[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
10 มิถุนายน 2568 05:50:02 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

  แสดงกระทู้
หน้า:  [1] 2
1  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ยังงงกันอยู่เหรอว่า...ทำไมนิพพานเป็นอัต เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 00:09:35
อ้างอิงคำพูดคุณเดียรถีย์พลศักดิ์


ผมคงไม่อ่านอะไรที่คุณต้องการถามหรอต้องการถก  คุณต้องไปถามพ่อคุณ หรือเมียของคุณดูว่า  ข้อความของคุณดูถูกด่าว่าเขาตลอด  แล้วยังไปถามเรื่องสูงสุดที่ตัวคุณเองไม่มีทางรู้ แล้วตอบเองไม่ได้กับเขาอีก

เมื่อไรที่พ่อของคุณหรือเมียของคุณยอมตอบ  เมื่อนั้นผมจะมาตอบปัญหาต่างๆที่คุณสงสัย

เมื่อผมเป็นเดียรถีย์พลศักดิ์   จะมาถามผมทำไมล่ะ  ผมให้โอกาสคุณอีกครั้ง  กราบเท้าคุณพลศักดิ์ และคารวะผมเป็นอาจารย์  ถ้าอยากจะรู้คำตอบในสิ่งที่ตัวคุณเองสงสัยมาทั้งชีวิต และไม่มีทางรู้ได้ด้วยตนเอง  คิดจะยั่วผม  แล้วจะให้ผมตอบ เมินเสียเถิดน้อง.... ขำ บ๊าบบาย  อกหัก

 ขำ กิ๊วๆ หมดภูมิแล้วละซี ไม่มีปัญญาเอาธรรมะมาแก้ ก็ยังจะแถเอาหน้ารอด อะนะ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
2  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ถ้านิพพานเป็นอัตตา ศาสนาพุทธก็คงไม่ต่างอะไรกับศาสนาอื่น จริงหรือ? เมื่อ: 26 ธันวาคม 2553 21:12:15
  ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก

ท่านใดสนใจ "ทดลองแหย่นิ้วเข้าไปในช่องคลอดวิญญาณสาว" ติดต่อคุณ phonsak โดยตรงได้เลย
เรื่องนี้เค้าทุ่มทุนสร้างหมดเนื้อหมดตัวจริงๆ  ตกหลุมรัก

WangJai แถมโฆษณาให้ด้วย แบร่  หัวเราะลั่น
3  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ถ้านิพพานเป็นอัตตา ศาสนาพุทธก็คงไม่ต่างอะไรกับศาสนาอื่น จริงหรือ? เมื่อ: 26 ธันวาคม 2553 21:04:43
คุณWangJai ครับ


ผมเขียนเฉพาะเป็นเรื่องๆไป  เรื่องใดน่าสนใจ  ผมก็จะนำเสนอในเว็บธรรมะต่างๆ  เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง   ผมไม่นำเสนอหรอกครับ

WangJai นำเสนอได้ทุกเรื่องละจ้า ไม่เห็นว่าน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจเลยสักเรื่อง  หัวเราะลั่น

เมื่อวานได้นำเสนอ "เรื่องไม่น่าสนใจของคุณ phonsak" ไปแล้ว
วันนี้ก็ขอนำเสนอ "เรื่องน่าสนใจของคุณ phonsak" บ้างละ
  ตกหลุมรัก

ผมชื่อพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ครับ  ผมเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่องผีอำประตูลับสู่โลกวิญญาณ ทั้งเล่ม 1 และเล่ม 2 เล่ม 1 ผมแจกฟีทั่วประเทศประมาณ39,000 เล่ม  เล่ม 2 ผมทำแจก 41,800 เล่ม ให้สำนักพิมพ์อนิเมตแจกกับหนังสือละคร

อย่าสงสัยเรื่องสวรรค์นรก เลย  ผมไม่เคยเชื่อว่ามันมี  โชคดีผมมีพรสวรรค์หรือจะเรียกว่าพรนรกก็ได้อย่างหนึ่งคือ  ผมสัมผัสวิญญาณได้และ  ผมได้สัมผัสวิญญาณมากว่า 1000 ครั้ง ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย แต่ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ และในเวียตนาม  โดยการสังเกต และเปรียบเทียบความสุขความทุกข์ที่ออกมาจากร่างกายวิญญาณ  ผมก็จัดลับดับชั้นภูมิต่างๆเอาไว้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน

จาก วิญญาณที่ผมสัมผัส  ผมรู้สึกว่า  จากวิญญาณ 120 ดวง  มีวิญญาณในอบายภูมิ คือภูมิเปรตและนรกภูมิมากถึง 70 ดวง คนที่ไปสวรรค์มีเพียง 20 คน เท่านั้น  อีก 30 ดวงกลับไปเกิดใหม่ เพราะทำดีทำชั่วสูสีกัน หรือไม่ก็ตามก่อนวัยอันสมควร  ปัจจุบันผมอายุ 47 ปี   ผมได้เกษียณแล้วเมื่ออายุ  45 ปี  ผมแจกหนังสือฟรีไปทั้ง 2 เล่ม ใช้เงินไปทั้งสิ้น ประมาณ 1 ล้านบาท  เพราะผมรู้แล้วว่า  สวรรค์นรกมีจริงๆ  ผมได้ทำการทดสอบด้วยตัวเองมานับพันครั้ง  แต่ผมจะไม่พูดเรื่องนี้  หนังสือผีอำเล่ม 2 ผมยังพอมีอยู่หลายร้อยเล่ม  ผมยินดีส่งให้ท่านฟรี ถ้าเท่านส่งชื่อที่อยู่ของท่านมาให้ผมที่อีเมล์phonsakw@ksc.th.com

http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=271&MBrowse=8

ผีอำ (พลศักดิ์ วังวิวัฒน์)

ทดลองแหย่นิ้วเข้าไปในช่องคลองวิญญาณสาว

     แล้ววันหนิ่งผมได้มีโอกาสทดลองครั้งสำคัญจริงๆ คือ มีวิญญาณสาวดวงหนึ่ง ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เข้ามาหาผมที่ห้องนอน  ตอนนั้นผมหมดความกลัวผีใดๆ แล้ว เจอมาไม่น้อยกว่า 500-600 ครั้ง  และอยู่ในช่วงทดลองสมาธิแผ่เมตตาให้วิญญาณต่างๆ ดวงวิญญาณเหล่านี้ก้อมีวิธีขอบใจแบบแปลกๆ

