[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 พฤษภาคม 2567 13:29:47 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 251 252 [253] 254 255 ... 1128
5041  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "นนกุล" เคียงข้างให้กำลังใจ "แอฟ" พิธีสวดพระอภิธรรม "คุณพ่ออนุสสอนน์" คื เมื่อ: 03 ตุลาคม 2566 03:49:12
"นนกุล" เคียงข้างให้กำลังใจ "แอฟ" พิธีสวดพระอภิธรรม "คุณพ่ออนุสสอนน์" คืนแรก
         


"นนกุล" เคียงข้างให้กำลังใจ "แอฟ" พิธีสวดพระอภิธรรม "คุณพ่ออนุสสอนน์" คืนแรก" width="75" height="75
  นนกุล เคียงข้างให้กำลังใจ แอฟ ทักษอร สวดพระอภิธรรม คุณพ่ออนุสสอนน์ คืนแรก
         

https://www.sanook.com/news/9058506/
         
5042  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - หลังหยุดงานประท้วงใหญ่ สมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา ได้ปรับสัญญาจ้างใหม่อะไรบ้า เมื่อ: 03 ตุลาคม 2566 03:35:05
หลังหยุดงานประท้วงใหญ่ สมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา ได้ปรับสัญญาจ้างใหม่อะไรบ้าง?
 


<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-10-03 01:40</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>จากกรณีที่สมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา (WGA) ทำการหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนกระทั่งล่าสุดเมื่อปลายเดือนกันยายน ก็เริ่มได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อตกลงการจ้างงานใหม่ที่มีการเจรจาต่อรองกับนายจ้างแล้ว มีอะไรในสัญญาจ้างที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง?</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53229751658_347e3b1503_k.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">สหภาพนักแสดง-สมาคมศิลปินโทรทัศน์ และวิทยุแห่งอเมริกา (SAG-AFTRA) และ สมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา (WGA) เดินขบวนในเดือนมิถุนายน 2566 (ที่มา: Wikipedia)</span></p>
<p>สมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา (WGA) สามารถบรรลุข้อตกลงการจ้างงานใหม่ได้สำเร็จหลังจากที่มีการหยุดงานประท้วงเป็นเวลายาวนานและมีการเจรจาต่อรองสัญญาจ้างอย่างยากเย็น ซึ่งในรายงานของ MSN ระบุว่าข้อตกลงที่พวกเขาสามารถบรรลุได้เป็นข้อตกลงที่มีความครอบคลุมมากกว่าที่กลุ่มผู้สังเกตการณ์อุตสาหกรรมบันเทิงสหรัฐฯ เคยคาดการณ์ไว้</p>
<p>MSN ระบุอีกว่ากลุ่มนักเขียนทำการนัดหยุดงานประท้วงรวมแล้วเป็นเวลา 148 วัน อีกทั้งยังมีการเสริมทัพช่วยกดดันจากสหพันธ์ศิลปินโทรทัศน์และวิทยุอเมริกัน (SAG-AFTRA) ที่หยุดงานประท้วงตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. ทำให้ WGA ยิ่งมีอำนาจคัดง้างในการเจรจาต่อรองมากยิ่งขึ้น</p>
<p>ในที่สุด WGA ก็บรรลุข้อตกลงกับฝ่ายนายจ้างคือ สมาพันธ์ผู้ผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ (AMPTP) ได้เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าร่างข้อตกลงจะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็มีประเด็นหลักๆ เกี่ยวกับข้อตกลงดังนี้</p>
<div class="more-story">
<p>ทำไมนักเขียนฮอลลิวูดถึงนัดหยุดงานประท้วง? การพัฒนายุคสตรีมมิงที่ค่าจ้างไม่ได้พัฒนาตาม, 8 พ.ค. 2566</p>
</div>
<h3><span style="color:#2980b9;">ปรับจำนวนการจ้างนักเขียน ให้เวลานักเขียนใหม่ได้ฝึกงาน-สร้างชื่อให้ตัวเอง</span></h3>
<p>หนึ่งในข้อเรียกร้องของ WGA คือการขอให้มีการจ้างนักเขียนอย่างน้อย 6 คนสำหรับซีรีส์ที่ได้รับอนุญาตให้สร้างได้อย่างน้อย 6 ตอนต่อซีซัน ข้อตกลงระบุให้มีการจ้างนักเขียน-โปรดิวเซอร์ (คนที่อาวุโสมากกว่า) ในทุกซีรีส์ และในจำนวนนี้อาจจะมีหัวหน้าผู้รับผิดชอบงานที่เรียกว่า "โชว์รันเนอร์" รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ในข้อตกลงยังระบุอีกว่าจำนวนการจ้างงานนักเขียนควรจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนตอนของซีรีส์ด้วย</p>
<p>อย่างไรก็ตามองค์ประกอบเพิ่มเติมของสัญญาจ้างใหม่นี้ระบุให้สามารถงดเว้นข้อกำหนดเรื่องจำนวนการจ้างนักเขียนได้ ในกรณีที่เป็นโชว์สำหรับนักเขียนศิลปินเดี่ยว เช่นเรื่อง "The White Lotus" หรือ "Big Little Lies" ที่ทุกๆ ตอนจะเขียนบทโดยนักเขียนคนเดียว ในกรณีเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้นักเขียนต้องเป็นผู้ที่ทำสัญญาเบื้องต้นไว้กับสตูดิโอ, ช่องรายการ หรือ ผู้ให้บริการสตรีมมิง ว่าจะให้เป็นการเขียนงานแบบฉายเดี่ยวมาตั้งแต่ต้นเท่านั้น</p>
<p>นอกจากนี้ยังมีกฎข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับระยะเวลาในการจ้างนักเขียน รวมถึงมีเงื่อนไขที่ออกแบบให้นักเขียนที่ประสบการณ์น้อยกว่ามีโอกาสที่จะสังเกตการณ์กระบวนการผลิตรายการและหลังผลิตรายการได้ โดยระบุว่า นักเขียน-โปรดิวเซอร์ 2 คนจะต้องได้รับการจ้างเป็นเวลาอย่างน้อย 20 สัปดาห์ในช่วงที่มีกระบวนการผลิตโดยร่วมงานกับโชว์รันเนอร์ ข้อตกลงตัวนี้เป็นการช่วยแก้ปัญหาที่ว่านักเขียนและนักเขียน-โปรดิวเซอร์ ไม่ได้มีเวลาเท่าที่ควรในการทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักหรือไม่มีเวลามากพอที่จะเรียนรู้งานในการที่จะพัฒนาตัวเองไปเป็นโชว์รันเนอร์อย่างเต็มตัว</p>
<p>อีกประเด็นหนึ่งที่ระบุไว้ในข้อตกลงใหม่คือ กระบวนการช่วงก่อนการอนุญาตให้มีการผลิตรายการนั้น ถ้าหากมีการจ้างนักเขียน 3 คน ควรจะมีการจ้างนักเขียน-โปรดิวเซอร์ (รวมถึงโชว์รันเนอร์) ไปด้วยอีกอย่างน้อย 3 คน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ตัดต่อกัน เรื่องนี้เพื่อแก้ปัญหาที่มีการร้องเรียนจากนักเขียนว่าพวกเขามีเวลาเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานน้อยเกินไปและได้รับค่าจ้างน้อยเกินไปจนไม่ถึงเกณฑ์ที่จะรับสวัสดิการสุขภาพได้ นอกจากนี้แล้วถ้าหากซีรีส์ได้รับไฟเขียวให้มีการผลิตแล้ว ควรจะมีการจ้างงานนักเขียน-โปรดิวเซอร์ อย่างน้อย 2 คนที่เคยทำงานช่วงก่อนไฟเขียวต่อไปอีกในกระบวนการผลิตขั้นตอนเขียนบทจริง</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">ให้ค่าจ้างส่วนที่เหลือ (residuals) มากขึ้น</span></h3>
<p>นักเขียนเรียกร้องเป็นพิเศษในที่นี้คือเรื่องค่าจ้างส่วนที่เหลือ (residuals) ที่เป็นค่าสิทธิการใช้ผลงานของผู้ผลิตงานซึ่งจะมีการเก็บจากนายจ้างทุกครั้งเวลาที่ผลงานที่พวกเขาร่วมผลิตได้รับการออกอากาศอีกรอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายนายจ้าง AMPTP เรียกว่า "โบนัสตามความสำเร็จ" แต่ค่าจ้างเหล่านี้ต่ำกว่าเดิมมากในยุคสมัยของการสตรีมมิง เมื่อเทียบกับตอนที่พวกเขาทำงานให้กับการแพร่ภาพออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ ซึ่งจุดนี้เองเป็นแรงผลักดันอย่างหนึ่งในการที่ทำให้นักเขียนวอล์กเอาท์หยุดงานประท้วง</p>
<p>ในสัญญาข้อตกลงใหม่ มีการปรับเรทโบนัสการใช้ผลงานให้กับกรณีซีรีส์ทุนสูงที่จัดทำเพื่อแพลตฟอร์มสตรีมมิงเท่านั้นอย่าง  Netflix, Amazon Prime Video, Apple TV+, Max, Hulu และอื่นๆ แต่ทว่าในสัญญาใหม่นี้จะไม่ครอบคลุมไปถึงซีรีส์เก่าที่เคยฉายนอกแพลตฟอร์มสตรีมมิงมาก่อน เช่น ทางโทรทัศน์ แล้วนำมาฉายใหม่ในระบบสตรีม นักเขียนซีรีส์เก่าจะไม่ได้รับค่าโบนัสการถูกนำผลงานมาใช้ซ้ำ</p>
<p>ในสัญญาใหม่ระบุว่า นักเขียนจะได้รับโบนัสในวงเงินระหว่าง 9,000-16,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตอน หรือได้รับ 40,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในกรณีเป็นภาพยนตร์ที่มีการลงทุนมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ ถ้าหากว่าซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่ได้รับการจัดทำเพื่อสตรีมมิงโดยเฉพาะเหล่านี้ มีผู้ชมร้อยละ 20 ขึ้นไปจากจำนวนสมาชิกแพลตฟอร์มนั้นๆ ในประเทศสหรัฐฯ ทั้งหมด เรทโบนัสดังกล่าวนี้จะเริ่มนำมาบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป</p>
<p>ในแง่ของสมาชิกผู้รับชมจากต่างประเทศนั้น สัญญาใหม่ระบุว่าให้มีการพิจารณาโดยคำนึงถึงสมาชิกที่มาจากทั่วโลกนอกเหนือจากสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 76 (รวมถึงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ในระดับฐาน) ของค่าจ้างส่วนที่เหลือจากจำนวนผู้ชมต่างชาติ โดยพิจารณาจากแพลตฟอร์มที่มีผู้สมัครสมาชิกมากที่สุดระยะเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เช่น ภายในระยะเวลา 3 ปี ค่าจ้างส่วนที่เหลือจะเพิ่มขึ้นจากเดิม คือ 18,684 ดอลลาร์ต่อ 1 ตอน เป็น 32,830 ดอลลาร์ ซึ่งสัญญาจ้างใหม่นี้คล้ายกับที่บรรจุไว้ในสัญญาจ้างของสมาคมผู้กำกับแห่งอเมริกาเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">กรณี "ปัญญาประดิษฐ์"</span></h3>
<p>ปัญหาเรื่องการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในงานเขียนส่งผลให้นักเขียนแสดงความกังวลว่ามันจะถูกนำมาใช้แทนที่ หรือถูกใช้ในเชิงทำลายกระบวนการเชิงสร้างสรรค์ ทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือหรือส่งผลต่อลิขสิทธิแยกย่อยของนักเขียน</p>
<p>ทำให้ในสัญญาใหม่มีการระบุปกป้องกระบวนการเชิงสร้างสรรค์ด้วยการระบุห้ามใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในหลายแง่ เช่น ให้อำนาจสมาคมนักเขียนในการต่อต้านการใช้ผลงานของนักเขียนไปในการฝึกโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์</p>
<p>เนื้อหาจากสมาคมนักเขียนอเมริกันระบุว่า "ระบบปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถเขียน หรือรีไรท์ งานเขียนใดๆ และผลงานที่มาจากการสร้างของปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถนำมาใช้ทำลายความน่าเชื่อถือหรือลิขสิทธิแยกย่อยของนักเขียนได้"</p>
<p>"นักเขียนสามารถเลือกที่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการทำงานรับจ้างเขียนของตัวเองได้ถ้าหากทางบริษัทยินยอม ตราบใดที่นักเขียนยังคงปฏิบัติงานอยู่ในกรอบนโยบายของบริษัทที่นำมาปรับใช้ได้ แต่ทางบริษัทไม่สามารถขอให้นักเขียนใช้ซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (เช่น ChatGPT) ในการจ้างเขียนงานได้"</p>
<p>"ทางบริษัทจะต้องเปิดเผยต่อนักเขียนว่ามีเนื้อหาส่วนใดหรือไม่ที่มอบให้นักเขียนที่เป็นเนื้อหามาจากการสร้างโดยระบบปัญญาประดิษฐ์หรือมีเนื้อหาจากปัญญาประดิษฐ์รวมอยู่ด้วย"</p>
<p>"ทาง WGA ขอสงวนสิทธิในการที่จะยืนยันความชอบธรรมตามกฎหมายว่าการนำผลงานของนักเขียนไปใช้ในการฝึกปัญญาประดิษฐ์นั้นถูกห้ามโดยกฎหมายธุรกิจและกฎหมายอื่นๆ"</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">พัฒนาสภาพการจ้างคนเขียนบท</span></h3>
<p>สัญญาใหม่มีการระบุพัฒนาสภาพการจ้างคนเขียนบทให้ดีขึ้นด้วยการทำให้แน่ใจว่าคนเขียนบทส่วนมากจะได้รับค่าจ้างในการถูกใช้งาน "ขั้นที่สอง" ซึ่งหมายถึงการจ้างให้ทำการรีไรท์บทฉบับร่างอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในเบื้องต้นแล้วทาง AMPTP เสนอว่าจะยอมรับข้อตกลงเหล่านั้นเฉพาะกับบทที่เป็นต้นฉบับใหม่เท่านั้น ไม่ใช่งานที่มาจากทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่แล้ว (เช่น การเขียนบทซีรีส์ที่ชื่อ The Witcher จะถือว่าเป็นการนำทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่แล้วคือวิดีโอเกม The Witcher มาใช้-อธิบายเพิ่มเติมโดยผู้แปล) หรือเป็นการนำงานชิ้นเก่ากลับมาสร้างต่อหรือนำกลับมาทำใหม่</p>
<p>ทาง WGA กังวลว่าการใช้เงื่อนไขจ่ายค่าจ้างคนเขียนบทแบบนี้จะจูงใจให้สตูดิโอต่างๆ หันมาเน้นทำรีเมคและงานจากทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่แล้วมากกว่าผลงานใหม่ ทำให้ในข้อตกลงใหม่ทางสมาคมนักเขียนฯ ระบุให้ต้องมีการจ่ายค่าจ้าง "ขั้นตอนที่สอง" ทุกครั้งที่มีการจ้างนักเขียนบทให้เขียนร่างแรกของบท โดยคิดเป็นร้อยละ 200 ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสุดหรือน้อยกว่านั้น โดยครอบคลุมทั้งบทดั้งเดิมและบทที่ไม่ใช่บทดั้งเดิมด้วย ซึ่งข้อสัญญาใหม่ยังรวมไปถึงบทที่มีการซื้อต่อมาจากภายนอกกระบวนการผลิตโดยทั่วไปด้วย</p>
<p>อีกเรื่องหนึ่งที่นักเขียนมองว่าเป็นปัญหาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือการที่พวกเขาได้รับค่าเขียนบทช้า ในสัญญาใหม่ระบุให้คนเขียนบทที่ได้รับค่าจ้างร้อยละ 200 ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสุดหรือน้อยกว่านั้นจะต้องได้รับค่าจ้างครึ่งหนึ่งตั้งแต่เริ่มต้นทำสัญญา ถ้าหากว่าคนเขียนบทไม่ได้ส่งบทฉบับร่างภายใน 9 สัปดาห์ ก็จะมีการจ่างค่าจ้างอีกร้อยละ 25 และที่เหลือร้อยละ 25 จะมีการจ่ายหลังจากที่ส่งบทหรือฉบับร่างของบทเรียบร้อยแล้ว</p>
<p>นอกจากนี้คนเขียนบทสำหรับผลงานแบบทำให้กับสตรีมมิงที่มีงบประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป จะได้รับค่าตอบแทนบทเพิ่มจากเดิมร้อยละ 18 เป็น 100,000 ดอลลาร์ต่อเรื่อง นอกจากนี้ยังจะได้ค่าจ้างส่วนที่เหลือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เป็น 216,000 ดอลลาร์ในช่วงตลอด 3 ปีที่มีการเผยแพร่ผลงานในแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่ใหญ่ที่สุด เมื่อนับรวมกับการขึ้นค่าจ้างส่วนที่เหลือจากสมาชิกต่างชาติแล้วก็จะถือว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับสัญญาจ้างก่อนหน้านี้ในปี 2563</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">ปรับรูปแบบค่าจ้างทีมนักเขียน ให้ถึงเกณฑ์การรับสวัสดิการ</span></h3>
<p>สำหรับทีมนักเขียนที่ต้องทำงานเป็นคู่หรือทำงานเป็นกลุ่ม ภายใต้สัญญาของสมาคมแล้ว พวกเขามักจะได้รับค่าจ้างต่อปีไม่มากพอที่จะมีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการสุขภาพ เพราะว่าค่าจ้างที่จ่ายให้กับนักเขียนเป็นคู่หรือเป็นทีมจะต้องถูกแบ่งให้กับกลุ่มนักเขียนสองคนหรือมากกว่านั้น ยิ่งทำให้ยากที่จะมีรายได้มากพอที่จะมีคุณสมบัติรับสวัสดิการ</p>
<p>สัญญาจ้างใหม่ได้แก้ปัญหาที่ทีมนักเขียนเผชิญ ด้วยการให้คำนวนอัตราค่าจ้างของนักเขียนทั้งสองคนหรือเป็นทีมรวมกันไปเลย ตอนที่มีการคำนวนอัตราค่าจ้างที่มากพอจะมีสิทธิได้รับสวัสดิการสุขภาพ ถึงแม้ว่ารายได้จริงๆ ของทั้งสองคนหรือของทีมจะมาจากค่าจ้างที่เอาไปแบ่งกันก็ตาม</p>
<p>ทางสมาคมนักเขียนอเมริกันระบุว่า "นักเขียนแต่ละคนในทีมนักเขียนที่ได้รับการจ้างวานให้เขียนบทเดียวกันจะมีสิทธิจ่ายเงินสมทบเพื่อรับบำนาญหรือสวัสดิการสุขภาพตามค่าจ้างที่ถึงเกณฑ์ในแบบเดียวกับการจ่ายค่าจ้างให้กับนักเขียนคนเดียว แทนที่จะคำนวนจากค่าจ้างที่แบ่งกันแล้วในการเอามาพิจารณาค่าจ้างที่ถึงเกณฑ์ได้รับสิทธิ นอกจากนี้แล้วทีมเขียนบทที่ได้รับการจ้างวานให้เขียนซีรีส์ จะมีการคิดอัตราจ่ายเงินสมทบสำหรับแต่ละคนโดยคิดตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต่อสัปดาห์แบบเต็ม แทนการคิดเป็นครึ่งหนึ่งของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต่อสัปดาห์"</p>
<p><span style="color:#2980b9;">เรียบเรียงจาก</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">New WGA Contract Explained: AI Is Not a Writer, Solo Scribe Shows Don't Need Minimum Staff and More, </span><span style="color:#2980b9;">MSN,</span><span style="color:#2980b9;"> 29-09-2023</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">Summary of the 2023 WGA MBA, </span><span style="color:#2980b9;">WGA</span></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106183
 
