[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
21 พฤษภาคม 2567 04:01:12 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  [1] 2 3 ... 10
 1 
 เมื่อ: 2 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
ครูตัวสั่น ตรวจเรียงความย่อหน้าเดียว รีบโทรแจ้ง ตร.จับกุม "นักเรียน" ฆาตกรสุดเหี้ยม
         


ครูตัวสั่น ตรวจเรียงความย่อหน้าเดียว รีบโทรแจ้ง ตร.จับกุม "นักเรียน" ฆาตกรสุดเหี้ยม" width="100" height="100  แค่อ่านก็ตัวสั่น... ครูตรวจเรียงความย่อหน้าเดียว รีบโทรแจ้ง ตร.จับกุม "นักเรียน" ฆาตกรสุดเหี้ยม 2 ศพ
         

https://www.sanook.com/news/9351670/
         

 2 
 เมื่อ: 4 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
หวยลาววันนี้ 20 พฤษภาคม 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร
         


หวยลาววันนี้ 20 พฤษภาคม 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร" width="100" height="100  ลุ้นสด หวยลาววันนี้ 20/5/67 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 20 พ.ค. 67 หวยลาวย้อนหลัง หวยลาว 6 ตัว วันนี้ออกอะไร งวด 20 พฤษภาคม 2567
         

https://www.sanook.com/news/9388186/
         

 3 
 เมื่อ: 7 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
สาวอวดรถโบราณล้ำค่า แต่หนุ่มๆ คอมเมนต์หลุดโฟกัส เจ้าตัวต้องมาดึงสติ อย่าทะลึ่ง!
         


สาวอวดรถโบราณล้ำค่า แต่หนุ่มๆ คอมเมนต์หลุดโฟกัส เจ้าตัวต้องมาดึงสติ อย่าทะลึ่ง!" width="100" height="100  สาวอวดรถโบราณคันเก่ง แต่หนุ่มๆ มองแล้วหลุดโฟกัส เจ้าตัวต้องมาดึงสติ อย่าทะลึ่ง!
         

https://www.sanook.com/news/9388374/
         

 4 
 เมื่อ: 9 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
กรมหม่อนไหมร่วมติดตามการลงพื้นที่ของคณะรมต.เกษตรและสหกรณ์ที่อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน
         


กรมหม่อนไหมร่วมติดตามการลงพื้นที่ของคณะรมต.เกษตรและสหกรณ์ที่อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน" width="100" height="100  พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย อธิบดีกรมหม่อนไหม พร้อมด้วยนายศรัญญู พูลลาภ รองอธิบดีกรมหม่อนไหม นายพิชัย เชื้องาม ผู้อำนวยการสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 1
         

https://www.sanook.com/news/9388382/
         

 5 
 เมื่อ: 10 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng



พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๙๐ กุททานชาดก
กุททาลมหาบัณฑิต

