[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 20:18:13 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ในอดีตพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นอย่างไรลองชมดู  (อ่าน 8043 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:27:29 »

ภาพเก่ากระทู้นี้ขอนำเสนอสิ่งก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 บริเวณลานหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทซึ่งในปัจจุบันไม่มีสิ่งก่อสร้างนี้ให้เห็นอีกแล้วจากแปลนแผ่นที่ พระบรมมหาราชวัง ส่วนของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พบว่าบริเวณรักแร้พระมหาปราสาท มีอาคารขนาดเล็ก 2 หลังกระหนาบซ้ายและขวา สีน้ำเงิน และสิ่งก่อสร้างหน้าพระที่นั่ง ฯ ระหว่างอาคารทิมดาบ พื้นที่สีแดง ชี้ชัดว่าเคยมีอาคารและสิ่งก่อสร้างอยู่ มาดูรายละเอียดกันเลย

<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/05.%20Track%205.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/05.%20Track%205.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/05.%20Track%205.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 กุมภาพันธ์ 2553 10:11:37 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:29:16 »


เริ่มจากบริเวณพื้นที่สีน้ำเงินเริ่มจาก Le Journal Illustre ตีพิมพ์ภาพพระบรมมหาราชวัง ส่วนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และเบื้องขวามือเป็นบริเวณส่วนของหมู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งพบว่ามีการวาดอาคารขนาดเล็ก ตั้งอยู่หน้าพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทอยู่ด้วย ส่วนสิ่งก่อสร้างหน้ากลางทิมดาบไม่เห็น.............................

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:31:35 »



......................ซึ่งภาพที่ฝรั่งนำไปตีพิมพ์ คงนำภาพถ่ายจากต้นฉบับนี้ไปตีพิมพ์.......................

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:34:03 »



ภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จลงพร้อมพระราชโอรส และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงฉายภาพในคราวงาน กงเต็ก
ที่ลานพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งเห็นอาคารขนาดเล็กด้านซ้ายพระที่นั่งดุสิต ฯ


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:35:38 »



..................................มุมด้านขวา..............................

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:45:17 »



คำถามต่อมาคือ อาคารนี้สร้างขึ้นเมื่อใด ? และถูกรื้อลงเมื่อไร ? และมีวัตถุประสงค์การใช้อาคารอย่างไรบ้าง ?
สำหรับการก่อสร้างอาคารนี้จากพระราชพงศาวดารสิ่งก่อสร้างซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ไม่พบการก่อสร้าง แต่ภาพที่นำมาแสดงนี้เห็นว่า ในรัชกาลที่ 4 มีอาคารแห่งนี้แล้ว ซึ่งเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ในงานพระราชพิธีโสกัณฑ์พระเจ้าลูกยาเธอ ต่อมาคือรัชกาลที่ 5 ให้สังเกตุดูฉากเบื้องหลังจะเห็นการมุงกระเบื้องหลังคาแห่งนี้...................................
สำหรับการรื้อสิ่งก่อสร้างนี้มีประวัติชัดเจน ระบุว่าถูกรื้อลงในสมัยรัชกาลที่ 6 เนื่องจากทรงบูรณะหมู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีการสร้างอาคารบนกำแพงแก้ว พร้อมทั้งก่อสร้างอัฒจรรย์ บันได เชื่อมระหว่างพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท กับพระทวารพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เนื่องจากทรงมีพระราชดำริว่าเพื่อความสะดวกในการเสด็จออก เนื่องจากจะได้ไม่ลงจากพระที่นั่งและเสด็จขึ้นไปพระที่นั่งอาภรณ์ ฯ อีกทอดหนึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่พระราชพิธีด้วยซึ่งเมื่อก่อ สร้างทางเดินและอัฒจรรย์แล้วพบว่าอาคารหลังน้อยนี้ เป็นที่เก็บสิ่งของจุกจิกเกี่ยวกับพระราชพิธีต่าง ๆ กีดขวางพร้อมทั้งทำให้ลานมีความคับแคบจึงให้รื้ออาคารดังกล่าวลงซึ่งเป็นที่มาของคำถามดังกล่าว..........................................


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:47:31 »



ต่อมาแล้วเจ้าพื้นที่สีแดงคืออะไร ? เคยมีสิ่งก่อสร้างตรงนี้ด้วยหรือ ?
และได้ค้นพบในหนังสือเก่าเกี่ยวกับสยาม เห็นภาพลายเส้นมองจากประตูทางเข้า
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พร้อมปืนใหญ่ประจันหน้าตามภาพ..................................................


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:50:23 »



จากภาพคงเป้นคำตอบแล้วคือ ปืนใหญ่ ตั้งอยู่ปากประตูทางเข้านั่นเองคำถามต่อมา คือ ปืนใหญ่อะไร ? มาเมื่อไร ?และรื้อออกเมื่อไร?

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:52:41 »



พื้นที่สีแดงดังกล่าวคือ.....ฐานปูนสี่เหลี่ยมไว้รองรับปืนใหญ่ จากภาพนี้คงเห็นชัดเจนขึ้นว่าเป็น
ปืนใหญ่นางพญาตานี นั่นเอง ซึ่งตามพงศาวดารได้นำมากรงเทพ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 แล้ว แต่ตั้งที่นี้หรือไม่
แต่ว่าปืนใหญ่นี้ ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ถูกนำออกไปจากบริเวณดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 09:54:23 »



................................ปืนนางพญาตานี...นำมาเทียบประกอบ..................................