5043  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ชวนรู้จัก ‘บุ้ง ทะลุวัง’ ชีวิต ความฝัน และเรื่องของ ‘หยก’ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ เมื่อ: 03 ตุลาคม 2566 02:00:04
ชวนรู้จัก ‘บุ้ง ทะลุวัง’ ชีวิต ความฝัน และเรื่องของ ‘หยก’ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 23:54</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>สรวุฒิ วงศ์ศรานนท์ สัมภาษณ์</p>
<p>ภาพเปิดถ่ายโดย แมวส้ม ถ่ายเมื่อ 31 ส.ค.2566</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลายคนอาจจะเห็น “บุ้ง ทะลุวัง” หรือเนติพร เสน่ห์สังคม สาววัย 28 ที่ปรากฏตัวอยู่กับ “หยก” ธนลภย์ ผลัญชัย ที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และเข้าร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองกับทะลุวัง จนบุ้งตกเป็นที่ถูกวิจารณ์ไปต่างๆ นานา ทั้งวิธีการทำกิจกรรมทางการเมืองที่มีท่าทีดูรุนแรงก้าวร้าว บางครั้งก็เป็นข้อกล่าวหารุนแรงอย่างการบงการหรือใช้ประโยชน์จากเด็ก</p>
<p>ประชาไทชวนบุ้งมานั่งคุยยาวๆ ทั้งประเด็นที่เป็นข้อวิจารณ์ถึงท่าทีต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา การดูแลหยกในสถานะที่บุ้งเปรียบเสมือนเป็นพี่สาวของหยกกลายๆ ไปจนถึงเรื่องราวชีวิตของบุ้งที่ผ่านมา ความฝันถึงสังคมที่เธออยากเห็นและการวางเป้าหมายในชีวิตส่วนตัวของเธอเองที่ดูเหมือนว่าจะสอดคล้องกันไปกับความคิดทางการเมืองของเธอ ณ วันนี้</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53229607954_026ba22d43_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง</span></p>
<h3><span style="color:#2980b9;">นอกจากกิจกรรมทางการเมืองแล้วทำอะไรอยู่บ้าง?</span></h3>
<p>ตอนนี้งานหลักของบุ้งนอกจากออกมาเคลื่อนไหวแล้วก็จะเป็นการรับงานแปลเอกสาร ก่อนหน้าที่จะมาทำกิจกรรมก็เป็นครูสอนพิเศษสอนทั้งแบบตัวต่อตัวและสอนเป็นคลาสก็มีค่ะ มีอยู่ช่วงนึงที่โดนติดกำไลอีเอ็มมันก็ลำบากที่จะทำงานก็เลยพักงานสอนไปช่วงหนึ่งแล้วก็ได้กลับมาทำงานใหม่ อีกรอบหนึ่ง หลังจากออกมาจากเรือนจำแล้ว</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">ทำไมถึงเข้ามาร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง</span></h3>
<p>เมื่อก่อนบุ้งเคยเป็นสลิ่ม เคยเป็น กปปส.มาก่อน แล้วก็ ณ ตอนนั้นคือบุ้งไม่ได้เข้าใจจริงๆ ว่าประชาธิปไตยคืออะไร แล้วก็ไม่มี ความเป็นมนุษย์มากพอที่จะเข้าใจข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดง มาถึงวันนึงนั่งดูคลิปที่คุณช่อแกพูดว่าแบบเราต้องอธิบาย ให้ ประชาชนเข้าใจก่อนว่าความร้ายแรงของกรณีที่มีการฆ่าคนเสื้อแดงแล้วทำบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ มันเป็นยังไงมีใครเป็นยังไงบ้าง และ รายละเอียด อะไร เงี้ย ค่ะ</p>
<p>จนกระทั่งบุ้งก็ตาสว่างจากคลิปนั้นคือมันทำให้รู้ว่า อ๋อ คนเสื้อแดงที่โดนยิงมันมีประชาชนคนหนึ่งเขาเป็นแค่คนไร้บ้านที่เขาอยู่แถวนั้นแล้วต้องการที่จะเข้าไปช่วยผู้ชุมนุมที่โดนยิงก็ทำให้เขาถูกสไนเปอร์เข้าที่ศีรษะ เราก็เลยแบบรู้สึกว่า เออ พอมันคิดด้วย เหตุและผลแล้วแบบมันไม่ใช่ใครที่จะแบบอยู่ๆ มีสไนเปอร์ไว้ในครอบครองและสามารถไปยิงหัวใครได้</p>
<p>มันก็เลยทำให้บุ้งรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ว่าการเป็นสลิ่มของบุ้งไนในอดีตหรือการเพิกเฉยทางการเมืองมันส่งผลให้รัฐมีความ ชอบธรรมมากพอที่จะฆ่าคน ตอนนั้นเราก็มีการทำบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ด้วย แล้วก็เอาหลักฐานมาพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคน ฆ่าคนเสื้อแดง จนถึงทุกวันนี้คนเสื้อแดงก็ยังไม่ได้รับความยุติธรรม</p>
<p>ตอนนั้นบุ้งก็รู้สึกผิดมาก พอตาสว่างปุ๊บก็รู้สึกว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว เราก็จะออกมาเคลื่อนไหวอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนที่ถูกฆ่าในอดีต แรกเริ่มเดิมทีบุ้งก็ไม่ได้มีสรรพกำลังอะไรมาก จะเคลื่อนไหวอยู่ในโซเชียล มีเดีย เรียกร้องให้มีประชาธิปไตย ให้กำลังใจคนที่ออกมาต่อสู้</p>
<p>จนกระทั่งบุ้งสอนพิเศษอยู่แล้วก็มีนักเรียนคนหนึ่งของบุ้งที่เป็น LGBT ที่ตอนนั้นมีนักเรียนเลวช่วง 63-64 เขาก็เรียกร้องเรื่อง ทรงผมแล้วก็เรื่องปฏิรูปการศึกษาจนกระทั่งเด็กนักเรียนของบุ้งก็ถามบุ้งว่า เออแล้วหนูอยู่ตรงไหนในสมการนี้ เพราะว่าหนูไม่ใช่ทั้งชายและก็ไม่ใช่ทั้งหญิงหนูมีสิทธิ์ไหมที่หนูจะเอ็กซ์เพรสตัวเองในรูปแบบที่หนูสบายใจและเป็นตัวตนของหนู</p>
<p>บุ้งก็เลยปรึกษาหลายคนมาก ปรึกษานักกฎหมาย ปรึกษาครอบครัว ปรึกษาเยอะมาก จนได้ข้อสรุปมาว่าบุ้งจะไปยื่นเรื่องกับ กระทรวงศึกษาธิการ ให้มีการปฏิรูปทรงผมของนักเรียน LGBT ภายในโรงเรียน แล้วก็เสนอเรื่องนี้ไปกับทางนักเรียนเลว ทำให้ตอนนั้นได้มาทำงานกับนักเรียนเลวในตอนนั้น</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">ที่บอกว่าตัวเองเคยเป็นสลิ่มแล้วเปลี่ยนมาใช่มั้ย มองเรื่องการเปลี่ยนอย่างนี้ยังไงบ้างเพราะคนก็จะรู้สึกว่าอีพวกนี้มันสลิ่มเก่าอะไรอย่างนี้?</span></h3>
<p>เวลาถูกด่าว่าอีสลิ่มเก่าก็เข้าใจได้ ก็เป็นจริงๆ ไม่ได้เจ็บปวดอะไร เพียงแต่ว่าคนเรามันเปลี่ยนกันได้แล้วก็ในอดีตถ้าหากว่าคุณเคยเป็นสลิ่มแล้วหรือเคยเป็นคนที่เพิกเฉยทางการเมืองสิ่งเหล่านี้มันร้ายแรงมาก คือคุณไม่สนใจการเมืองแล้วมันร้ายแรงถึงขั้นว่ามีการพรากชีวิตของคนได้มีคนถูกฆ่าถูกอุ้มหายถูกอุ้มฆ่า แล้วสิ่งเหล่านี้คือมันเป็นสิ่งที่จนถึงวันตายบุ้งก็ชดใช้ไม่ได้</p>
<p>ถ้าทำผิดพลาดมาในอดีตก็แก้ไขค่ะ ใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดมา</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53229232366_4e445664d4_b.jpg" /></p>
<h3><span style="color:#2980b9;">พอเข้ามาร่วมทำกิจกรรมแล้วบทบาทในขบวนการนักกิจกรรมอย่างไรบ้าง</span></h3>
<p>ตอนที่นักเรียนเลวทำกิจกรรมของเขามันก็จะเป็นความคิดของเด็กๆ ของพวกเขาที่เขาทำกันเอง ส่วนบุ้งก็จะเหมือนสนับสนุนอยู่ด้านหลังมากกว่า เพราะว่าเด็กหลายๆ คนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความพร้อมหรือว่ามีทรัพยากรมากพอที่จะออกมาเคลื่อนไหว บุ้งจะเอาเงินเก็บของบุ้งออกมาช่วยอย่างเช่น ใครไม่มีเงินมาหรือว่าไม่มีเงินจะทำกิจกรรม ไม่มีค่าป้ายไม่มีอะไร จนกระทั่งมาถึงจุดหนึ่งที่น้องๆ เขาก็เข้าที่เข้าทางอะไรของเขาแล้ว เราก็ช่วยทุกอย่างเท่าที่เราจะ ช่วยได้อยู่ข้างหลัง ไม่ได้เป็นหัวไม่ได้เป็นตัวออกหน้าอะไรเลยในตอนนั้น</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">จากที่สอนพิเศษให้กับเด็กๆ ทำให้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กในช่วงที่กระแสการเมืองกำลังขึ้น เด็กๆ รอบตัวเขามองเรื่องการออกมาเรียกร้องทางการเมืองอย่างไรบ้าง?</span></h3>
<p>คนที่บุ้งสอนมีเด็กหลายเเบบมาก มีทั้งที่มาจากครอบครัวชนชั้นนำเลยเจ้าของธุรกิจใหญ่ในประเทศนี้กับที่เป็นชนชั้นกลาง หรือ บางคนเขาก็รวมตัวกันมาแล้วเขาบอกว่าเขาไม่มีเงินแต่เขาอยากสอบ GAT PAT ได้ บุ้งช่วยเขาได้ไหม</p>
<p>บางคนเขาก็จะมีความเห็นนะ บางคนก็จะมีความเห็นแบบเออ ดีจังเลยอยากให้ประเทศเปลี่ยน ส่วนบางคนที่อยู่โรงเรียน นานาชาติเขาก็จะไม่เข้าใจว่าโรงเรียนไทยธรรมดาที่ไม่ใช่นานาชาติแบบที่เขาเรียนอยู่ เด็กนักเรียนย้อมผมไปโรงเรียนไม่ได้ เหรอ มันก็จะต่างมุมต่างความคิดและเด็กแต่ละคนก็จะให้แนวคิดอะไรกับบุ้งมาคิดว่าควรจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้การศึกษามัน ไปข้างหน้า</p>
<p>ตอนช่วงนักเรียนเลวยังไม่มี แต่ตอนนี้ก็มีนักเรียนคนหนึ่งของบุ้งภูมิใจในตัวเขามากเลยก็คือตอนที่บุ้งติดคุกแล้วเขาก็ทำติ๊กต็อก  ชุดหนึ่งที่อธิบายว่าบุ้งกับใบปอ (คือใครแล้ว ทำไมการอดอาหารของบุ้งกับใบปอถึงไม่ยุติธรรมกับเค้า แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้รับ สิทธิในการประกันตัวและคลิปนั้นก็แบบเหมือนคนดูไปเป็นล้านคน แล้วบุ้งออกมาจากเรือนจำนักเรียนของบุ้งก็แบบร้องไห้แล้ว เขาก็ส่งคลิปอันนี้มาให้บุ้งดูแบบ พี่บุ้งหนูทำคลิปอันนี้ให้พี่บุ้งพี่ใบปอด้วยนะคะเพราะว่าหนูหวังว่าสิ่งที่หนูทำมันจะช่วยให้พี่ได้ รับความยุติธรรมบ้าง ตอนนั้นก็โอ้ย ดีใจมาก</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/52196639702_6a62967b21_b.jpg" style="width: 1012px; height: 569px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ(ซ้าย) และบุ้งขณะเดินออกจากศาลอาญากรุงเทพใต้</span></p>
<h3><span style="color:#2980b9;">เหมือนว่าวิธีการและท่าทีของบุ้งและทะลุวังที่ใช้ในเคลื่อนไหวทางการเมืองจะเปลี่ยนไป อะไรเป็นจุดที่ทำให้วิธีการเปลี่ยน?</span></h3>
<p>ตอนที่บุ้งอยู่กับนักเรียนเลวตอนนั้นก็เห็นว่า น้องๆ ก็ทำทุกวิถีทางเลยตั้งแต่แบบสร้างสรรค์มากๆ เอาธงสีรุ้งไปปู เรียกร้องโดย สงบ ไปถึงแบบจัดม็อบก็จริงแต่เป็นม็อบที่ไม่มีความรุนแรงอะไร ไม่มีคำด่าทออยู่บนหลักการสุดๆ ก็มี ไปจนถึงแบบเด็กเขาก็ เริ่มทนไม่ไหวแล้ว เขาก็เริ่มตัดผม หรือทำอะไรที่มันมากขึ้นก็ไม่เคยได้รับการตอบรับอะไรเลย เคยถึงขนาดบอกว่าให้รัฐมนตรีออกมาคุยด้วยว่า เออ คุณจะหยุดการคุกคามเด็กภายในโรงเรียนได้ยังไง รัฐมนตรีก็ตอบไม่ได้แล้วก็บอกว่ามันเป็นเรื่องของครู แต่ละคน เราก็พยายามทำทุกอย่างแล้ว</p>
<p>ส่วนตัวบุ้งเอง ภายหลังบุ้งก็ออกมาเรียกร้องเองด้วย ตอนนั้นช่วงโควิดบุ้งก็ออกมาเรียกร้องให้มีวัคซีนให้กับเด็กและเยาวชน เพราะรู้สึกว่าการเรียนออนไลน์ไม่ได้ตอบโจทย์กับทุกคน บุ้งก็โดนคดีอีก</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/51868627142_8bfe5e2764_h.jpg" style="width: 1600px; height: 900px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน(ซ้าย) และใบปอ(ขวา) ทำโพลล์ขบวนเสด็จที่สยามพารากอนซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้บุ้งถูกดำเนินคดีด้วย ภาพโดย กันต์ แสงทอง</span></p>
<p>ไม่ว่าเราจะทำอะไรเขาก็จะใช้นิติสงครามกับเรา ยัดคดีเราเพื่อให้เราเงียบ เพื่อให้เราอ่อนล้าหมดแรง มันเลยมาจุดหนึ่งที่บุ้งคุยกันกับสายน้ำ แล้วก็รู้สึกว่า เออเราไม่ชอบการที่เราต้องพูดอ้อมไปอ้อมมา ไม่แตะต้นตอของปัญหาซักทีนึง เพราะว่าทุกๆ ปัญหานำไปสู่ปัญหาเดียวเลยคือการที่ยังมีการปกป้องและห้ามวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ก็เลยตกลงกันว่าโอเคงั้นเราเคลื่อนไหวในรูปแบบของการใช้โพลล์แหละแต่ว่าเราจะตั้งคำถามโดยตรงไปถึงสถาบันเลย แล้วพอเราทำมาเรื่อยๆ แค่เราตั้ง คำถามเราก็ติดคุก แค่เราตั้งคำถามเราก็แบบสามารถเกือบตายได้</p>
<p>มาจนถึงตอนนี้เรารู้สึกว่าทะลุวัง ถ้าไม่ได้แรงด้วยเนื้อหาก็อาจจะแรงด้วยท่าที่ จริงๆ แล้วทะลุวังก็จะเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ตั้งแต่รอบแรกที่เราทำโพลล์แล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราเป็นมาตลอดคือเราจะไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรงกับประชาชนหรือกับเพื่อนร่วมงานหรือกับเพื่อนร่วมทางที่เราสู้ แต่เราจะใช้ถ้อยคำรุนแรงด่าทอโดยตรงกลับไปที่เผด็จการ กลับไปที่ใครก็ตามที่ที่ยัง ร่วมมือกันแล้วยังมีรัฐเผด็จการอยู่ในประเทศ ไม่ทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">มองว่าที่ท่าทีเปลี่ยนไปเพราะว่าที่ผ่านมาข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง?</span></h3>
<p>ก็ส่วนหนึ่งด้วย คือเราไม่ได้รับการตอบสนอง เราก็เหนื่อยแล้วกับการที่เราคิดทุกรูปแบบแล้ว สร้างสรรค์มาก น้องอันนา(อันนานนท์) ก็เคยแบบโรยตัวลงมา คือแบบแทบจะเป็นสแตนด์อินในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดได้แล้ว แต่ว่าผู้มีอำนาจก็เห็นว่าเขาคือตัวปัญหาไม่คิดว่าจะแก้ปัญหาที่เขาเผชิญ เราก็เลยรู้สึกว่าเออ โอเคการศึกษามีปัญหา การรักษาพยาบาลมีปัญหา โครงสร้างภายในประเทศมีปัญหา นำไปสู่ปัญหาเดียวนำไปสู่เป้าหมายเดียวเลยก็คือเราต้องการให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แต่ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปก็ทำให้ช่วงหลังๆ มีเสียงวิจารณ์ว่ามีภาพรุนแรงมากขึ้นแล้วก็ทำให้เสียงสนับสนุนในการเคลื่อนไหวน้อยลงไปด้วยหรือไม่?</span></h3>
<p>ถ้าใครที่เพิ่งมาตามทะลุวังแล้วรู้สึกว่าโอ้ย ฉันไม่ชอบแกเลย ก็แปลว่าเขาอาจจะไม่ได้ตามมาตั้งแต่ต้น ทะลุวัง เฉยๆ ที่ไม่ใช่แค่ตัวบุ้งนะคะ ทะลุวังก็ด่ามาตั้งนานแล้วด่าผู้มีอำนาจทุกคนเลย ไม่สนเลยว่าเป็นใคร ทหาร ตำรวจ ใครก็ตามไม่ว่าคุณจะมีอำนาจแค่ไหน ถ้าคุณไม่ได้ทำตามจุดประสงค์ของประชาชน ก็จะโดนทะลุวังด่าอยู่แล้ว เพราะเรารู้สึกว่าตัวเราเอง มีแค่ 2 มือ 1 ปาก แล้วก็มีแค่ 1 ชีวิต 1 ร่างกาย เราไม่มีอาวุธ เราไม่ผูกขาดอำนาจภายในประเทศ เราไม่สามารถที่จะไปยัดคดีใครได้ ถ้าไม่ให้เราด่าแล้วจะให้เราทำอะไร</p>
<p>คือ ถ้าคุณบอกว่าไม่ขอสนับสนุนแล้วเพราะว่าอยู่ๆ เราก็รุนแรงขึ้นอันนี้แสดงว่าเขาอาจจะไม่ได้ตามมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แต่มันก็จะมีภาพอย่างกรณีที่ สน.สำราญราษฎร์หรือกรณีพรรคเพื่อไทยที่มีเสียงวิจารณ์มาว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องการใช้ภาษาอย่างเดียว</span></h3>
<p>เรื่องที่ สน.สำราญราษฎร์เนี่ยก็คือจะเล่าให้ฟังว่า หยก(ธนลภย์ ผลัญชัย) โดนคดีมาตรา 112 จนต้องเข้าไปอยู่ในสถานพินิจทีนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือตำรวจก็ไม่วายไปแจ้งข้อหาน้องเพิ่มถึงในคุกเลย ถ้าวันนั้นบุ้งไม่ไปเยี่ยมน้องอยู่แล้วแล้วบุ้งไม่ทราบว่ามันมีตำรวจกำลังจะมาคือเราก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะใช้วิธีอะไรบ้างในการบังคับน้องเพื่อให้น้องต้องรับทราบข้อกล่าวหา สิ่งที่ เกิดขึ้นก็คือแบบเพื่อนๆ ทุกๆ ก็โกรธว่าน้องอยู่ในคุกจะได้เรียนหนังสือไหมก็ไม่รู้ ก็ยังมาทำกับน้องแบบนี้อีก มันก็เลยนำไปสู่ การสาดสี</p>
<ul>
<li>ตร.พยายามแจ้งข้อหา ‘หยก’ เพิ่ม ฐานผิด พ.ร.บ.โบราณสถาน โดยไม่แจ้งผู้ปกครองก่อน</li>
<li>ตะวันและเพื่อนตามทวงถาม ตร.แจ้งข้อหา 'หยก' เพิ่ม เกิดเหตุชุลมุนตำรวจจับแล้ว 9 ราย</li>
<li>ยังรอผลคำสั่งไต่สวนฝากขังาลคดีชุมนุมหน้า สน.สำราญราษฎร์</li>
</ul>
<p>จริงแล้วคือความรุนแรงมันไม่ได้เริ่มต้นจากเราก่อนคือคุณอาจจะไม่ได้เห็นว่าตำรวจมายืนด่าเราหรืออะไร แต่เขาใช้ความรุนแรงในรูปแบบของกฎหมาย ใช้ความรุนแรงในรูปแบบของอื่นๆ ที่เขาทำได้กับเรา แล้วสิ่งเหล่านี้คือมันรุนแรงกว่าการที่เรายืน ด่าเขาหรือการที่เราสาดสีใส่แน่นอน</p>
<p>กรณีเพื่อไทยก็คือ ทะลุวังและเรากับเพื่อนๆ คนอื่นก็รู้สึกมาสักพักละว่า เขาน่าจะตระบัดสัตย์ เขาน่าจะทรยศกับประชาชน บุ้งไม่ได้เลือกเขามาก็จริงแต่ว่ามันก็เป็นสิทธิเสรีภาพที่วิพากษ์วิจารณ์เขาได้ เราก็ต้องการให้เขาทำในสิ่งที่เขาหาเสียงเอาไว้ อย่างคุณเศรษฐาเคยหาเสียงว่ามาตรา 112 มันต้องแก้ไข มาวันหนึ่งเขาก็พลิกคำพูดแล้วหมอชลน่านก็บอกว่าการหาเสียงมันก็ เป็นเรื่องของการหาเสียงเฉยๆ มันไม่ใช่นโยบาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความรุนแรงหมดเลย คุณหลอกให้ประชาชนไปเลือกคุณและคุณก็มาโกหกมาตระบัดสัตย์ มาทรยศประชาชนอันนี้มันรุนแรงกว่าที่บุ้งจะไปสาดสีหรือหยกไปปาแป้งใส่เค้ามากๆ ความรุนแรงมันเทียบกันไม่ได้</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53100880415_192eaf7fe8_b.jpg" style="width: 1024px; height: 683px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">บุ้งไปประท้วงกับเพื่อนๆ กลุ่มทะลุวังที่พรรคเพื่อไทยเมื่อ 7 ส.ค.2566 ภาพโดย แมวส้ม</span></p>