          พระจิตหัตถสารีบุตร เป็นเด็กที่เกิดในตระกูลผู้หนึ่งในนครสาวัตถี อยู่มาวันหนึ่งไถนาแล้ว ขากลับเข้าไปสู่วัด ได้โภชนะอาหารประณีตอร่อยมีรสสนิทจากบาตรพระเถระองค์หนึ่ง คิดว่า ถึงแม้เราจะกระทำงานต่างๆ ด้วยมือของตนตลอดคืนตลอดวันก็ยังไม่ได้อาหารอร่อยอย่างนี้ แม้เราก็สมควรจะเป็นสมณะ ดังนี้
          เขาบวชแล้วอยู่มาได้ประมาณครึ่งเดือน เมื่อไม่ใส่ใจโดยแยบคาย ตกไปในอำนาจกิเลส สึกไป พอลำบากไม่มีอาหารจะกิน ก็มาบวชอีก เรียนพระอภิธรรมด้วยอุบายนี้ สึกแล้วบวชถึง ๖ ครั้ง  ในความเป็นภิกษุครั้งทึ่ ๗ เป็นผู้ทรงพระอภิธรรม ๗ พระคัมภีร์ ได้บอกธรรมแก่ภิกษุเป็นอันมาก บำเพ็ญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหันต์แล้ว ครั้งนั้นภิกษุผู้เป็นสหายของท่านพากันเยาะเย้ยว่า อาวุโส จิตหัตถ์ เดี๋ยวนี้กิเลสทั้งหลายของเธอ ไม่เจริญเหมือนเมื่อก่อนดอกหรือ?
          ท่านตอบว่า “ผู้มีอายุ ตั้งแต่บัดนี้ไป ผมไม่เหมาะเพื่อความเป็นคฤหัสถ์”
          ก็เมื่อท่านบรรลุพระอรหัตถ์อย่างนี้แล้ว เกิดโจทย์กันขึ้นในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่ออุปนิสัยแห่งพระอรหันต์เห็นปานนี้มีอยู่ ท่านพระจิตหัตถสารีบุตรต้องสึกถึง ๖ ครั้ง  โอ! ความเป็นปุถุชนมีโทษมากดังนี้  พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า
          “ขึ้นชื่อว่าจิตของปุถุชนข่มได้ยากคอยไปติดด้วยอำนาจแห่งอารมณ์ ลงติดเสียครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่อาจปลดเปลื้องได้โดยเร็ว การฝึกฝนจิตเห็นปานนี้เป็นความดี จิตที่ฝึกฝนดีแล้วเท่านั้น จะนำประโยชน์เกื้อกูลและความสุขมาให้” แล้วตรัสว่า “การฝึกฝนจิต ที่ข่มได้ยาก มีปกติตกไปตามอารมณ์ที่ปรารถนาเป็นการดี เพราะจิตที่ฝึกฝนแล้วย่อมนำสุขมาให้ ”
          มุ่งบรรพชา เสด็จออกทรงผนวชพร้อมด้วยพลนิกาย พวกเราจักทำอะไรกันในเมืองนี้ ดังนี้แล้ว บรรดาผู้อยู่ในพระนครทั้งนั้นต่างพากันเดินทางออกจากกรุงพาราณสี อันมีระยะทางประมาณได้ ๑๒ โยชน์ บริษัทก็ได้มีระยะทาง ๑๒ โยชน์ พระโพธิสัตว์พาบริษัทนั้นเข้าป่าหิมพานต์
          ในขณะนั้นอาสนะที่ประทับนั่งของท้าวสักกเทวราชสำแดงอาการร้อน ท้าวเธอทรงตรวจดูทอดพระเนตรเห็นว่า กุททาลบัณฑิตออกสู่มหาภิเนกษกรม แล้วทรงพระดำริว่า จักเป็นมหาสมาคม ควรที่ท่านจะได้สถานที่อยู่ แล้วตรัสเรียกวิสสุกรรมเทพบุตรมา ตรัสสั่งว่า พ่อวิสสุกรรม กุททาลบัณฑิตกำลังออกสู่มหาภิเนกษกรม ท่านควรจะได้ที่อยู่ ท่านจงไปป่าหิมพานต์ เนรมิตอาศรมบถยาว ๓๐ โยชน์ กว้าง ๑๕ โยชน์ ณ ภูมิภาคอันราบรื่น
          วิสสุกรมเทพบุตร รับเทวบัญชรว่า “ข้าแต่เทพเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าจะกระทำให้สำเร็จดังเทวบัญชา” แล้วไปทำตามนั้น 
          ฝ่ายวิสสุกรรมเทพบุตร เนรมิตบรรณศาลาในอาศรมบถแล้วก็ขับไล่ เนื้อ นก และอมนุษย์ที่มีเสียงชั่วร้ายไปเสี่ย แล้วเนรมิตหนทางเดินแคบๆ ตามทิสาภาคนั้นๆ เสร็จแล้ว เสด็จกลับไปยังวิมานอันเป็นสถานที่อยู่ของตนทันที
          ฝ่ายกุททาลบัณฑิตพาบริษัทเข้าสู่ป่าหิมพานต์ ลุถึงอาศรมบถที่ท้าวสักกะทรงประทาน ถือเอาเครื่องบริขารแห่งบรรพชิตที่วิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตไว้ให้ บวชตนเองก่อนให้บริษัทบวชทีหลัง จัดแจงแบ่งอาศรมบถให้อยู่กันตามสมควร มีพระราชาอีก ๗ พระองค์ สละราชสมบัติ ๗ พระนคร (ติดตามมาทรงผนวชด้วย) อาศรมบถ ๓๐ โยชน์ เต็มบริบูรณ์  กุททาลบัณฑิตทำบริกรรมในกสิณที่เหลือ เจริญพรหมวิหารธรรม บอกกรรมฐานแก่บริษัท บริษัททั้งปวงล้วนได้สมาบัติ เจริญพรหมวิหารแล้วพากันไปสู่พรหมโลกทั่วกัน ส่วนประชาชนที่บำรุงพระดาบสเหล่านั้น ก็ล้วนได้ไปสู่เทวโลก
   

