคุย ไม่ได้ขวางการพัฒนา</span></h2>
<p>เพราะฉะนั้น เราบอกไม่ได้ว่า ชาวบ้านค้านหรือไม่ค้าน แต่อยู่ในภาวะตกใจ โดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนที่เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย ซึ่งพื้นที่ใดที่ไม่มี NGO เข้าไปทำงาน ก็จะไม่มีตัวเชื่อมประสาน คอยให้ข้อมูล ชวนคิดชวนคุย หรือชวนกันเคลื่อนไหว</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/52543107846_be6e6390a8_b.jpg" style="width: 1024px; height: 683px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">เครือข่ายภาคประชาชนจัดเสวนาวิชาการเกี่ยวกับโครงการ เมื่อ 5 ธ.ค.2565</span></p>
<p>เราทำงานในพื้นที่มานาน สิ่งที่เราไม่เคยเจอก็คือ เมื่อมีโครงการแบบนี้ NGO จะถูกมองในแง่ลบ หรือแม้แต่ถูกชาวบ้านว่าเป็นตัวขัดขวางการพัฒนาหรือไม่ เพราะบางพื้นที่มีเครือข่ายประชาสังคมที่ทำงานเชื่อมกันอยู่แล้ว เช่น กลุ่มประมงพื้นบ้านในพื้นที่ก็จะทำงานเชื่อมโยงกับเครือข่ายประมงพื้นบ้านใน จ.สงขลา</p>
<p>แต่ในพื้นที่ใดที่ภาคประชาสังคมไม่ได้เคลื่อนไหวแบบนี้ ก็จะไม่มีการออกมาแสดงตัวชัดเจนว่าคัดค้านโครงการ ทำให้ชาวบ้านก็ไม่กล้าออกมาค้านด้วย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ศึกษามากี่ครั้งก็มีรูปแบบเดิม รัฐควรทบทวนได้แล้ว</span></h2>
<p>แม้มีการคัดค้าน แต่เราก็ตอบไม่ได้ว่าแลนด์บริจด์ไม่เกิดขึ้นที่นี่ และถ้าเกิดขึ้นไม่ได้จริงๆ ก็เป็นไปได้ที่รัฐจะไปศึกษาที่อื่นต่อ</p>
<p>เมื่อเป็นแบบนี้เราคิดว่า ต้องไม่ใช่ศึกษาเพื่อพัฒนาโครงการแล้ว แต่ควรทบทวนว่าจะศึกษาเพื่อพัฒนาโครงการต่อหรือไม่ โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรม เพราะถ้านำผลการศึกษาทุกโครงการมาเปรียบเทียบกันก็จะพบว่า มีรูปแบบที่ไม่แตกต่างกันเลย เพราะเป็นการศึกษาเพื่อจะสร้าง ไม่ใช่ศึกษาว่าควรจะสร้างหรือไม่</p>
<p>เพราะหากศึกษาว่าควรจะสร้างหรือไม่นั้น ต้องใช้วิธีการศึกษาแบบใหม่ ไม่ใช่ศึกษาแบบซ้ำๆกันหลายหน่วยงาน เช่น ทางสภาพัฒน์ก็ศึกษาแล้วไปชี้อีกเส้นทางหนึ่ง เป็นต้น</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ศึกษาเยอะ คุ้มค่ากับงบประมาณหรือไม่ ทำไมไม่ทวน</span></h2>
<p>ทำไมรัฐยังดึงดันโครงการนี้อยู่ ทั้ง ๆ ที่ผลการศึกษาของรัฐเองก็น่าจะตระหนักดีแล้วว่า 1) ทำเรื่องโลจิสติกส์ ความคุ้มค่ามีจริงหรือไม่ รัฐรู้ดีอยู่แล้ว 2) ถ้าไม่ทำโลจิสติกส์แล้วจะทำอะไร รัฐต้องพูดออกมา</p>
<p>3) แทนที่จะศึกษาความเป็นไปได้ซึ่งใช้งบแต่ละครั้งมหาศาล รวมทุกโครงการเป็นหลักร้อยล้านเป็นอย่างต่ำ ก็ควรมาทบทวนว่า สุดท้ายแล้วโครงการนี้ควรจะเกิดหรือไม่ มีความจำเป็นขนาดไหน ไม่ใช่คิดอยากจะทำก็ศึกษาไปเรื่อยๆ</p>
<p>ตอนนี้โครงการศึกษาเกี่ยวกับแลนด์บริจด์สามารถถมทะเลได้แล้ว มีเยอะมาก</p>
<p>เพราะฉะนั้น เราคิดว่า นอกจากจะตรวจสอบว่าโครงการมีความชอบธรรมหรือไม่ การมีส่วนร่วมมีหรือไม่ การว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษานั้นมีการใช้งบประมาณที่คุ้มค่าหรือไม่ โปร่งใสหรือไม่ และใครได้ประโยชน์จากการศึกษาแต่ละครั้งบ้าง เช่น โครงการใหญ่ล่าสุด(ท่าเรือ)มีการจ้างที่ปรึกษาถึง 69 ล้านบาท มีการตรวจสอบหรือไม่ เงินถูกกระจายไปอย่างไรบ้าง รวมงบประมาณที่ศึกษามาหลายปีเป็นเงินเท่าไหร่</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ศึกษาแล้วศึกษาอีก แต่ยังทำไม่ได้จริงก็ต้องทบทวน</span></h2>
<p>โครงการนี้มีการศึกษา ออกแบบและรับฟังความคิดเห็นเยอะมาก แต่ยังไม่เคยทำได้จริง และไม่เคยทบทวนว่าทำไม่ได้เพราะอะไร เพราะไม่คุ้มในการลงทุน หรือประชาชนต่อต้าน หรือมีความไม่เหมาะสมอื่นๆ ซึ่งรัฐไม่เคยที่จะทบทวน แต่กลับใช้วิธีการย้ายไปที่ใหม่</p>
<p>เมื่อไม่สามารถทำได้ในพื้นที่นั้น เพราะมีการต่อต้านก็ย้ายไปอีกที่หนึ่ง พอย้ายไปก็มีปัญหาอีกก็ย้ายไปอีกที่หนึ่งอีก</p>
<p>ถ้ารัฐบาลทบทวนแล้วสรุปว่าจะทำ ก็ต้องอธิบายอย่างเป็นทางการว่าจะทำหรือไม่ทำอะไรกันแน่ จะทำเรื่องการขนส่งสินค้าหรืออุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก็ต้องบอกให้ชัด</p>
<p>ปรับกระบวนการพัฒนา ศึกษาผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) เพิ่ม</p>
<p>ส่วนข้อเสนอที่ให้จัดทำ SEA (การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์) นั้น มีประเด็นดังนี้</p>
<p>1.รัฐต้องไปทบทวนว่าโครงการเหล่านี้ยังจำเป็นที่จะต้องทำหรือไม่</p>
<p>2.ในการศึกษาที่ผ่านมามีความคุ้มค่าหรือไม่กับงบประมาณที่ใช้</p>
<p>3. ถ้ารัฐทบทวนแล้วคิดว่าจำเป็นต้องทำ แต่ก่อนทำโครงการนั้น รัฐต้องทำ SEA ก่อนเพื่อประเมินศักยภาพของพื้นที่ว่าเหมาะที่จะทำโครงการหรือไม่</p>
<p>เมื่อเห็นว่าเหมาะสมแล้วที่จะทำโครงการ จากนั้นก็จะศึกษาออกแบบและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ต่อ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทำให้เสียงของทุกคนมีความหมาย พัฒนาเศรษฐกิจชาติและท้องถิ่นไปด้วยกัน</span></h2>
<p>แต่ในการทำ SEA นั้น จะให้ใครทำ เพราะบริษัทที่ปรึกษาที่รัฐจ้างมาทำ EHIA นั้นจะถูกตั้งคำถามเชิงจริยธรรมได้ตลอด เพราะบริษัทเหล่านั้นจะศึกษาเพื่อให้ประเมินผลกระทบผ่าน โดยพยายามเสนอแนวทางที่จะลดผลกระทบนั้นอย่างไรและได้สื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่</p>
<p>การทำ SEA ต้องจ้างใครทำ ใครที่น่าเชื่อถือพอที่จะให้ประชาชนไว้วางใจ และเมื่อทำออกมาแล้วจะไม่สร้างความขัดแย้งเพิ่ม</p>
<p>กระบวนการ SEA เป็นเรื่องที่สังคมไทยต้องเรียนรู้ เป็นการทำร่วมกันระหว่างชาวบ้านกับนักวิชาการ นำความรู้จากทั้งสองส่วนมาประกอบกัน ต้องเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายยอมรับ และความรู้ของทุกฝ่ายถูกนำเข้ามาสู่วงปรึกษาหารือ และพิจารณาถึงความเหมาะสมร่วมกัน เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติให้เจริญนั้น เศรษฐกิจท้องถิ่นก็ต้องเจริญไปด้วยกัน”</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-0" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สัมภาhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106209
 