<h3><span style="color:#2980b9;">นับตั้งแต่ตอนไปทำกับนักเรียนเลวจนมาถึงวันนี้อีกด้านหนึ่งที่คนรับรู้ก็คือบุ้งเข้ามาดูแลเด็กๆ ที่ออกมาทำกิจกรรมแล้วมีปัญหากับที่บ้านพ่อมันเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้จับพลัดจับผลูต้องมาทำ?</span></h3>
<p>ตอนนั้นบังเอิญว่าบุ้งเป็นคนอายุเยอะที่สุดทำงานแล้วมีทรัพยากรมากที่สุดไม่ได้หมายความว่ามีมากล้นอะไรนะคะ บุ้งช่วยเหลืออะไรได้บุ้งก็ช่วยเเล้วก็เด็กที่ออกมาเคลื่อนไหว ในตอนบุ้งเข้าใจว่าเด็กกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เข้ามาเป็นนักกิจกรรมมันเกิดจากการที่สถาบันครอบครัวมันมีปัญหา เด็กๆ ไม่ได้รับพื้นที่ในการที่จะพูดหรือส่งเสียงเขาตั้งแต่ในสถาบันครอบครัวแล้ว พอเด็กแต่ละคนเห็นว่า เออ ทำไมครอบครัวถึงเป็นอย่างนี้ เป็นเพราะว่าโครงสร้างภายในประเทศ มันกดทับมาอีกทีหนึ่ง ก็เลย ทำให้ เด็กๆ ออกมาเรียกร้องเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับเชิงโครงสร้างเลย ภายในประเทศเพื่อที่ว่าเด็กคนอื่นจะได้ไม่ต้องเจอแบบเขา มันก็เลยมีปัญหาทับซ้อนหลายอย่างมาก</p>
<p>ตอนคนที่บุ้งดูแลมีหลายคนมาก สิ่งที่บุ้งเผชิญในตอนนั้นก็มีตั้งแต่ผู้ปกครองขู่จะเอาตำรวจมาจับบุ้งหรือขู่ฆ่า ขู่ดักทำร้ายก็มี แต่ว่าบุ้งให้คำตอบไปกับผู้ปกครอง เหล่านั้นว่าไม่ได้กักขังลูกเค้า อีกเรื่องหนึ่งก็คือถ้าบุ้งกลัวบุ้งก็คงไม่ออกมาตั้งแต่ต้น ใครสะดวกแบบไหนก็ทำได้ แจ้งความบุ้งก็แจ้งได้ แต่ก็รู้สึกว่าส่วนตัวบุ้งเองในวัยเด็กของบุ้งมีคุณพ่อคุณแม่ปกป้อง แล้วก็มีพี่สาวมีพี่น้องเยอะ ครอบครัวบุ้งก็ค่อนข้างแข็งแรงก็รู้สึกว่าไม่อยากให้เด็กที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยต้องรู้สึกโดดเดี่ยว ก็เลยจะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนเขา</p>
<p>อีกอย่างหนึ่ง ก็คือบุ้งยังสลัดความรู้สึกผิดจากในอดีตที่เคยเป็นสลิ่มและการเป็นสลิ่มของเรามันทำให้มีคนตายแล้วความยุติธรรมก็ไม่เคยคืนสู่เขาด้วย มันก็เลยเป็นแรงขับในหลายๆ ด้าน เมื่อตัดสินใจจะทำแล้วมันก็จะไม่ยอมแพ้</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">ตอนนั้นดูแลเยอะมั้ย?</span></h3>
<p>ประมาณ 10 กว่าคนนะคะ</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แล้วตอนนี้คนที่เคยดูแลอยู่เป็นไงบ้างแล้ว?</span></h3>
<p>มันก็จะมีบางคนที่เขาก็กลับไปสู่ครอบครัวของเขาได้ พอมาถึงจุดนึงพ่อแม่ผู้ปกครองเหล่านั้นที่เคยแบบขู่ฆ่าบุ้งหรือเกลียดบุ้งมาก วันหนึ่งเขาก็เปลี่ยนความคิดมาเข้าใจว่าสิ่งที่เด็กๆ ทำในตอนนั้นน่ะคือเขาไม่ได้เรียกร้องให้แค่ตัวเขาเองหรือว่าใครไปล้างสมองเขา เขาต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับทุกคนเรียกร้องประชาธิปไตย ให้กับประเทศนี้คือเด็กๆ เขาใจใหญ่มาก มา</p>
<p>วันนึงพ่อแม่เข้าใจเด็กหลายคนที่เคยอยู่กับบุ้งแล้วมาวันนี้ก็สามารถอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ได้แล้วมันก็เป็นเรื่องดีที่เราสามารถอยู่ ข้างๆ ในวันที่เขาแย่ได้ แล้ว ณ ตอน นี้สถาบันครอบครัวของเขากลับมาแข็งแรงแล้ว</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">น้องที่มาชุมนุมกันเขามีปัญหาครอบครัวกัน แล้วเจอปัญหาเดียวกันนี้บ้างมั้ย?</span></h3>
<p>ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยเราทำได้ แต่ไม่ต้องออกมาเองมั้ย ก็มีเหมือนกันที่ไม่เข้าใจ แต่ว่าพอเขาติดตามสิ่งที่เราทำเขาก็เข้าใจไปเองตามกาลเวลาแต่ต้องใช้เวลา บุ้งก็จะมีคนรักที่อยู่ข้างๆ เพื่อนก็จะเข้าใจ</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แต่ที่บอกว่าพอมีเรื่องก็ไปปรึกษากับพ่อตอนคือพอเขารู้ว่าบุ้งกำลังทำอะไรก็มาสนับสนุนเลย?</span></h3>
<p>เป็นเรื่องก่อนเข้าไปร่วมกับนักเรียนเลว เหมือนเราไปขอคำปรึกษาทางกฎหมายกับเขาแล้วเขาก็ให้คำตอบมาว่าต้องไปยื่นที่ไหนบ้าง</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">พ่อเหมือนเข้าใจแนวคิดกันอยู่แล้วประมาณหนึ่งแต่แค่เป็นเรื่องไม่เห็นด้วยกับการเข้ามาอยู่ในขบวนการเคลื่อนไหว?</span></h3>
<p>ใช่ มันเหมือนพอคนจัดม็อบคือบุ้งเขาก็จะแบบ อ้าวทำไมลูกต้องไปทำขนาดนั้น</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แล้วพอต้องมาดูแลเด็กๆ ที่ออกมาทำกิจกรรมกันแบบนี้ก็มีเสียงวิจารณ์ตามมาว่าใช้ประโยชน์เด็กหรือเปล่า หรือว่าไปสั่งให้เขาทำนั่นทำนี่หรือเปล่า มองข้อวิจารณ์พวกนี้อย่างไร?</span></h3>
<p>คือก็รู้สึกโกรธนะ ว่าทำไมถึงคิดว่าจะต้องบุ้งจะใช้ประโยชน์ โอเค บุ้งอาจจะดูรุนแรงไร แต่ในความเป็นจริงในชีวิตจริงๆ ของบุ้งก็เป็นเหมือนคนทั่วไป มันไม่มีการที่บุ้งแสวงหาผลประโยชน์ จริงๆ คือถ้าติดตามมาโดยตลอด ก็จะรู้ว่านักกิจกรรมหลายๆ คนที่ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองบางคนก็ต้องขูดรีดตัวเองมาก ขูดรีดตัวเองสูงด้วยซ้ำ ต้องเสียเวลาทำงานเสียเวลาทำมาหากิน ต้องแบกรับคดี แบกรับความเครียดเยอะแยะ</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/52907062185_ccfcab2662_b.jpg" style="width: 1023px; height: 682px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">บุ้งไปรับหยกที่ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนบ้านปรานี จ.นครปฐมหลังศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อ 18 พ.ค.2566 ภาพโดย แมวส้ม</span></p>
<p>อย่างเรื่องหยกมันก็จะมีหลายๆ คนที่พูดว่าบุ้งได้ประโยชน์จากหยก จะเล่าให้ฟังเลยว่าหยกเขาขอมาอยู่กับบุ้งตั้งแต่ตอนอยู่ในเรือนจำ แล้วเขาก็ขอถามว่า เออ แบบที่พวกหนูถ้าสมมติว่าหนูได้ออกไปอ่ะหนูไปอยู่ด้วยได้ไหม บุ้งก็ตกใจแล้วก็งงว่าทำไม ต้องเป็นบุ้ง ทำไมต้องขอบุ้ง แล้วหยกก็น่าจะเห็นเขาเป็นเด็กฉลาดเค้าก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร พี่บุ้งกลับไปคิดวันสองวันก่อนก็ได้ แล้วก็มาบอกหนู ได้หรือไม่ได้ไม่เป็นไร</p>
<p>เวลาจะเอาใครมาอยู่ด้วยบุ้งก็ต้องไปปรึกษาแฟน ปรึกษาครอบครัว ว่าบุ้งจะสามารถทำได้ไหม แล้วก็ตั้งแต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ที่หยกออกมาจากเรือนจำ ทุกบาททุกสตางค์ที่ดูแลน้องก็เป็นเงินของบุ้งที่ทำงานกับแฟนทำงานมา แล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะขอใครและจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีใครให้บุ้งเงินที่เลี้ยงหยก ก็เลยงงๆ เหมือนกันกับข้อกล่าวหาว่าทำไมถึงคิดว่าหยกจะสามารถให้ประโยชน์อะไรได้</p>
<p>ถ้าเป็นประโยชน์ที่บุ้งได้รับจากหยกมันก็คงจะเป็นความหวังมั้ง ในทุกๆ วันที่บุ้งตื่นมาแล้วแบบ โห ทำไมเด็กคนนี้เก่งจังเลย ทำไมเขาไม่สะทกสะท้านอะไรเลยกับคำวิจารณ์ที่สังคมกล่าวหาเขาทั้งๆ ที่มันไม่เป็นเรื่องจริงสังคมพยายามทำให้หยกกับบุ้งเป็นปีศาจ ขณะที่จริงๆ แล้วคือเรากำลังเรียกร้องสิทธิพื้นฐานมากก็คือ เด็กคนหนึ่งต้องได้รับการศึกษา</p>
<p>แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือข่าวโกหกข่าวลือเรื่องอื่นๆ เหมือนลดทอนการต่อสู้ของเรา ลดทอนความเป็นมนุษย์ของเรา ขณะเดียวกันหยกก็ยังยืนอยู่ได้อย่างกล้าหาญ หยกก็ยังเป็นเด็กที่น่ารัก แล้วทุกวันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ยังเห็นว่าเค้าร่าเริงมีความหวังในทุกๆ วัน ก็รู้สึกว่าเออ เขาเก่งจังเลยแล้วบุ้งก็ได้กำลังใจดีๆ จากเขา</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แต่ข้อวิจารณ์แบบนี้ก็ทำให้ข้อเรียกร้องทางการเมืองก็ได้รับการสนับสนุนน้อยลงไปด้วย?</span></h3>
<p>ถ้าอย่างเรื่องหยก บุ้งขอใช้คำว่าบุ้งไม่เข้าใจสังคมมากกว่า บุ้งเข้าใจว่ามนุษย์ว่าวิจารณ์คนตัวเล็กตัวน้อยมันง่ายกว่าการที่จะ ลุกขึ้นยืน กล้าหาญแล้วต่อสู้กับผู้มีอำนาจ การทำร้ายคนตัวเล็กตัวน้อยอาจจะง่ายกว่าสำหรับเขาเพราะเขารู้สึกว่าหยกเป็น ปัญหาเหลือเกินแล้วหยกจะต้องถูกแก้ไข</p>
<p>สิ่งที่เขาควรทำคือควรจะตั้งคำถามกับระบบ ควรจะตั้งคำถามกับโรงเรียนมากกว่าว่า จริงหรือที่การมอบตัวของหยกไม่เสร็จสิ้น เพียงเพราะว่ามันเป็นเรื่องของผู้ปกครอง บุ้งมั่นใจมากว่าหลายๆ คนที่ได้ดิบได้ดีในประเทศนี้หรือในโลกใบนี้ก็ไม่ได้เกิดจากการที่พ่อแม่แท้ๆ มามอบตัว สิ่งนั้นไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับเด็กคนหนึ่งได้รับการศึกษา บุ้งก็อยากจะถามกลับไปสังคมหรือเรียกร้องกลับไปที่สังคมว่าอยากให้เขาตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจมากกว่าจะมาโจมตีหยกว่าทำไมหยกถึงรุนแรงก้าวร้าว</p>
<p>บุ้งมองว่าสิ่งเหล่านั้นมันไม่ยุติธรรมกับหยกเค้าเป็นเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งสูงแค่ 146 หนัก 44 ตัวเล็กมากเลยนะ แต่ใจเขาใหญ่มากแล้วเขากล้าหาญที่จะลุกขึ้นต่อกรกับทุกอำนาจที่ไม่ยุติธรรม คือ คุณควรจะสนับสนุนและให้กำลังใจเขามากกว่า ไม่ว่าวิธี การที่เขาทำจะก้าวร้าวหรือไม่ แล้วจริงๆ คือการปีนรั้วมันก็ไม่ได้ก้าวร้าวเลย มันไม่รุนแรงเท่าการที่ครูอนุญาตให้เพื่อนผู้ชายอุ้มหยกลงมาจากรถบัสแล้วเอามาวางไว้หน้ารถแล้วหยกก็ขวางเพราะว่าเขารู้สึกว่าการไปทำกิจกรรมในครั้งนี้เขาต้องได้ร่วมด้วยมันเป็นสิทธิ์ของเค้าเต็มที่เลย หยกไม่ได้ละเมิดสิทธิ์เสรีภาพของใคร แต่ตอนนี้โรงเรียนกำลังละเมิดสิทธิเสรีภาพของหยกอยู่</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แล้วที่ตอนนี้มีประเด็นเรื่องหยกอยู่มันมีปัญหาติดขัดหรือติดล็อกอะไร และปัจจัยอะไรที่ทำให้มันแก้ไม่ได้?</span></h3>
<p>ปัญหาที่มันเกิดขึ้นในตอนนี้ มันเกิดจากสิ่งที่หยกกำลังทำไปสั่นสะเทือนอำนาจภายในประเทศ สั่นสะเทือนผู้มีอำนาจสั่นสะเทือนปัญหาเชิงโครงสร้าง แตะเต็มๆ เลย ก็อาจจะทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มาต่างๆ นานาแบบที่ไม่เข้าใจน้องแล้วก็เข้าใจได้ค่ะในคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น แต่ว่าคำวิพากษ์วิจารณ์บางอันที่ทำให้หยกดูเหมือนเป็นปีศาจร้ายก็เพราะว่าหยกกำลังไปสั่นสะเทือนอำนาจของผู้มีอำนาจอยู่</p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>ปัญหากระบวนการยุติธรรมในกรณี 'หยก' และระบอบอำนาจนิยมในสถานพินิจ</li>
<li>ร.ร.เตรียมอุดมฯ ปิดประตูไม่ให้ 'หยก' เข้าพร้อมแถลงสาเหตุไล่ออก ไม่มี 'มารดาที่แท้จริง' มามอบตัว</li>
<li>วันนี้ไม่ปีนรั้ว 'หยก' กระโดดเข้าทางหน้าต่าง อาจารย์ขู่แจ้งบุกรุก ตำรวจใน-นอกเครื่องแบบเต็มโรงเรียน</li>
<li>กางระเบียบ ศธ. เด็กจะเรียนต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองมอบตัวจริงหรือ?</li>
</ul>
</div>
<p>ปัญหาที่แท้จริงแล้วมันไม่ได้เกิดจากหยกไม่มีผู้ปกครองเพราะว่าจริงๆ แล้วทางโรงเรียนก็พยายามจะไล่หยกออกตั้งแต่ตอนที่หยกยังอยู่ภายในเรือนจำแล้ว โดยเขาใส่กฎเข้าไปเพิ่มว่าหากเด็กคนนั้นต้องโทษคดีทางอาญาก็จะไม่ได้สิทธิ์เรียนหนังสือกับเขาตอนหลังเขาก็แอบไปเอากฎตรงนี้ออกเอากฎนี้ใส่  เขามีความพยายามมาตั้งแต่น้องโดน 112 แล้วว่าจะไม่รับมอบตัวน้อง เพียงแต่ว่า ณ ตอนนั้นเราก็สู้กันจนกระทั่งน้องได้มอบตัว แล้วมาถึงวันนี้เขาก็ไล่หยกออกอีก</p>
<p>จริงๆ แล้วโรงเรียนก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาทั้งหมดที่เราเผชิญอยู่ในตอนนี้คือปัญหามันเกิดจากระบบในประเทศนี้ที่มันผิดปกติ ในประเทศที่มันเจริญแล้วมันไม่มีเด็กคนไหนหรอกที่ไม่ได้มอบตัวเพียงเพราะว่าเขาไม่มีพ่อแม่ หรือไม่มีพ่อแม่ที่แท้จริงตามสายเลือดมาแสดงตัว</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53153351482_b72e22fe26_b.jpg" style="width: 1024px; height: 683px;" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">บุ้ง และหยกพร้อมเพื่อนนักกิจกรรมที่ไปยืนรอส่งหยกเพื่อไปค่ายภาษาจีนของโรงเรียนแต่ทางโรงเรียนไม่ให้ร่วมและให้เพื่อนนักเรียนอุ้มตัวหยกลงจากรถ เมื่อ 31 ส.ค.2566 ภาพโดย แมวส้ม</span></p>
<p>แล้วถ้าทางโรงเรียนอ้างว่าผู้ปกครองจะต้องเป็นพ่อแม่ตามกฎหมายแล้วเค้าก็แปะ พ.ร.บ.ผู้ปกครองมาซึ่งจริงๆ แล้วใน พ.ร.บ.ผู้ปกครองตัวบุ้งเองก็เป็นผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นเดียวกันคือ พ.ร.บ.ผู้ปกครองระบุเอาไว้ว่าจะต้องเป็นบุพการีหรือเป็นเจ้านายในที่ทำงานก็ได้หรือเป็นคนที่อุปการะเลี้ยงดูอยู่ สิ่งนี้จริงๆ แล้วคือบุ้งก็เป็นผู้ปกครองตามกฎหมายแล้วเหมือนกัน บุ้งก็สามารถมอบตัวได้</p>
<p>ฉะนั้นจริงๆ แล้วเนี่ยก็อยากจะถามสังคมไปว่าคิดจริงๆ เหรอว่ามันเป็นเรื่องของผู้ปกครอง จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของมาตรา 112 ที่น้องโดนต่างหากที่ทำให้แต่ละคนกลั่นแกล้งน้องกันขนาดนี้</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">คิดว่าทางออกของเรื่องนี้คืออะไร?</span></h3>
<p>สำหรับบุ้งคือมีทรัพยากรมากพอที่จะให้หยกเลือกได้เลยว่าหยกจะเอาแบบไหน บุ้งมั่นใจว่าทั้งบุ้งและแฟนและครอบครัวของเราทั้งสองคนมีทรัพยากรมากพอที่จะดูแลน้องและให้น้องมีทางเลือกมากกว่าเด็กหลายคนในประเทศนี้อีก แต่ว่าในทางออกนี้มันจะเป็นอย่างไรก็คือต้องให้หยกเลือก แล้วหยกเนี่ยเขาไม่ใช่เด็กที่ไร้สาระ คือวันนึงเขาอาจจะมีการใช้ชีวิตหรือเล่นบ้างแต่ว่าเขาเป็นเด็กที่มีความคิดมีการวางแผนในอนาคตของเขาอยู่แล้ว ก็อาจจะต้องมาคอยดูกันว่าในวันข้างหน้าหยกจะตัดสินใจยังไงไป แล้วบุ้งก็มีหน้าที่ที่สนับสนุนการตัดสินใจนั้นของน้องแค่นั้นเอง</p>
<p>ถ้าหยกยังคิดอยู่ว่าหยกต้องได้เรียนที่เนี่ยพอเข้ามอบตัวไปแล้ว ซึ่งก็ถูกของเขานะเขาก็ต้องได้เรียน</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">ที่ผ่านมาด้วยบทบาทที่บุ้งต้องมาดูแลน้องๆ บุ้งต้องเผชิญปัญหาอะไรบ้างอีกไหมนอกจากเสียงก่นด่า อย่างเช่นเคยช็อตหรือว่ามีเรื่องที่อยากได้ความช่วยเหลือบ้างไหม?</span></h3>
<p>ก่อนหน้านี้ที่อยู่กับนักเรียนเลว เขาก็จะคุยกันของเขาแล้วก็ช่วยกันหาทางแก้ไขช่วงนั้นยังกระแสสูงของการเคลื่อนไหวเนอะ ความช่วยเหลือมันก็จะหลั่งไหลเข้ามา พอเราเจอปัญหานึงมันก็จะไม่ได้ติดขัดอยู่นาน มันก็จะแก้ไขได้ เพราะว่ามันก็มีผู้ใหญ่ หลายคนเข้ามาช่วยเหลืออยู่ตลอด</p>
<p>แต่ตอนนี้เป็นช่วงกระแสต่ำแล้วก็หยกก็ปีนรั้ว ถ้าความช่วยเหลืออะไรที่อยากได้ก็คืออยากจะให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหรือคนที่มีสรรพกำลังเสียงที่จะพูดแทนหยกได้ในเรื่องของการต่อสู้ของเขา ก็อยากที่จะให้มีความกล้าหาญแล้วก็พูดแทนเขาว่าการต่อสู้ขอ
5044  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "บิ๊กต่อ" แบ่งหน้าที่ รอง ผบ.ตร. โยก "บิ๊กโจ๊ก" จากงานสืบสวนไปคุมความมั่นคง เมื่อ: 03 ตุลาคม 2566 01:11:07
"บิ๊กต่อ" แบ่งหน้าที่ รอง ผบ.ตร. โยก "บิ๊กโจ๊ก" จากงานสืบสวนไปคุมความมั่นคง
         