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“เป็นคนควรฝึกหัดพัฒนาตนจนเอาดีให้ได้”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละประเสริฐที่สุด (๒๕/๒๔)

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
บัณฑิตย่อมฝึกตน (๓๕/๒๒)

อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ
มีตนที่ฝึกดีแล้วนั่นแหละ คือได้ที่พึ่งที่หาได้ยาก (๒๕/๓๑)

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม

 6 
 เมื่อ: 10 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng



พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๘๙ วีณาถูณชาดก
ธิดาเศรษฐีกับชายค่อม

          ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลเศรษฐีในตำบลหนึ่ง เมื่อเจริญวัยแล้วก็มีครอบครัว ครั้นลูกชายเจริญวัยแล้วจึงได้สู่ขอธิดาของเศรษฐีกรุงพาราณสีมาให้เป็นภริยา กำหนดวันกันเรียบร้อยแล้ว ธิดาเศรษฐีเห็นเครื่องแต่งตัว เครื่องบูชาโค ที่เรือนของตน จึงถามพี่เลี้ยงว่า “สัตว์นี้ชื่ออะไร” พี่เลี้ยงตอบว่า “ชื่อโคอุสภราช”
          “สัตว์ตัวผู้หลังโหนกนูนเช่นนี้ประเสริฐอย่างไร จึงได้ทำบูชาถึงปานนี้”
          “นี่เป็นโคพันธุ์ดี มีความองอาจประดุจนักรบผู้สามารถเจ้าข้า จึงได้ยกย่องเป็นมงคลแก่ชีวิต”
          ธิดารับฟังพี่เลี้ยงแล้วก็จดจำไว้
          ธิดาเศรษฐีเห็นชายค่อมเดินอยู่ระหว่างถนน คิดว่าชายคนนี้คงเป็นชายที่มีบุญ จึงถือห่อของมีค่าหนีไปกับชายค่อมนั้น ฝ่ายเศรษฐีคิดว่าจะไปตามลูกสาวกลับ จึงนำบริวารออกตามหาไปยังกรุงพาราณสี
          ฝ่ายชายค่อมกับธิดาเศรษฐี ทั้งคู่นั้นเดินทางกันตลอดคืน ชายค่อมซึ่งถูกความหนาวเบียดเบียนตลอดคืนได้เกิดโรคลมกำเริบขึ้นในร่างกาย  ในเวลาอรุณขึ้น เกิดทุกขเวทนาสาหัส เขาจึงแวะลงจากทาง ทนทุกขเวทนา นอนขดตัวเหมือนตัวกุ้ง ฝ่ายธิดาเศรษฐีก็นั่งอยู่ที่ใกล้เท้าของเขา เศรษฐีเห็นธิดาเศรษฐีนั่งอยู่ที่ใกล้เท้าชายค่อม เขาจำได้จึงเข้าไปหา เมื่อจะสนทนากับธิดา เศรษฐีกล่าวว่า “เรื่องนี้เจ้าคิดคนเดียว บุรุษเตี้ยค่อมผู้โง่เขลานี้จะนำทางไปไม่ได้แน่ เจ้าไม่สมควรจะไปกับบุรุษเตี้ยค่อมผู้นี้เลย”
          ธิดาเศรษฐีฟังคำของเศรษฐีแล้วกล่าวว่า “ดิฉันเข้าใจว่าบุรุษค่อมเป็นผู้องอาจ จึงได้รักใคร่ บุรุษค่อมผู้นี้นอนตัวงออยู่ ดุจคันพิณที่มีสายขาดแล้ว ฉะนั้น”  เศรษฐีเกิดความสงสารในธิดา ทราบว่านางปลอมตัวหนีมา จึงให้อาบน้ำแต่งตัวขึ้นรถกลับไปยังเรือนของตน
   