4985  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - นายกฯ โพสต์ "ผมกลับมาพารากอน" หวังสร้างความเชื่อมั่น ลั่นเตรียมเข้าขอโทษทูตจ เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 05:40:22
นายกฯ โพสต์ "ผมกลับมาพารากอน" หวังสร้างความเชื่อมั่น ลั่นเตรียมเข้าขอโทษทูตจีน
         


นายกฯ โพสต์ &quot;ผมกลับมาพารากอน&quot; หวังสร้างความเชื่อมั่น ลั่นเตรียมเข้าขอโทษทูตจีน" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;นายกฯโพสต์ ผมได้กลับมา สยาม พารากอน อีกครั้ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติ

         

https://www.sanook.com/news/9061718/
         
4986  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สาวพก "เครื่องนวด" มาใช้ในออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานซูมชัดๆ เขินแทน นี่มันของเล่น 18+ เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 04:08:39
สาวพก "เครื่องนวด" มาใช้ในออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานซูมชัดๆ เขินแทน นี่มันของเล่น 18+
         


สาวพก &quot;เครื่องนวด&quot; มาใช้ในออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานซูมชัดๆ เขินแทน นี่มันของเล่น 18+" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;สาวกล้าหาญใช้ "เครื่องนวด" สุดอีโรติกในออฟฟิศ กลายเป็นไวรัลคนดูเป็นล้านๆ คอมเมนต์บอก ฉันก็อยากซื้อเหมือนกัน!
         

https://www.sanook.com/news/9062458/
         
4987  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ผบ.ตร.ประสาน 'มหาดไทย' ขึ้นปืน 'Blank Gun' ที่ใช้ก่อเหตุกราดยิง 'พารากอน' เป็นอ เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 04:02:30
ผบ.ตร.ประสาน 'มหาดไทย' ขึ้นปืน 'Blank Gun' ที่ใช้ก่อเหตุกราดยิง 'พารากอน' เป็นอาวุธผิด กม.
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 20:53</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: ต่อศักดิ์ สุขวิมล (ที่มา: สำนักงานตำรวจแห่งชาติ)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ต่อศักดิ์' ผบ.ตร. เผยเหตุกราดยิง 'พารากอน' มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวจีน อายุ 34 ปี และชาวเมียนมา อายุ 31 ปี บาดเจ็บ 5 ราย เตรียมชง 'มหาดไทย' ขึ้นปืน 'แบลงก์กัน' ซึ่งภายหลังถูกดัดแปลงใช้เป็นอาวุธก่อเหตุ เป็นสิ่งผิด กม.</p>
<p> </p>
<p>4 ต.ค. 2566 สื่อบีบีซีไทย รายงานวันนี้ (4 ต.ค.) สืบเนื่องจากเหตุกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 2 คน โดยเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 1 ราย ที่ชั้น G และชาวเมียนมา ซึ่งทำงานภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากกระสุนถูกจุดสำคัญหลายจุด </p>
<p>สื่อหลายสำนักรายงานว่า ผู้เสียชีวิต 2 ราย ประกอบด้วย 1. จ้าว จินหนาน อายุ 34 ปี นักท่องเที่ยวชาวจีน และ 2. โมมยิ้ด (Moe Myint) อายุ 31 ปี ชาวเมียนมา ประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างภายในร้านค้าแห่งหนึ่งในสยามพารากอน โดยช่วงเกิดเหตุ เธอกำลังนำเงินไปฝากธนาคารแห่งหนึ่งภายในห้างฯ เมื่อฝากเงินเสร็จได้แวะเข้าห้องน้ำในห้างฯ และถูกยิงระหว่างเดินออกมา</p>
<p>ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 5 ราย โดยแบ่งเป็น 1 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ 3 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ 1 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตืยน โดยผู้บาดเจ็บ 3 รายเป็นคนไทย (ทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย) ชาวจีน 1 ราย และชาวลาว 1 ราย</p>
<p>รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ผู้บาดเจ็บ 3 คน ที่ส่งมาที่ รพ.จุฬาฯ ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล โดย 2 คน ยังคงอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต และอีก 1 คนสามารถนำตัวมาพักฟื้นในห้องผู้ป่วยทั่วไปได้แล้ว</p>
<h2><font color="#2980b9">อาวุธใช้ก่อเหตุ</font></h2>
<p>ต่อศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย" วันนี้ (4 ต.ค.) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุมีลักษณะหูแว่ว เพราะขณะเกิดเหตุ ตัวของผู้ก่อเหตุได้ยินเสียงคนบอกให้เขายิงคนนู้นคนนี้ และขณะควบคุมตัวสอบสวน ผู้ก่อเหตุอายุ 14 ปี ก็ได้ยินเสียงคนคุยกับเขาอยู่ และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงมีการชะลอการสอบสวนออกไปก่อน ประกอบกับ การสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน ต้องมีสหวิชาชีพ และบุคคลอื่นๆ เช่น จิตแพทย์ เข้าร่วมด้วย</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/JDd800CBNQA?si=8yiOcK1fpriWpUiS" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>ต่อศักดิ์ ระบุต่อว่า สิ่งที่น่าเสียดายคือ ผู้ปกครองไม่ทราบว่าลูกมีการสะสมกระสุนปืน หรืออาวุธปืนเลย จึงอาจจะต้องให้ผู้ปกครองช่วยกันเฝ้าสังเกตพฤติกรรมบุตรให้ละเอียด</p>
<p>ขั้นตอนหลังจากนี้ ต่อศักดิ์ ระบุว่า จะมีการสอบสวนของเพื่อนที่เล่นเกมกับผู้ก่อเหตุรายดังกล่าว เพื่อดูว่าปกติผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมอย่างไร เพื่อนำมาสู่การป้องกันเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว แต่เท่าที่ประเมินนั้น ต่อศักดิ์ ระบุว่า ผู้ก่อเหตุมีลักษณะเข้าข่าย "Active shooter" เต็มรูปแบบ คือเจอใครผ่านไปผ่านมาก็ยิง</p>
<p>ต่อศักดิ์ ระบุต่อว่า อาวุธที่ผู้ก่อเหตุให้เป็นปืน "Blank Gun" (แบลงก์กัน) ที่ใช้ตอนปล่อยตัวนักกีฬา เวลาใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ และมักพบในการก่อเหตุทะเลาะวิวาทและใช้ปืนยิงกันของนักศึกษา </p>
<p>ต่อศักดิ์ ระบุว่า ตอนนี้มีการประสานงานกับทางกระทรวงมหาดไทยแล้วว่าต้องให้ปืนแบลงก์กันผิดกฎหมาย หรือถือว่าเป็นอาวุธ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ซื้อไม่ผิดกฎหมาย แต่นำเข้าประเทศต้องแจ้ง เวลาตำรวจตรวจยึดปืนประเภทนี้ก็ไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากไม่ใช่อาวุธผิดกฎหมาย และมีการนำเข้ามาเยอะมากช่วงที่ผ่านมา </p>
<p>ต่อศักดิ์ ระบุต่อว่ามีคดีที่ก่อเหตุจากปืนแบลงก์กันเกิดขึ้นเยอะมาก สำหรับความอันตรายของแบลงก์กันนั้นหากยิงแนบกับศีรษะก็อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่ปืนที่ผู้ก่อเหตุใช้นั้นมีการดัดแปลงแมกกาซีน ซึ่งสามารถศึกษาได้จากโลกออนไลน์ เมื่อดัดแปลงแล้วก็สามารถยิงกระสุนจริงได้ </p>
<p>สำหรับการป้องกันการเข้าถึงสื่อออนไลน์นั้น ผบ.ตร. ระบุว่า ทำได้ยากมาก เนื่องจากเว็บไซต์เหล่านี้มาจากต่างประเทศ และประเทศไทยไม่ได้ใช้ระบบซิงเกิลเกตเวย์ หรือระบบกึ่งซิงเกิลเกตเวย์ จึงไม่สามารถคัดกรองเนื้อหาบนโลกออนไลน์ หรือป้องกันภัยความมั่นคงหรือความปลอดภัยประชาชนได้ เพราะว่าติดเรื่องสิทธิมนุษยชน ดังนั้น การแก้ไขต้องหารือพูดคุยกันกับรัฐบาล</p>
<p>ต่อศักดิ์ หวังว่า การศึกษาเคสนี้จะนำมาสู่การป้องกันและการเฝ้าระวังการเกิดเหตุกราดยิงในอนาคต เนื่องจากในต่างประเทศผู้ก่อเหตุมักถูกวิสามัญในที่เกิดเหตุทั้งสิ้น</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">สตช. เตรียมยกระดับการป้องกันเหตุกราดยิง</span></h2>
<p>ในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 18.27 น. เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. รายงานวันนี้ ระบุว่า พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกตำรวจ เปิดเผยว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  กำหนดมาตรการในการป้องกันเหตุกราดยิง หลังเกิดเหตุคนร้ายกราดยิงที่ห้างพารากอนเมื่อวานนี้ (3 ต.ค.)</p>
<p>ผบ.ตร.ได้ขานรับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี และสั่งการทันที กำชับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ในมาตรการป้องกันการก่อเหตุในทุกพื้นที่ โดยให้ดำเนินการฯ ดังนี้</p>
<p>1. ให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน อาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนอย่างจริงจัง เด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยให้รายงานผลการปฏิบัติทุกๆ 15 วัน ในกรณีที่มีการจับกุมให้สืบสวนขยายผล ดำเนินการผู้เกี่ยวข้อง</p>
<p>2. ประสานความร่วมมือ บูรณาการกับกระทรวงมหาดไทย กรมศุลกากร และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้า จำหน่าย รวมทั้งการออกใบอนุญาตอาวุธปืน ที่ยังพบว่ามีสถิติการถือครองอาวุธปืนและใบอนุญาตโดยง่าย โดยเฉพาะประเด็นแบลงก์กัน (Blank Gun) ซึ่งสามารถนำเข้าได้ พบสถิตินำเข้ากว่าหมื่นกระบอก จะได้ร่วมกับกรมศุลกากรชะลอ หรืองดการนำเข้า เพื่อไม่ให้คนร้าย หรือกลุ่มมิจฉาชีพนำมาดัดแปลงเป็นอาวุธปืนผิดกฎหมาย</p>
<p>นอกจากนี้ หากพบว่ากฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง เกี่ยวกับอาวุธปืนที่ยังล้าสมัย ไม่ทันต่อสถานการณ์ ให้ร่วมกันพิจารณาปรับปรุง แก้ไข เพื่อควบคุมการใช้อาวุธปืนในการกระทำผิดทุกรูปแบบ ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน</p>
<p>3. ให้ฝ่ายสืบสวนทุกหน่วยทั่วประเทศ จัดทำและตรวจสอบข้อมูลการจำหน่ายอาวุธปืนในพื้นที่ และให้ บช.สอท. เป็นหน่วยรับผิดชอบในการตัดวงจรการจำหน่ายและการสืบสวนขยายผล การนำซื้อขายอาวุธออนไลน์ การนำแบลงค์กัน (Blank Gun) ไปดัดแปลงเป็นอาวุธ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ เพื่อตัดองค์ประกอบในการกระทำความผิด</p>
<p>4. จัดชุดวิทยากรฯ ต่อยอดการฝึกอบรมการสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจ ฝึกปฏิบัติในการรับมือกับสถานการณ์ฯ ในพื้นที่โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลและพื้นที่ต่างๆ (Soft Target)</p>
<p>5. ขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยสอดส่องดูแลพฤติกรรมเด็ก เยาวชน บุตรหลาน เกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนหรือความรุนแรงต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบ หรือเหตุความรุนแรงต่าง ๆ ในสังคม </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">งดแชร์ งดเผยแพร่ภาพ คลิป หรือข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุ</span></h2>
<p>โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ผบ.ตร. ได้ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว มีความห่วงใยต่อสถานการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะอยู่นี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ทุกประเด็น ทุกมิติ ทั้งนี้ ตำรวจขอความร่วมมือในการงดแชร์ งดเผยแพร่ภาพ คลิป หรือข้อมูลในกรณีดังกล่าว เพื่อป้องกันพฤติกรรมลอกเลียนแบบ อีกทั้งกระทบต่อจิตใจครอบครัวผู้สูญเสีย และสังคมวงกว้าง </p>
<p>พร้อมขอประชาสัมพันธ์ คลิปการรับมือเหตุกราดยิง หนี-ซ่อน-สู้ 3 กลยุทธ์สากล การเอาชีวิตรอดจากกรณีมือปืนกราดยิง ที่ได้จัดทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ มีพื้นฐานแนวทางในการเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ สามารถลดจำนวนทั้งผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106212
 