&quot;บิ๊กต่อ&quot; แบ่งหน้าที่ รอง ผบ.ตร. โยก &quot;บิ๊กโจ๊ก&quot; จากงานสืบสวนไปคุมความมั่นคง" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;"บิ๊กต่อ" แบ่งหน้าที่ รอง ผบ.ตร. โยก "บิ๊กโจ๊ก" จากงานสืบสวนไปคุมความมั่นคง เซ็นตั้งรักษาการแทนอีก 3 ตำแหน่ง
         

https://www.sanook.com/news/9058646/
         
5045  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'วันที่อยู่อาศัยโลก' กสม. ย้ำรัฐต้องให้การประกัน การมีที่อยู่อาศัยสำหรับประ เมื่อ: 03 ตุลาคม 2566 00:21:23
'วันที่อยู่อาศัยโลก' กสม. ย้ำรัฐต้องให้การประกัน การมีที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนทุกคน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 23:59</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกสารเนื่องใน “วันที่อยู่อาศัยโลก” ย้ำการมีที่อยู่อาศัยคือสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชนทุ<wbr></wbr>กคนที่รัฐต้องให้การประกัน หนุนเปิดโอกาสให้ประชาชนและชุ<wbr></wbr>มชนได้มีส่วนร่<wbr></wbr>วมในการออกแบบและวางแผนที่อยู่<wbr></wbr>อาศัยของตนเองและครอบครัวด้วย</p>
<p>2 ต.ค.2566 เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก หรือ World Habitat Day ที่องค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนดให้ทุกวันจันทร์ของสัปดาห์แรกในเตือนตุลาคมเป็นวันดังกล่าว เพื่อให้นานาประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและปลอดภัยนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกสารย้ำว่า การมีที่อยู่อาศัยคือสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชนทุ<wbr></wbr>กคนที่รัฐต้องให้การประกัน ดังที่กติการะหว่างประเทศว่าด้<wbr></wbr>วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR)  และสนับสนุนการดำเนินการทุ<wbr></wbr>กประการของรัฐบาลที่เกี่ยวเนื่<wbr></wbr>องกับการจัดที่อยู่อาศัยและที่<wbr></wbr>ทำกินให้กับประชาชนผู้มีรายได้<wbr></wbr>น้อยและผู้ขาดโอกาสในการถื<wbr></wbr>อครองที่ดิน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนและชุ<wbr></wbr>มชนได้มีส่วนร่<wbr></wbr>วมในการออกแบบและวางแผนที่อยู่<wbr></wbr>อาศัยของตนเองและครอบครัวด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มีสิทธิ<wbr></wbr>ในที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและมี<wbr></wbr>คุณภาพชีวิตที่ดีเสมอกัน อันเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ<wbr></wbr>และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน</p>
<p>โดยมีรายละเอียดดังนี้  </p>
<p> </p>
<div class="note-box">
<h2><span style="color:#2980b9;">สารคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่<wbr></wbr>งชาติ (กสม.) เนื่องใน “วันที่อยู่อาศัยโลก” ประจำปี 2566</span></h2>
<p>“ที่อยู่อาศัย” คือปัจจัยขั้นพื้นฐานสำหรั<wbr></wbr>บการดำรงชีวิตของมนุษย์ แต่ปัจจุบันหลายประเทศทั่<wbr></wbr>วโลกรวมทั้งประเทศไทยยังมีปั<wbr></wbr>ญหาการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่<wbr></wbr>อาศัยและการจัดระบบสาธารณู<wbr></wbr>ปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่<wbr></wbr>อการดำรงชีวิตให้<wbr></wbr>ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้มี<wbr></wbr>รายได้น้อยที่อาศัยอยู่ในเขตเมื<wbr></wbr>องและพื้นที่สงวนของรัฐตามภูมิ<wbr></wbr>ภาคต่าง ๆ ซึ่งบางส่วนเป็นคนไร้บ้านที่<wbr></wbr>อาศัยอยู่ตามที่สาธารณะ ขณะที่บางส่วนได้รั<wbr></wbr>บผลกระทบจากการถูกรื้อย้ายที่<wbr></wbr>อาศัยหรือถูกผลักดันให้ออกจากพื้<wbr></wbr>นที่อาศัยดั้งเดิม เนื่องจากบ้านเรือนตั้งอยู่ในพื้<wbr></wbr>นที่ที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิ<wbr></wbr>นหรือไม่ได้เช่าที่ดินของรัฐเพื่<wbr></wbr>ออยู่อาศัยอย่างถูกต้<wbr></wbr>องตามกฎหมาย เช่น ผู้อาศัยอยู่ตามแนวเขตพื้นที่ก่<wbr></wbr>อสร้างเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ หรือ ผู้ที่อาศัยอยู่ตามแนวเขตพื้นที่<wbr></wbr>อนุรักษ์ทั้งบนที่ราบสู<wbr></wbr>งและชายฝั่ง เป็นต้น</p>
<p>คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอเน้นย้ำว่า การมีที่อยู่อาศัยคือสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชนทุ<wbr></wbr>กคนที่รัฐต้องให้การประกัน ดังที่กติการะหว่างประเทศว่าด้<wbr></wbr>วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ข้อ 11 ระบุไว้ว่า รัฐภาคีต้องรับรองสิทธิของทุ<wbr></wbr>กคนในมาตรฐานการครองชีพที่เพี<wbr></wbr>ยงพอสำหรับตนเองและครอบครัว ซึ่งรวมถึงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยที่เพี<wbr></wbr>ยงพอและสภาพการครองชีพที่ดีขึ้<wbr></wbr>นอย่างต่อเนื่อง รัฐภาคีจะดำเนินขั้นตอนที่<wbr></wbr>เหมาะสมเพื่อประกันการทำให้สิ<wbr></wbr>ทธินี้เป็นจริง โดยรับรองความสำคัญอย่างแท้จริ<wbr></wbr>งของความร่วมมือระหว่<wbr></wbr>างประเทศบนพื้นฐานความยิ<wbr></wbr>นยอมโดยเสรี</p>
<p>เนื่องในโอกาสที่โครงการตั้งถิ่<wbr></wbr>นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN – HABITAT) กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุ<wbr></wbr>ลาคมทุกปีเป็น “วันที่อยู่อาศัยโลก” (World Habitat Day) ซึ่งในปี 2566 นี้ ตรงกับวันที่ 2 ตุลาคม กสม. ขอสนับสนุนการดำเนินการทุ<wbr></wbr>กประการของรัฐบาลที่เกี่ยวเนื่<wbr></wbr>องกับการจัดที่อยู่อาศัยและที่<wbr></wbr>ทำกินให้กับประชาชนผู้มีรายได้<wbr></wbr>น้อยและผู้ขาดโอกาสในการถื<wbr></wbr>อครองที่ดิน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนและชุ<wbr></wbr>มชนได้มีส่วนร่<wbr></wbr>วมในการออกแบบและวางแผนที่อยู่<wbr></wbr>อาศัยของตนเองและครอบครัวด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มีสิทธิ<wbr></wbr>ในที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและมี<wbr></wbr>คุณภาพชีวิตที่ดีเสมอกัน อันเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ<wbr></wbr>และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน  </p>
<p>คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ</p>
<p>2 ตุลาคม 2566</p>
</div>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106182
 
5046  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เปิดใจ "หมอพรทิพย์" เล่านาทีถูกไล่จากร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ ไม่คิดจะเป็นเรื่ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 23:08:27
เปิดใจ "หมอพรทิพย์" เล่านาทีถูกไล่จากร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ ไม่คิดจะเป็นเรื่องใหญ่
         


เปิดใจ &quot;หมอพรทิพย์&quot; เล่านาทีถูกไล่จากร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ ไม่คิดจะเป็นเรื่องใหญ่" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;“หมอพรทิพย์” แจงเหตุถูกไล่ออกจากร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ รู้สึกเห็นใจเขา สำหรับความเกลียดที่เกิดจากไม่รู้จักกัน
         

https://www.sanook.com/news/9057758/
         
5047  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สปสช. เห็นชอบงบบัตรทองปี 67 กว่า 2.21 แสนล้าน หนุนนโยบายยกระดับ 30 บาทพลัส  เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 22:50:43
สปสช. เห็นชอบงบบัตรทองปี 67 กว่า 2.21 แสนล้าน หนุนนโยบายยกระดับ 30 บาทพลัส 
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 21:24</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>บอร์ด สปสช. เห็นชอบข้อเสนอปรับปรุงงบขาขึ้นกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประจำปี 2567 โดยเสนอของบประมาณ 2.21 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 กว่า 17,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนโยบายยกระดับ 30 บาทพลัส ดูแลประชาชน </p>
<p>2 ต.ค. 2566 ทีมสื่อ สปสช. รายงานต่อสื่อมวลชนว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้เข้าร่วมประชุม บอร์ด สปสช. เป็นครั้งแรกหลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระสำคัญพิจารณาร่างข้อเสนองบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และร่างข้อเสนองบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2567 ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มงบประมาณกองทุนฯ รวมเงินเดือนบุคลากร จากเดิม  212,449.82 ล้านบาท เป็น 221,528.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17,388.92 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้มีมติความเห็นชอบ </p>
<p>นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้การพิจารณาของบอร์ด สปสช. ได้เป็นไปตามระเบียบวาระ โดยมีเรื่องสำคัญที่พิจารณาคือแผนจัดทำงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2567 ที่ได้มีการปรับแผนตามมติคณะรัฐมนตรี มีการปรับเพดานงบประมาณจากจำนวน 3.35 ล้านล้านบาท จากที่มีการเห็นชอบไปก่อนหน้านี้ เมื่อ 14 มี.ค. 2566 เป็นจำนวน 3.48 ล้านล้านบาท ทำให้ บอร์ด สปสช. ต้องพิจารณาและให้ความเห็นชอบใหม่ และจะมีการนำเสนอต่อ ครม. อีกครั้ง ทั้งภาพรวมของแผนมีการจัดทำอย่างครอบคลุม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และแผนการดำเนินงานกองทุนฯ ที่รวมในส่วนของเงินเดือนเป็นจำนวนกว่า 2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นเหมาจ่ายรายหัวจำนวน 3,539 บาทต่อคนต่อปี </p>
<p>“ในการจัดทำแผนปรับปรุงงบประมาณนี้ สปสช. ยังได้นำแผน Quick Win ที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศเป็นนโยบายนำมาประกอบเพื่อสนับสนุนงบประมาณด้วย เพื่อให้เป็นไปตามแผนดำเนินงานที่วางไว้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวและว่า ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้ สปสช.จ่ายเงินให้หน่วยบริการอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้หน่วยบริการ และให้ประชาชนเข้าถึงด้วยความมั่นใจ </p>
<p>ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า เดิมทีบอร์ด สปสช. มีมติเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2565 เห็นชอบข้อเสนอคําขอรับงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2567 จำนวน 212,449.82 ล้านบาท โดยเป็นยอดเงินสด 146,897.20 ล้านบาท  ต่อมาคณะรัฐมนตรีวันที่ 13 ก.ย. 2566 ได้สั่งการให้ปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ใหม่ ให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสาธารณสุขของรัฐบาลชุดใหม่ ดังนั้น สปสช. จึงได้ปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่าย โดยคำนึงถึงนโยบายทั้ง 13 ข้อของกระทรวงสาธารณสุข และปรับเพิ่มงบประมาณที่ต้องใช้เพื่อผลักดันนโยบายเหล่านี้ขึ้นอีก 17,388.92 ล้านบาท </p>
<p>สำหรับ งบประมาณที่เพิ่มขึ้น 17,388.92 บาทนี้ แบ่งเป็น บริการเดิมที่ต่อเนื่องจากปี 2566 จำนวน 8,297.23 ล้านบาท บริการเดิมที่เป็นนโยบายของรัฐบาล 6,164.29 ล้านบาท บริการใหม่/สิทธิประโยชน์ใหม่ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล 108.99 ล้านบาท บริการ/สิทธิประโยชน์ใหม่ประจำปี 2567 จำนวน 12.57 ล้านบาท และ การปรับใช้ระบบการจ่ายชดเชยค่าบริการแบบ DRG เวอร์ชั่น 6 อีก 2,805.84 ล้านบาท </p>
<p>ทั้งนี้ ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ได้มีมติเห็นชอบร่างข้อเสนองบประมาณฯ ฉบับดังกล่าว โดยได้เน้นย้ำว่าเมื่อมีการปรับเพิ่มงบประมาณขึ้นแล้ว ผลการดำเนินงานจะต้องไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ยังได้เห็นชอบ ร่างข้อเสนองบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปีงบประมาณ 2567 อีกจำนวน 2,086.55 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาเห็นชอบต่อไป </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106174
 
5048  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - วราวุธ รมว.พัฒนาสังคมฯ ดันนโยบาย "จ่ายค่าเช่าบ้านคนละครึ่ง" ช่วยทุกคนมีที่อย เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 22:38:40
วราวุธ รมว.พัฒนาสังคมฯ ดันนโยบาย "จ่ายค่าเช่าบ้านคนละครึ่ง" ช่วยทุกคนมีที่อยู่อาศัย
         