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ใฝ่ดีจะมีแต่ความสุขความเจริญ ใฝ่ชั่วจะได้รับความลำบาก”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ ปาปา จิตฺตํ นิวารเย
ควรใฝ่หาความดี ยับยั้งใจไม่ให้ยินดีความชั่ว (๒๕/๒๖)

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม

 7 
 เมื่อ: 10 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng



พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๘๘ ตินทุกชาดก
พญาวานรเจ้าปัญญา

          ในอีดตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดเป็นวานร มีบริวารแปดหมื่นอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
          ป่าหิมพานต์นั้นมีบ้านชายแดนแห่งหนึ่ง บางครั้งก็มีคนอยู่ บางครั้งก็ไม่มีคนอยู่ ในท่ามกลางหมู่บ้านนั้นมีต้นมะพลับต้นหนึ่ง กิ่งก้านและค่าคบบริบูรณ์ มีผลอร่อย  ฝูงลิงพากันมากินมะพลับนั้นในเวลาที่ไม่มีคนอยู่ ต่อมาถึงฤดูออกผลอีก บ้านนั้นได้กลับมาเป็นที่อยู่ของมนุษย์เรียงรายไปด้วยต้นอ้อ ประกอบไปด้วยประตู แม้ต้นไม้นั้นก็ออกผลกิ่งลู่น้อมลง ฝูงลิงคิดว่า เมื่อก่อนเรากินผลมะพลับที่บ้านโน้น บัดนี้มะพลับต้นนั้นมีผลหรือยังหนอ แล้วจะมีคนอยู่บ้านไหมหนอ
          ครั้นคิดดังนั้นแล้ว จึงส่งลิงไปตัวหนึ่ง โดยกล่าวว่าเจ้าจงไปสืบดูที ลิงนั้นไปสืบดูก็รู้ว่าไม้นั้นออกผล และบ้านมีผู้คนจับจองอยู่ จึงกลับมาบอกแก่พวกลิง พวกลิงได้ฟังว่าต้นไม้นั้นออกผล เกิดความพยายามว่าจักกินผลมะพลับอันโอชา จึงบอกความนั้นแก่พญาวานร
          พญาวานรถามว่า “บ้านมีคนอยู่หรือไม่”
          มันบอกว่า “มีจ้ะนาย”
          พญาวานรบอกว่า “ถ้าเช่นนั้นไม่ควรไป เพราะพวกมนุษย์มีเล่ห์กะเท่มาก”
          พวกลิงกล่าวว่า “เราจักกินตอนเที่ยงคืนในเวลาที่มนุษย์นอนหลับสนิท”
          ครั้นพญาวานรรับรู้แล้ว จึงลงจากป่าหิมพานต์ คอยเวลาที่พวกมนุษย์หลับสนิท นอนอยู่บนหลังแผ่นหินใหญ่ไม่ไกลหมู่บ้านนั้น ผู้คนหลับกันหมดแล้ว จึงพากันขึ้นไปกินผลไม้
          ชายคนหนึ่งออกจากเรือนจะไปถ่ายอุจจาระ เดินถึงกลางบ้านเห็นฝูงลิง จึงตะโกนบอกพวกเพื่อนบ้าน พวกเพื่อนบ้านจำนวนมากมายสอดธนูและลูกศร ถืออาวุธต่างๆ ทั้งก้อนดินและท่อนไม้ เป็นต้น พากันยืนล้อมต้นไม้ตอนรุ่งสว่างด้วยความหวังว่าจักจับฝูงลิงให้ได้
          ฝูงลิงแปดหมื่นตัวเห็นพวกมนุษย์ก็ตกใจกลัวตาย พากันไปหาพญาวานร รายงานเหตุการณ์ให้ทราบว่า พวกมนุษย์มีอาวุธครบมือมาล้อมพวกเราไว้หมดแล้ว
          พญาวานรได้ฟังคำของพวกลิงเหล่านั้นแล้วปลอบพวกลิงว่า “เจ้าอย่ากลัวเลย ขึ้นชื่อว่ามนุษย์มีการงานมาก แม้ตอนนี้ก็พึ่งมัชฌิมยาม บางทีเมื่อพวกมนุษย์ล้อมเราไว้พยายามจะฆ่า แต่ระหว่างนั้นพวกเขาก็อาจมีธุระยุ่งๆ ที่ต้องไปทำอยู่เหมือนกัน  ฉะนั้น จึงยังพอมีทางที่พวกเจ้าจะเด็ดผลมะพลับกินกันได้”
          พญาวานรปลอบฝูงลิงไว้อย่างนั้น เพราะว่าถ้าพวกมันไม่ได้การปลอบใจเช่นนี้ ทั้งหมดจะหัวใจแตกถึงแก่ความตาย จากนั้นพญาวานรปลอบฝูงวานรอย่างนี้แล้วกล่าวว่า “พวกเจ้านับลิงทั้งหมดดูที”
          เมื่อพวกมันนับก็ไม่เห็นวานรชื่อเสนกะ ซึ่งเป็นหลานพญาวาน จึงแจ้งว่าเสนกะไม่มา
          พญาวานรกล่าวว่า “หากเสนกะไม่มา พวกเจ้าไม่ต้องกลัว เสนกะนั้นจักทำความปลอดภัยให้แก่พวกเจ้าในบัดนี้”
          เสนกะหลับในเวลาที่ฝูงลิงมาก ภายหลังตื่นขึ้นไม่เห็นใครๆ จึงเดินตามรอยเท้ามา ครั้นเห็นพวกมนุษย์ จึงรู้ว่าภัยเกิดขึ้นแก่ฝูงลิงเสียแล้ว จึงไปหาหญิงแก่ซึ่งดามไฟกรอด้ายอยู่ท้ายเรือนแห่งหนึ่ง แล้วทำเป็นเด็กชาวบ้านเดินไปหา คว้าคบไฟดุ้นหนึ่งวิ่งไปจุดบ้านซึ่งตั้งอยู่เหนือลม พวกมนุษย์พากันผละพวกลิงไปดับไฟ ลิงทั้งหลายก็พากันหนีเก็บผลไม้ได้ตัวละผล เพื่อนำไปให้เสนกะ แล้วพากันหนีไป
   