     วิญญาณสาวดวงนี้มาถึงก้อไม่ฟังเสียงอะไรเลย ไม่รุ้ไปหื่นกามมาจากไหน ทันทีที่รุ้ว่าวิญญาณผมรุ้สึกตัวแล้วเธอก้อเริ่มเล้าโลมผมด้วยปากและมือของ เธอ ไล่ลงมาจากหน้าอกของผม แล้วก้อลงไปเรื่อยๆ บังเอิญผมมีประสบการณ์การถูกผีจับลูกอัณฑะเพื่อขู่ให้ผมกลัว ผมเลยรุ้ว่าที่นั้นเป็นจุดที่คนจะหลุดจากกานอากาผีอำได้ง่าย ผมพยายามเอ่ยปากห้ามเธอ แต่ผมเป็นใบ้ในโลกวิญญาณ จึงพูดอารายไม่ได้ วิญญาณดวงนั้นยังคงเล้าโลมผมต่อไปจนไปถึงจุดสำคัญ แล้วเธอก้อเต็มใจวางอวัยวะเพศของเธอไว้ที่นิ้วมือของผมด้วยก่อนที่การอำจะ หลุด ผมก้อทดลองใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของเธอ สัก 4-5 นาที อำนาจการอำก้อหมดไปตามที่ผมคาดคะเนไว้

http://nungreenzasab.spaces.live.com/blog/cns!49F30BF5887E292B!140.entry
4  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ถ้านิพพานเป็นอัตตา ศาสนาพุทธก็คงไม่ต่างอะไรกับศาสนาอื่น จริงหรือ? เมื่อ: 26 ธันวาคม 2553 01:48:52
มาดูน้องต๊ะติ้งโหน่งมั่งดีกว่า  หัวเราะลั่น


นิพพานเริ่มแรกที่พวกเราอยู่  มันมีความสุขบริสุทธิ์สถานเดียว  ไม่มีความสุขแบบอื่นให้เปรียบเทียบ  พวกเราจึงจำเป็นต้องสร้างโลก จักรวาล ขึ้นมา  และอนุญาตให้จิตปภัสสรของเราสามารถเปิดรับกิเลสอวิชชาได้  เพื่อว่าจิตปภัสสร(นิพพานจิต)ใด อยากออกไปอยู่ในภพภูมิอื่น ก็ทำได้ทั้งนั้น

แต่พอเราออกมาจากนิพพานแล้ว  ก็ยิ่งสั่งสมกิเลสอวิชชามากขึ้น  ก่อกรรมดีกรรมชั่วเป็นอนันต์  เราจึงหาทางกลับบ้านเดิม คือ นิพพาน ของเราไม่ได้

ผู้ที่เข้านิพพานครั้งที่ 2 ออกมา  ทุกท่านล้วนดำรงตนอยู่ในฐานะพระโพธิสัตว์อรหันต์ เช่น เจ้าแม่กวนอิม จี้กง ฯลฯ  ยังไม่เห็นผู้ที่ออกมา แล้วยอมป่วยจากโรคกิเลสอวิชชาใหม่สักรายเดียว  ยกเว้นผู้ที่ปฏิญาณตนขอเป็นพระพุทธเจ้า เช่น พระศรีอริยะเมตตรัยเท่านั้น  แต่ความจริงพระศรีอริยะเมตตรัยก็ยังอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตเหมือนเดิม  ท่านเพียงแต่ส่งจิตวิญญาณของท่านซึ่งมีมากมายนับไม่ถ้วน ลงมาเกิดแทนท่านเท่านั้น  เรียกว่า  "อวตาร"

ผมเคยสนธนากับพระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์  ท่านยืนยันว่าหลวงปู่ดู่ หลวงพ่อโต และหลวงปู่ทวด  ล้วนเป็นจิตวิญญาณของท่านส่งมาสร้างบารมี เพื่อให้เพียงพอจะเป็นพระพุทธเจ้า

อ่อ เข้าใจแล้วครับ
นิพพานเริ่มแรก ของคุณพี่เจ้าของกระทู้ ก็เต็มไปด้วยกิเลส เต็มไปด้วยอวิชชา
แถมยังอยากแสวงหากิเลสความสุขอย่างอื่นมาเพิ่ม
จะเข้านิพพานของคุณพี่เจ้าของกระทู้ แบบนี้ กี่ครั้งๆ เข้าๆออกๆ กี่ครั้งกี่ครั้ง
มันก็กลับเข้าไปหากิเลส  ออกมาหากิเลสอีก
นิพพานแบบคุณพี่เจ้าของกระทู้แบบนี้ ไม่เอาดีก่า น่ากลัวจัง
 :22:

ผมคิดว่า คุณกำลังแกล้งโง่ และแกล้งตีความผิดอยู่นะครับ   พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานเป็นความสุขอย่างยิ่งยวด ไม่มีสุขอื่นที่ยิ่งกว่า  และตรัสว่า นิพพานเป็นความสูญอย่างยิ่ง  "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง นิพพานัง ปรมัง สุขขัง"   ความสูญจากกิเลสตัณหา สูญจากความคิดปรุงแต่ง นั้นแหละคือ ความสุขอย่างยิ่งยวด ไม่มีสุขอื่นที่ยิ่งกว่า

 พระสารีบุตรก็เลยเข้าไปดูนิพพาน   พอกลับมาก็บอกว่า นิพพานไม่มีเวทนา    ภิกษุอื่นก็งงว่า  ไม่มีเวทนาแล้วจะมีความสุขได้อย่างไร  พระสารีบุตรจึงตอบว่า นิพพานไม่มีเวทนานั้นแหละเป็นสุขอย่างยิ่งยวด

มนุษย์ทั่วไปรับความสุขได้เวทนา หรือจากความรู้สึกในอายตนะต่างๆ  สูงกว่านั้นก็รับความสุขจากการช่วยเหลือคนอื่น  แต่ความสุขจากการวาง  ไม่เอาอะไรสักอย่าง  เราไม่เคยรับ  จึงไม่เชื่อว่า  นิพพานที่ไม่มีเวทนาเป็นความสุขอย่างยิ่งยวด ไม่มีสุขอื่นที่ยิ่งกว่า

อ่า... คุณพี่เจ้าของกระทู้ครับ

นิพพานที่ปริสุทธิ์ ของพระพุทธเจ้า ....ต่างกับ....  นิพพานแบบมีกิเลสของคุณพี่นะครับ

นิพพานสกปรกของคุณพี่ ... คุณพี่ก็บอกเอง ว่า ...มีความปรุงแต่ง
อยากเปรียบเทียบความสุข ...ก็เลยออกจากนิพพาน

ผมว่า นิพพานของคุณพี่ ...เป็นนิพพานที่สกปรก ...เกลือกกลั้วด้วยกิเลส และความปรุงแต่งมากๆนะครับ...
ที่ยังคิดอยาก จะสร้างโน่นสร้างนี้ขึ้นมา..

ก็ตรงกับคำพูดของคุณพี่..ในกระทู้ข้างบน..อยู่แล้ว...

คุณพี่ท่าทางจะโง่จริงๆ ..ให้คุณพี่ ย้อนกลับขึ้นไปดูข้อความของคุณพี่..ที่กระทู้ข้างบน..
แล้วก็กลืนน้ำลายโสโครก ...นั่นเสียด้วย

ถ้าจำไม่ได้ ว่าพูดอะไรไว้ ..

ก็ยกมาให้ดู...