4988  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สภา กทม. ผ่านกฎหมายรถเมล์อนาคต เปลี่ยนรถเมล์ทั้ง กทม. เป็น EV ใน 7 ปี เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 02:25:23
สภา กทม. ผ่านกฎหมายรถเมล์อนาคต เปลี่ยนรถเมล์ทั้ง กทม. เป็น EV ใน 7 ปี
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 21:07</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สภา กทม. ผ่านข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ พ.ศ. … หรือกฎหมายรถเมล์อนาคต เปลี่ยนรถเมล์ทั้ง กทม. เป็น EV มอบอากาศสะอาดกว่าเดิมให้คนกรุงฯ ใน 7 ปี</p>
<p>4 ต.ค. 2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลรายงานต่อสื่อมวลชนว่า สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวภายหลังที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร เห็นชอบญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ พ.ศ. … หรือกฎหมายรถเมล์อนาคต ที่เสนอโดย ส.ก.พรรคก้าวไกล ด้วยคะแนนเสียง 30:0 </p>
<p>พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ผลักดันร่างข้อบัญญัติรถเมล์อนาคต และประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ กล่าวว่า ขอขอบคุณสมาชิกทุกคน วันนี้ถือเป็นก้าวแรกของประเทศไทยและสภา กทม. ที่จะเดินหน้าไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน หลังจากนี้ยังมีร่างข้อบัญญัติพื้นที่สีเขียวที่จะขับเคลื่อนต่อไป ขอให้สมาชิกทุกคนร่วมกันผลักดันเพื่อประชาชนชาว กทม.</p>
<p>โดยก่อนมีมติดังกล่าวในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในญัตติดังกล่าวว่า ข้อบัญญัตติรถเมล์อนาคตฉบับนี้ เป็นข้อบัญญัติแรกในรอบ 22 ปีที่ถูกเสนอโดยฝ่ายสภากรุงเทพมหานคร และหวังว่าจะเป็นฉบับแรกที่ถูกเสนอและผ่านโดยสภากรุงเทพมหานครเช่นกัน</p>
<p>เมื่อ 135 ปีก่อน กรุงเทพมหานครมีระบบขนส่งสาธารณะชนิดแรกคือรถราง ในเวลานั้นก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นตกใจกับกระดานไม้หุ้มเหล็กที่มีล้อวิ่งอยู่กลางเมือง ทำให้ประชาชนเริ่มปรับตัวใช้ชีวิตกับการขนส่งสาธารณะ รัฐเองก็ปรับปรุงตัวรถรางอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่หุ้มเบาะฟองน้ำให้นั่งสบาย เสริมแนวกั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัวตามการใช้งานของประชาชน</p>
<p>เมื่อมีการขยายตัวของเมือง ประชาชนเริ่มใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น รถรางที่กินพื้นที่ถนนและช้ากว่ารถคันอื่นๆ จึงถึงเวลาสิ้นสุดลง ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีรถเมล์เข้ามาแทนที่</p>
<p>ในปี 2450 รถเมล์สายแรกที่ใช้ม้าลากจูงเริ่มวิ่งในกรุงเทพมหานคร จนต่อมาได้เปลี่ยนเป็นเครื่องจักร มีการปรับแต่งรถเมล์ให้ตอบสนองต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น การเริ่มใช้รถปรับอากาศ การเพิ่มรอบวิ่งกะกลางคืนถึงเช้า ขยายทางขึ้นลงของประตูใหญ่และรองรับผู้ใช้งานที่หลากหลายตามหลัก Universal design การปรับมาใช้ NGV เพื่อลดมลพิษทางอากาศ รวมถึงความพยายามที่จะใช้ระบบ E-ticket แทนเงินสดโดยกระทรวงคมนาคมในปี 2560 ปัจจุบันรถเมล์ก็ยังมีการพัฒนาควบคู่กับสังคมที่เดินหน้าอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา</p>
<p>ภัทราภรณ์ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์เรื่องการขนส่งสาธารณะของประเทศไทยมีมายาวนาน นวัตกรรมต่างๆ ที่ผ่านมาล้วนเคยเป็นเรื่องใหม่ที่กลายเป็นเรื่องปกติทั้งสิ้น และครั้งนี้ก็เป็นอีกวันที่กรุงเทพมหานครจะทำสิ่งใหม่ โดยการออกข้อบัญญัติให้รถเมล์ EV เท่านั้นที่จะสามารถวิ่งในกรุงเทพมหานครได้ในอีก 7 ปีข้างหน้า</p>
<p>“ในช่วงชีวิตการเมืองที่ไม่แน่นอนของการเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เรามีเวลาสั้นๆ กันเพียงสมัยละ 4 ปีเท่านั้น หลายครั้งดิฉันถามตัวเองว่าจุดสูงสุดของการทำงานนี้คืออะไร อะไรคือตัวชี้วัดระดับความสำเร็จในการทำงานของเรา มันใช่คะแนนเสียงในการเลือกตั้งอย่างที่เขาว่ากันหรือไม่ มันคือการตอบสนองอีโก้ในตัวเราแค่เพียงเท่านั้นหรือไม่ พวกเรา ส.ก.ก้าวไกล ได้ดำรงตำแหน่งมาเป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่ง เราได้ร่วมหัวจมท้ายฝ่าฟันเรียนรู้อะไรกันมามากมาย จนวันนี้ดิฉันได้พบแล้วว่า จุดสูงสุดของการเป็นนักการเมือง คือการได้ทิ้งคุณภาพชีวิตที่ดีไว้ให้พี่น้องประชาชน แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้วก็ตาม” ภัทราภรณ์ กล่าว</p>
<p>ส.ก.เขตบางซื่อ กล่าวอีกว่า ข้อบัญญัติรถเมล์อนาคตนี้ จะอยู่กับลูกหลานของท่านไปอีก 20-30 ปี เพื่อเป็นหลักประกันว่าแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 จากรถเมล์สาธารณะจะต้องลดลงอย่างแน่นอน และหากรัฐบาลรับลูกการส่งเสริมรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง จะเกิดการจ้างงานอย่างมหาศาลทั้งแรงงานทักษะการประกอบรถ แรงงานในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีภายใน และยังสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมกับส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้โชว์ผลงาน โดยมีกรุงเทพมหานครของเราเป็นผู้ปักธงในสนามแรก</p>
<p>จึงขอให้เพื่อนสมาชิกทุกท่าน พิจารณาโหวตรับร่างข้อบัญญัติรถเมล์อนาคตนี้ในวาระที่ 2 และ 3 เพื่อยืนยันว่าเราจะใช้อำนาจรัฐที่เรามีในวันนี้ คืนอากาศสะอาดให้พ่อแม่พี่น้องกว่า 10 ล้านคนในกรุงเทพมหานคร</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106213
 