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“อุบายช่วยให้รอดได้ในยามวิกฤต”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ   ขิปปเมว นิโพธติ
มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา  กุกฺกุโฏว วิฬาริยา ฯ

ผู้ที่รู้เท่าทันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ฉับพลัน  ย่อมพ้นจากการเบียดเบียนของศัตรูได้
เหมือนไก่พ้นจากเงื้อมมือของแมว (๒๗/๙๐๔)

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม

 8 
 เมื่อ: 10 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng



พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๘๗ มหาปทุมชาดก
มหาปทุมกุมาร

          ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในครรภ์พระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต พระนามว่า ปทุมกุมาร ครั้นเจริญวัยแล้วไปเรียนศิลปวิทยาทั้งปวงสำเร็จแล้วกลับมา
          ในเวลาต่อมาพระชนนีของพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ พระราชาก็ได้แต่งตั้งหญิงอื่นเป็นอัครมเหสี แล้วพระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่พระโอรส ขณะนั้นพระราชาเสด็จไปปราบปัจจันตประเทศ ทรงรับสั่งกะพระอัครมเหสีว่า “น้องรัก! เธอจงอยู่รอพี่อยู่ที่นี่จนกว่าพี่จะกลับมา”
          “หม่อมฉันจะไม่อยู่ที่นี่ จะขอโดยเสด็จด้วย”
          “เธอจงอย่ากระวนกระวาย อยู่ที่นี่จนกว่าพี่จะมา พี่จะสั่งให้ปทุมกุมารมิให้ลืมกิจการที่ควรกระทำแก่เธอ” แล้วก็ทรงกระทำตามที่ตรัส
          พระราชาเสด็จไปขับไล่ปัจจามิตร ทำชนบทให้สงบราบคาบ แล้วเสด็จกลับมาตั้งค่ายพักอยู่นอกพระนคร ปทุมกุมารทราบว่าพระชนกเสด็จมา จึงเตรียมพิธีต้อนรับ แล้วไปที่ตำหนักพระอัครมเหสีแต่เพียงผู้เดียว พระอัครมเหสีเมื่อเห็นปทุมกุมารก็เกิดหลงรัก
          เมื่อปทุมกุมารถวายบังคมแล้วก็ทูลถามพระนางว่า “พระแม่เจ้าประสงค์สิ่งใด หม่อมฉันจะทำถวายให้”
          ทันใดนั้นพระนางลุกขึ้นจูงมือปทุมกุมารตรัสว่า “เธอจงขึ้นบนพระแท่นที่บรรทมเถิด เราทั้งสองจักรื่นรมย์ด้วยความยินดีในกิเลสชั่วเวลาที่พระราชายังไม่เสด็จมา”
           “ข้าแต่พระแม่เจ้า เสด็จแม่เป็นแม่ของหม่อมฉัน ยังมีพระสวามีอยู่ด้วย ขึ้นชื่อว่าหญิงที่มีผู้หวงแหน หม่อมฉันไม่เคยทำลายอินทรีย์แลดูด้วยอำนาจกิเลสเลย หม่อมฉันจะทำกรรมที่เศร้าหมองถึงเพียงนี้กับพระนางอย่างไรได้”