"ว่า นิพพานเริ่มแรกที่พวกเราอยู่  มันมีความสุขบริสุทธิ์สถานเดียว  ไม่มีความสุขแบบอื่นให้เปรียบเทียบ  พวกเราจึงจำเป็นต้องสร้างโลก จักรวาล ขึ้นมา  และอนุญาตให้จิตปภัสสรของเราสามารถเปิดรับกิเลสอวิชชาได้  เพื่อว่าจิตปภัสสร(นิพพานจิต)ใด อยากออกไปอยู่ในภพภูมิอื่น ก็ทำได้ทั้งนั้น"

คุณพี่จะเป็นบอมเบอร์แมน ระเบิดธรรมกายของคุณพี่ ...
แล้วจะเอาชิ้นส่วน ไปรวมกับใครก็เรื่องของคุณพี่ ..

จะเอาธรรมกายสกปรกของคุณพี่ ...เข้าๆๆออกๆๆ... นิพพานเกลือกกลั้วกิเลสของคุณพี่ ก็ทำไปเถิด
นิพพานโสโครกของคุณพี่.... ผมไม่ไปด้วยหรอกครับ
 :22:

ถ้าจะดูกันแบบเต็มๆ ก็ตามมาที่ใต้ร่มธรรมได้เลย เพราะแอดมินสองเว็บนี้เค้ามีใจเป็นธรรม ไม่แอบลบ ไม่แอบตัดต่อข้อความ เหมือนเว็บลูกสมุน "ใบไม้นอกกำมือ"

http://www.tairomdham.net/index.php/topic,4432.15.html

5  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ถ้านิพพานเป็นอัตตา ศาสนาพุทธก็คงไม่ต่างอะไรกับศาสนาอื่น จริงหรือ? เมื่อ: 26 ธันวาคม 2553 01:32:45
 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

เอาข้อความอ้างอิงจากคุณ Pure+ จากใต้ร่มธรรมที่ถูก phonsak ตัดออก เอามาให้ดูกันเต็มๆ
เพราะว่าสองเว็บนี้เค้าใจดีจริงๆ ไม่แอบลบกระทู้ ไม่แอบตัดต่อดัดแปลงข้อความเหมือนเว็บลูกสมุน "ใบไม้นอกกำมือ"

ถ้านิพพานเป็นอัตตา ศาสนาพุทธก็คงไม่ต่างอะไรกับศาสนาอื่น ที่ปฏิบัติให้ถึงที่สุดเพื่อไปอยู่กับพระเจ้า..
อย่างนี้การนับถือศาสนาก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเลือก เพราะศาสนาไหนก็สอนธรรมอันเป็นที่สุดไม่ต่างกัน..
ท่านพลศักดิ์ว่าไหม..
ถามมาด้วยความเคารพ!

ถ้าจะตอบก็เอาตามเหตุผลความเข้าใจของท่านมาตอบนะ ไม่ต้องไปยกเอาพระสูตรอะไรมาอิง
หรือถ้าจะใช้พระสูตรอ้าง ก็สรุปเอาใจความของคำตอบมาให้ชัดๆจะๆ ไม่ต้องดีความกันให้วุ่นวายไปอีก
และโปรดอย่าเอาพุทธพจน์มาตีความเข้าข้างความคิดของตัวเอง
ถ้าจะยกพุทธพจน์มาอ้างให้ยกมาแบบเพียวๆ ไม่ต้องไปหมายถึงให้พุทธพจน์นั้น... หรือใช้ทิฏฐิส่วนตัวโดยใช้คำว่า....กล่าวอีกนัยหนึ่ง มาตอบ และโปรดอ้างแหล่งที่มาให้ชัดเจน เพื่อง่ายแก่การตามสืบค้นด้วย..

แฮบปี้ปีใหม่กับท่านพลศักดิ์มา ณ ที่นี้ด้วย..

และนี่คือส่วนที่ Phonsak ไม่กล้านำออกมาเผยแพร่ เพราะกลัวจะแถไม่ลื่นไหล  หัวเราะลั่น

ถ้าจะตอบก็เอาตามเหตุผลความเข้าใจของท่านมาตอบนะ ไม่ต้องไปยกเอาพระสูตรอะไรมาอิง
หรือถ้าจะใช้พระสูตรอ้าง ก็สรุปเอาใจความของคำตอบมาให้ชัดๆจะๆ ไม่ต้องดีความกันให้วุ่นวายไปอีก
และโปรดอย่าเอาพุทธพจน์มาตีความเข้าข้างความคิดของตัวเอง
ถ้าจะยกพุทธพจน์มาอ้างให้ยกมาแบบเพียวๆ ไม่ต้องไปหมายถึงให้พุทธพจน์นั้น... หรือใช้ทิฏฐิส่วนตัวโดยใช้คำว่า....กล่าวอีกนัยหนึ่ง มาตอบ และโปรดอ้างแหล่งที่มาให้ชัดเจน เพื่อง่ายแก่การตามสืบค้นด้วย..

http://www.tairomdham.net/index.php/topic,4432.0.html
6  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ยังงงกันอยู่เหรอว่า...ทำไมนิพพานเป็นอัตตา (อสังขตธาตุ)? เมื่อ: 25 ธันวาคม 2553 16:13:28
บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ

อิติปิ โส ภะคะวา ( เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ) อะระหัง ( เป็นผู้ไกลจากกิเลส ) สัมมาสัมพุทโธ ( เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ) วิชชาจะระณะสัมปันโน ( เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ) สุคะโต ( เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี ) โลกะวิทู ( เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ) อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ ( เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า ) สัตถา เทวะมนุสสานัง ( เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ) พุทโธ ( เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ) ภะคะวาติ. ( เป็นผู้มีความเจริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้ )

บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ( พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ) สันทิฏฐิโก ( เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง ) อะกาลิโก ( เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ) เอหิปัสสิโก ( เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด ) โอปะนะยิโก ( เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว ) ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. ( เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ )

บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว ) อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว ) ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว ) สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ) ยะทิทัง ( ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ ) จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา ( คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ ) เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ) อาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ) ปาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ ) ทักขิเณยโย ( เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน ) อัญชะลีกะระณีโย ( เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี ) อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. ( เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ )

http://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%AF
7  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ยังงงกันอยู่เหรอว่า...ทำไมนิพพานเป็นอัตตา (อสังขตธาตุ)? เมื่อ: 25 ธันวาคม 2553 16:05:39

เกสปุตตสูตร (กาลามสูตร)
ว่าด้วย ข้อห้ามมิให้เชื่อโดยอาการ ๑๐ อย่าง
พระไตรปีฎกภาษาไทย ฉบับหลวง พ.ศ. ๒๕๒๕
เล่ม ๒๐ ข้อ ๕๐๕ หน้า ๑๗๙ - ๑๘๔