4989  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - พลิกแรงมาก หอพักของหายบ่อย รร.จับโจรไม่ได้ นร.ซ่อนกล่องจับเอง อึ้ง ฝีมือครูอายุน เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 01:38:36
พลิกแรงมาก หอพักของหายบ่อย รร.จับโจรไม่ได้ นร.ซ่อนกล่องจับเอง อึ้ง ฝีมือครูอายุน้อย
         


พลิกแรงมาก หอพักของหายบ่อย รร.จับโจรไม่ได้ นร.ซ่อนกล่องจับเอง อึ้ง ฝีมือครูอายุน้อย" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;นร.ฉลาดมาก วางกระเป๋าล่อโจรไว้หน้ากล้อง ลงมือปุ๊บบันทึกหลักฐานปั๊บ เห็นชัดทั้งหน้าทั้งพฤติกรรม ที่แท้ครูเป็นโจร!!!
         

https://www.sanook.com/news/9062494/
         
4990  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ประกาศ 10 หนังขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ 'เพลงสุดท้าย' และสัมภาษณ์ผู้เข้าร่ เมื่อ: 05 ตุลาคม 2566 00:53:58
ประกาศ 10 หนังขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ 'เพลงสุดท้าย' และสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วม พคท. ติดด้วย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 23:43</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>หอภาพยนตร์ กระทรวงวัฒนธรรม ประกาศ 10 รายชื่อหนังขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ปี 2566 มีภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์ 14 ตุลา, “เทวดาเดินดิน”, หนัง LGBTQ “เพลงสุดท้าย” และ “หัวใจทรนง”, หนังร่วมทุนสร้างกับฮ่องกง “กตัญญูปกาสิต”, หนังชีวประวัติ “14 ตุลา สงครามประชน” , หนังซอฟท์พาวเวอร์ไทยยุคบุกเบิก “Thailand” รวมทั้ง สัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทยที่กลับออกจากป่า</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="758" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FThaiFilmArchivePage%2Fposts%2Fpfbid02y4JhkpxLymqNC9hqKb2dvmed8Fhi1gmH37bY9zZ5EFp2Qq3zYWhEJh5Fm9rxAAZnl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>4 ต.ค. 2566 วันอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทย ประชาสัมพันธ์ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) รายงานต่อสื่อมวลชนว่า  เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศ 10 รายชื่อภาพยนตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ประจำปี 2566 ทั้งหนังเรื่อง และหนังสารคดี จากการคัดเลือกจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพ 33 คนที่คัดสรรมาโดยหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) โดยภาพยนตร์ส่วนหนึ่งมาจากมาจากประชาชนกว่า 1,000 คนที่ร่วมเสนอรายชื่อ โดยพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์คุณค่า ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ อิทธิพลต่อสังคม วัฒนธรรม และศิลปะ </p>
<p>ภาพยนตร์ 10 เรื่องในที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในปีนี้ ครอบคลุมหลากหลายมิติทางสังคม ประวัติศาสตร์ และสุนทรียศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงรากฐานวัฒนธรรมภาพเคลื่อนไหวอันแข้งแรงของผู้สร้างไทย </p>
<p>เนื่องด้วยปี 2566 เป็นปีครบรอบ 50 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516  มีภาพยนตร์สามเรื่องที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์นี้ได้กรับการคัดเลือก ได้แก่ วันมหาวิปโยค (2516) เป็นบันทึกเหตุการณ์ 14 ตุลาคมที่ ทวีศักดิ์ วิรยศิริ นักข่าวภาพยนตร์อิสระได้ถ่ายเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ไว้  ส่วนหนัง [สัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทยที่กลับออกจากป่า] [2528] เป็นฟุตเทจหายากที่ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ได้สัมภาษณ์อดีตนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวที่ออกจากป่าหลังจากไปเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ไทย เช่น จิระนันท์ พิตรปรีชา, เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, จรัล ดิษฐาอภิชัย, เหวง โตจิราการ, เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ, เกรียงกมล เลาหไพโรจน์, คณะวงดนตรีคาราวาน และชาวบ้านคนอื่น ๆ ไกรศักดิ์ตั้งใจจะตัดต่อฟุตเทจเป็นสารคดีน แต่ทำไม่เสร็จสิ้น คงเหลือไว้แต่ฟุตเทจที่มีความกว่า 11 ชั่วโมง  เรื่องสุดท้ายได้แก่ 14 ตุลาสงครามประชาชน (2544) ภาพยนตร์ชีวประวัติ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล  บุคคลสำคัญทางการเมืองในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ไทย เป็นงานกำกับโดย บัณฑิต ฤทธิ์ถกล</p>
<p>เทวดาเดินดิน (2519) โดย ม.จ. ชาตรี เฉลิมยุคล เป็นหนังที่จับภาพวัยรุ่นไทยในช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้อย่างเข้มข้น เป็นทั้งหนังสะท้อนสังคมและหนังแอคชั่นผจญภัยไปพร้อม ๆ กัน  นอกจากนี้ ภาพยนตร์คลาสสิกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนที่สำคัญยังมี ปักธงไชย (2500) สร้างโดยบริษัท ละโว้ภาพยนตร์ ของ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ถือเป็นผลงานที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของพระองค์ ผู้ทรงเป็นนักทำหนังที่มีบทบาทสำคัญต่อวงการภาพยนตร์ไทย และเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกและหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เล่าถึงสงครามปราบฮ่อ สมัยรัชกาลที่ 5 กตัญญูปกาสิต (2501) หนังร่วมทุนไทยฮ่องกงที่ประสบความสำเร็จทั้งที่ไทยและต่างแดนด้วยความสามารถของยอดฝีมือแห่งวงการหนังไทยยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 ทั้ง ครูเนรมิต ผู้กำกับ ส. อาสนจินดา ผู้เขียนบท และบรรดานักแสดงชั้นครู</p>
<p>ภาพยนตร์ LGBTQ สองรสชาติอันแตกต่าง และแสดงให้เห็นการเดินทางของหนังแห่งความหลากหลายทางเพศของไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนในปีนี้ ได้แก่ เพลงสุดท้าย (2528) หมุดหมายสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ความหลากหลายทางเพศในภาพยนตร์ไทย ที่ส่งอิทธิพลต่อเนื่องอย่างกว้างขวางยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน กำกับโดย พิศาล อัครเศรณี และอีกเรื่องได้แก่ หัวใจทรนง (2546) งานกำกับร่วมของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และ ไมเคิล เชาวนาศัย กับเรื่องราวของสายลับไออ้อน พุซซี่ งานที่คารวะสุนทรีศาสตร์ของหนังไทยุค 16 มม. พร้อมไปกับการสร้างอารมณ์ขันสำหรับผู้ชมร่วมสมัย</p>
<p>ภาพยนตร์สารคดีเก่าอีกสองเรื่องที่ได้รับการขึ้นทะเบียนได้แก่  โกนจุก [2510]  เป็นภาพบันทึกพิธีโกนจุก ซึ่งเป็นพิธีกรรมในวิถีชีวิตของสังคมไทยสมัยก่อน ได้อย่างละเอียดครบถ้วนตามประเพณีทั้งคติพราหมณ์และพุทธ สุดท้ายคือ Thailand (2501) ภาพยนตร์เรื่องแรก ๆ ที่รัฐบาลไทยจัดทำเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ผู้ชมในโลตะวันตก </p>