วราวุธ รมว.พัฒนาสังคมฯ ดันนโยบาย &quot;จ่ายค่าเช่าบ้านคนละครึ่ง&quot; ช่วยทุกคนมีที่อยู่อาศัย" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;วราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมฯ ดันนโยบาย "จ่ายค่าเช่าบ้านคนละครึ่ง" ช่วยทุกคนมีที่อยู่อาศัย
         

https://www.sanook.com/news/9058594/
         
5049  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - [Live] คุยกับพีมูฟปักหลักชุมนุมครั้งแรกในรัฐบาลเศรษฐา ดันนโยบาย 9 ด้าน ที่ดิน เสรีภ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 21:20:41
[Live] คุยกับพีมูฟปักหลักชุมนุมครั้งแรกในรัฐบาลเศรษฐา ดันนโยบาย 9 ด้าน ที่ดิน เสรีภาพ ประชาธิปไตย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 20:44</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/-xXR8hal3Pg?si=cqU0aQpwzqJT8lVF" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p style="text-align: center;"> </p>
<p>บันทึกถ่ายทอดสดการสนทนากับ พชร คำชำนาญ ทีมสื่อสารของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ  หลังวันนี้ปักหลักชุมนุมครั้งแรกในรัฐบาลเศรษฐาที่บริเวณด้านหน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล  โดยเรียกร้องจนกว่า 'เศรษฐา ทวีสิน' จะมาพบ เพื่อเรียกร้องเดินหน้านโยบาย 9 ด้าน ทั้งนโยบายด้านสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย, การกระจายอำนาจ, ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม, นโยบายที่ดินและการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ, การป้องกันภัยพิบัติ, การคุ้มครองชาติพันธุ์และสิทธิความเป็นมนุษย์, สิทธิและสถานะบุคคล และ รัฐสวัสดิการ </p>
<p>เพื่อสอบถามที่มา ข้อเรียกร้องและความคาดหวังของการปักหลักชุมนุมครั้งนี้</p>
<p>อนึ่งแถลงการณ์ของพีมูฟระบุว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายทั้ง 9 ด้านต่อทุกภาคส่วนแล้วที่รัฐสภา แต่วันนี้ยังไม่มีเสียงตอบรับจากรัฐบาลว่าจะรับหลักการข้อเสนอเชิงนโยบายของเราไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอย่างไร และรัฐบาลยังได้สร้างข้อกังขาต่อภาคประชาชนว่าจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาที่พบว่ามีแนวนโยบายหลายอย่างที่แสดงถึงความไม่เข้าใจต่อการแก้ปัญหาภาคประชาชน สืบทอดแนวนโยบายของรัฐบาลเผด็จการ คสช. และไม่อาจยินยอมให้รัฐบาลเดินหน้าแนวนโยบายเช่นนี้ต่อไปตลอดเวลา 4 ปีข้างหน้าได้ </p>
<p>"จึงจัดชุมนุมจนกว่าจะมีหลักประกันความชัดเจนว่าข้อเสนอเชิงนโยบายทั้ง 9 ด้านจะได้รับการตอบสนอง เดินหน้าผลักดันโดยรัฐบาล และจะไม่กลับบ้านจนกว่าจะบรรลุข้อเรียกร้องทั้งหมด รวมถึงขอส่งเสียงไปยังพี่น้องภาคประชาชนทั่วประเทศให้ร่วมสนับสนุนและเข้าร่วมการเคลื่อนไหวของพวกเรา ลงถนนด้วยกัน" แถลงการณ์ พีมูฟระบุ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-0" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สัมภhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106173
 
5050  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ป้ายืนรอตักบาตร อึ้ง คนข้างบ้านถกผ้าถุงใส่ ปกติใส่กางเกงใน วันนี้อุจาดเต็มตา เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 20:04:56
ป้ายืนรอตักบาตร อึ้ง คนข้างบ้านถกผ้าถุงใส่ ปกติใส่กางเกงใน วันนี้อุจาดเต็มตา
         


ป้ายืนรอตักบาตร อึ้ง คนข้างบ้านถกผ้าถุงใส่ ปกติใส่กางเกงใน วันนี้อุจาดเต็มตา" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ป้านุ่งขาวห่มขาวยืนรอตักบาตร ตะลึง คนข้างบ้านถกผ้าถุงใส่ ทำประจำแต่ปกติใส่ชั้นใน วันนี้อุจาดเต็มตา
         

https://www.sanook.com/news/9058246/
         
5051  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - แกนนำสลัม 4 ภาค-เครือข่าย ยื่น 10 ข้อเสนอต่อ กทม. ให้แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจนเมือง เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 19:49:56
แกนนำสลัม 4 ภาค-เครือข่าย ยื่น 10 ข้อเสนอต่อ กทม. ให้แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจนเมือง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 18:59</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ที่มาภาพ: ทีมสื่อพรรคก้าวไกล</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>แกนนำสลัม 4 ภาค และเครือข่ายที่อยู่อาศัย จัดเวทีเรียกร้องที่อยู่อาศัยให้คนจนเมือง ยื่น 10 ข้อเสนอให้ กทม.แก้ไขปัญหา รวมทั้งเสนอแก้ ร่าง รธน.ใหม่ โดย ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100%</p>
<p>2 ต.ค. 2566 ไทยพีบีเอสรายงานว่า วันนี้ (2 ต.ค.) เวลา 08.20 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เครือข่ายสลัม 4 ภาค จัดกิจกรรมรณรงค์ "เดินเพื่อบ้าน" เริ่มตั้งขบวนที่ลานคนเมือง โดยเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทรวงคมนาคม องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น และทำเนียบรัฐบาล เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก (World Habitat Day) ที่องค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนดให้เป็นทุกวันจันทร์ของสัปดาห์แรกในเดือนตุลาคม</p>
<p>คมสัน จันทร์อ่อน แกนนำเครือข่ายสลัม 4 ภาค กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในวันนี้ ว่า จะเรียกร้องให้ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศนโยบายจากข้อเรียกร้องที่ทางเครือข่ายเสนอไป 10 กว่าข้อ จากนั้นจะเคลื่อนไปทำกิจกรรมทางการเมืองที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้องการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ทำหน้าที่ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ควรมาจากการเลือกตั้ง 100%</p>
<p>ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของเครือข่ายสลัม 4 ภาค มีดังนี้</p>
<ol>
<li>ให้กรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยงานในการขอใช้ที่ดินสาธารณะ และที่ดินของหน่วยงานกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ชุมชนจัดสร้างที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีโครงการบ้านมั่นคงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนเข้ามาสนับสนุน</li>
<li>กรุงเทพมหานครต้องหยุดการใช้กฎหมาย ปว.44 (ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44) ที่มาจากอำนาจเผด็จการ และลิดรอนสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม และให้มีกระบวนการยกเลิกกฎหมาย ปว.44 นี้</li>
<li>ให้มีมาตรการที่ชัดเจนให้ชุมชนสามารถปรับปรุงสร้างความมั่นคงการอยู่อาศัยในที่เดิมได้ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ต้องเป็นชุมชนที่ไม่ปลูกบ้านเรือนลุกล้ำลำคลอง หรืออยู่ในสภาพที่ขัดขวางการระบายน้ำ และมีพื้นที่ในการปรับปรุงจัดผังการอยู่อาศัยใหม่ให้เป็นระเบียบไม่ขัดขวางการระบายน้ำ เป็นชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เสื่อมสภาพแล้ว ไม่สามารถใช้ในการระบายน้ำได้ ให้ชุมชนสามารถจัดผังการอยู่อาศัยในพื้นที่เดิม</li>
<li>ในกรณีชุมชนที่ไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้ ให้กรุงเทพมหานครขอใช้ที่ดินสาธารณะในเมือง เพื่อเป็นพื้นที่รองรับการย้ายไปสร้างชุมชนใหม่</li>
<li>ให้กรุงเทพมหานคร สนับสนุน และสำรวจชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่สาธารณะริมคลองในเขตกรุงเทพมหานคร ร่วมกับภาคีองค์กรชุมชน สถาบันพัฒนาองค์ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อมูลชุมชนที่ชัดเจน เพื่อใช้ในการแก้ปัญหา</li>
<li>ให้ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถจดแจ้งชุมชนได้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัย และแรงงานที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร ได้เข้าถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตพื้นฐาน และกรุงเทพมหานครสามารถนำข้อมูลใช้ในการทำแผนการพัฒนาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ</li>
<li>ให้มีนโยบายการเก็บภาษีแบบรายแปลงย่อยตามการอยู่อาศัยจริง หรือตามทะเบียนบ้านของผู้โครงการ</li>
<li>จัดทำข้อมูลชุมชนในโครงการบ้านมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานครร่วมกัน (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กรุงเทพมหานคร องค์กรชุมชน)</li>
<li>ต้องการการสนับสนุนจากกรุงเทพมหานคร ในการอำนวยการ การจัดสร้างที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านมั่นคง และการพัฒนาสาธารณูปโภค</li>
<li>ให้แจ้งนโยบายการสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคง และประสานงานกับสำนักงานเขต ให้มีการสนับสนุนและมีแผนการพัฒนาโครงการบ้านมั่นคงในพื้นที่ร่วมกัน ระหว่างองค์กรชุมชน สำนักงานเขต และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน</li>
</ol>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106172
 
5052  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ‘ยืนหยุดทรราช’ เชียงใหม่ สัปดาห์ที่ 66 : เดือนกันยายน ผู้ต้องขังทางการเมืองพุ่งเ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 18:19:12
‘ยืนหยุดทรราช’ เชียงใหม่ สัปดาห์ที่ 66 : เดือนกันยายน ผู้ต้องขังทางการเมืองพุ่งเป็น 35 ราย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 15:59</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p><span style="color:#e67e22;">ภาพ พิภพ อุดมอิทธิพงศ์</span></p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>"ยืนหยุดทรราช" เชียงใหม่ สัปดาห์ที่ 66 ศูนย์ทนายฯ อัพเดทเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีผู้ถูกขังเพิ่มอีก 6 คน ทำให้ผู้ต้องขังทางการเมืองพุ่งเป็น 35 คน ขณะที่ ‘วารุณี-เวหา’ อดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัวในเรือนจำมาเกิน 1 เดือน</p>
<p> </p>
<p>2 ต.ค. 2566 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา เวลา 17.00 - 18.12 น. กลุ่ม ‘We, The People’ จัดกิจกรรม "ยืนหยุดทรราช" เชียงใหม่ เป็นสัปดาห์ที่ 66 บริเวณลานท่าแพ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนชวนจับตาคดี ม.112 เดือนตุลาคม มีการสืบพยานคดี ม.112 จำนวน 18 คดี โดยเป็นคดีเยาวชน 2 คดี และมีนัดอ่านคำพิพากษาอีก 15 คดี</p>
<p>ขณะที่เดือนกันยายนที่ผ่านมา มีผู้ถูกขังเพิ่มอีก 6 คน ทำให้ผู้ต้องขังทางการเมืองพุ่งเป็น 35 คน โดยที่ศาลยังไม่มีคำสั่งให้ประกันตัวสักคดี แบ่งเป็นผู้ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดี 25 ราย และเป็นผู้ต้องขังในคดีที่สิ้นสุดแล้ว (นักโทษเด็ดขาด) 10 ราย</p>
<p>ด้าน ‘วารุณี-เวหา’ อดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัวในเรือนจำมาเกิน 1 เดือน</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228164581_28010c42c8_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228164601_1cef8c3593_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228472618_daa2126bf4_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53227293492_2583c89893_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228542454_909ca6686d_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228542459_3c51f0c80d_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228667285_d9b58c14ff_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53227293462_24ff193bc0_b.jpg" /></p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106169
 
5053  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เติมบัตร MRT ออนไลน์ เปิดขั้นตอนทำได้ผ่านแอป ไม่ต้องเข้าคิวรอที่เคาน์เตอร์อีก เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 17:34:14
เติมบัตร MRT ออนไลน์ เปิดขั้นตอนทำได้ผ่านแอป ไม่ต้องเข้าคิวรอที่เคาน์เตอร์อีก
         


เติมบัตร MRT ออนไลน์ เปิดขั้นตอนทำได้ผ่านแอป ไม่ต้องเข้าคิวรอที่เคาน์เตอร์อีก" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เปิดขัั้นตอนการเติมเงิน MRT ออนไลน์ ทำได้ง่าๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ต้องเข้าคิวรอที่เคาน์เตอร์อีกต่อไป
         

https://www.sanook.com/news/9058126/
         
5054  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - "นฤมล" ลาออกพลังประชารัฐทุกตำแหน่ง ลือสะพัดเตรียมนั่งเก้าอี้ใหม่ ไฉไลกว่าเด เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 17:04:25
"นฤมล" ลาออกพลังประชารัฐทุกตำแหน่ง ลือสะพัดเตรียมนั่งเก้าอี้ใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
         


&quot;นฤมล&quot; ลาออกพลังประชารัฐทุกตำแหน่ง ลือสะพัดเตรียมนั่งเก้าอี้ใหม่ ไฉไลกว่าเดิม" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;"นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" ลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคพลังประชารัฐ ลือสะพัดเตรียมนั่งเก้าอี้ใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
         

https://www.sanook.com/news/9058106/
         
5055  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ‘ก้าวไกล’ ประเดิม Policy Watch ชำแหละนโยบายดีอี แนะทบทวนศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม-เร่งให้เ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 16:46:03
‘ก้าวไกล’ ประเดิม Policy Watch ชำแหละนโยบายดีอี แนะทบทวนศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม-เร่งให้เกิดดิจิทัลไอดี
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 13:44</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>‘ก้าวไกล’ ประเดิม Policy Watch ชำแหละนโยบายดีอี ‘ณัฐพงษ์’ ย้ำบทบาทฝ่ายค้านเชิงรุก วิจารณ์พร้อมข้อเสนอ แนะรัฐบาลทบทวนศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม-เร่งให้เกิดดิจิทัลไอดี-ขอความชัดเจน Cloud-First Policy - รื้อโปรเจกต์ซูเปอร์แอปทางรัฐ-ยืนยันตัวตนแบบ 2FA ป้องกันเพจรัฐถูกแฮก</p>
<p>2 ต.ค.2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (2 ต.ค.) ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ แถลงข่าว Policy Watch จับตานโยบายด้านดิจิทัล โดยมีพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวด้วย </p>
<p>พริษฐ์กล่าวเริ่มต้นว่า พรรคก้าวไกลต้องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุกและฝ่ายค้านสร้างสรรค์ พยายามผลักดันวาระที่ได้สื่อสารกับประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการเป็นรัฐบาลครั้งถัดไป โดยใช้กลไก Policy Watch แบ่งกลุ่ม สส. และทีมงานเป็นรายประเด็นในการติดตามนโยบายและการทำงานของรัฐบาล เพื่อวิเคราะห์ รวมถึงให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐบาล สำหรับประเด็นแรกเป็นนโยบายดิจิทัล ซึ่งรับผิดชอบโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) เป็นหลัก</p>
<p>ณัฐพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากช่วงเวลา 21 วันของการเข้ารับตำแหน่งของ ครม. เศรษฐา ทวีสิน มีความเคลื่อนไหวจากฟากกระทรวง DE มาเป็นระยะ ซึ่งการออกมาให้ข่าว เฉลี่ย 5 วันต่อครั้งของกระทรวง DE ถือเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วและค่อนข้างทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะเรื่องการสั่งตั้งทีมเฉพาะกิจ เพื่อจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ และเป็น 21 วันที่เร็วเกินไปมาก ที่ตนจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความล้มเหลว หรือความสำเร็จ ของการทำหน้าที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายอย่าง ที่ตนคิดว่ารัฐบาล ควรทำให้เกิดความชัดเจนได้มากกว่านี้ และสามารถสั่งการได้ทันที ในช่วงเวลา 21 วันที่ผ่านมา</p>
<p>อย่างแรก พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการให้มีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ที่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรัฐบาล ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยเพราะวันนี้พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ไม่เห็นด้วยเพราะการทำศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ ขัดกับแนวปฏิบัติของ IFCN และขัดกับแนวทางที่องค์กรสื่อสากลให้การยอมรับ รัฐบาลควรพิจารณาทบทวนบทบาทของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ว่าจะทำอย่างไรให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งนี้ดำรงความเป็นกลาง เพื่อสร้างการยอมรับจากสากล</p>
<p>ณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ขอสะท้อนภาพอีกมุมของการทำงานของกระทรวง DE ที่ตนอยากเห็น แต่ยังไม่เห็นใน 21 วันที่ผ่านมา เพื่อให้รัฐบาลมองเห็นภาพการดำเนินนโยบายด้านดิจิทัลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ได้แก่ หนึ่ง รัฐบาลควรเร่งดำเนินการให้เกิด Digital ID หรือตัวแทนของบัตรประชาชน ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อทำให้เกิดระบบนิเวศน์ข้อมูล ที่เป็นหนึ่งเดียว เปิดกว้าง และไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านการดำเนินการที่เรียกว่ากระดุม 5 เม็ด ได้แก่ กระดุมเม็ดที่ 1 เร่งเจรจาเพื่อแปลงสภาพบริษัท NDID ให้อยู่ในรูปแบบนิติบุคคล ที่ไม่มีสถานะขัดกันแห่งผลประโยชน์ และเปลี่ยนชื่อ NDID (National Digital ID) เป็น NDXP หรือ National Data Exchange Platform เพื่อให้ NDID ไม่ดำรงตนอยู่ในฐานะคู่แข่งของ IdP หรือ Identity Provider อื่น อาทิ แอป ThaID ของกระทรวงมหาดไทย</p>
<p>กระดุมเม็ดที่ 2 กำหนดให้ NDXP เป็นบริการของรัฐ และเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน ที่รัฐจัดให้มี และให้บริการแก่ประชาชนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย กระดุมเม็ดที่ 3 รัฐบาลต้องสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย เจ้าของแอป ThaID ทำการเชื่อมระบบเข้า NDXP เป็น IdP ที่ให้บริการแก่ประชาชนฟรี ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม</p>
<p>กระดุมเม็ดที่ 4 รัฐบาลต้องสั่งการให้ทุกหน่วยงานของรัฐ ที่ถือข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ทำการเชื่อมระบบเข้า NDXP เป็น AS หรือ Authoritative Source โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อทำให้ประชาชน สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง ที่ภาครัฐเป็นผู้ควบคุมข้อมูล ไปใช้ประโยชน์ต่อได้ในอนาคต</p>
<p>กระดุมเม็ดที่ 5 เร่งพิจารณา กำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกได้สูงหากมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบเศรษฐกิจระหว่างกัน อาทิ ข้อมูลด้านสุขภาพ ข้อมูลด้านการเงิน และข้อมูลด้านการเดินทาง เพื่อเร่งกำหนดมาตรฐานกลาง ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐและเอกชน อำนวยความสะดวกให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้จริง</p>
<p>ณัฐพงษ์กล่าวว่า ภาพต่อมาที่ตนอยากเห็น คือการประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับ Cloud-First Policy แก้ไขบรรดา กฎ ระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง ต่อการประยุกต์ใช้ Cloud ของภาครัฐ เนื่องจากระเบียบสำนักงบประมาณและระเบียบกระทรวงการคลังที่ล้าสมัยและถูกบังคับใช้ขณะนี้ กำลังเป็นกำแพงไม่ให้หน่วยงานภาครัฐสามารถเลือกใช้ Cloud Software อย่าง Google Workspace, Microsoft365, Adobe Creative Cloud, Slack, Notion ฯลฯ และ Cloud Software อื่น ๆ แบบที่โลกเอกชนใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันได้ พร้อมกับการตั้งเป้าหมายว่ารัฐบาลจะสามารถประหยัดเม็ดเงินงบประมาณ จากการย้ายขึ้น Cloud ได้ปีละกี่พันล้านบาท เพื่อทำให้ประชาชนเห็นภาพ ว่าในฐานะผู้เสียภาษี พวกเขากำลังได้ประโยชน์อะไร จากการทำ Cloud-First Policy </p>
<p>ทั้งนี้ สิ่งที่มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งควรเร่งลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่ Cloud Data Center จะถูกลงทุนและสร้างเสร็จในประเทศไทย คือ การที่รัฐบาลต้องสั่งให้ทุกกระทรวง และทุกหน่วยงานของรัฐ ทำการสำรวจข้อมูลในระบบสารสนเทศของตนเอง เพื่อทำการจำแนกชั้นความปลอดภัยข้อมูล ว่าส่วนใดที่นำขึ้น Cloud ได้ และส่วนใดที่นำขึ้น Cloud ไม่ได้ ซึ่งจากประสบการณ์ของรัฐบาลในต่างประเทศ ที่ย้ายขึ้น Cloud ไปหมดแล้ว ประมาณ 80-90% ของข้อมูลภาครัฐ สามารถนำขึ้น Cloud ได้ทั้งหมด</p>
<p>ณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า ภาพต่อมา คือความคืบหน้าที่กระทรวง DE รื้อโปรเจกต์ Super App ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเห็นว่าจำเป็นต้องทำ และต้องเริ่มสั่งการทันที อาศัย มติ ครม. เพื่อให้มีผลผูกพันทุกกระทรวง โดยให้มีคำสั่งห้าม มิให้หน่วยงานของรัฐ เสนอตั้งงบประมาณเพื่อพัฒนาแอปหรือเว็บไซต์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ เว้นแต่หากมีความจำเป็นจริง ๆ ก็ให้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ที่นายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน และมี รมว.ดิจิทัล นั่งเป็นกรรมการเสียก่อน ส่วนบริการก่อนหน้านี้ที่ได้พัฒนาเสร็จไปแล้ว ก็ควรมี มติ ครม. กำกับ เพื่อสั่งให้ทุกกระทรวง ทำการบูรณาการและเชื่อม API เข้ามาที่แอป ‘ทางรัฐ’ หรือเว็บ Citizen Portal Platform ให้เสร็จภายใน 4 ปี พร้อมกันนี้ รัฐบาลควรแก้ไขระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง บังคับให้ทุกหน่วยงานภาครัฐที่กำลังสั่งจ้างพัฒนา Software ขึ้นมาใหม่ ต้องมีการระบุเงื่อนไขและมาตรฐานขั้นต่ำไว้ใน ToR ทุกโครงการ เพื่อยกระดับคุณภาพ Software ของรัฐให้ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ที่ประชาชนและภาคเอกชน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอดได้ </p>
<p>และภาพสุดท้าย คือการป้องกันการถูกแฮ็กของเว็บภาครัฐ เนื่องจากที่ผ่านมาแอดมินเพจภาครัฐในหลาย ๆ เพจ ตั้งค่าความปลอดภัยต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น ใช้ Username &amp; Password ร่วมกันหลายคน และแถม 1 Username ยังใช้ดูแลหลาย ๆ เพจ ทำให้เมื่อแฮกเกอร์ขโมย Username &amp; Password ไปได้ 1 บัญชีแล้ว เขาสามารถแฮ็กทีเดียวไปได้หลาย ๆ เพจ หากรัฐบาลกำหนดนโยบายมาบังคับใช้ทุกเพจภาครัฐ จะต้องใช้การยืนยันตัวตนแบบ 2FA: Two-factor Authentication อาทิ การส่งรหัส OTP มาที่เบอร์มือถือ เพื่อยืนยันการ login ซ้ำอีกครั้ง ก่อนการเข้าสู่ระบบ ทางแพลตฟอร์มก็พร้อมให้การสนับสนุน และสามารถดำเนินการได้ในทันที</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106167
 