{น.๑๗๙}[๕๐๕]  สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จถึงนิคมของพวกกาลามะ ชื่อว่าเกสปุตตะ พวกชนกาลามโคตรชาวเกสปุตตนิคม ได้สดับข่าวมาว่า พระสมณโคดมศากยบุตรทรงผนวชจากศากยสกุลแล้ว เสด็จมาถึงเกสปุตตนิคม โดยลำดับ

ก็กิตติศัพท์อันงามของพระสมณโคดมพระองค์นั้นแล ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์... ทรงเบิกบานแล้ว ทรงจำแนกธรรม พระองค์ทรงทำโลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัด ด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม พระองค์ทรงแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ก็การได้เห็นพระอรหันต์ทั้งหลาย เห็นปานนั้น ย่อมเป็นความดีแล

ครั้งนั้น ชนกาลามโคตร ชาวเกสปุตตนิคมได้เข้าไปเฝ้าผู้มีพระภาคเจ้าจนถึงที่ประทับ บางพวกถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกนั่งประนมมือไปทางพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกประกาศชื่อและโคตรแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกนั่งเฉยๆ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

เมื่อต่างก็นั่งลงเรียบร้อยแล้ว จึงได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระเจ้าข้า มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม สมณพราหมณ์พวกนั้น พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตัวเท่านั้น ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่น พูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ พระเจ้าข้า มีสมณพราหมณ์อีกพวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม ถึงพราหมณ์พวกนั้น ก็พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตนเท่านั้น ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่น พูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์ยังมีความเคลือบแคลงสงสัย ในสมณพราหมณ์เหล่านั้นอยู่ทีเดียวว่า ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็ควรแล้วที่ท่านทั้งหลายจะเคลือบแคลงสงสัย และท่านทั้งหลายเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในฐานะที่ควรแล้ว มาเถิดท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้เชื่อถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำสืบๆ กันมา อย่าได้เชื่อถือ โดยตื่นข่าวว่าได้ยินอย่างนี้ {น.๑๘๐}อย่า ได้เชื่อถือ โดยอ้างตำรา อย่าได้เชื่อถือโดยเดาเอาเอง อย่าได้เชื่อถือโดยคาดคะเน อย่าได้เชื่อถือโดยความตรึกตามอาการ อย่าได้เชื่อถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฏฐิของตัว อย่าได้เชื่อถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ อย่าได้เชื่อถือ โดย ความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใดท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ผู้รู้ติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้ บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ เมื่อนั้นท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?
ความโลภ เมื่อเกิดขึ้นในภายในบุรุษย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อสิ่งไม่ เป็นประโยชน์
   พวกชนกาลามโคตร ต่างกราบทูลว่า เพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็บุคคลผู้โลภ ถูกความโลภครอบงำ มีจิตอันความโลภ กลุ้มรุมนี้ ย่อมฆ่าสัตว์ก็ได้ ลักทรัพย์ก็ได้ คบชู้ก็ได้ พูดเท็จก็ได้ สิ่งใดเป็นไปเพื่อสิ่ง ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน บุคคลผู้โลภย่อมชักชวนผู้อื่นเพื่อความเป็นอย่างนั้นก็ได้
กา. จริงอย่างนั้น พระเจ้าข้า

พ. ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?
ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นในภายในบุรุษ ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อสิ่งไม่ใช่ประโยชน์?
   กา. เพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็บุคคลผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำ มีจิตอันความ โกรธกลุ้มรุมนี้ ย่อมฆ่าสัตว์ก็ได้ ลักทรัพย์ก็ได้ คบชู้ก็ได้ พูดเท็จก็ได้ สิ่งใดเป็นไปเพื่อ สิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน บุคคลผู้โกรธย่อม ชักชวนผู้อื่นเพื่อความเป็นอย่างนั้นก็ได้
กา. จริงอย่างนั้น พระเจ้าข้า

พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?
ความหลงเมื่อเกิดขึ้นในภายในบุรุษ ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์?
   กา. เพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็บุคคลผู้หลง ถูกความหลงครอบงำ มีจิตอันความหลงกลุ้มรุมนี้ ย่อมฆ่าสัตว์ก็ได้ ลักทรัพย์ก็ได้ คบชู้ก็ได้ พูด เท็จก็ได้ สิ่งใดเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน บุคคล ผู้หลงย่อมชักชวนผู้อื่นเพื่อความเป็นอย่างนั้นก็ได้
กา. จริงอย่างนั้น พระเจ้าข้า

{น.๑๘๑}พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย  ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? ธรรมเหล่านี้เป็นกุศลหรืออกุศล?
   กา. เป็นอกุศล พระเจ้าข้า
พ. มีโทษหรือไม่มีโทษ?
กา. มีโทษ พระเจ้าข้า
พ. ท่านผู้รู้ติเตียนหรือท่านผู้รู้สรรเสริญ?
กา. ท่านผู้รู้ติเตียน พระเจ้าข้า
พ. ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์  เพื่อทุกข์หรือหาไม่ ในข้อนี้ท่านทั้งหลายมีความเห็นอย่างไร?
กา.ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ ในข้อนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความเห็นเช่นนี้

พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย เราได้กล่าวคำใดไว้ว่า ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
 ท่าน ทั้งหลาย อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟัง.....อย่าได้ยึดถือโดยนับถือว่าสมณะ นี้เป็นครูของเรา  เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล  ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตียน  ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้ สมบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ เมื่อนั้นท่านทั้ง หลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย
เพราะอาศัยคำที่เราได้กล่าวไว้แล้วนั้น เราจึงได้กล่าวไว้ดังนี้

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
 ท่าน ทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา.....อย่าได้ยึดถือโดยความ นับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา เมื่อใดท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ  ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ  ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้ บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข เมื่อนั้นท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย  ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?
ความไม่โลภเมื่อเกิดขึ้นในภายในบุรุษ ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อสิ่งไม่ เป็นประโยชน์?
   กา. เพื่อประโยชน์ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็บุคคลผู้ไม่โลภ ไม่ถูกความโลภครอบงำ มีจิตไม่ถูกความโลภกลุ้มรุมนี้  ย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่คบชู้ ไม่พูด เท็จ สิ่งใดย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน บุคคลผู้ไม่โลภ ย่อมชักชวนผู้อื่นเพื่อความเป็นอย่างนั้น.
{น.๑๘๒}กา. จริงอย่างนั้นพระเจ้าข้า

พ.  ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?
ความไม่โกรธเมื่อเกิดขึ้นในภายในบุรุษ ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์?
   กา. เพื่อเป็นประโยชน์ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็บุคคลผู้ไม่โกรธ ไม่ถูกความโกรธครอบงำ มีจิตไม่ถูกความโกรธกลุ้มรุมนี้ ย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่คบชู้ ไม่ พูดเท็จ สิ่งใดย่อมเป็นไปเพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน บุคคลผู้ไม่โลภ ย่อมชักชวนผู้อื่นเพื่อความเป็นอย่างนั้น
กา. จริงอย่างนั้นพระเจ้าข้า