<p>หอภาพยนตร์ ได้จัดกิจกรรมประกาศรายชื่อภาพยนตร์ขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติมาเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2554 หลังประกาศรายชื่อภาพยนตร์ในปีนี้ 10 เรื่อง ทำให้ภาพยนตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนฯ มีจำนวนทั้งหมด 243 เรื่อง ซึ่งหอภาพยนตร์เตรียมนำภาพยนตร์เหล่านี้ออกฉายตามช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในโรงภาพยนตร์ Facebook YouTube Tiktok ของหอภาพยนตร์ รวมถึงการจัดงานเสวนาถึงภาพยนตร์ และการให้บริการในห้องสมุดและโสตทัศนสถาน เชิด ทรงศรี ของหอภาพยนตร์ ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.fapot.or.th หรือที่เฟซบุ๊กช่อง หอภาพยนตร์ Thai Film Archive </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">รายชื่อภาพยนตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติประจำปี 2566</span></h2>
<p>ปักธงไชย (2500)</p>
<p>Thailand (2501)</p>
<p>กตัญญูปกาสิต (2501)</p>
<p>โกนจุก [2510]</p>
<p>วันมหาวิปโยค (2516)</p>
<p>เทวดาเดินดิน (2519)</p>
<p>[สัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทยที่กลับออกจากป่า] [2528]</p>
<p>เพลงสุดท้าย (2528)</p>
<p>14 ตุลาสงครามประชาชน (2544)</p>
<p>หัวใจทรนง The Adventure of Iron Pussy (2546)</p>
<div class="note-box">
<p><strong>หมายเหตุ</strong></p>
<p>ชื่อเรื่องใน [..] หมายถึง ภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่มีไตเติ้ลชื่อเรื่องปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เป็นชื่อหอภาพยนตร์ตั้งขึ้นเอง</p>
<p>ปีพ.ศ.ที่อยู่ใน […] หมายถึง ข้อมูลที่หอภาพยนตร์สันนิษฐานขึ้นเนื่องจากยังไม่มีหลักฐานชัดเจน</p>
</div>
<h2><span style="color:#2980b9;">หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาคัดเลือกภาพยนตร์ขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ </span></h2>
<p>1. คุณค่าทางประวัติศาสตร์และความทรงจำ </p>
<p>เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ สถานที่ กาลสมัย บุคคล เหตุการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับคนไทยและสังคมไทย ในมิติต่างๆ เช่น มานุษยวิทยา สังคมวิทยา เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ทั้งในฐานะปัจเจกและกลุ่มหรือมวลชน สามารถทำให้ผู้ชมเข้าถึงและเข้าใจมิติเหล่านั้นในเชิงประวัติศาสตร์หรือความทรงจำ</p>
<p>2. คุณค่าทางศิลปะภาพยนตร์</p>
<p>เป็นผลงานภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ อันแสดงถึงศิลปะวิทยาทางด้านภาพยนตร์</p>
<p>3. มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์</p>
<p>เป็นภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การนำเสนอภาพยนตร์นั้นไม่ว่าการถ่ายทำ การแสดง การตัดต่อ ฯลฯ  มีความคิดริเริ่ม ไม่เคยมีแบบอย่างมาก่อนในภาพยนตร์อื่นๆ</p>
<p>4. บูรณภาพ </p>
<p>คือความสมบูรณ์ครบถ้วนของผลงานภาพยนตร์ตรงตามต้นฉบับของผู้สร้างสรรค์ ภาพยนตร์ที่ออกฉายแล้วอาจถูกตัดทอน ถูกเสริมเติมแต่งเพิ่มเติม ถูกดัดแปลงไปด้วยเหตุต่าง ๆ</p>
<p>5. ความเสี่ยงต่อการสูญเสียหรือยากแก่การหาทดแทน</p>
<p>เป็นภาพยนตร์ที่ยังมีฟิล์มต้นฉบับหรือสำเนาในรูปแบบอื่นใดอยู่ แต่ตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงที่จะสูญเสียภาพยนตร์นั้นไป ด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ เช่น มีต้นฉบับหรือสำเนาอยู่เพียงชุดเดียว หรือภาพยนตร์นั้นกำลังเสื่อมสภาพ หรือสภาพการจัดเก็บไม่ปลอดภัย ไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น</p>
<p>6. อิทธิพลต่อคนและสังคม</p>
<p>ภาพยนตร์ที่สามารถส่งผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อปัจเจกชนและหรือต่อสังคม ไม่ว่าทางด้านพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ อารมณ์ ฯลฯ อาจก่อให้เกิดกระแสสมัยนิยมเกิดการเปลี่ยนแปลง ค่านิยม ขนบธรรมเนียม ไม่ว่าชั่วระยะเวลาสั้นหรือยั่งยืนนาน</p>
<p>รายชื่อคณะกรรมการพิจารณาตัดสินภาพยนตร์</p>
<p>1. กษิดิศ อนันทนาธร - บรรณาธิการ</p>
<p>2. กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน - นักวิจารณ์ภาพยนตร์</p>
<p>3. ผศ.ดร. เกษม เพ็ญภินันท์ - นักวิชาการด้านปรัชญา</p>
<p>4. โกวิท โพธิสาร - สื่อมวลชน</p>
<p>5. ชญานิน เตียงพิทยากร - นักวิจารณ์ภาพยนตร์</p>
<p>6. ชีวสิทธิ์ บุณยเกียรติ - นักจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ศึกษา</p>
<p>7. ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ - นักประวัติศาสตร์</p>
<p>8. ศาสตราจารย์ ดร. ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ - นักประวัติศาสตร์</p>
<p>9. ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ - ผู้กำกับภาพยนตร์ </p>
<p>10. ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี - ครีเอทีฟ </p>
<p>11. นที กอนเทียน - ผู้ดูแลเพจ 77 PPP</p>
<p>12. นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ - บรรณาธิการ</p>
<p>13. นิพันธ์ โอฬารนิเวศน์ - นักวิชาการด้านศิลปะ</p>
<p>14. ผศ.ดร. บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ - นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์</p>
<p>15. ประวิทย์ แต่งอักษร - นักวิจารณ์ภาพยนตร์</p>
<p>16. ปราปต์ บุนปาน - บรรณาธิการ</p>
<p>17. พรพิชิต พัฒนถาบุตร - นักวิชาการอิสระ</p>
<p>18. ดร. พิชัยวัฒน์ แสงประพาฬ - นักวิชาการด้านภาพยนตร์</p>
<p>19. ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์ - บรรณาธิการ</p>
<p>20. มโนธรรม เทียมเทียบรัตน์ - นักวิจารณ์ภาพยนตร์</p>
<p>21. หม่อมราชวงศ์ปิยฉัตร ฉัตรชัย - สื่อสารมวลชน</p>
<p>22. ผศ.ดร. ลลิตา หาญวงษ์ - นักประวัติศาสตร์</p>
<p>23. ดร. อับดุลเลาะห์ พรหมขุนทอง - นักวิชาการด้านภาพยนตร์และวัฒนธรรมศึกษา</p>
<p>24. ศรัณย์ ทองปาน - นักเขียนสารคดี</p>
<p>25. ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา - นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์แรงงาน</p>
<p>26. ศาสวัต บุญศรี - นักวิชาการด้านภาพยนตร์</p>
<p>27. ผศ. สุดแดน วิสุทธิลักษณ์ - นักวิชาการด้านมานุษยวิทยา</p>
<p>28. สุภัตรา ภูมิประภาส - นักเขียน นักแปล</p>
<p>29. โสภิต หวังวิวัฒนา - นักจัดรายการวิทยุ</p>
<p>30. อธิคม คุณาวุฒิ - บรรณาธิการ</p>
<p>31. อธิป กลิ่นวิชิต - สื่อมวลชน</p>
<p>32. อัษฎาวุธ สาคริก - นักดนตรีและที่ปรึกษางานศิลปวัฒนธรรม</p>
<p>33. ผศ. อุรุพงศ์ รักษาสัตย์ - ผู้กำกับภาพยนตร์</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106216
 
4991  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - สภา กทม. เห็นชอบ 30-0 เปลี่ยนรถเมล์ทั่วกรุงเป็นแบบไฟฟ้า เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 23:38:54
สภา กทม. เห็นชอบ 30-0 เปลี่ยนรถเมล์ทั่วกรุงเป็นแบบไฟฟ้า
         