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553 10:04:04 »

ประวัติ ปืนพญาตานี ตอนที่ถูกนำมากรุงเทพฯ ตำนานการสร้างขอยกเสียไม่ขอกล่าวถึง เพราะมีหลากหลายเหลือเกิน เสียแต่ว่าเป็นแค่ ตำนานปราศจากหลักฐานยืนยันใด ๆ
พ.ศ. 2329 พม่ายกทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ ได้นครศรีธรรมราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เสด็จยกทัพหลวงลงมาปราบ เมื่อตีทัพพม่าแตกลงแล้ว หัวเมืองที่เคยแข็งขืนมาแต่ก่อนก็ให้มาอ่อนน้อมดังเดิม มีพระยาไทรบุรี พระยาตรังกานู แต่ปรากฏว่าพระยาปัตตานียังแข็งขืนดื้อดึง ไม่อ่อนน้อมต่อสยาม จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดทัพไปตีเมืองปัตตานีและยึดเมืองได้สำเร็จ ผมขอตั้งข้อสังเกตเองว่า ชะรอยพระยาปัตตานีคงจะต้องการทดลองปืนใหญ่ของตัวเองด้วยกระมัง จึงกล้าแข็งเมือง
หลังจากยึดเมืองปัตตานีได้แล้ว กรมพระราชวังบวรฯ ทรงรับแจ้งว่าพบปืนใหญ่ 2 กระบอก จึงโปรด ฯ ให้นำปืนทั้ง 2 กระบอกกลับกรุงเทพ ฯ เพื่อตัดรอนไม่ให้ปัตตานีแข็งเมืองได้อีกต่อไปแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พวกกองทัพเข็นปืนทองเหลืองใหญ่ในเมืองปัตตานี 2 กระบอกลงเรือรบ แต่ปืนกระบอกหนึ่งตกน้ำเสียที่ท่า หน้าเมืองปัตตานี ได้ไปแต่กระบอกเดียว คือปืนนางพระยาปัตตานีเดี๋ยวนี้ พงศาวดารเมืองสงขลา ประชุมพงศาวดารภาคที่ 3 ก้าวหน้า 2507
ปืนกระบอกที่ 2 คือ ศรีนัครี นั้น พงศาวดารเมืองปัตตานีกล่าวไว้ต่างกัน คือไม่ได้ตกน้ำหายไป แต่จมหายไปทั้งเรือ
ปืนกระบอกที่ 1 ชื่อนางปัตตานีนั้น ออกไปถึงเรือหลวงก่อน ได้ยกปืนขึ้นบนเรือหลวงเสร็จแล้ว เรือที่บรรทุกปืนกระบอกที่ 2 ซึ่งชื่อศรีนัครีตกอยู่ข้างหลัง เกิดพายุ เรือที่บรรทุกปืนกระบอกที่ 2 ชื่อศรีนัครีล่มลงปืนก็จมสูญหายไปด้วย
ส่วนปืนกระบอกที่ 3 ชื่อ มหาเลลา นั้น ไม่มีหลักฐานใด ๆ กล่าวถึงหายสาบสูญไปเฉย ๆ เอกสารบางฉบับอ้างว่าแตกขณะรบกับกองทัพของปลัดจะนะ ทัพหน้าของกรมพระราชวังบวร ฯ
เมื่อปืนพญาตานี้เดินทางมาถึงกรุงเทพ ฯ ในปี พ.ศ. 2329 กรมพระราชวังบวร ฯ กราบบังคมทูลถวายปืนใหญ่แด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พร้อมทั้งน้อมเกล้า ฯ ถวายครัวแขก พม่าเชลย และเครื่องศาสตราวุธต่าง ๆ ที่ตีได้เป็นอันมาก


.........................ปืนพญาตานีอยู่ตรงนี้..............................


ปืนกระบอกใหญ่ที่ได้มาแต่เมืองตานีนั้น ก็โปรดให้แก้ไขตกแต่งลวดลายท้ายสังข์ขัดสีเสียใหม่ ให้จารึกนามลงไว้กับบอกปืนว่า พญาตาณี แล้วให้ทำโรงไว้ที่ข้างหน้าศาลาลูกขุนในฝ่ายขวา พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ โดย เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ กรมศิลปากร 2531
จากนั้นก็โปรดให้หล่อปืนขึ้นคู่กับปืนพญาตานี อีกกระบอกหนึ่ง ที่โรงหล่อริมถนน ประตูวิเศษไชยศรี พระราชทานชื่อว่า  นารายณ์สังหาร และโปรดให้หล่อปืนขึ้นอีก 6 กระบอก ทำโรงขึ้นไว้เป็นคู่ ๆ กันข้างประตูวิเศษไชยศรี ภายหลังจึงได้ย้ายมาไว้ที่หน้ากระทรวงกลาโหมอย่างในปัจจุบัน


ทุกวันนี้จังหวัดปัตตานียังคงใช้สัญลักษณ์ปืนพญาตานีเป็นตราประจำจังหวัดอยู่


จากหนังสือ ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 25 ฉบับที่ มกราคม ปี 2547

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 กุมภาพันธ์ 2553 10:09:32 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2553 21:39:43 »

สาธุครับ

ข้อมูลดี ๆ ที่หาอ่านยาก

(หลาย ๆ คนไม่เคยคิดจะสนใจเลยด้วยซ้ำ)

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
ริต้าร์
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 6
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Haiti Haiti

กระทู้: 50


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2553 14:39:39 »

เป็นพระที่นั่งที่งดงามยิ่งนัก
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.21 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 04 เมษายน 2567 12:01:55