พ.  ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?
ความไม่หลงเมื่อเกิดขึ้นในภายในบุรุษ ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์?
   กา. เพื่อประโยชน์ พระเจ้าข้า
พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็บุคคลผู้ไม่หลง ไม่ถูกความหลงครอบงำ มีจิตไม่ถูกความหลงกลุ้มรุมนี้ ย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่คบชู้ ไม่พูด เท็จ สิ่งใดเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน บุคคลผู้ไม่หลง ย่อมชักชวนผู้อื่นเพื่อความเป็นอย่างนั้น
กา. จริงอย่างนั้นพระเจ้าข้า

พ.  ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?  ธรรมเหล่านี้เป็นกุศลหรืออกุศล?
   กา. เป็นกุศล พระเจ้าข้า
พ. มีโทษหรือไม่มีโทษ?
กา. ไม่มีโทษ พระเจ้าข้า
พ. ท่านผู้รู้ติเตียนหรือท่านผู้รู้สรรเสริญ?
กา. ท่านผู้รู้สรรเสริญ พระเจ้าข้า
พ.  ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว  เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล  เพื่อความสุขหรือหาไม่ ในข้อนี้ท่านทั้งหลายมีความเห็นอย่างไร?
กา. ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ในข้อนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความเห็นเช่นนี้

{น.๑๘๓} พ. ดูกรกาลามชนทั้งหลาย เราได้กล่าวคำใดไว้ว่า  ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่สืบๆ กันมา อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่าได้ยินว่าอย่างนี้  อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน อย่าได้ยึดถือโดยตรึกตามอาการ อย่าได้ยึดถือโดยชอบ ใจว่าต้องกันกับทิฏฐิของตน อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรเชื่อได้ อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครสมาทาน ให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
เพราะอาศัยคำที่เราได้กล่าวไว้แล้วนั้น  เราจึงได้กล่าวไว้ดังนี้

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย อริยสาวกนั้นปราศจากความโลภ ปราศจากความพยาบาท ไม่หลงแล้วอย่างนี้ มีสัมปชัญญะ มีสติมั่นคง มีใจประกอบด้วยเมตตา  แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓ ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจ อันประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ มีใจประกอบด้วยกรุณา... มีใจประกอบด้วยมุทิตา... มีใจประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓ ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้  ทั้งเบื้องบน  เบื้องล่าง  เบื้องขวาง  แผ่ไปตลอดโลก  ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจอันประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึง ความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้  ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ 

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย  อริยสาวกนั้นมีจิตไม่มีเวรอย่างนี้  มีจิต ไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้  มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตผ่องแผ้วอย่างนี้ ย่อมได้รับความอุ่นใจ ๔ ประการ ในปัจจุบันว่า

    ก็ถ้าปรโลกมีจริง ผลวิบากของกรรมทำดีทำชั่วมีจริง เหตุนี้เป็น เครื่องให้เราเมื่อแตกกายตายไป จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดังนี้ ความอุ่นใจ ข้อที่ ๑ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว
    ก็ถ้าปรโลกไม่มี ผลวิบากของกรรมทำดีทำชั่วไม่มี เราไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ไม่มีทุกข์เป็นสุข บริหารตนอยู่ในปัจจุบัน ดังนี้ ความอุ่นใจข้อที่ ๒ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว
    ก็ถ้าเมื่อบุคคลทำอยู่ ชื่อว่าทำบาป เราไม่ได้คิดความชั่วให้แก่ใคร ๆ  ไหนเลยทุกข์จักมาถูกต้องเรา ผู้ไม่ได้ทำบาปกรรมเล่า ดังนี้ ความอุ่นใจในข้อที่ ๓ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว
    ก็ถ้าเมื่อบุคคลทำอยู่ ไม่ชื่อว่าทำบาป เราก็ได้พิจารณาเห็นตนว่า เป็นคนบริสุทธิ์แล้วทั้งสองส่วน ดังนี้ ความอุ่นใจในข้อที่ ๔ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว

ดูกรกาลามชน{น.๑๘๔}ทั้งหลาย  อริยสาวกนั้นมีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้ มีจิตใจไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตผ่องแผ้วอย่าง นี้ ย่อมได้รับความอุ่นใจ ๔ ประการนี้แลในปัจจุบัน

กา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระสุคต ข้อนี้ เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระอริยสาวกนั้น มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มี จิตไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้  มีจิตผ่องแผ้วอย่างนี้ ท่านย่อมได้ความอุ่นใจ ๔ ประการในปัจจุบัน...

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก  ฯลฯ ขอพระองค์โปรดทรงจำพวกข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป


http://www.navy.mi.th/newwww/code/special/budham/tp/tp200366.htm
8  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ยังงงกันอยู่เหรอว่า...ทำไมนิพพานเป็นอัตตา (อสังขตธาตุ)? เมื่อ: 25 ธันวาคม 2553 16:01:12
กราบคารวะท่าน armageddon

เจ้าทึ่มถามถึง "ตัวท่าน"
ไม่ได้ถามถึง "พวกกาลามะชนทั้งปวง"

"ท่านเชื่อข้อความในพระไตรปิฎกเพราะเหตุใด"
"ท่านเชื่อกาลามสูตรเพราะเหตุใด"

การถกธรรมะนั้น หากมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและปรับความเข้าใจเพื่อประโยชน์แก่กันและกันแล้ว เราก็ควรตอบในสิ่งที่เราได้รับการถามด้วยใจซื่อตรง ชัยชนะจะเกิดแก่เราได้ก็ต่อเมื่อเราได้พัฒนาความเห็นของตัวเราให้ตรงขึ้น ไม่เกี่ยวกับการกระทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเดือดดาลหรือเจ็บช้ำน้ำใจแต่ประการใด เมื่อเราถกธรรมะแล้วพบว่าใจเราไม่ปลอดโปร่ง นั่นแสดงว่าเรายังไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนกล่าวออกไป เรายังมีการบ้านต้องทำต่อ เราก็เพียงแต่กลับไปพิจารณา ทดลองปฏิบัติต่อไปจนเข้าใจ...ก็เท่านั้นเอง

หากเราปรารถนาจะทำร้ายกันและกันแล้วก็ทำได้หลายประการ ไม่จำเป็นต้องพาดพิงถึงพระธรรมใดๆ ท่านปรารถนาจะทำร้ายเจ้าทึ่มใช่หรือไม่ ? หากเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าท่านได้ประกาศเจตนารมณ์ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องพาดพิงถึง "กาลามสูตร" หรือ "ปรัชญาปารมิตา" ต่อไปอีก

เจ้าทึ่มขอนอบน้อมแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บรรพบุรุษ ครูบาอาจารย์ มิตรสหาย ตลอดจนทีมงานร่วมอุดมการณ์ทุกท่าน หากความเห็นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านบ้างก็ขออุทิศบุญกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายผู้ได้นำไปใช้ประโยชน์ตลอดจนผู้ที่เจ้าทึ่มได้กล่าวนอบน้อมไว้ข้างต้นนั้นเทอญ