          นางตรัสถึง ๓ ครั้ง ปทุมกุมารไม่ปรารถนา แล้วทูลถามอีกครั้งว่า “เจ้าจะไม่ทำตามที่เราขอหรือ”
          “หม่อมฉันทำไม่ได้”
          “ถ้าเช่นนั้นเราจะกราบทูลเรื่องนี้แด่พระราชา แล้วให้ตัดศีรษะของท่านเสีย”
          “จงทำตามชอบของพระแม่เจ้าเถิด” แล้วเดินหลีกออกไป ไม่สนใจถ้อยคำของพระนาง
          พระนางรู้สึกวิตกกังวลใจว่าปทุมกุมารจะนำความไปทูลพระราชา ถ้าเป็นเช่นนั้นนางคงไม่รอดแน่ พระนางจึงคิดว่าจะไม่เสวยกระยาหาร นุ่งห่มผ้าเศร้าหมอง แสดงรอยเล็บที่สรีระ แล้วเรียกหญิงสาวใช้มาให้สัญญาว่า ถ้าพระราชาตรัสถามว่าพระเทวีเสด็จไปไหน ท่านทั้งหลายจงทูลว่าเป็นไข้
          เมื่อพระราชาเสด็จกลับมาจึงตรัสถามว่า “พระเทวีไปไหน” ทรงสดับว่าเป็นไข้
          จึงเสด็จเข้าห้องบรรทมถามพระนางว่าไม่สบายหรืออยู่ ๒ ครั้ง ๒ ครา พระนางก็ไม่ตอบ พระราชาตรัสถามซ้ำอีก พระนางจึงทูลความเท็จว่า “บรรดาหญิงที่มีสามีแล้วไม่มีใครเป็นเหมือนหม่อมฉัน พระองค์ทรงแต่งตั้งใครรักษาพระนครแล้วเสด็จไป”
          “ตั้งเจ้าปทุมกุมารโอรสของเรา” พระราชาตอบ
          พระนางทูลความเท็จต่อไปอีกว่า “ปทุมกุมารมายังที่ห้องของหม่อมฉัน แม้หม่อมฉันจะกล่าวว่า แน่ะ พ่อเจ้าอย่าทำอย่างนี้ ฉันเป็นแม่ของเจ้า แต่ปทุมกุมารกล่าวว่า นอกจากเรา คนอื่นชื่อว่าเป็นพระราชาไม่มี เราจะรื่นรมย์ด้วยกันความยินดีแห่งกิเลส แล้วจับมวยผมหม่อมฉันทิ้งไปมา ถ้าไม่ทำตามคำขอก็ทุบตี”
          พระราชาไม่ทรงพิจารณาก่อน สั่งให้ทหารไปจับปทุมกุมารมามัดไว้ ด้วยทรงพระพิโรธ
          เมื่อปทุมกุมารถูกมัดมือไพล่หลัง เอาโซ่คล้องคอ กระทำราวนักโทษประหาร ทุบตีพลาง ลากจูงไปพลาง เขาก็คิดได้ว่านี่เป็นการกระทำของเทวี จึงเดินบ่นว่า “เราไม่ได้ประทุษร้ายพระราชา เราไม่ผิด”
          ชาวเมืองพากันร่ำไห้คร่ำครวญเมื่อรู้ว่าพระราชารับสั่งให้ฆ่าพระมหาปทุมกุมาร
          ขณะนั้นพวกทหารนำพระกุมารไปให้แด่พระราชา พระราชาทอดพระเนตรแล้วไม่อาจข่มพิโรธได้ จึงรับสั่งว่า “กุมารนี้ไม่ใช่พระราชาเลย ทำท่าทีเป็นพระราชา เป็นโอรสของเราทำผิดในพระอัครมเหสี พวกท่านจงจับกุมารนี้ทิ้งในเหวให้ถึงความพินาศเสีย”
          ปทุมกุมารอ้อนวอนร้องขอชีวิตแก่พระชนก และยังขอพระองค์อย่าได้เชื่อคำของผู้หญิง จะทำให้พระองค์พินาศ แต่พระราชาไม่ทรงฟังคำขอนั้น