5056  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - นายกฯ มอบนโยบายเพื่อจัดทำงบฯ 67 ลั่นตั้งเป้า GDP โตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปี เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 15:14:14
นายกฯ มอบนโยบายเพื่อจัดทำงบฯ 67 ลั่นตั้งเป้า GDP โตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปี
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 14:00</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายเพื่อจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระบุ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ คือการทำให้ GDP ของประเทศโตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปีนี้ และทำให้รายได้ขั้นต่ำให้ถึง 600 บาทในปี 2570</p>
<p>2 ต.ค.2566 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (2 ต.ค. 66) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังนี้
 
ขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านรัฐมนตรี ท่านหัวหน้าส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่มาร่วมประชุมในวันนี้ รวมทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกท่านที่อยู่บนระบบ Video Conference ทุกคน
 
จุดประสงค์ของการประชุมวันนี้ ผมขอมอบนโยบายและกรอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างที่ทุกท่านทราบดี รัฐบาลปัจจุบันเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายในและภายนอกประเทศไม่ว่าจะเป็นผลจากโควิด 19 ที่ทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวช้ากว่าเพื่อนบ้าน และฟื้นอย่างไม่เท่าเทียมเป็น K-shape recovery ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำของประชาชนไทยในหลายระดับ ประเทศไทยเองก็ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ในเวทีสหประชาชาติ (UN) เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ว่าเราจะเดินหน้าพัฒนาแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ร่วมกับนานาประเทศ เศรษฐกิจโลกที่ถูกกระทบโดยสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ ปัญหา supply chain ที่กระทบมาถึงประเทศไทย โครงสร้างอุตสาหกรรม ภาคการผลิต ที่กระจุกตัวอยู่ในไม่กี่หมวดสินค้า ถูกจำกัดด้วยจำนวนตลาดที่ไทยสามารถแข่งขันส่งออกได้ อีกไม่นาน เราก็จะเจอกับเอลนีโน่ (El Nino) ที่จะทำให้เกิดภัยแล้งยาว กระทบกับพี่น้องเกษตรกรกว่า 20 ล้านครัวเรือน หนี้สินในภาคครัวเรือน การเกษตร ก็เรื้อรัง มีการพักหนี้มา 13 ครั้ง แต่เราจะต้องแก้ที่โครงสร้างอื่น ๆ เช่น ความสามารถในการผลิตด้านการเกษตรของเรา การต่อยอด Value chain ให้เป็น High value agriculture economy วิธีทำการเกษตรของเรา ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาฝุ่นควันที่เกิดขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสาธารณสุขอื่น ๆ อีก ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวไปทั้งหมด ล้วนมีส่วนทำให้เศรษฐกิจของเรามีปัญหาอยู่ในปัจจุบันนี้ และยังมีส่วนทำให้เกิดปัญหาภาคสังคมอื่น ๆ ด้วย
 
ในภาคสังคมที่เราเห็นเอง ก็มีความท้าทายหลายประการที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Aged Society จะทำให้ workforce ของเราลดลง ส่งผลต่อสัดส่วนแรงงานต่อประชากร และรัฐจะต้องใช้เงินมากขึ้นในการทำสวัสดิการเพื่อดูแลประชากรทุกคน ความเปราะบางที่เกิดจากหนี้สิน หนี้ครัวเรือน ค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่เป็นธรรม ยาเสพติด หลาย ๆ ปัญหา ผมก็ได้ไปรับฟังมาด้วยตนเองจากการลงพื้นที่ กำลังก่อให้เกิดภาระทางการคลังของรัฐบาล ทั้งแง่การลงทุน แก้ปัญหา สวัสดิการ สาธารณสุข และอีกหลาย ๆ มิติ
 
จากความท้าทายที่ผมกล่าวไปทั้งหมด รัฐบาลนี้เราจะ Take on actions อย่างจริงจัง ดำเนินนโยบายร่วมกับทั้งราชการทุกภาคส่วน และผลักดันเอกชนทุกระดับ เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ในระยะสั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ 3 ประการเร่งด่วนด้วยกัน คือการฟื้นฟูรายได้ ดูแลค่าใช้จ่ายของประชาชน และเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีท่านรองนายกฯ ภูมิธรรมเป็นประธานคณะกรรมการ ขอเริ่มที่การฟื้นฟูรายได้ ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
ในต้นปี 2567 จะมีเงินอัดฉีดเข้าไปในเศรษฐกิจ ด้วยกรอบประมาณ 560,000 ล้านบาท นโยบายนี้จะแตกต่างจากการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา การกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไม่ถึงทุกพื้นที่ ไม่ถึงทุกชุมชน กล่าวคือเป็นการกระตุ้นฝั่ง Demand หรือกระตุ้นอุปสงค์ ความต้องการเป็นหลัก แต่การกระตุ้นฝั่ง Demand อย่างเดียว จะทำให้เกิดการเจริญเติบโตที่ไม่เท่าเทียม เพราะ Demand ที่มากขึ้น ก็จะวิ่งเข้าหาศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ไม่ได้กระจายไปยังชุมชน ในครั้งนี้ เงิน 560,000 ล้าน ที่เข้าไปกระตุ้น Demand และจะขับเคลื่อนฝั่ง Supply หรืออุปทานให้โตขึ้น ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สิ่งที่ได้รับคืนมาคือภาษีที่กลับคืนสู่ภาครัฐ การจำกัดการใช้จ่ายให้อยู่ในชุมชน จะทำให้เงินหมุนเข้าไปถึงระดับรากหญ้าก่อนเสมอ ทำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเศรษฐกิจนี้
 
ระยะเวลา 6 เดือนเอง ก็เพื่อกำหนดให้เงินนี้ต้องหมุน มีการจับจ่ายใช้สอย ไม่อย่างนั้นก็จะมีการเอาไปดองไว้ ไม่ก่อให้เกิด Multiplier Effect หรือการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ตอนนี้ ครม. ก็ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา Application การจัดหาแหล่งเงิน การกำหนดกฎระเบียบทั้งหมด และตอบคำถามจากทุก ๆ คน ไม่ต้องห่วงครับ ได้ใช้แน่นอนในเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่นี่เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น ซึ่งเดี๋ยวจะขอพูดถึงในระยะยาวว่ารัฐบาลมีมาตรการอย่างไรให้เศรษฐกิจโตได้อย่างต่อเนื่อง
 
ด้านการท่องเที่ยว เราก็จะฟื้นการท่องเที่ยวทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งในประชุม ครม. วาระแรกได้ดำเนินการเรื่องที่ทำได้ทันที คือการยกเว้นวีซ่าชั่วคราวไปให้กับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็ได้มีนักท่องเที่ยวชุดแรก ที่เดินทางเข้ามาแล้ว นั่นเป็นมาตรการเบื้องต้นเท่านั้น รัฐบาลจะวางแผนดำเนินมาตรการกับประเทศอื่น ๆ อีก โดยพิจารณาจากสถานภาพเศรษฐกิจ ความต้องการ และสถานะของประเทศ นอกจากนั้น รัฐบาลจะวางแผนมาตรการอื่น ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย อำนวยความสะดวก หรือมาตรการอื่น ๆ ที่เหมาะสม  ในระยะยาวเองก็ต้องมีการพัฒนาด้านอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว หรือการต่างประเทศที่จะต้องมีการจัด Roadshow เป็นต้น
 
ด้วยทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ผมมั่นใจว่าเราจะทำให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำไปอยู่ที่ 400 บาทต่อวันได้โดยเร็วที่สุด เป็น Step แรก ด้านค่าใช้จ่าย ครม. ก็ได้อนุมัติการลดค่าพลังงานให้กับประชาชนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำให้น้ำมันดีเซลราคาไม่เกิน 30 บาท หรือทำให้ค่าไฟเหลือเพียง 3.99 บาท โดยจะต้องมีการวางแผนใช้งบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราว โดยจะควบคู่ไปกับการวางแผนโครงสร้างพลังงานระยะยาว แน่นอน ในอนาคตก็ต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงอีก อาทิเช่น ค่าก๊าซหุงต้ม น้ำมันเบนซิน เป็นต้น เพื่อให้เหมาะสมกับค่าครองชีพของประชาชน หนี้ครัวเรือน หนี้เกษตรกร ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ได้อนุมัติไปแล้ว พักหนี้ให้กับเกษตรกรเกือบ ๆ 2,700,000 ราย และจะวางแผนดูแลหนี้สินกลุ่มที่มีความจำเป็นอื่น ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ต่อลมหายใจให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากหนี้สิน ทั้งนี้ การพักหนี้ในช่วง 9 ปีก่อนหน้าที่เกิดมา 13 ครั้งนั้น และยังมีการแทรกแซงตลาดราคาสินค้าอีกนับแสน ๆ ล้านบาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดต่อไปว่าครั้งนี้เราจะทำต่างกันอย่างไร เรื่องรัฐธรรมนูญ รัฐบาลนี้ก็ได้เดินหน้าตั้งคณะกรรมการเพื่อเริ่มดำเนินการแล้ว โดยจะดำเนินการทำประชามติ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน
 
มาตรการระยะสั้นที่กล่าวไปทั้งหมดจำเป็นต้องมีงบประมาณสนับสนุน แต่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ต่อชีวิตให้กับประชาชนและภาคธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ เพื่อให้มีกำลังไปสร้างพลังทางเศรษฐกิจต่อไป สำหรับรัฐเอง เราจะต้องวางแผนหาเงินกลับมาคืนในส่วนที่ใช้ไปในส่วนนี้ด้วย และรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดในระยะยาว รัฐบาลตั้งใจที่จะทำให้เศรษฐกิจโตไปอย่างยั่งยืน ซึ่งในนโยบายระยะยาว จะครอบคลุม 3 มิติด้วยกันได้แก่ การสร้างรายได้ การขยายโอกาส และการดูแลคุณภาพชีวิตและความมั่นคง
 
ในการสร้างรายได้ มีการเพิ่มรายได้สุทธิในภาคเกษตร การเปิดการค้าระหว่างประเทศ การส่งเสริมเขตเศรษฐกิจ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดการลงทุน อย่างที่บอกไปว่าเราพักหนี้มา 13 ครั้ง ใช้เงินไปมหาศาล แต่ว่าปัญหาหนี้สินในภาคเกษตรไม่ได้รับการแก้ไข ในรัฐบาลนี้นอกจากการพักหนี้ที่เราจะต่อลมหายใจแล้ว เราจะใช้หลักการตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ดูแลเกษตรกรโดยการลดต้นทุน เช่น ค่าปุ๋ย โดยการปรับปรุงสูตร และใช้ปริมาณที่เหมาะสมให้ตรงกับสภาพพืช และสภาพดิน รวมถึงการเพิ่ม Yield หรือ “ผลผลิตต่อไร่” โดยการปรับปรุงพันธุ์ วิธีการปลูกพืช และใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เช่น เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) เป็นต้น เป้าหมายของรัฐบาลนี้คือการทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายสุทธิเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ต้องดูทั้งอุปสงค์ อุปทานให้เหมาะสม มีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อไม่ให้สินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ วางแผนบริหารพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ โดยพิจารณาปัจจัยให้ครบทุกมิติไม่ว่าจะเป็นต้นทุน ราคา ระยะเวลา ข้อกฎหมาย และอื่น ๆ จัดทำองค์ความรู้อย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนให้เกษตรกร รวมถึงใช้มาตรการใหม่ ๆ เช่น การขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วย
 
นอกจากภาคการเกษตรแล้ว ภาคการผลิต อุตสาหกรรมเอง ก็จะได้รับประโยชน์ต่อเนื่องหลังจากการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่าน Digital Wallet รัฐบาลนี้เองก็จะสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่ ๆ เศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีขั้นสูง หรือ Deep Tech อุตสาหกรรมสีเขียว อุตสาหกรรมความมั่นคงประเทศ และผลักดันให้ Start Up ไทยสามารถเติบโตได้ ซึ่งจะมีการจัดทำ Matching fund ที่ภาครัฐจะร่วมมือกับกองทุนระดับโลก เราจะอาศัยความเชี่ยวชาญของกองทุนในการค้นหาและคัดเลือก Start Up หรือ SME ที่มีศักยภาพโดยภาครัฐจะร่วมลงทุนด้วย เพื่อทำให้ Start Up หรือ SME เหล่านี้มีเงินทุนเพียงพอ เติบโตและขยายธุรกิจ เป็น Unicorn ต่อไปได้ รัฐบาลจะช่วยเหลือ SME ให้มีกลไกช่วยเหลืออย่างครบวงจร ทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต การจัดหาเงินทุน เปิดตลาด และมาตรการอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถโตในเวทีโลก
 
เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมทั้งถนน น้ำ ราง อากาศ จะต้องมีการวางแผนลงทุนอย่างเป็นระบบ และต้องทำอย่างมียุทธศาสตร์ ดูทั้งอุปสงค์ และอุปทานให้สอดคล้องกัน ยกตัวอย่าง เช่น สนามบิน ที่จะเป็นหน้าด่านของการท่องเที่ยว ก็ต้องมีการวางแผนขยายให้เหมาะสม ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ทั้งในเมืองหลัก และขยายไปยังเมืองรอง และต้องดูเรื่องปริมาณ ขั้นตอน และมาตรฐานการบริการ ควบคู่ไปทั้งหมด
 
รางรถไฟ จะต้องสามารถส่งสินค้าจากเมืองต่าง ๆ ไปยังตลาดได้ จะต้องเชื่อมต่อกับรางรถไฟของโลกด้วย เช่น ขนส่งสินค้าไปยังจีน และยังต้องขยายระบบรางทั้งในและนอกเมืองเพื่อรองรับการเดินทาง การส่งสินค้า ในราคาที่เป็นธรรม เช่น รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว และต้องเจรจาหาทางออกร่วมกับผู้ให้บริการอื่น ๆ อีก เพื่อให้ครบทั้งระบบ ถนน ท่าเรือ ระบบอื่น ๆ ก็ต้องมีแผนกระจายให้ทั่วถึงอย่างมีเหตุมีผล มีตัวชี้วัดที่เหมาะสมถึงความต้องการหรือตอบยุทธศาสตร์ของประเทศ
 
จากที่ผมได้รับฟังความต้องการจากภาคธุรกิจ ทุกกลุ่มทุกท่านล้วนสนับสนุนให้ประเทศไทยเดินหน้าเปิดตลาดการค้าให้มากขึ้น เพื่อทำให้สินค้าไทยสามารถส่งออกไปยังตลาดทั่วโลกได้ จึงเป็นที่มาของการขยาย FTA หรือเปิดตลาดใหม่ ๆ สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นไปทางยุโรป และแถบอาหรับ แอฟริกา ให้มากขึ้น รวมถึงการขยายหมวดหมู่ของสินค้าให้ครอบคลุมภาคธุรกิจของไทยด้วย การเดินหน้าเจรจาทั้งหมดที่ผมกล่าวไป จะนำมาซึ่งการลงทุนใน Real Sector ให้มากขึ้นด้วย เป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ เรื่องนี้ ภาคธุรกิจที่มาคุยกับผม เขาก็บอกว่าถ้าเราขยายได้มาก เขาก็สนใจที่จะมาลงทุนมากขึ้น เพราะมัน “เสริม” ความสามารถในการแข่งขันของเขาได้ รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการเร่งเจรจา FTA ที่ค้างอยู่กับ EU และเร่งเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ ๆ เช่น ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเรื่องนี้เราก็ได้ท่านปานปรีย์และท่านภูมิธรรมมาเป็นผู้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน
 
เรื่องการต่างประเทศที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือการเปลี่ยนการทูตของเรา ให้ Pro-active มากยิ่งขึ้น เราจะไม่รอคำเชิญจากนานาประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เราจะ “รุก” ออกไปพบ ไปคุย ไปจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อบอกชาวโลกว่า “Thailand is open” หรือ “ประเทศไทยเปิดแล้ว” การลงทุนทั้งในภาคการเกษตร การทำเขตเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และการเดินหน้าเจรจาต่างประเทศ ต้องใช้ทรัพยากรทั้งคน เงิน และเวลา แต่ทำแล้วเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมหาศาล ซึ่งจะนำประเทศไทยกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของโลก รักษาความเป็นกลางระหว่างขั้วอำนาจ ซึ่งกลายมาเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ที่บริษัทต่างชาติกำลังให้ความสนใจ การดำเนินงานหลากหลายนโยบาย จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และทำให้รัฐบาลสามารถปรับค่าแรงขั้นต่ำตามเศรษฐกิจได้ เป็น 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี 25,000 ภายในปี 70’
 