เจ้าทึ่มเอ๋ย อย่างเจ้านี้ไม่ใช่แค่ทึ่มธรรมดาซะแล้ว
แต่ว่า โค-ตะ-ระ-ทึ่ม เลยละ

เจ้าไม่รู้ว่าการแสดงความศรัทธาใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้น
ไม่ใช่แค่มากล่าวคำ ขอนอบน้อม ฯ เพื่อปกป้องอัตตาตัวเอง
แต่ด้วยการเชื่อใจ ไว้ใจ วางใจ ในธรรมที่พระองค์ทรงสั่งสอน

แม้ว่าเจ้าจะออกมาแสดงความนอบน้อมถ่อมตน ด้วยการกล่าวคำคารวะ หรือกล่าวคำนอบน้อม ฯ
แต่การเสแสร้งด้วยเอาความคิดมิจฉาทิฏฐิแบบทึ่มๆ มาใช้
จึงไม่อาจปกปิดตัวตนแท้จริงของเจ้าได้ ว่าเจ้านั้นสำคัญตนขนาดไหน
 
ชาวกาลามะ เมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ก็ยอมละวางทิฏฐิของตัวเอง
เชื่อตามพระพุทธเจ้าด้วยศรัทธาอย่างถึงใจ

แต่เจ้าทึ่มผู้กล่าวคำขอนอบน้อมแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ฯ อยู่ทุกกระทู้
ยังคิดที่จะลองผิดลองถูกด้วยการเอามิจฉาทิฏฐิของตนเองมาพัฒนาความยึดมั่นในตนเองอีก
เพราะว่าเจ้านั้นทึ่มสมชื่อเสียจริงๆ
จึงไม่เห็นว่าธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่าใดมีโทษ เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์อย่างบริบูรณ์ ฯ
เจ้าจึงยึดมั่นถือมั่นในความคิดและวิธีการของตนเองอย่างเหนียวแน่น

เมื่อเจ้ายังต้องการความเข้าใจ นั่นยิ่งทำให้เจ้าห่างไกลจากสิ่งนั้น
ขณะถูกกระทบเจ้าคิดแต่ว่าตัวเองถูกทำร้ายให้เจ็บช้ำน้ำใจ
ไหลตามความคิดมิจฉาทิฏฐิจนมาร้องโอดครวญ
ไม่อาจนำความเข้าใจในสัมมาทิฏฐิมาใช้ได้เลย

กราบบูชาพระคุณพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ขออานิสงส์นี้ถึงแก่เจ้าทึ่ม ขอให้เจ้าทึ่มได้ดวงตาเห็นธรรม หายทึ่มจากมิจฉาทิฏฐิด้วยเถิด
9  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ยังงงกันอยู่เหรอว่า...ทำไมนิพพานเป็นอัตตา (อสังขตธาตุ)? เมื่อ: 23 ธันวาคม 2553 22:18:18

คำว่า "อัตตา" หรือ "อนัตตา"นั้นเป็นเพียงคำคู่ตรงข้าม
เอาไว้ใช้คู่กันให้เห็น "มัชฌิมาปฏิปทา" เท่านั้น
เป็นเพียง "นิ้ว" ที่ชี้ในทิศตรงข้ามกันให้พวกเรามองเห็นทางเบื้องหน้าเท่านั้น

หากเรายึด "อัตตา" เราก็มองเห็นแต่ดิน
ในกรณีที่เรายึดมั่นในคำพูดมากเกินไปก็เปรียบเสมือนการจ้องมองแต่เพียงนิ้วที่ชี้ลงดิน
...เราไม่มีโอกาสมองเห็นดินด้วยซ้ำไป

หากเรายึด "อนัตตา" เราก็มองเห็นแต่ฟ้า
ในกรณีที่เรายึดมั่นในคำพูดมากเกินไปก็เปรียบเสมือนการจ้องมองแต่เพียงนิ้วที่ชี้ขึ้นฟ้า
...เราไม่มีโอกาสมองเห็นท้องฟ้าด้วยซ้ำไป

เมื่อพวกเรามุ่งมั่นกับการ "ก้มหน้าลงดิน"
ครูบาอาจารย์บางท่านจึง "ชี้ฟ้า" ให้พวกเราได้เงยหน้าขึ้น
จุดมุ่งหมายคือให้เรา "มองเห็นทางเบื้องหน้า"
ไม่ได้ตั้งใจให้เรามองฟ้าหรือมองนิ้วที่ชี้ขึ้นไปบนฟ้าแต่อย่างใด

เมื่อพวกเรามุ่งมั่นกับการ "แหงนหน้าขึ้นมองฟ้า"
ครูบาอาจารย์บางท่านจึง "ชี้ดิน" ให้พวกเราได้ก้มหน้าลง
จุดมุ่งหมายคือให้เรา "มองเห็นทางเบื้องหน้า"
ไม่ได้ตั้งใจให้เรามองดินหรือมองนิ้วที่ชี้ลงไปยังดินแต่อย่างใด
buddhismforliving.weebly.com


ไม่ต้องก้มๆ เงยๆ หรอก
แค่เหลือบตามองก็เห็นทั้งหมดในแว้บเดียว 
ทั้งตัวคนที่ชี้และตัวที่คอยชักใย

นิ้วที่ชี้ลงดินอยู่เหยงๆ ก็ของพลศักดิ์นั่นไง

แค่จะชี้ไปข้างหน้าตรงๆ ยังทำไม่ได้
ได้แต่ชี้ชวนลงสู่เบื้องต่ำสถานเดียว
10  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 13:49:01
 

แต่สงฆ์ที่ถูกมารสิงในยุคต่อๆมา ก็พยายามตัดเรื่องธรรมกายออกไป และแยกนิพพานเป็นอะไรก็ไม่รู้  มาถึงยุคนี้สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง กำแหงหนัก  กล้าทะลึ่งบอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา  ทั้งๆที่ในอนัตตลักขณะสูตร นิพพานแปลว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  พอผมถามว่า  แล้วเราจะเข้านิพพานไปหาพระแสงอะไรเล่า?  ก็ไม่เห็นมีใครตอบได้สักคน  เห็นมีแต่ไล่ผมออกจากเว็บพุทธศาสนา 10 กว่าเว็บแล้ว


จะบอกให้ก็ได้

เพราะไม่มีใครเค้าเข้าไปหาพระแสงอะไรอย่างคุณนะสิ

ถ้านิพพานเที่ยง ฯลฯ ก็ต้อง บังคับบัญชาได้ อมพะนำคำนี้เอาไว้ กลัวเสียเครดิตละสิ ชิมิๆ
11  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 13:19:47

