[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 06:49:10 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 18 19 [20] 21 22 23
381  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / เจ้าหญิงเลอาแห่งเผ่าโฮปิ เมื่อ: 13 มิถุนายน 2563 09:59:46

เจ้าหญิงเลอาแห่งเผ่าโฮปิ

https://i2.wp.com/static.kulturologia.ru/files/u12645/leia-9.jpg

                    
              ภาพนี้เป็นภาพของหญิงสาวชาวพื้นเมืองอเมริกัน หรือที่เรียกกันอย่างลำลองว่าอินเดียนแดงเผ่าโฮปิ ที่ไว้ผมม้วนทรงดอกสควอชบลอสซัม ซึ่งเป็นทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่า โดยหญิงสาวประจำเผ่าที่ยังโสดและยังไม่ได้แต่งงานเท่านั้นที่จะไว้ทรงเช่นนี้ได้ ซึ่งต่อมาภายหลังทรงผมนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบทรงผมสำหรับ "เจ้าหญิงเลอา" ตัวละครเอกแห่งมหากาพย์ภาพยนตร์สตาร์วอส์

             อนึ่ง เผ่าโฮปิเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเผ่าดังกล่าวมีถิ่นที่อยู่ในทางตะวันออกเฉียงเหนือของอริโซน่า โดยชื่อโฮปินั้นย่อมาจากคำว่า "Hopituh Shi-nu-mu" แปลว่า "ชนผู้รักความสงบ" หรือ "เจ้าความสงบสุขตัวน้อย" สำหรับเผ่านี้การสืบสายโลหิตจะสืบจากทางฝั่งมารดา เรียกว่าเป็นแบบ Matrilineality ชาวโฮปิที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักของชาวอเมริกันก็คือ ลูวิส เตวานิมา นักวิ่งระยะ 10 กม. เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกที่กรุงสต็อกโฮล์มในปี 1912

             ขอบคุณ ข้อมูลจากเพจ Theerat Tanaree‎The Wild Chronicles Group สมาคมผู้สนใจประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ


382  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / แสวงหา“ปัญญา” แต่พอรู้อะไรนิดๆหน่อยๆ เริ่มลงความเห็น เลยกลายเป็น “ทิฏฐิ” เมื่อ: 12 มิถุนายน 2563 10:13:40

แสวงหา“ปัญญา” แต่พอรู้อะไรนิดๆหน่อยๆ เริ่มลงความเห็น เลยกลายเป็น “ทิฏฐิ”

“เรื่อง ปัญญา กับ ทิฏฐิ
“ปัญญา” คือ ความรู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามเป็นจริง คนเราพัฒนาปัญญาเพื่อให้เข้าถึงความจริงของธรรมชาติ แต่ในขณะที่เราแสวงหาปัญญาอยู่นั้น ก็มักจะตกหลุมอีกแห่งหนึ่งขึ้นมา คือพอเราได้รู้อะไรนิดๆหน่อยๆ เราจะเริ่มลงความเห็น สิ่งที่กลายเป็นความเห็นของเรานี้ ท่านเรียกว่า “ทิฏฐิ”
.
คนบางพวกมีความโน้มเอียงที่จะลงความเห็นง่าย #พอลงความเห็นปุ๊บไปแล้วตัวเองยังไม่ทันเข้าถึงความจริงก็เลยติดอยู่ในความเห็นอันนั้นเอง ทั้งที่เพิ่งได้ความจริงเพียงแง่หนึ่งด้านเดียว อันนั้นก็กลายเป็น “ทิฏฐิ” ไปเสียแล้ว
.
พอลงเป็นทิฏฐิแล้ว เจ้าทิฏฐินั้นก็...
.
๑. กลายเป็นตัวอุปสรรค มาขัดขวางตัวเขาเอง ไม่ให้แสวงหาปัญญาต่อ ก็เลยเข้าไม่ถึงความจริง
.
๒. เป็นอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะตัวเองก็จะดื้อรั้นให้เป็นไปตามทิฏฐิของตน จนบางทีถึงกับไปบังคับคนอื่นให้เห็นตาม
.
ฉะนั้นทิฏฐิจึงมีบทบาทสำคัญในกระบวนการพัฒนาปัญญา #มันเกิดขึ้นในระหว่างที่เรากำลังแสวงหาปัญญา แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วกลับเป็นอันตราย ทั้งกั้นตัวเองด้วยและทำร้ายผู้อื่นด้วย
.
ฉะนั้น จึงมีปัญหาว่า..ทำอย่างไร? จะไม่ให้คนตกลงไปอยู่ใต้ทิฏฐิ เราจะได้ก้าวหน้าในปัญญาอยู่เสมอ
.
#คนที่เป็นนักแสวงปัญญานั้นจะไม่ลงทิฏฐิง่ายๆ แล้วก็ไม่ยึดติดถือมั่นอยู่ใต้ครอบงำของทิฏฐิ...
.
เวลานี้ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในเรื่องปัญญากับทิฏฐิ ก็คือว่า โลกแคบเข้ามารวมกันเป็นหนึ่งเดียวโดยเทคโนโลยี แต่คนยิ่งแตกยิ่งแยกกันโดยทิฏฐิ นี่คือ จุดติดตันของอารยธรรมมนุษย์ยุคปัจจุบัน”
.
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( ป. อ. ปยุตฺโต )
ที่มา : ธรรมนิพนธ์ “การสร้างสรรปัญญา เพื่ออนาคตของมนุษยชาติ”
ขอขอบคุณ เพจธรรมะเพื่อทางพ้นทุกข์ โดย ท. ส. ปัญญาวุฑโฒ