สภา กทม. เห็นชอบ 30-0 เปลี่ยนรถเมล์ทั่วกรุงเป็นแบบไฟฟ้า" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;สภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบ 30 ต่อ 0 ให้เปลี่ยนรถเมล์ทั่วกรุงเทพมหานครเป็นรถเมล์ไฟฟ้า
         

https://www.sanook.com/news/9062122/
         
4992  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'สุรเชษฐ์' ขอ 'พีมูฟ' ย้ายกลับหน้า UN ยันไม่มีการสลาย ผู้ชุมนุมขอปักหลักต่อ เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 23:19:09
'สุรเชษฐ์' ขอ 'พีมูฟ' ย้ายกลับหน้า UN ยันไม่มีการสลาย ผู้ชุมนุมขอปักหลักต่อจนกว่าจะได้ความชัดเจน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 21:34</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: ที่มา เฟซบุ๊ก ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'สุรเชษฐ์' เจรจา 'พีมูฟ' ขอให้ย้ายกลับไปชุมนุมหน้า UN รอผลประชุม ครม.ดันนโยบาย 9 ด้าน วันที่ 10 ต.ค. 66 กลัวผู้ชุมนุมถูกฟ้อง พ.ร.บ. ชุมนุมฯ ยันไม่มีการสลาย ด้านผู้ชุมนุมปักหลักหน้าทำเนียบต่อจนกว่าจะมีความชัดจน</p>
<p> </p>
<p>4 ส.ค. 2566 เพจเฟซบุ๊ก ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move รายงานวันนี้ (4 ต.ค.) ว่า เมื่อ 16.10 น. หน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางมายังบริเวณที่ชุมนุมขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ โดยได้พบปะและพูดคุยถึงสถานการณ์การชุมนุมของพีมูฟ โดยได้กล่าวว่า รับทราบข้อเสนอของพีมูฟทั้ง 9 ด้านที่ได้พูดคุยกับทางตัวแทนรัฐบาลในช่วงเช้าที่ผ่านมา เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ และที่ตนมายังที่ชุมนุมในวันนี้เนื่องจากได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร. เรื่องความมั่นคง และมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการชุมนุมของพีมูฟ เนื่องจากว่าการจัดชุมนุมในบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลนี้ เป็นการชุมนุมในสถานที่ห้ามชุมนุมตามพระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 เกรงว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงอยากให้ทางผู้ชุมนุมย้ายสถานที่ชุมนุมไปยังบริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติ (UN) แล้วรอติดตามผลการดำเนินการในการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ต.ค. 2566 ต่อไป และยืนยันว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมล</p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>'พีมูฟ' ยื่นข้อเสนอ ครม.เศรษฐา 'เห็นชอบ' ดันนโยบาย 9 ด้านลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ขวางการชุมนุม</li>
<li>'พีมูฟ' ไม่ถอยจนกว่าจะได้พบ 'เศรษฐา' ดันนโยบาย 9 ด้าน แม้เจอ ตร.แจ้งยุติชุมนุมหน้าทำเนียบ</li>
<li>
<p>'พีมูฟ' ปักหลักหน้าทำเนียบวันที่ 3 แถลงผลหารือ รบ. ยังไม่รับข้อเสนอของ 'ภูมิธรรม' ตั้งคณะทำงาน</p>
</li>
</ul>
</div>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="250" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FPmove2011%2Fposts%2Fpfbid0dFk9hpwrbCM3NSgoJhEZCqoY9aZ8AfZ2wD8BPHgzXUBaZVx6QXChW5Q7PdkJpvsNl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>"เดิมที่พี่น้องได้ขออนุญาตไว้ที่หน้า UN พอเราเลื่อนมาตรงนี้ อันนี้จะผิดเงื่อนไขการชุมนุมสาธารณะ ผมอยากให้ท่านย้ายกลับยัง UN เพราะว่าเราไม่อยากให้ท่านมาแล้วมีคดีอะไรทั้งสิ้น วันนี้ก็ยอมรับว่าเราต้องไม่ทำให้ผู้กำกับในท้องที่เกิดความอึดอัด สำหรับผมไม่ปัญหาอะไรเพราะไม่ได้รับผิดชอบเขตพื้นที่ ก็ขอพี่น้องว่าถ้าเชื่อผม ให้ย้ายกลับไป UN" สุรเชษฐ์ กล่าว </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53234389545_e449296ce5_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">สุรเชษฐ์ หักพาล (ที่มา: เฟซบุ๊ก </span><span style="color:#d35400;">ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move</span><span style="color:#d35400;">)</span></p>
<p>อย่างไรก็ตาม ทางผู้ชุมนุมได้ให้ความเห็นในเรื่องการย้ายสถานที่ชุมนุมไปยังบริเวณหน้า UN ว่า ไม่สามารถตัดสินใจได้ในทันที เนื่องจากต้องพูดคุยร่วมกันในเครือข่ายประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม ประกอบกับข้อเสนอเชิงนโยบายทั้ง 9 ด้านของพีมูฟ ที่รองนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชยชัย ได้รับปากว่าจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ยังไม่ได้เห็นผลการดำเนินการที่ชัดเจน จึงยังไม่สามารถย้ายสถานที่ชุมนุมได้</p>
<p>ทั้งนี้ พีมูฟ เดินทางมาชุมนุมปักหลักที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2566 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ผลักดันนโยบายทั้ง 9 ด้านของพีมูฟ ประกอบด้วย 1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ส่งผลกระทบต่อเสรีภาพของประชาชน 2. กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น 3. ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 4. กระจายที่ดินทำกินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม 5. ทบทวนนโยบายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ 6. ส่งเสริมให้ชุมชนมีการจัดการร่วมในภัยพิบัติ 7. คุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ และสิทธิความเป็นมนุษย์ 8. คุ้มครองสิทธิของคนไร้สถานะ และ 9. ส่งเสริมรัฐสวัสดิการ</p>
<p>เมื่อช่วงเช้า ตัวแทนพีมูฟ 13 คนได้เข้าไปประชุมหารือกับ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาทางผลักดันการแก้ไขตามแนวทางนโยบาย 9 ด้านของพีมูฟ โดยเบื้องต้น ภูมิธรรม เสนอให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อศึกษา และบูรณาการแต่ละหน่วยงาน เนื่องจากข้อเสนอของพีมูฟผูกพันกับหลายหน่วยงาน และจะมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ต.ค. 2566 </p>
<p>ขณะที่ด้านพีมูฟ ยังไม่มีท่าทีตอบรับ จนกว่าจะได้เห็นความชัดเจน และก่อนหน้านี้ พชร คำชำนาญ สมาชิกพีมูฟ ระบุว่า เขาไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะเสนอตั้งคณะทำงาน เนื่องจากสมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา การตั้งคณะทำงานเช่นนี้เหมือนเป็นการเตะถ่วงเวลา และการผลักดันนโยบายไม่เดินไปข้างหน้า</p>
<p>ช่วงเวลาหลังจากนี้ มีการแสดงดนตรีของวงสามัญชน นำโดย 'แก้วใส' ณัฐพงษ์ ภูแก้ว และ 'ไผ่' จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และมีวงเสวนาถึงจุดมุ่งหมายของการมาชุมนุมของพีมูฟ ครั้งนี้ และปัญหาของนโยบายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน </p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="314" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/video.php?height=314&amp;href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FPmove2011%2Fvideos%2F6582863368487955%2F&amp;show_text=false&amp;width=560&amp;t=0" style="border:none;overflow:hidden" width="560"></iframe></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106214
 
4993  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ช่วยป้าด้วย! ป้าช้ำใจถูกปิดทางเข้าออกบ้านเป็นปี ทำให้ลูกสาวเครียด คิดสั้นผูกคอ เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 22:55:12
ช่วยป้าด้วย! ป้าช้ำใจถูกปิดทางเข้าออกบ้านเป็นปี ทำให้ลูกสาวเครียด คิดสั้นผูกคอดับ
         


ช่วยป้าด้วย! ป้าช้ำใจถูกปิดทางเข้าออกบ้านเป็นปี ทำให้ลูกสาวเครียด คิดสั้นผูกคอดับ" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ป้าร้องสื่อ ถูกปิดทางเข้าออกบ้านมาเป็นปี ลูกสาวเครียด คิดสั้นผูกคอจบชีวิต
         