ในการขยายโอกาส มีหลากหลายประเด็นที่ผมได้พูดไปตอนแถลงนโยบาย แต่จะขอ recap สั้น ๆไม่กี่เรื่องคือพลังงาน ที่ดิน การศึกษา และ Soft power ด้านพลังงาน ที่ประชาชนเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย ในระยะสั้นเราก็ได้ปรับแก้ไปแล้วชั่วคราว แต่ในระยะยาวก็ต้องมาดูตัวโครงสร้างกัน รวมถึงเราต้องวางแผนเรื่องพลังงานสะอาดด้วย เพราะจะดึงดูดการลงทุนจากนานาประเทศได้
 
เรื่องที่ดิน รัฐบาลนี้จะต้องช่วยทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่มีสิทธิในที่ดินทำกิน ให้เขาได้มีโฉนด มีเอกสารสิทธิครบถ้วน และรวมถึงพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เหมาะสมด้วย กองทัพก็แสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชน นำที่ดินมาจัดสรรเพื่อนำไปใช้สร้างรายได้ให้กับประชาชนได้
 
ด้านการศึกษาเอง ผมก็ขอให้ความสำคัญด้วย ประเทศไทยจะต้องเป็นสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นสังคมที่รักการอ่าน มีการพัฒนาทั้งนักเรียน ทั้งครู และทำให้หลักสูตรมีความทันสมัย ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ และอาจรวมถึงการทำให้ลดปริมาณงาน การเรียน การบ้าน และปัจจัยอื่น ๆ สำหรับหลาย ๆ ส่วนในภาคการศึกษาในประชุม ครม. สมัยแรก ก็ได้มีมติจัดตั้งคณะกรรมการ Soft Power เพื่อผลักดันเรื่องการสร้างอัตลักษณ์ และนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้นด้วย และสุดท้ายจะส่งผลให้เรามีเอกลักษณ์และบริการที่โดดเด่น ส่งผลต่อเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นเช่นกัน
 
รวมถึงเราต้องลงทุนส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะยาวทั้งนักท่องเที่ยวในและนอกประเทศ ปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้มากขึ้นวางแผนลงทุนสถานที่ท่องเที่ยว Man-made ในหลาย ๆ พื้นที่ ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง เรามีนโยบายที่จะทำให้ Low Season หมดไปจากประเทศไทย เช่น ใช้ประโยชน์จากเทศกาลต่าง ๆ ทำให้ครบวงจร เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เรื่องความมั่นคงและคุณภาพชีวิต เราคงละเลยเรื่องความมั่นคงที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้ ทั้งรูปแบบของภัยคุกคาม และวางแผนการรับมือให้เหมาะสม ต้องมีการบริหารจัดการกำลังพล ทรัพยากรให้เหมาะสมกับยุคสมัย เช่น มีกำลังพลประจำการน้อยลงแต่มีคุณภาพและทันสมัยมากขึ้น ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นสมัครใจ ทำให้กองทัพของเรามีความเป็นสากล มีความเป็นมืออาชีพ ในขณะเดียวกันก็เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนในเวลาต่าง ๆ รวมถึงการนำสินทรัพย์ของกองทัพออกมาสร้างประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว
 
รัฐบาลนี้จะจัดการยาเสพติดให้หมดสิ้น บำบัดและส่งคืนลูกหลานที่ติดยาสู่ครอบครัว จัดการกับผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ ป้องกันการแทรกแซงการบริหารราชการ โดยวางแผนใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น ตั้งรางวัลผู้ให้เบาะแส ปกป้องคุ้มครองพยาน และอื่น ๆ ที่เหมาะสม เป็นต้น มาตรการต่าง ๆ ผมต้องขอให้เกียรติกับผู้ปฏิบัติงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และประชาชนที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันดำเนินการให้สำเร็จ
 
ยังมีเรื่องของภัยธรรมชาติ เตรียมตัวรับมือกับ El Nino ที่ท่านรองนายกฯ ภูมิธรรมได้รับไปดูแล เรื่องของการดูแลเรื่องน้ำ เพิ่มพื้นที่ชลประทานให้เป็น 40 ล้านไร่ ทำแผนลงทุนในบริเวณที่ยังเข้าไม่ถึง และครอบคลุมไปยังการดูแลบริหารน้ำอย่างครบวงจร ซึ่งหลายโครงการที่อยู่ภายใต้แผนงานบูรณาการ ก็ขอให้ความสำคัญด้วย เช่น การใช้น้ำให้เกิดประโยชน์ การทำให้น้ำไม่ท่วม-ไม่แล้งในทุกฤดูต่าง ๆ โดยใช้ฝายพาราซอยซีเมนต์ หรือการทำธนาคารน้ำใต้ดิน และโครงการอื่น ๆ เดินหน้าแก้ไขฝุ่น PM2.5 ที่ต้องบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน ก่อนจะเริ่มส่งผลกระทบในต้นปีที่จะถึงนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีการเสนอ พรบ. อากาศสะอาดเข้าสภาไปแล้ว ซึ่งจะช่วยผลักดันการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และ Balance ระหว่างการสร้างประโยชน์ของคนรุ่นปัจจุบัน และส่งต่อให้กับคนรุ่นหลังได้ด้วย
 
อีกเป้าหมายหนึ่ง คือการวางแผนที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Carbon Neutral ภายในปี 2593 หรือ ค.ศ. 2050 ใน UN ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้ประกาศไปว่าปีนี้รัฐบาลจะออก Sustainability Linked Bond ตั้งเป้าออกไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท จุดประสงค์ของพันธบัตรตัวนี้จะทำให้องค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันดำเนินนโยบายที่สร้างความยั่งยืน การดำเนินการเรื่องทรัพยากรธรรมชาติเป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ และใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ฉะนั้นเราจะรอช้าไม่ได้
 
เรื่องสวัสดิการและสาธารณสุข ต้องมีการพัฒนาให้ดีขึ้น นำระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อให้บริการประชาชน ทำให้ประเทศไทยมี Universal Healthcare Coverage หรือระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีคุณภาพระดับโลก ลงทุนทำระบบเชื่อมต่อฐานข้อมูลของคนไข้ทั้งประเทศ ทำให้เข้าถึงศูนย์รักษาพยาบาลใกล้บ้านในราคา 30 บาท สร้างศูนย์ดูแลผู้มีความจำเป็นต่าง ๆ สถานธรรมาภิบาล โรงพยาบาลเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองต่อสภาพสังคมสูงวัย
 
อีกฟากหนึ่งของระบบ คือคนทำงาน ต้องดูแลให้มีรายได้ที่เป็นธรรม มีปริมาณและรายได้ที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที รวมถึงดูแล สนับสนุน สิทธิมนุษชน และความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ทั้งชนกลุ่มน้อย ผู้พิการ คนท้อง คนชรา เด็ก กลุ่มความหลากหลายทางเพศ เร่งรัดการทำให้พวกเขามีสิทธิพื้นฐานครบถ้วนโดยเร็ว และทำแผนดูแลในบางกลุ่มเปราะบางเพิ่มเติมด้วย และสุดท้าย รัฐบาลและราชการ จะต้องทำงานเพื่อบริการประชาชนให้ดีขึ้น
 
ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ดำเนินการการเชื่อมฐานข้อมูลของประชาชนเป็นฐานเดียวกัน ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ ใช้ระบบการจ่ายเงินที่ตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริตและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานของรัฐ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างราชการกับประชาชน จะต้องทำให้ไม่มีคนมาต่อคิวรอตั้งแต่เช้า ต้องมีแผนปรับปรุงการให้บริการ กำจัดเจ้าหน้าที่ที่ทำตัวเป็นนายประชาชน เรียกรับสินบน ซึ่งผมรับไม่ได้ และต้องปรับปรุงขั้นตอนการบริหารภายในราชการด้วยกันเอง เพื่อทำให้งานทำได้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่ม Productivity ของทั้งระบบ ให้สะท้อนไปสู่บริการประชาชนที่ดียิ่งขึ้นไปอีก
 
เป้าหมายของผม ชัดเจนครับ ด้านเศรษฐกิจ คือการทำให้ GDP ของประเทศโตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปีนี้ และทำให้รายได้ขั้นต่ำให้ถึง 600 บาทในปี 2570 เป็นจุดเริ่มต้นของแผนการมุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศรายได้สูง อย่าลืมว่ารัฐจะเก็บภาษีมาลงทุนต่อยอดให้ทุกคนได้ ก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนมีคุณภาพที่ดี ฉะนั้น ขอทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลประชาชนทุกภาคส่วนให้มีชีวิตอย่างมีความสุข มีสวัสดิการที่เหมาะสม ทำให้เขาเลี้ยงชีพได้อย่างสมศักดิ์ศรีด้วย หลาย ๆ อย่างที่ทำมาดีแล้ว ก็ขอให้ทำต่อไป และขอให้เปิดใจ รับฟังเสียงของประชาชน เพื่อนำไปปรับปรุง
 
ขอให้ผู้บริหารหน่วยราชการช่วยกันกำกับดูแลการทำงานอย่างขะมักเขม้น แต่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ สร้างวิธีการทำงานที่เน้นผลลัพธ์ มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน มากกว่าแค่ทำตามกระบวนการ และขอให้ยึดโยงกับประชาชนเสมอ ในปีงบประมาณ 2567 การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และแผนต่าง ๆ ให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด รัฐบาลจะมีเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2567  เป็นวงเงิน 3.48  ล้านล้านบาท ทั้งนี้ ผมตั้งใจที่จะบริหารจัดการการคลังด้วยความรอบคอบ  โปร่งใส ตรวจสอบได้ และรักษาวินัยและเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ในการวางแผนใช้จ่ายงบประมาณปี 67 ผมขอวางกรอบความสำคัญ 5 ข้อต่อไปนี้
 
(1) ข้อแรก ขอให้จัดทำงบและเบิกจ่ายงบประมาณตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อสภาไป และคำนึงถึงกรอบกฎหมายและวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ขอให้ทุก ๆ หน่วยงานพิจารณาดูว่าอะไรที่ทำได้ก็ขอให้ดำเนินการทำไปก่อน แต่อย่าลืมเรื่องความถูกต้องตามกระบวนการ
(2) ข้อที่สอง ขอให้ทุกหน่วยงานทำงานกันอย่างบูรณาการ วางแผนงบประมาณไม่ให้ซ้ำซ้อนกันหลาย ๆ โครงการในอดีตที่เคยทับซ้อนกัน ขออย่าให้เกิดภาพแบบนั้นอีกภายในรัฐบาลนี้
(3) ข้อที่สาม ขอให้วางแผนและจัดทำงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency) และมีประสิทธิผล (Productivity) คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของรัฐ และคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง การทำแผนงานหรือโครงการ ขอให้ทำตามความจำเป็นเร่งด่วน และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน คำนึงถึงวินัยการเงินการคลังด้วย นโยบาย แผนงานใดที่ทำได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ ก็เริ่มดำเนินการได้เลย ซึ่งโครงการเหล่านี้ ผมถือว่าจะมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพราะไม่ต้องใช้งบลงทุนสักบาท และขอให้ทำงบแบบฐานศูนย์ หรือ Zero-based โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่จะต้องมีรายละเอียดให้ชัดเจน และผมขอให้ทุกหน่วยงานนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผล และเพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน ทำให้ประชาชนเห็นว่าเงินภาษีของพวกเขา ถูกใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าทุกบาท ทุกสตางค์
(4) ข้อที่สี่ โครงการ แผนงาน ต่าง ๆ จะต้องมีตัวชี้วัด (KPI) หรือมีเป้าหมาย (Target) ที่ก่อให้เกิดผลดีกับพี่น้องประชาชน หรือเกิดผลเชิงบวกทางเศรษฐกิจ ผมไม่สนับสนุนการทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลให้ประเทศ ประชาชน เพราะจะเป็นการนำภาษีประชาชนไปละลายแม่น้ำเสียเปล่า ๆ ไม่สนับสนุนการนำงบประมาณไปทำอะไรที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีจุดประสงค์ที่จับต้องได้ ไม่มีความชัดเจน ฉะนั้น ขอให้พิจารณาลดแผนงานหรือโครงการต่าง ๆ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป หรือถ้าเป็นไปได้ก็ยกเลิกแผนงานหรือโครงการ ที่ไม่มีความชัดเจนไปเสีย เพื่อให้การใช้งบประมาณอย่างตรงเป้าหมายและประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ นำงบประมาณไปใช้ทำโครงการอื่นที่เกิดผลเชิงบวกต่อไป
(5) ข้อที่ห้า ขอให้จัดทำแผนการใช้จ่ายโดยพิจารณาให้ครบทุกแหล่งเงินทุน (Source of funding) ทั้งเงินนอกงบประมาณ และเงินงบประมาณ หลาย ๆ หน่วยงานที่มีเงินนอกงบประมาณ เช่น รายได้ เงินสะสม ขอให้นำมาใช้ดำเนินภารกิจก่อน และขอให้ช่วยกันลดภาระงบประมาณประเทศ โดยพิจารณาการใช้เงินแหล่งอื่น ๆ เช่น การร่วมมือกับภาคเอกชน หรือเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ เป็นต้น
 
ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้ล้วนเป็นตัวแทนจากภาครัฐทั้งหมด เราทุกคนมีส่วนร่วมที่จะต้องช่วยกันดูแลสถานะ ความมั่นคง ของการเงินการคลังในระยะยาว ถึงแม้งบประมาณปี 67 จะล่าช้า แต่ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่าย โดยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย มีความระมัดระวัง อย่าให้เศรษฐกิจสะดุด ฉะนั้นในการทำงบประมาณปีนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาประเด็นทั้งกรอบความสำคัญทั้ง 5 ข้อ ได้แก่ 1) ทำงบประมาณตามนโยบายที่สัญญากับประชาชน 2) ทำอย่างบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อน 3) ทำอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาวินัยการเงินการคลัง 4) ทำอย่างมีตัวชี้วัดและเป้าหมาย 5) ทำให้ครบทุกแหล่งเงินทุน และยึดวินัยการเงินการคลัง และขอให้จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาฟังในวันนี้ ขอให้ทุกท่านวางแผนงบประมาณให้มีสิทธิภาพ เพื่อจะได้ใช้ภาษีของประชาชนทุกบาท ทุกสตางค์ อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106168
 
5057  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ประวัติ “หมอพรทิพย์” คุณหมอหมื่นศพ แพทย์หญิงนิติเวชมือฉมัง ผู้ไขคดีดังมากมาย เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 15:03:20
ประวัติ “หมอพรทิพย์” คุณหมอหมื่นศพ แพทย์หญิงนิติเวชมือฉมัง ผู้ไขคดีดังมากมาย
         


ประวัติ “หมอพรทิพย์” คุณหมอหมื่นศพ แพทย์หญิงนิติเวชมือฉมัง ผู้ไขคดีดังมากมาย" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เปิดประวัติ “หมอพรทิพย์” หรือแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ ผู้ไขคดีดังมากมายในประเทศไทย สู่วันที่เดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองในฐานะ ส.ว.

         

https://www.sanook.com/news/9057850/
         
5058  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สื่อพลิกผันในสถานการณ์พลิกขั้ว เสรีภาพสื่อและบทบาทสื่อมวลชนไทยในยุคพลิกผัน [ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 13:42:32
สื่อพลิกผันในสถานการณ์พลิกขั้ว เสรีภาพสื่อและบทบาทสื่อมวลชนไทยในยุคพลิกผัน [คลิป]
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 12:05</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="415" src="https://www.youtube.com/embed/KQCorLRr5Bs?si=d2B9epBaq43w0rUG" title="YouTube video player" width="720"></iframe></p>
<p>26 ก.ย. 66 คลิปจากเวทีสาธารณะ "สื่อพลิกผันในสถานการณ์พลิกขั้ว" มองเสรีภาพสื่อและบทบาทสื่อมวลชนไทยในยุคพลิกผัน ที่โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพฯ ดำเนินรายการโดย ณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท โดยมีหัวข้อนำเสนอดังนี้</p>
<p>(1) สื่อในการรายงานสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ. 2557-2565) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรรษาสิริ กุหลาบ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, จุฑารัตน์ กุลตัณกิจจา ผู้ช่วยวิจัยโครงการวิจัยการรายงานข่าวการประท้วง: บทบาทของสื่อมวลชนไทยในการชุมนุมและความรุนแรงทางการเมือง</p>
<p>(2) เสรีภาพและสวัสดิภาพสื่อ: จากสื่อออนไลน์ถึงสตริงเกอร์ ตจว. โดย ธีรนัย จารุวัสตร์ ผู้ประสานงานประจำประเทศไทย โครงการเฝ้าระวังเสรีภาพสื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (PFMSea)</p>
<p>(3) การสอดส่องออนไลน์และความคืบหน้าคดีเพกาซัส โดย รัชพงษ์ แจ่มจิรชัยกุล เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย iLaw</p>
<div class="more-story">
<p>ถก‘สื่อพลิกผันในสถานการณ์พลิกขั้ว’ สะท้อนสภาพการทำงานสื่อท่ามกลาง ภัยคุกคาม ทางออกจะเป็นอย่างไร?, 27 ก.ย. 2566</p>
</div>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53189344348_a5207f868c_k.jpg" /></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%91%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B2" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">จุฑารัตน์ กุลตัณกิจจhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106165
 