เรื่องพระติกขคัมมะ พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในพระไตรปิฎกเถรวาท บันทึกอยู่ในคัมภีร์ปฐมมูล แต่เนื่องจากเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน พวกมารที่แทรกซึมเรืองอำนาจในคณะสงฆ์ปริยัติ จึงต้องพยายามกำจัดทิ้งให้พ้นจากพระพุทธศาสนาเถรวาท เราจึงยากจะค้นพบจำรึกในพระไตรปิฏก แต่กรมศิลปากรเขาก็ยังไปค้นคว้ามาบันทึกไว้ นอกจากนี้พระบางรูปยังมีประสบการณ์ส่วนตัวจากสมาธิ แล้วไปพบพระติกขคัมมะ จึงนำมาเล่าให้ฟัง

ส่วนเรื่องพระรังสีวิสุทธิ และพระพุทธสิกขีนั้น ผู้ที่ทำกรรมฐานจนตัวรู้เปิดหมดแล้ว ทุกท่านย่อมรู้เท่าเทียมกันว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นใคร


เห็นได้ชัดว่า แม้แต่ผู้ที่คุณเรียกว่า มาร ก็ยังมุ่งตรงต่อพระนิพพานมากกว่าคนที่ชอบขี้ตู่ว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า เช่นคุณละนะ

ก็ไอ้ตัวรู้ลักกะปิดลักกะเปิดของคุณนั่นน่ะ มันของไม่จริง
12  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 13:05:26
คุณเอกอิสโร กล่าวว่า:

 1.ไม่มีตรงไหน ที่ระบุว่า

"พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ"
ไม่ได้เป็นมนุษย์


 2.เกิดมนุษย์คู่แรกมา จนเกิดวัฏฏสงสาร
ก็มี พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ พระองค์นี้เป็น
พระองค์แรก ไม่มีพระองค์อื่น มาตรัสก่อนเลย

ตอบ

พระพุทธเจ้าตรัสสอนไปทางเถรวาทว่า พระพุทธเจ้าในอดีต 27 พระองค์ แต่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไปทางมหายานว่า พระพุทธเจ้าในอดีต มีมากมายยิ่งนัก จนถึงกับมีคำพูดที่ได้ยินกันอยู่เป็นประจำว่า มีมากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔

พวกเราเป็นมนุษย์และอยู่ในเถรวาท ซึ่งพระพุทธองค์พยายามไม่กล่าวถึงเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากการรับรู้โดยขันธ์ 5 ของมนุษย์ หรือกล่าวถึงให้น้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าในอดีต 27 พระองค์ และพระพุทธเจ้าในอนาคต อีก ๑๐ พระองค์ จึงเป็นมนุษย์ทั้งหมด แต่อาจจะไม่อยู่ในโลกมนุษย์ในมิตินี้

ส่วนพระพุทธเจ้าในอดีต มีมากมายยิ่งนัก มีมากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔

เราผู้เป็นมนุษย์ย่อมรู้ว่า จำนวนของพระพุทธเจ้าในอดีตที่ต่างกันระหว่างเถรวาทกับมหายาน ส่วนที่ต่างกันนั้น ล้วนเป็นพระพุทธเจ้าที่เป็นสัมโภคกาย

สรุปก็คือ

1. คุณต้องคิดเป็นครับ และต้องมีความรู้ทางเถรวาทและมหายาน ถ้าคิดไม่เป็น ไม่มีความรู้ในทั้ง 2 นิกาย ย่อมตีความไม่ออก เพราะผมบอกแล้วว่า มารนั้นสิงใจสงฆ์ที่ไม่บรรลุธรรมของเถรวาท ให้ตัดข้อความทุกข้อความ ที่จะอิงไปเรื่องที่ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้น

จึงไม่มีตรงไหน ที่ระบุว่า

"พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ"ไม่ได้เป็นมนุษย์

คิดซิครับ....คิด ถ้ายังคิดไม่ออก ก็ดูหลักฐานในข้อต่อไปนะครับ

 
2. ถ้าพระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ พระองค์นี้เป็น
พระองค์แรก แล้วพระพุทธสิกขีที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดถึงไปไหนกันล่ะ
คิดซิครับ....คิด

 พระพุทธสิกขีอายุของ มีอายุขัยประมาณ 8 หมื่นปี

- พระองค์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์เพื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปี
- หลังจากทรงผนวชแล้วเป็นเวลาอีก 2 หมื่นปี จึงได้ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกของโลก
- พระองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์อีกประมาณ 2 หมื่นปี จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

ในคัมภีร์ปฐมมูล "พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า " พระองค์มีพระชนม์มายุ 100,000 ปี แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

หลักฐานเรื่องอายุของพระพุทธสิกขี(8 หมื่นปี) และพระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า (100,000 ปี) ก็ชี้ว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นคนละองค์กัน

หลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง...พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามประวัติพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมีมาก่อน และท่านเป็นผู้กำหนดว่า ต่อไปภายภาคหน้า ตระกูลของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ซึ่งจะมาตรัสรู้ต่อจากพระองค์ จะมี 3 ตระกูล คือ

1. ปัญญาธิกะ
2. สัทธาธิกะ
3. วิริยาธิกะ

ในขณะที่ พระพุทธสิกขี หลวงพ่อฤาษีฯบอกว่า ท่านต้องบำเพ็ญบารมี 16 อสงไขย ฉัน 40 อสงไขยกว่า เพราะไม่มีตัวอย่าง

แล้วผู้ใดล่ะที่ไม่ต้องบำเพ็ญบารมีมาก่อน มาแล้วบำเพ็ญในชาตินั้น และก็ได้ไปพระพุทธเจ้า ไม่ใช่มนุษย์แน่ มีแต่เหล่าธยานิพุทธที่เป็นสัมโภคกายเท่านั้น คิดซิครับ....คิด


คุณ phonsak เอาสมองส่วนหลังมาคิดอีกละสิ

พระธยานิพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ยังต้องมาบำเพ็ญหาอะไรในชาตินั้นอีก

อยากคิดก็เชิญคิด...ต่อไปเถอะนะ สังขารคิดยังไม่รู้จัก ยังมาพล่ามเรื่องพระพุทธเจ้า

13  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 07 ธันวาคม 2553 13:44:03
มารจะพูดอะไรก็พูดไป  ถ้าถามคำถามธรรม  เราจะตอบ

ผู้ก่อตั้งเวบฯที่นี่ก็ติดไวรัสมารอีกคนหรือนี่

ผู้ก่อตั้งเวบฯที่นี่ก็ติดไวรัสมารอีกคนหรือนี่ นี่คือคำถามธรรมของพลศักดิ์ เพื่อแสดงภูมิธรรมระดับปัญญาอ่อนและวิธีขุดหลุมถ่านเพลิงเผาตัวเอง
14  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: อมตะและไม่ทุกข์=อัตตาจริง หรือนิพพาน ไม่อมตะและทุกข์=อัตตาเก๊ เมื่อ: 07 ธันวาคม 2553 13:31:23
แล้วก็กรุณาแหกตาดูอีกทีนะ

armageddon เขียน:

