ประวัติ ปืนพญาตานี ตอนที่ถูกนำมากรุงเทพฯ ตำนานการสร้างขอยกเสียไม่ขอกล่าวถึง เพราะมีหลากหลายเหลือเกิน เสียแต่ว่าเป็นแค่ ตำนานปราศจากหลักฐานยืนยันใด ๆ
พ.ศ. 2329 พม่ายกทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ ได้นครศรีธรรมราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เสด็จยกทัพหลวงลงมาปราบ เมื่อตีทัพพม่าแตกลงแล้ว หัวเมืองที่เคยแข็งขืนมาแต่ก่อนก็ให้มาอ่อนน้อมดังเดิม มีพระยาไทรบุรี พระยาตรังกานู แต่ปรากฏว่าพระยาปัตตานียังแข็งขืนดื้อดึง ไม่อ่อนน้อมต่อสยาม จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดทัพไปตีเมืองปัตตานีและยึดเมืองได้สำเร็จ ผมขอตั้งข้อสังเกตเองว่า ชะรอยพระยาปัตตานีคงจะต้องการทดลองปืนใหญ่ของตัวเองด้วยกระมัง จึงกล้าแข็งเมือง
หลังจากยึดเมืองปัตตานีได้แล้ว กรมพระราชวังบวรฯ ทรงรับแจ้งว่าพบปืนใหญ่ 2 กระบอก จึงโปรด ฯ ให้นำปืนทั้ง 2 กระบอกกลับกรุงเทพ ฯ เพื่อตัดรอนไม่ให้ปัตตานีแข็งเมืองได้อีกต่อไปแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พวกกองทัพเข็นปืนทองเหลืองใหญ่ในเมืองปัตตานี 2 กระบอกลงเรือรบ แต่ปืนกระบอกหนึ่งตกน้ำเสียที่ท่า หน้าเมืองปัตตานี ได้ไปแต่กระบอกเดียว คือปืนนางพระยาปัตตานีเดี๋ยวนี้ พงศาวดารเมืองสงขลา ประชุมพงศาวดารภาคที่ 3 ก้าวหน้า 2507
ปืนกระบอกที่ 2 คือ ศรีนัครี นั้น พงศาวดารเมืองปัตตานีกล่าวไว้ต่างกัน คือไม่ได้ตกน้ำหายไป แต่จมหายไปทั้งเรือ
ปืนกระบอกที่ 1 ชื่อนางปัตตานีนั้น ออกไปถึงเรือหลวงก่อน ได้ยกปืนขึ้นบนเรือหลวงเสร็จแล้ว เรือที่บรรทุกปืนกระบอกที่ 2 ซึ่งชื่อศรีนัครีตกอยู่ข้างหลัง เกิดพายุ เรือที่บรรทุกปืนกระบอกที่ 2 ชื่อศรีนัครีล่มลงปืนก็จมสูญหายไปด้วย
ส่วนปืนกระบอกที่ 3 ชื่อ มหาเลลา นั้น ไม่มีหลักฐานใด ๆ กล่าวถึงหายสาบสูญไปเฉย ๆ เอกสารบางฉบับอ้างว่าแตกขณะรบกับกองทัพของปลัดจะนะ ทัพหน้าของกรมพระราชวังบวร ฯ
เมื่อปืนพญาตานี้เดินทางมาถึงกรุงเทพ ฯ ในปี พ.ศ. 2329 กรมพระราชวังบวร ฯ กราบบังคมทูลถวายปืนใหญ่แด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พร้อมทั้งน้อมเกล้า ฯ ถวายครัวแขก พม่าเชลย และเครื่องศาสตราวุธต่าง ๆ ที่ตีได้เป็นอันมาก
.........................ปืนพญาตานีอยู่ตรงนี้..............................
ปืนกระบอกใหญ่ที่ได้มาแต่เมืองตานีนั้น ก็โปรดให้แก้ไขตกแต่งลวดลายท้ายสังข์ขัดสีเสียใหม่ ให้จารึกนามลงไว้กับบอกปืนว่า พญาตาณี แล้วให้ทำโรงไว้ที่ข้างหน้าศาลาลูกขุนในฝ่ายขวา พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ โดย เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ กรมศิลปากร 2531
จากนั้นก็โปรดให้หล่อปืนขึ้นคู่กับปืนพญาตานี อีกกระบอกหนึ่ง ที่โรงหล่อริมถนน ประตูวิเศษไชยศรี พระราชทานชื่อว่า นารายณ์สังหาร และโปรดให้หล่อปืนขึ้นอีก 6 กระบอก ทำโรงขึ้นไว้เป็นคู่ ๆ กันข้างประตูวิเศษไชยศรี ภายหลังจึงได้ย้ายมาไว้ที่หน้ากระทรวงกลาโหมอย่างในปัจจุบัน
ทุกวันนี้จังหวัดปัตตานียังคงใช้สัญลักษณ์ปืนพญาตานีเป็นตราประจำจังหวัดอยู่
จากหนังสือ ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 25 ฉบับที่ มกราคม ปี 2547