5059  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เปิดชื่อ 99 ‘ป่าชุมชนชายเลน’ จัดสรรให้บริษัทขึ้นทะเบียน ‘ป่าชุมชนคาร์บอน’ กับคำ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 13:42:32
เปิดชื่อ 99 ‘ป่าชุมชนชายเลน’ จัดสรรให้บริษัทขึ้นทะเบียน ‘ป่าชุมชนคาร์บอน’ กับคำถามถึงความเป็นธรรม
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 13:18</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา (สจน.) รายงาน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา เผยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ขึ้นทะเบียน ‘ป่าชุมชนคาร์บอน’ กว่า 1.6 แสนไร่ พร้อมจัดสรรให้บริษัท เปิดรายชื่อ ‘ป่าชุมชนชายเลน’ 99 แห่ง ที่จัดสรรให้บริษัท กับคำถามถึงความเป็นธรรม</p>
<p>การจัดการป่าไม้ของรัฐไทยนับตั้งแต่ตั้งกรมป่าไม้ใน พ.ศ. 2439 มีการแปลงป่าไม้ให้เป็นทรัพย์สินของรัฐ และเปิดให้กลุ่มทุนเข้ามาสัมปทานทำไม้ ทำเหมืองแร่ ปลูกพืชเศรษฐกิจ และอื่นๆ ส่งผลให้ ‘ป่าเป็นสินค้าส่งออก’ ในอีกด้านหนึ่งรัฐได้ประกาศเขตป่าทับซ้อนพื้นที่ชุมชน ทำให้ชุมชนที่อยู่มาก่อนกฎหมายกลายเป็นผู้บุกรุกป่านับ 10 ล้านคน และเกิดการไล่รื้อและจับกุมดำเนินคดีประชาชนในชุมชนดั้งเดิมจำนวนมาก</p>
<p>ในยุคปัจจุบันรัฐไทยยังคงมองป่าเป็นสินค้า โดยมีสินค้าใหม่คือ ‘ป่าคาร์บอน’ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มทุนที่ไม่ลดละเลิกการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในประเทศไทยกลุ่มทุนฟอสซิลมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนร้อยละ 70 ของทุกภาคส่วน</p>
<p>นักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศระบุว่าการแก้ปัญหาโลกร้อนต้องลดละเลิกการปล่อยก๊าซคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ การเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนโดยไม่ลดละเลิกการปล่อยก๊าซไม่เพียงพอสำหรับการต่อสู้ภาวะโลกร้อน</p>
<p>อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเศรษฐาได้สานต่อนโยบายการใช้พลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานหลัก และพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต่อจากรัฐบาลประยุทธ์ มีแผนยุติพลังงานถ่านหินในปี ค.ศ. 2040 (พ.ศ. 2583) หรืออีก 17 ปี ในขณะที่ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองล้นเกินถึงร้อยละ 30-60 การแก้ปัญหาโลกร้อนใช้กลไก ‘เพิ่มพื้นที่ป่าดูดกลับก๊าซคาร์บอน’ และ ‘ชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยคาร์บอนเครดิต’ แทนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนพลังงานเป็นอย่างมาก</p>
<p>ข้อมูลจากกรอบร่างยุทธศาสตร์พื้นที่สีเขียว ระบุเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่เป็นป่าธรรมชาติ จากร้อยละ 31.58 เนื้อที่ 102.17 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 35 เนื้อที่ 113.23 ล้านไร่ หรือเพิ่มอีกประมาณ 11.06 ล้านไร่ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อการใช้ประโยชน์ จากร้อยละ 8.02 เนื้อที่ 25.95 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 15 เนื้อที่ 48.53 ล้านไร่ หรือเพิ่มอีกประมาณ 22.58 ล้านไร่ รวมถึงเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ/เพื่อการเรียนรู้ จากร้อยละ 2-3 เนื้อที่ 6.47-9.70 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 5 เนื้อที่ 16.18 ล้านไร่ ดังนั้น ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ประมาณ 49.82 ล้านไร่ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอน และชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยคาร์บอนเครดิต</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทช. จัดสรรป่าชุมชนชายเลน กว่า 1.6 แสนไร่ เพื่อคาร์บอนเครดิต กับคำถามถึงความเป็นธรรม</span></h2>
<p>กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นกลไกสำคัญในการนำป่าไม้เข้าโครงการคาร์บอนเครดิต ทั้งในพื้นที่ป่าสมบูรณ์ และป่าปลูกใหม่ หน่วยงานในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรฯ มีการออกระเบียบจำนวนหลายฉบับระบุหลักเกณฑ์รองรับคาร์บอนเครดิต รวมทั้งประกาศเชิญชวนชุมชนและบุคคลภายนอกเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิต</p>
<p>กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความคืบหน้าในการดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิตอย่างมาก มีการออกประกาศวันที่ 15 ก.พ. 2566 ขอเชิญชวนชุมชนชายฝั่ง/ชุมชนท้องถิ่น เข้าร่วมโครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน และออกประกาศวันที่ 3 มี.ค. 2566 ขอเชิญชวนชุมชนชายฝั่ง/ชุมชนท้องถิ่น ร่วมโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตสำหรับชุมชน ประจำปี พ.ศ. 2566</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228505740_179f038a9f_o.jpg" /></p>
<p>ในช่วงเดือน มี.ค. – ก.ย. 66 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ออกประกาศแจ้งผลการอนุมัติพื้นที่โครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน จำนวน 6 ฉบับ ดังนี้</p>
<p>1. ครั้งที่ 1/2566 ลงวันที่ 3 มี.ค. 2566 จำนวน 16 ชุมชน เนื้อที่รวม 29,253 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา</p>
<p>2. ครั้งที่ 2/2566 ลงวันที่ 1 มิ.ย. 2566 จำนวน 18 ชุมชน เนื้อที่รวม 27,277 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา</p>
<p>3. ครั้งที่ 2/2566 (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 14 มิ.ย. 2566 จำนวน 4 ชุมชน เนื้อที่รวม 6,320 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา</p>
<p>4. ครั้งที่ 3/2566 ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2566 จำนวน 20 ชุมชน เนื้อที่รวม 31,179 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา</p>
<p>5. ครั้งที่ 4/2566 ลงวันที่ 5 ก.ย. 2566 จำนวน 24 ชุมชน เนื้อที่รวม 55,380 ไร่ 0 งาน 76 ตารางวา</p>
<p>6. ครั้งที่ 4/2566 (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 13 ก.ย. 2566 จำนวน 17 ชุมชน เนื้อที่รวม 13,179 ไร่ 1 งาน 36 ตารางวา</p>
<p>รวมจำนวนป่าชุมชนชายเลนที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน จำนวน 99 แห่ง เนื้อที่ประมาณ 162,590 ไร่ อยู่ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ 36 แห่ง พังงา 23 แห่ง สตูล 17 แห่ง ตรัง 8 แห่ง ระนอง 6 แห่ง สุราษฎร์ธานี 4 แห่ง ชุมพร 2 แห่ง ภูเก็ต 1 แห่ง นครศรีธรรมราช 1 แห่ง และ ตราด 1 แห่ง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228505720_e69a164623_o.jpg" /></p>
<p>ในส่วนสัญญาคาร์บอนเครดิตระหว่างชุมชนกับบริษัทแห่งหนึ่ง พบว่ามีการระบุถึงสิทธิและผลประโยชน์ โดยบริษัทเป็นผู้ทรงสิทธิในผลงานหรือทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิอื่นใดที่เกิดขึ้น การแบ่งปันคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการดำเนินโครงการมีการแบ่งปันในสัดส่วน บริษัท ร้อยละ 70 ชุมชน ร้อยละ 20 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร้อยละ 10 บริษัทมีการสนับสนุนเงินกองทุนสำหรับชุมชนเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ ประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ จำนวน 200,000 บาท และสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ในปีแรก จำนวน 450 บาท ต่อไร่ และในปีที่2 ถึงปีที่ 30 จำนวน 200 บาท ต่อไร่</p>
<p>ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2566 มีบริษัทสนใจเข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต สำหรับบุคคลภายนอก กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 35 บริษัท เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)</p>
<p>ป่าคาร์บอนคือการสัมปทานป่ารูปแบบใหม่ ที่เราต้องตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งภาครัฐ ชุมชน และประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของ แต่ภาครัฐกลับยกทรัพย์สินส่วนรวมให้บริษัทเป็นผู้ทรงสิทธิอย่างชอบธรรม เป็นระยะเวลา 30 ปี และต้องตั้งคำถามในมิติสิทธิชุมชน อาทิ ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้ดังเดิมหรือไม่ ทำไมชุมชนได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์เพียงร้อยละ 20 ในขณะที่ป่าชุมชนชายเลนดังกล่าวเป็นป่าสมบูรณ์ ได้รับการดูแลรักษาและฟื้นฟูจากชุมชนมาหลายสิบปี สามารถนำเข้าสู่ตลาดคาร์บอน ซึ่งกำลังเติบโตและทำกำไรได้เลย</p>
<p>อีกทั้ง ต้องตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมต่อโลก และสิ่งมีชีวิตบนโลก เราต้องสูญเสียพื้นที่ป่าไปกับขบวนการฟอกเขียว หรือการออกใบอนุญาตในการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้กับกลุ่มทุนฟอสซิลอีกสักเท่าไหร่ และหากไม่สามารถลดปัญหาภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ จะมีเกษตรกร คนเล็กคนน้อย รวมถึงผู้บริโภคสินค้าเกษตรได้รับผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนอีกสักเท่าไหร่</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เปิดรายชื่อ ‘ป่าชายเลนคาร์บอน’ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน</span></h2>
<p><strong>จังหวัดกระบี่</strong></p>
<p>1. ชุมชนบ้านคลองยาง ม.2 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 2,229-3-74 ไร่</p>
<p>2. ชุมชนบ้านโคกยูง ม.3 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 3,110-2-07 ไร่</p>
<p>3. ชุมชนบ้านไหนหนัง ม.3 ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 771-0-87 ไร่</p>
<p>4. ชุมชนบ้านท่าทองหลาง ม.6 ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 1,141-3-94 ไร่</p>
<p>5. ชุมชนบ้านเขาล่อม ม.1 ต.เขาใหญ่ อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 568-3-90 ไร่</p>
<p>6. ชุมชนบ้านน้ำร้อน ม.3,8,9 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 894-0-15 ไร่</p>
<p>7. ชุมชนบ้านท่าประดู่ ม.4 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 912-1-48 ไร่</p>
<p>8. บ้านคลองยี่เร่ ม.13 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 660-0-00 ไร่</p>
<p>9. บ้านมู่สา ม.5 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 600-0-00 ไร่</p>
<p>10. บ้านถ้ำเสือ ม.5 ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 2,001-0-75 ไร่</p>
<p>11. บ้านคลองสุข ม.6 ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 2,103-1-54 ไร่</p>
<p>12. บ้านเขาฝาก ม.1 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>13. บ้านทุ่งครก ม.11 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 2,400-0-00 ไร่</p>
<p>14. บ้านไท ม.4 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 1,300-0-00 ไร่</p>
<p>15. บ้านท่าควน ม.6 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 1,100-0-00 ไร่</p>
<p>16. ตำบลตลิ่งชัน ม.1,2,3,5 ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>17. บ้านทุ่งประสาน ม.2 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง เนื้อที่ 770-0-00 ไร่</p>
<p>18. บ้านแหลมกรวด ม.8 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>19. บ้านทุ่งยอ ม.12 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,060-0-00 ไร่</p>
<p>20. บ้านคลองไคร ม.10 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,680-0-00 ไร่</p>
<p>21. บ้านควนโอ ม.5 ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 1,010-0-00 ไร่</p>
<p>22. บ้านบากัน ม.2 ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 1,118-0-00 ไร่</p>
<p>23. เขาทอง ม.1,4,5 ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 1,013-0-00 ไร่</p>
<p>24. คลองประสงค์ ม.1,2,3 ต.คลองประสงค์ อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 2,761-0-00 ไร่</p>
<p>25. บ้านวังหิน ม.6 ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม เนื้อที่ 3,069-0-00 ไร่</p>
<p>26. บ้านใต้ ม.7 ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,024-0-00 ไร่</p>
<p>27. บ้านท่าเรือ ม.7 ต.เพหลา อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,073-0-00 ไร่</p>
<p>28. บ้านทุ่งเสม็ด ม.2 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 3,054-0-00 ไร่</p>
<p>29. บ้านควนใต้ ม.6 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,445-0-00 ไร่</p>
<p>30. บ้านหลังโสด ม.5 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 1,023-0-00 ไร่</p>
<p>31. บ้านต้นทัง ม.7 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 807-0-00 ไร่</p>
<p>32. บ้านคลองปิ้ง ม.4 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,050-0-00 ไร่</p>
<p>33. บ้านคลองไครใต้ ม.14 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,997-0-00 ไร่</p>
<p>34. บ้านห้วยพลูหนัง ม.3 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 2,930-0-00 ไร่</p>
<p>35. บ้านทุ่งคา ม.5 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 5,040-0-00 ไร่</p>
<p>36. บ้านพรุพี่ ม.7 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,197-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดพังงา</strong></p>
<p>1. ชุมชนบ้านท่าสนุก ม.3 ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด เนื้อที่ 1,191-3-60 ไร่</p>
<p>2. ชุมชนบ้านเกาะเคี่ยม ม.5 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 1,056-1-79 ไร่</p>
<p>3. ชุมชนบ้านกลาง ม.6 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 3,436-4-87 ไร่</p>
<p>4. ชุมชนบ้านบางพัฒน์ ม.8 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 2,782-3-64 ไร่</p>
<p>5. ชุมชนบ้านใต้ ม.9 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 2,106-0-80 ไร่</p>
<p>6. ชุมชนบ้านเกาะไม้ไผ่ ม.3 ต.เกาะปันหยี อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 1,690-2-07 ไร่</p>
<p>7. ชุมชนบ้านทุ่งรัก ม.6 ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี เนื้อที่ 4,614-1-30 ไร่</p>
<p>8. บ้านบางหว้า ม.9 ต.ตุระ อ.คุระบุรี เนื้อที่ 2,494-2-66 ไร่</p>
<p>9. ตำบลเกาะยาวน้อย ม.1,2,3,4,5,6,7 ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว เนื้อที่ 1,339-0-41 ไร่</p>
<p>10. บ้านท่าดินแดง ม.4 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง เนื้อที่ 2,540-2-73 ไร่</p>
<p>11. บ้านท่าจูด ม.3 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 3,360-1-00 ไร่</p>
<p>12. บ้านปากเกาะและบ้านทุ่งตึก ม.3,4 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 2,817-0-15 ไร่</p>
<p>13. บ้านบางใหญ่ ม.4 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 3,482-3-25 ไร่</p>
<p>14. บ้านบางเนียง ม.5 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 2,734-1-52 ไร่</p>
<p>15. บ้านเมืองใหม่ ม.1 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 3,426-1-88 ไร่</p>
<p>16. บ้านบางนายสังข์ ม.5 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 4,762-0-84 ไร่</p>
<p>17. บ้านบางนายสี ม.6 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 5,498-0-25 ไร่</p>
<p>18. บ้านทุ่งน้อย ม.1 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 1,556-0-41 ไร่</p>
<p>19. บ้านนอกนา ม.2 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 1,564-3-36 ไร่</p>
<p>20. บ้านหินลาด ม.3 ต.คุระ อ.คุระบุรี เนื้อที่ 2,863-3-36 ไร่</p>
<p>21. บ้านบางแดด ม.7 ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี เนื้อที่ 3,121-2-21 ไร่</p>
<p>22. บ้านย่าหมี ม.3 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว เนื้อที่ 1,551-2-79 ไร่</p>
<p>23. บ้านโค้งศรราม ม.7 ต.บางวัน อ.คุระบุรี เนื้อที่ 1,432-0-12 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดสตูล</strong></p>
<p>1. บ้านปานชูรำลึก ต.พิมาน อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 480-0-00 ไร่</p>
<p>2. บ้านโคกพยอม ม.4 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>3. บ้านหัวทาง ม.3 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>4. บ้านท่าหิน ม.6 ต.ควนขัน อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 700-0-00 ไร่</p>
<p>5. บ้านวังตง ม.4 ต.นาทอน อ.ทุ่งหว้า เนื้อที่ 1,658-0-00 ไร่</p>
<p>6. บ้านท่าพยอม ม.7 ต.ปากน้ำ อ.ละงู เนื้อที่ 1,030-1-36 ไร่</p>
<p>7. บ้านเกาะนกฝั่งตะวันตก ม.3 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 893-0-00 ไร่</p>
<p>8. บ้านเกาะนกอนุรักษ์พันธุ์หอยขาว ม.3 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 615-0-00 ไร่</p>
<p>9. บ้านคลองน้ำเวียน ม.3 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 515-0-00 ไร่</p>
<p>10. บ้านตันหยงกาโบย ม.2 ต.ปูยู อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 819-0-00 ไร่</p>
<p>11. บ้านปูยู ม.3 ต.ปูยู อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 623-0-00 ไร่</p>
<p>12. เทศบาล 4 ต.พิมาน อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 500-3-92 ไร่</p>
<p>13. บ้านเขาจีน ม.1 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 565-0-00 ไร่</p>
<p>14. ท่านายเนาว์ ต.พิมาน อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 733-0-00 ไร่</p>
<p>15. บ้านกาลันบาตู ม.3 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 656-0-00 ไร่</p>
<p>16. บ้านตำมะลังเหนือ ม.2 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 625-0-00 ไร่</p>
<p>17. บ้านไร่ทอน ม.3 ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ เนื้อที่ 900-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดตรัง</strong></p>
<p>1. บ้านพรูจูด ม.2 ต.บ่อหิน อ.สิเกา เนื้อที่ 1,508-3-26 ไร่</p>
<p>2. บ้านตะเสะ ม.4 ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ เนื้อที่ 662-0-00 ไร่</p>
<p>3. ตำบลสุโสะ ม.1,4 ต.สุโสะ อ.ปะเหลียน เนื้อที่ 465-0-00 ไร่</p>
<p>4. บ้านหนองเสม็ด ม.2,3 ต.คลองชีล้อม อ.กันตัง เนื้อที่ 1,630-0-00 ไร่</p>
<p>5. บ้านหัวหิน ม.6 ต.บ่อหิน อ.สิเกา เนื้อที่ 501-1-86 ไร่</p>
<p>6. บ้านปากคลอง ม.9 ต.บ่อหิน อ.สิเกา เนื้อที่ 1,004-2-44 ไร่</p>
<p>7. บ้านนาหละ ม.7 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา เนื้อที่ 702-3-42 ไร่</p>
<p>8. บ้านควนตุ้งกู ม.3 ต.บางสัก อ.สิเกา เนื้อที่ 865-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดระนอง</strong></p>
<p>1. ชุมชนบ้านบางริ้น ม.1,2,6 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง เนื้อที่ 1,881-0-24 ไร่</p>
<p>2. ชุมชนบ้านท่าฉาง-บ้านล่าง ม.3,4 ต.หงาว อ.เมืองระนอง เนื้อที่ 863-3-52 ไร่</p>
<p>3. บ้านเกาะเหลา ม.6 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง เนื้อที่ 4,035-2-94 ไร่</p>
<p>4. บ้านทรายแดง ม.1,4 ต.ทรายแดง อ.เมืองระนอง เนื้อที่ 2,230-3-04 ไร่</p>
<p>5. บ้านบางมัน ม.1 ต.นาคา อ.สุขสำราญ เนื้อที่ 2,377-3-96 ไร่</p>
<p>6. บ้านด่าน ม.1,3,8 ต.กะเปอร์ อ.กะเปอร์ เนื้อที่ 1,520-1-07 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong></p>
<p>1. บ้านคลองราง ม.2 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน เนื้อที่ 1,500-0-00 ไร่</p>
<p>2. บ้านไทรงาม ม.7 ต.เสม็ด อ.ไชยา เนื้อที่ 1,500-0-00 ไร่</p>
<p>3. บ้านธารน้ำร้อน ม.1 ต.เขาถ่าน อ.เมืองสุราษฎร์ เนื้อที่ 1,500-0-00 ไร่</p>
<p>4. บ้านท่าพิกุล ม.4 ต.ท่าฉาง อ.ท่าฉาง เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดชุมพร</strong></p>
<p>1. บ้านน้ำลอด ม.12 ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน เนื้อที่ 500-0-00 ไร่</p>
<p>2. บ้านควนดิน ม.6 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก เนื้อที่ 500-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดภูเก็ต</strong></p>
<p>1. บ้านบางโรง ม.3 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง เนื้อที่ 728-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดนครศรีธรรมราช</strong></p>
<p>1. บ้านอ่าวทองคำท่าศาลา ม.5,6,7,14 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา เนื้อที่ 2,300-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดตราด</strong></p>
<p>1. บ้านท่าหาดบ้านท่าเสา ม.2,10 ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง เนื้อที่ 2,160-0-00 ไร่</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงานพิhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106166
 
5060  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สรุปดราม่า “หมอพรทิพย์” ถูกไล่จากร้าน - ลาวามอส เผื่อคนพลาดช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 12:32:05
สรุปดราม่า “หมอพรทิพย์” ถูกไล่จากร้าน - ลาวามอส เผื่อคนพลาดช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
         


สรุปดราม่า “หมอพรทิพย์” ถูกไล่จากร้าน - ลาวามอส เผื่อคนพลาดช่วงวันหยุดที่ผ่านมา" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;Sanook สรุปดราม่า “หมอพรทิพย์” แบบจบครบในที่เดียว จากวันที่โดนคนไทยไล่ออกจากร้านอาหารในไอซืแลนด์ สู่ดราม่าอื่นๆ ที่ตามมาไม่ขาดสาย จนถึงวันนี้เกิดอะไรไปแล้วบ้าง

         

https://www.sanook.com/news/9057470/
         
หน้า:  1 ... 251 252 [253] 254 255 ... 1128
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.792 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กันยายน 2566 19:11:40