https://www.sanook.com/news/9062050/
         
4994  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ศาลพิษณุโลกตัดสิน ‘เซ็นเตอร์’ ผิดม.112 แต่ให้รอกำหนดโทษ 2 ปี เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 21:44:45
ศาลพิษณุโลกตัดสิน ‘เซ็นเตอร์’ ผิดม.112 แต่ให้รอกำหนดโทษ 2 ปี
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 20:17</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพจาก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศาลพิษณุโลกพิพากษา “เซ็นเตอร์” มีความผิดตามมาตรา 112 แต่ให้รอกำหนดโทษ 2 ปี จากเหตุโพสต์ถึงการสลายชุมนุมตุลาคม 2563</p>
<p>4 ต.ค.2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลจังหวัดพิษณุโลกนัดฟังคำพิพากษาคดีของ “เซ็นเตอร์” (นามสมมติ) นักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งถูกฟ้องในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมโดยการยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตา และฉีดน้ำแรงดันสูงในกรุงเทพฯ ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2563 โดยจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลได้ให้รอการกำหนดโทษเอาไว้ มีกำหนด 2 ปี</p>
<p>ศาลอ่านคำพิพากษา โดยสรุปเห็นว่าเมื่อพิจารณาประวัติการทำงาน การศึกษา พฤติการณ์จากรายงานการสืบเสาะ พบว่าจำเลยทำคุณความดี และคุณประโยชน์ต่อสังคม แต่รับข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นความเท็จเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง โดยได้กระทำการขออภัยโทษต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ประกอบกับไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลย พิพากษาให้รอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี รายงานตัวต่อนักจิตวิทยาสังคมของศาล 4 ครั้งในระยะเวลา 1 ปี</p>
<p>ศูนย์ทนายความฯ ระบุว่าเดิมคดีนี้ธรณินทร์ รักษ์ธนบดี ซึ่งเป็นเพื่อสมัยประถมของเซ็นเตอร์ เป็นผู้กล่าวหาไว้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก โดยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 เซ็นเตอร์เคยได้รับการติดต่อจากตำรวจให้ไปพบ โดยไม่ได้มีหมายเรียก ไม่มีทนายความหรือผู้ไว้วางใจเข้าร่วม เขาได้ถูกตำรวจสอบประวัติ และให้ลงนามยินยอมให้รหัสผ่านเข้าเฟซบุ๊ก โดยไม่ได้มีหมายศาลในการเข้าถึงข้อมูล ในครั้งนั้น เขาถูกสอบสวนในฐานะพยาน โดยไม่ได้มีการแจ้งสิทธิตามกฎหมายอย่างแน่ชัด</p>
<p>จนกระทั่งช่วงต้นเดือนธันวาคม 2565 เขาได้รับหนังสือเชิญให้ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก อีกครั้งในวันที่ 6 ธ.ค. 2565 เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม โดยไม่ใช่เป็นหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ในครั้งนี้เขาเดินทางไปพบตำรวจพร้อมกับทนายความ พร้อมปรากฏว่าได้ถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 112 ทันที และต่อมาวันที่ 27 ก.พ. 2566 ตำรวจยังเรียกไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) อีกด้วย</p>
<p>จนวันที่ 29 มี.ค. 2566 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีของเซ็นเตอร์ต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก โดยบรรยายว่าโพสต์ของเซ็นเตอร์เป็นการโฆษณา ละเมิด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาทรัชกาลที่ 10 ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังจากประชาชน และเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106211
 
4995  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สุมไฟแค้น ถ่านไฟเก่า! ผัวใหม่ฆ่าโหดผัวเก่าขวดตีหัวรัดคอซ้ำ เจอภาพบาดตาเริงรักก เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 20:22:36
สุมไฟแค้น ถ่านไฟเก่า! ผัวใหม่ฆ่าโหดผัวเก่าขวดตีหัวรัดคอซ้ำ เจอภาพบาดตาเริงรักกับเมีย
         


<img src="" alt="สุมไฟแค้น ถ่านไฟเก่า! ผัวใหม่ฆ่าโหดผัวเก่าขวดตีหัวรัดคอซ้ำ เจอภาพบาดตาเริงรักกับเมีย" width="75" height="75" />&nbsp;&nbsp;ผัวใหม่โหดตามหาเมียหนีมาเริงรักกับผัวเก่าพบภาพบาดตา บุกใช้ขวดตีผัวเก่ารัดคอซ้ำตายคามือ เหตุรักสามเส้าเกิดขึ้น
         

https://www.sanook.com/news/9062078/
         
4996  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - รพ.ระนอง เสนอเพิ่มสิทธิประโยชน์ 'ธาราบำบัด' ครอบคลุมบริการฟื้นฟูฯ ผู้ป่วยสิ เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 20:07:10
รพ.ระนอง เสนอเพิ่มสิทธิประโยชน์ 'ธาราบำบัด' ครอบคลุมบริการฟื้นฟูฯ ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 19:14</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>โรงพยาบาลระนอง ชู 'ธาราบำบัดด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ' ให้บริการผู้ป่วยในจังหวัดและนักท่องเที่ยว เผยช่วยผู้ป่วยฟื้นฟูเร็วขึ้นเท่าตัว พร้อมเสนอ สปสช. บรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง ครอบคลุมเข้าถึงบริการเท่าเทียมผู้ป่วยสิทธิข้าราชการและประกันสังคม </p>
<p>4 ต.ค.2566 ทีมสื่อ สปสช. รายงานต่อสื่อมวลว่า นพ.อรุณ สัตยาพิศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระนอง ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า โรงพยาบาลได้ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้วยวิธีธาราบำบัด และกำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลเสนอต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ซึ่งบริการธาราบำบัดเป็นหนึ่งในบริการที่เป็นจุดเด่นของโรงพยาบาลระนอง เนื่องจากที่จังหวัดระนองมีบ่อน้ำแร่ธรรมชาติอยู่แล้ว ประกอบกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โรงพยาบาลจึงได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างบ่อธาราบำบัดด้วยงบประมาณ 150 ล้านบาท โดยใช้น้ำแร่ธรรมชาติซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย มาใช้ในการทำธาราบำบัดนี้ มีการตรวจค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ตรวจการปนเปื้อนของเชื้อโรคทุกวัน ซึ่งก่อนลงสระก็จะมีการตรวจร่างกายโดยแพทย์ เพื่อดูในเรื่องของโรคติดต่อและความพร้อมของร่างกายในการลงสระ โดยเริ่มให้บริการหลังจากหมดการระบาดของโควิด-19  </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53233606966_4a758fe966_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">นพ.อรุณ สัตยาพิศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระนอง</span></p>
<p>นพ.อรุณ กล่าวว่า บริการธาราบำบัดจะมี 2 ส่วน คือ 1. การบริการผู้ป่วยในจังหวัดระนองตามระบบปกติ โดยเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาจนพ้นขีดอันตรายแล้ว และแพทย์ให้เริ่มทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อต่างๆ หากสามารถทำกายภาพด้วยวิธีธาราบำบัดได้ ก็จะนัดผู้ป่วยเข้ารับบริการในวันอังคารและวันพฤหัสบดี ซึ่งจากการให้บริการธาราบำบัดในผู้ป่วยผ่าตัดข้อเข่า ผ่าตัดกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง พบว่าสามารถช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดีมาก ลดระยะเวลาการทำกายภาพบำบัดลงได้เท่าตัว เช่น จากเดิมต้องทำกายภาพบำบัด 6 เดือน ก็ลดเวลาลงเหลือ 3 เดือนเป็นต้น</p>
<p>ทั้งนี้ ปัจจุบันทั้งสิทธิข้าราชการและประกันสังคม ครอบคลุมการให้บริการกายภาพบำบัดด้วยวิธีนี้แล้ว แต่ในส่วนของสิทธิบัตรทองยังไม่ครอบคลุม ที่ผ่านมาจึงได้นำเสนอ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอให้บรรจุธาราบำบัดเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบ เพื่อให้ผุ้ป่วยสิทธิบัตรทองได้รับบริการเช่นเดียวกับผู้ป่วยสิทธิอื่นๆ </p>
<p>2. นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างจังหวัด เป็นการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดและหารายได้เสริมแก่โรงพยาบาล โดยจะขายในแพ็คเก็จทัวร์ของโรงแรมให้นักท่องเที่ยวมารับบริการธาราบำบัดเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าหลังจากเที่ยวเสร็จแล้ว โดยจะให้บริการในวันจันทร์ ศูกร์ และเสาร์ วันละ 2 รอบ รอบละประมาณ 8-10 คน </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53232736632_845de7d84f_h.jpg" /></p>
<p>"ทางโรงพยาบาลได้เริ่มให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ไปจนถึงเดือนเมษายน 2567 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของ จ.ระนอง ปกติจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าบริการธาราบำบัดจะเต็มทุกรอบที่เปิดให้บริการ ซี่งขณะนี้มีลูกค้าจองล่วงหน้าจนถึงสิ้นปีแล้ว ซึ่งจะชวยสร้างรายได้ให้กับโรงพยาบาลได้" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระยอง กล่าว </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106210
 
4997  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'หยก' เตรียมชงเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวน ตร.สน.พระราชวัง จับกุมไม่ชอบด้วย กม.เมื่อ 28 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 18:36:18
'หยก' เตรียมชงเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวน ตร.สน.พระราชวัง จับกุมไม่ชอบด้วย กม.เมื่อ 28 มี.ค. 66
 