ไปหาหัวข้อ อัตตาลักขณะสูตร มายืนยันก่อน


ไ่ม่ได้ให้เอาคำพูดเพ้อเจ้อของร่างทรงองค์เก๊อย่างพลศักดิ์มานะ


ตอนนี้เราจะถามท่านWangJai และท่านarmageddon ที่มีตัวเดียว แต่แปลงเป็น 2 ตัว ว่า:

ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

ท่านมาร 2 ตัว ที่เป็นตัวเดียว  ต้องตอบว่า : ข้อนั้น ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า

เมื่อไรที่ท่านมาร 2 ตัว ที่เป็นตัวเดียว  ตอบได้ดังนี้ ท่านก็พบและเข้าใจ อัตตาที่พระพุทธเจ้าให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตร


ข้อนั้น ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า ควรเห็นกันจะๆ เลยว่า พลศักดิ์ ชอบสวมรอยขี้ตู่ว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า

เห็นกันจะๆ เลยว่าพลศักดิ์ = ร่างทรงของเก๊ ปัญญาอ่อน พระพุทธเจ้าข้าาาา...
15  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: อมตะและไม่ทุกข์=อัตตาจริง หรือนิพพาน ไม่อมตะและทุกข์=อัตตาเก๊ เมื่อ: 07 ธันวาคม 2553 00:47:08

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ไปหาหัวข้อ อัตตาลักขณะสูตร มายืนยันก่อน


ใช้ พลศักดิ์ลักขณะสูตร ยืนยันกระต่ายขาเดียวไปก่อน


เราพลศักดิ์ เป็นผู้มีปัญญาและมองเห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ เราเห็นพวกเธอนอนอยู่ในหลุมถ่านเพลิงแห่งความอยากรู้อยากเห็นในพุทธพจน์ของแท้แห่งตถาคตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่พวกเธอโดนมารปิดกั้นความรู้ในพุทธพจน์

เราเห็นพวกเธอหมดปัญญาเอาชนะเหล่ามารพวกนี้   เราจึงมาดับหลุมถ่านเพลิงแห่งความอยากรู้อยากเห็นของพวกเธอในพุทธพจน์ของแท้แห่งตถาคตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และของเหล่าพระอรหันต์ต่างๆ

เราเขียนกระทู้มาเป็นร้อยเป็นพันกระทู้  มารหมดทางปราบเราได้แล้ว  ไล่เราออกจากเว็บไหนๆ  เราก็เข้าไปได้ใหม่เสมอ  แต่เราเห็นว่าความรู้ของเราสมควรเปิดกว้างไปในเว็บต่างๆให้ถ้วนทั่ว  เราจึงเลือกเข้าไปเล่นในเว็บเหล่านั้น

มารมาเจรจากับเรา  มาเปิดเว็บให้เราฟรี  เราไม่หลงกลมารหรอก

5555555


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น อยากบอกเสียจนหลุมถ่านเพลิง เผาตัวเอง

16  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า? เมื่อ: 07 ธันวาคม 2553 00:36:17
ว่างๆ สองท่านไปนั่งสนทนาธรรมกันดีไหมคับ  อิอิ

พุทธะ ต้องการเผยแพร่พุทธศาสนา
มาร ต้องการทำลายพุทธศาสนา

พุทธะ จึงต้องสู้กับ มาร ตลอดเวลา  แล้วผมก็ไม่มีนโยบายเจรจาอะไรกับมาร  เดี๋ยวหลงกลมัน  ผมมาเพื่อชนมารสถานเดียว

คุณ phonsak หลงกลจนถอนตัวถอนในไม่ขึ้นแล้วละ
หลงมาชนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ีคนเดียวนี่ไง

หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
17  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 07 ธันวาคม 2553 00:23:32

.... เรื่องนี้ถ้าผมเงียบไว้  ไม่เปิดเผยก็คงไม่ได้แน่ 


หาข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือมายืนยันไม่ได้ก็หุบปากเงียบไว้เถอะ

อยากบอกจนหลุมถ่านเพลิง เผาตัวเอง  หัวเราะลั่น
18  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: พระศรีอริยะเมตตรัย จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณประมาณปีพศ. 7250 เมื่อ: 07 ธันวาคม 2553 00:00:37

http://fws.cc/leavesofeden/index.php?topic=1026.0
http://fws.cc/leavesofeden/index.php?topic=1395.0
http://fws.cc/leavesofeden/index.php?topic=1471.0
http://fws.cc/leavesofeden/index.php?topic=1400.0
http://fws.cc/leavesofeden/index.php?topic=1410.0
http://fws.cc/leavesofeden/index.php?topic=1394.0

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
19  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: พระศรีอริยะเมตตรัย จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณประมาณปีพศ. 7250 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2553 23:41:37

มารมาเจรจากับเรา  มาเปิดเว็บให้เราฟรี  เราไม่หลงกลมารหรอก

5555555


เว็บนี้น่ะเหรอ http://fws.cc/leavesofeden/index.php
http://fws.cc/leavesofeden/index.php?action=profile;u=4

หลุมถ่านเพลิง เผาตัวเอง

5555555

 หัวเราะลั่น

20  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: พระศรีอริยะเมตตรัย จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณประมาณปีพศ. 7250 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2553 23:32:45
คุณWangJai ครับ


เราพลศักดิ์ เป็นผู้มีปัญญาและมองเห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ เราเห็นพวกเธอนอนอยู่ในหลุมถ่านเพลิงแห่งความอยากรู้อยากเห็นในพุทธพจน์ของแท้แห่งตถาคตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่พวกเธอโดนมารปิดกั้นความรู้ในพุทธพจน์

เราเห็นพวกเธอหมดปัญญาเอาชนะเหล่ามารพวกนี้   เราจึงมาดับหลุมถ่านเพลิงแห่งความอยากรู้อยากเห็นของพวกเธอในพุทธพจน์ของแท้แห่งตถาคตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และของเหล่าพระอรหันต์ต่างๆ

เราเขียนกระทู้มาเป็นร้อยเป็นพันกระทู้  มารหมดทางปราบเราได้แล้ว  ไล่เราออกจากเว็บไหนๆ  เราก็เข้าไปได้ใหม่เสมอ  แต่เราเห็นว่าความรู้ของเราสมควรเปิดกว้างไปในเว็บต่างๆให้ถ้วนทั่ว  เราจึงเลือกเข้าไปเล่นในเว็บเหล่านั้น

มารมาเจรจากับเรา  มาเปิดเว็บให้เราฟรี  เราไม่หลงกลมารหรอก

5555555


คุณ phonsak จ๋า

คุณหลงกลมารเต็มๆ เลยละ จะบอกให้
คุณกระหายอยากเข้าไปเล่นในเว็บต่างๆ จนถอนตัวไม่ขึ้นจากหลุมถ่านเพลิงเหล่านั้นแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก คริ คริ
หน้า:  [1] 2
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.217 วินาที กับ 21 คำสั่ง