          พวกผู้ใหญ่ทั้งหมดมีกษัตริย์มหาศาล อำมาตย์ราชเสวก อีกทั้งนางสนมนับหมื่นคน กราบทูลขอชีวิตพระโอรส และขอพระองค์อย่าได้เชื่อคำของผู้หญิง ไม่ทรงพิจารณาก่อนวิสัยพระราชา ต้องใคร่ครวญก่อนจึงกระทำ
          แม้อำมาตย์ราชเสวกทั้งหลาย จะพากันกราบทูลด้วยเหตุต่างๆ ก็ไม่อาจให้พระราชาเชื่อถ้อยคำของตนได้ ฝ่ายพระราชาทรงบังคับให้อำมาตย์จับปทุมกุมารนั้นทื้งลงในเหว
          เมื่อพระราชามีพระราชโองการอย่างนี้แล้ว นางสนมต่างร่ำไห้คร่ำครวญ ชาวพระนครทั้งสิ้นพากันรำพันถึงพระมหาปทุมกุมาร เมื่อมหาชนคร่ำครวญอยู่นั้น พระราชาจึงรับสั่งจับปทุมกุมารเอาพระบาทขึ้นเบื้องบน เอาพระเศียรลงเบื้องล่าง แล้วให้โยนไปในเหว
          ทันใดนั้นด้วยอานุภาพเมตตาภาวนาของปทุมกุมาร เทวดาที่สถิต ณ ภูเขา ได้รองรับพระกุมารไว้แล้วพาไปประทับ ณ เชิงเขาที่อยู่ของพญานาค  พญานาคได้พาไปสู่นาคพิภพ แบ่งสมบัติของตนให้ครึ่งหนึ่ง ปทุมกุมารอยู่นาคพิภพได้หนึ่งปีก็กลับมาแดนมนุษย์
          เมื่อถึงแดนมนุษย์ เข้าป่าหิมพานต์ บวชเป็นฤๅษี ยังฌานและอภิญญาให้เกิด มีผลไม้เป็นอาหาร อาศัยอยู่ที่นั่น
          ครั้งนั้น นายพรานชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งไปถึงที่นั่น จำปทุมกุมารได้ จึงไต่ถามพระฤๅษีว่า “ท่านคือมหาปทุมกุมารมิใช่หรือ”
          พระฤๅษีตอบ “ถูกแล้ว สหาย”
          นายพรานได้นมัสการ แล้วอยู่ที่นั่นสองสามวันแล้วกลับไปยังเมืองพาราณสี เข้าเฝ้ากราบทูลพระราชา พระราชาทรงทราบเรื่องแล้ว ทรงรับสั่งว่าจะเสด็จไป ณ ที่นั้น แวดล้อมไปด้วยอำมาตย์ ตั้งค่ายพักพลอยู่ที่ชายป่า เสด็จไปบรรณศาลา ทอดพระเนตรเห็นพระฤๅษีก็เสด็จเข้าไปไหว้ ประทับนั่งแล้วก็ได้สนทนากัน
          พระราชาตรัสถามพระฤาษีว่า “ทำไมยังมีชีวิตอยู่ ทั้งที่ถูกโยนลงเหวมาแล้ว”
          เมื่อพระฤๅษีทูลว่า “มีพญานาคช่วยเอาไว้”
          จึงตรัสชักชวนให้กลับพระราชวัง แต่ฤาษีปฏิเสธ จึงทูลว่า “บุรุษกลืนกินเบ็ดแล้วปลดเบ็ดที่เปื้อนโลหิตออกได้แล้ว พึงมีความสุขฉันใด อาตมภาพมองเห็นด้วยตนเอง ฉันนั้น”
          เจ้ากล่าวอะไรหนอว่าเป็นเบ็ด เจ้ากล่าวอะไรหนอว่าเบ็ดเปื้อนโลหิต เจ้ากล่าวอะไรหนอว่าปลดออกได้  เราถามเล้ว ขอเจ้าจงบอกความข้อนั้นแก่เรา”
          ฤๅษีทูลว่า “มหาบพิตร อาตมภาพกล่าวกามคุณว่าเป็นเบ็ด กล่าวช้างและม้าว่าติดเปื้อนโลหิต กล่าวถึงการสละได้ว่าปลดออกได้ ขอมหาบพิตรจงทราบอย่างนี้เถิด”
   