<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-10-03 21:55</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก/ภาพประกอบ: แมวส้ม ประชาไท </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ธนลภย์' ผู้ถูกกล่าวหา ม.112 วัย 15 ปี พร้อมทนาย แถลงไม่ประสงค์ให้การต่อ สน.พระราชวัง กรณีฟ้อง ตร.จับกุมไม่ชอบด้วย กม.หลายประการ เมื่อ 28 มี.ค. 66 เจ้าตัวหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม เตรียมชงเรื่องให้ ป.ป.ช. ไต่สวนแทน</p>
<p> </p>
<p>3 ต.ค. 2566 แมวส้ม ประชาไท รายงานวันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ธนลภย์ ผลัญชัย หรือหยก ผู้ถูกกล่าวหา มาตรา 112 อายุ 15 ปี กุณฑิกา นุตจรัส ทนายความ และกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เข้าพบตำรวจที่ สน.พระราชวัง ติดตามกรณีแจ้งความเอาผิดตำรวจ สน.ดังกล่าว ข้อหา ข่มขืนใจ ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และอื่นๆ หลังจากเมื่อ 28 มี.ค. 2566 ตำรวจจับกุมเยาวชนอายุ 15 ปี โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53231984910_19976cbee5_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">(ซ้าย-ขวา) เนติพร เสน่ห์สังคม, กุณฑิกา นุตจรัส, ธนลภย์ ผลัญชัย และ กฤษฎางค์ นุตจรัส</span></p>
<p>โดยวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้นำนักสังคมสงเคราะห์ พนักงานอัยการ ตลอดจนผู้ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และผู้ไว้วางใจ เข้าร่วมการสอบสวน </p>
<p>อย่างไรก็ตาม ธนลภย์ แถลงต่อพนักงานสอบสวนว่าไม่ประสงค์ที่จะให้การต่อพนักงานสอบสวนในคดีนี้ที่ สน.พระราชวัง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าทําร้ายร่างกาย และควบคุมตัวเธอโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.พระราชวัง </p>
<p>กุณฑิกา ทนายความ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ระบุว่า การดำเนินคดีกับตำรวจ สน.พระราชวัง ครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ธนลภย์ ถูกตำรวจ สน.พระราชวัง จับกุมโดยการรวบตัวเข้าไปในห้องสอบสวนของ สน. ระหว่างเดินทางไปสังเกตการณ์การจับกุม "บังเอิญ" (นามสมมติ) ศิลปินอายุ 25 ปี มือพ่นสเปรย์กำแพงพระบรมมหาราชวัง หรือวัดพระแก้ว</p>
<p>วันนั้นตำรวจอ้างว่าจับกุมเพราะธนลภย์ เป็นผู้บันทึกวิดีโอการพ่นสเปรย์ที่กำแพงวัดพระแก้ว และจะดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมฯ กับเธอ</p>
<p>ธนลภย์ ยืนยันว่าการจับกุมในวันนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ แต่ไม่ทันได้แจ้งความกับ สน.พระราชวัง เธอถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.สำราญราษฎร์ ตามหมายจับมาตรา 112 เสียก่อน จึงให้กุณฑิกา เป็นตัวแทนทนายความรับมอบอำนาจ ร้องทุกข์กล่าวโทษตำรวจที่ทำการจับกุมเมื่อวันนั้น</p>
<p>ทนายความกุณฑิกา ระบุต่อว่าเมื่อร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ก็มีการส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนของ สน.พระราชวัง เป็นคนสอบสวน </p>
<p>กุณฑิกา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ทำให้ธนลภย์ ไม่มีความมั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรมจาก สน.พระราชวัง จึงมีการตกลงกัน และได้ข้อสรุปว่าจะขอให้ทาง ป.ป.ช. ไต่สวนคดีนี้แทน ทางเราได้ให้การตำรวจไปแบบนั้น เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย</p>
<p>"ถ้าจะมีโอกาสดีให้เป็นจุดพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรมไทย มันจะปกป้องเด็กคนหนึ่งได้จริงหรือเปล่า…เรื่องนี้อาจจะให้โอกาสเด็กได้กลับมาไว้ใจประเทศไทย ไว้ใจกระบวนการยุติธรรมไทยมากขึ้น" กุณฑิกา ระบุ</p>
<p>ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก นักเรียนเลว ระบุว่า เยาวชนอายุ 15 ปี  ถูกตำรวจ สน.พระราชวังใช้กำลังจับกุม โดยการลากตัวเข้าไปในห้องสอบสวนและมีการล็อกตัวธนลภย์ ลงกับพื้นที่เพื่อค้นตัว ถูกยึดกระเป๋า และไอแพด นอกจากนี้ ธนลภย์ ให้ข้อมูลกับนักเรียนเลว ด้วยว่าระหว่างถูกค้นตัว เธอถูกตำรวจนั่งทับ และจับบริเวณก้นกับต้นขา และถูกล้วงเสื้อเข้ามาบริเวณหน้าอก เพื่อยึดเอาไอแพดของเธอ</p>
<p>นอกจากปัญหาดังกล่าว นักเรียนเลว ระบุด้วยว่า ตำรวจสอบสวนเยาวชนอายุ 15 ปี ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เพราะว่าไม่มีสหวิชาชีพและบุคคลอื่น เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย เข้าร่วมการสืบสวน </p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/oKDcNTA3tEk?si=VHZtEZff21Ha6P7O" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p><p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106199
 
4998  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "แน็ก ชาลี" เปิดใจ รอบนี้จะกลับไปเป็นตัวของตัวเอง อยู่กับแม่และหมาแมว เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 17:50:39
"แน็ก ชาลี" เปิดใจ รอบนี้จะกลับไปเป็นตัวของตัวเอง อยู่กับแม่และหมาแมว
         


&quot;แน็ก ชาลี&quot; เปิดใจ รอบนี้จะกลับไปเป็นตัวของตัวเอง อยู่กับแม่และหมาแมว" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;แน็ก ชาลี ไลฟ์สดคุยกับแฟนๆ รอบนี้จะกลับไปเป็นตัวของตัวเองจริงๆ ครับ
         

https://www.sanook.com/news/9061874/
         
4999  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - อุ๊ย! "เฉลิม" ประกาศตัดขาด "ทักษิณ" ถูกพาดพิง กวน..ทั้งพ่อทั้งลูก "วัน" โพสต เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 17:38:36
อุ๊ย! "เฉลิม" ประกาศตัดขาด "ทักษิณ" ถูกพาดพิง กวน..ทั้งพ่อทั้งลูก "วัน" โพสต์แบบนี้
         


อุ๊ย! &quot;เฉลิม&quot; ประกาศตัดขาด &quot;ทักษิณ&quot; ถูกพาดพิง กวน..ทั้งพ่อทั้งลูก &quot;วัน&quot; โพสต์แบบนี้" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9061994/
         
5000  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ‘พรชัย’ 2 ปี คดีม.112 ศาลยะลาให้ประกัน เมื่อ: 04 ตุลาคม 2566 17:06:03
ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ‘พรชัย’ 2 ปี คดีม.112 ศาลยะลาให้ประกัน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-10-04 15:52</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพโดย iLaw</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก “พรชัย” 3 ปีคดี ม.112 แต่ลดเหลือ 2 ปีเพราะให้การเป็นประโยชน์ ศาลยะลาอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกาได้</p>
<p>4 ต.ค.2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วันนี้ที่ศาลจังหวัดยะลามีนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ในคดีของ พรชัย วิมลศุภวงศ์ หนุ่มปกาเกอะญอวัย 38 ปี ที่อัยการฟ้องข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, มาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14  สืบเนื่องจากถูกฟ้องว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความ 4 ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงวันที่ 18 ต.ค. ถึง 19 พ.ย. 2563</p>
<p>ศูนย์ทนายความฯ ระบุว่า ศาลมีคำพิพากษาจำคุกพรชัยตามศาลชั้นต้น 3 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดเหลือ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ให้เหตุผลว่าข้อความในคลิปวิดีโอของจำเลยเป็นการดูหมิ่น-หมิ่นประมาทกษัตริย์ สามารถนำหลักการตาม มาตรา6 ของรัฐธรรมนูญมาเป็นเหตุผลได้ และไม่สามารถอ้างการติชมโดยสุจริตเป็นเหตุยกเว้นความผิดได้</p>
<p>ศูนย์ทนายความฯ ยังรายงานอีกว่า เมื่อเวลา 12.30 น. ศาลจังหวัดยะลามีคำสั่งอนุญาตให้พรชัยประกันตัวระหว่างฎีกา โดยให้เพิ่มหลักประกันอีกครึ่งหนึ่งจากที่เคยวางไว้ในระหว่างอุทธรณ์ คือเพิ่มอีกจำนวน 112,500 บาท โดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์</p>
<p>พรชัย เป็นชาวปกาเกอะญา จากตำบลแม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน เขาถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จำนวน 2 คดี โดย 1 คดีที่ สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และ 1 คดีที่ สภ.บังนังสตา จ.ยะลา และยังมีคดีการจากเข้าร่วมชุมนุมที่ กทม. อีก 3 คดี รวมเป็น 5 คดี</p>
<div class="more-story">
<p>ไม่ให้ประกัน หลังศาลสั่งจำคุก 12 ปี ชาวปกาเกอะญอ คดี ม.112 โพสต์สื่อถึงความเป็นกลางของกษัตริย์</p>
</div>
<p>คดีที่จังหวัดยะลา พรชัย ถูกตำรวจจาก สภ.บันนังสตา เดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เมื่อต้นปี 2564 ก่อนจะต้องเดินทางไปต่อสู้คดีที่ศาลจังหวัดยะลา จนเมื่อ ธ.ค. 2565 เขาถูกศาลจังหวัดยะลาพิพากษาจำคุก 3 ปี จากกรณีโพสต์คลิปวิดีโอเล่าถึงสถานการณ์และข้อเรียกร้องทางการเมืองในช่วง ต.ค. 2563 โดยที่เห็นว่าเขาให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาจึงลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา โดยพรชัย ได้รับการประกันตัวในระหว่างต่อสู้คดี</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106205
 
หน้า:  1 ... 248 249 [250] 251 252 ... 1128
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 4.719 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 23:34:29