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“พระราชา ผู้นำ ต้องทรงธรรม ประเทศและประชาชน จึงจะร่มเย็นเป็นสุขและสร้างสรรค์”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อกฺโกธนสฺส  วิชิเต  ฐิตธมฺมสฺส  ราชิโน
สุขํ  มนุสฺสา  อาเสถ  สีตจฺฉายาย  สํฆเร

ในแว่นแคว้นของราชาผู้มีเมตตา  มีธรรมมั่นคง ประชาชนจะนอนเป็นสุข
เหมือนนอนอยู่ในบ้านของตัว ในร่มเงาอันเย็นสบาย (๒๘/๕๐)

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม

 9 
 เมื่อ: 12 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
พี่พร ปล่อยโฮถูกน้องเวฟบิดเงิน ตอบลึกถึงเรื่องบนเตียง ก่อนโป๊ะแรง เรื่องทะเบียนสมรส!
         


พี่พร ปล่อยโฮถูกน้องเวฟบิดเงิน ตอบลึกถึงเรื่องบนเตียง ก่อนโป๊ะแรง เรื่องทะเบียนสมรส!" width="100" height="100  "พี่พร" ร่ำไห้กลางโหนกระแส เปิดใจยังรัก "น้องเวฟ" สุดหัวใจ แต่กลับถูกหักหลังบิดเงิน พอโฟนอินแล้วโป๊ะแรง เรื่องทะเบียนสมรส!
         

https://www.sanook.com/news/9388206/
         

 10 
 เมื่อ: 14 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
เคราะห์ซ้ำ "เป็กกี้ ศรีธัญญา" บ้านหรูหลาย 10 ล้าน! หลังคาน้ำรั่ว ต้องนอนกับกาละมัง
         


เคราะห์ซ้ำ "เป็กกี้ ศรีธัญญา" บ้านหรูหลาย 10 ล้าน! หลังคาน้ำรั่ว ต้องนอนกับกาละมัง" width="100" height="100  เคราะห์ซ้ำ "เป็กกี้ ศรีธัญญา" เปิดคลิป บ้านหรูหลาย 10 ล้าน! หลังคาน้ำรั่ว หลังเจอฝนตกกระหน่ำ สุดท้ายต้องนอนกับกาละมัง
         

https://www.sanook.com/news/9388018/
         

หน้า:  [1] 2 3 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.083 วินาที กับ 19 คำสั่ง

Google visited last this page 04 เมษายน 2567 20:52:25