383  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: อาการไอกับกรดไหลย้อน เมื่อ: 12 มิถุนายน 2563 09:58:04


วิธีการรักษาโรคกรดไหลย้อน


รับประทานยาแก้ไอเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
รับประทานยาลดกรดเพื่อยับยั้งการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร
ในกรณีที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานยาเป็นเวลานานหรือพบผลข้างเคียงจากการใช้ยา รวมถึงผู้ป่วยที่ใช้ยามาเป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถควบคุมอาการได้แล้ว
สำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารจะช่วยให้อาการดีขึ้น โดยการรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละมื้อ รับประทานอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด เน้นอาหารมีประโยชน์  ไขมันต่ำ ย่อยง่ายและมีกากไย นอกจากนี้ไม่ควรปล่อยให้น้ำหนักมากเกินไปด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดชากาแฟ และไม่สูบบุหรี่ รวมถึงการลดความดันในกระเพาะอาหารด้วยการสวมเสื้อผ้าหลวมๆ  และที่สำคัญคือไม่นอนราบหลังหรือระหว่างมื้ออาหาร ควรรอประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน

อย่างไรก็ตามหากพบอาการไอเรื้อรัง นานกว่า 3–8 สัปดาห์ โดยไม่ได้รับประทานยาที่กระตุ้นให้ไอมากขึ้น  ไม่สูบบุหรี่  ไม่ป่วยเป็นภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ หรือโรคหอบหืด รวมถึงการเอ็กซเรย์พบว่าปอดปกติ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการไอที่หาสาเหตุไม่พบ การรักษากรดไหลย้อนอาจช่วยให้ผู้ป่วยดีขึ้น  โดยผู้ป่วยสามารถพบแพทย์ด้านระบบทางเดินอาหารเพื่อรับการวินิจฉัยอย่างละเอียด ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ก่อนเกิดอาการนอยด์ กังวลอาจคิดว่าติดโรคโควิด-19     

384  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: อาการไอกับกรดไหลย้อน เมื่อ: 12 มิถุนายน 2563 09:55:26

ไอเรื้อรังกับโรคกรดไหลย้อน


โรคกรดไหลย้อน  (GERD) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อกรดจากกระเพาะอาหาร เคลื่อนตัวขึ้นไปยังหลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื่อและนำไปสู่อาการจุกเสียด เรอ คลื่นไส้ และแสบร้อนกลางอก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อมากเกินไป โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูงและย่อยยาก รวมถึงการดื่มชา กาแฟ ซึ่งมีผลทำให้กล้ามเนื้อหูรูดระหว่างกระเพาะและหลอดอาหารส่วนปลายหย่อน

ทั้งนี้อาการจุกเสียดและแสบร้อนหน้าอกมักเกิดขึ้นมากกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจทำให้เกิดแผลและความเสียหายถาวรโดยเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหาร

อย่างไรก็ตาม แม้อาการจุกเสียด แสบร้อนกลางอกและเรอเปรี้ยว จะเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดของ โรคกรดไหลย้อน  แต่อาการไอเรื้อรังก็เป็นอาการหนึ่งที่พบบ่อยเช่นกัน   โดยงานวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่าโรคกรดไหลย้อนมีความเกี่ยวข้องกับอาการไอเรื้อรังอย่างน้อย 25 % รวมถึงผู้ป่วยไอเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ หากตรวจอย่างละเอียดจะพบว่ามีปัจจัยมาจากโรคกรดไหลย้อนมากถึง 40%โดยผู้ป่วยไม่มีอาการของกรดไหลย้อน เช่น เรอเปรี้ยว หรือแน่นหน้าอกก็เป็นได้              (ข้อมูลอ้างอิง : https://www.medicalnewstoday.com/articles/315888)

อาการไอเรื้อรังจากภาวะ กรดไหลย้อน เกิดขึ้นจากกรดไหลย้อนลงไปในหลอดลม ทำให้เกิดภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง   บางกรณีอาจเสี่ยงกับอาการหอบหืด หรืออาจเกิดจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไประคายเคืองเส้นประสาทบริเวณหลอดอาหารส่วนปลายแล้วกระตุ้นให้เกิดอาการไอขึ้น นอกจากนี้ หากพบอาการไอหลังรับประทานอาหารมักเกิดจากความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น  จนกรดไหลลงไปในหลอดลม ส่วนภาวะไอในขณะนอนหลับ  จนสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกมีสาเหตุมาจากกรดในกระเพาะอาหารที่เพิ่มมากขึ้นและไปรบกวนระบบทางเดินหายใจ ทำให้หลอดลมหดตัวหรือเกิดการอักเสบ



385  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / อาการไอกับกรดไหลย้อน เมื่อ: 12 มิถุนายน 2563 09:53:25

อาการไอกับกรดไหลย้อน


‘อาการไอ’ ถือเป็นกลไกอย่างหนึ่งของร่างกายในการขับสิ่งแปลกปลอมออกจากระบบทางเดินหายใจ เช่น มูก เสมหะ รวมถึงเชื้อโรคต่างๆ การไอจึงเป็นการช่วยลดปริมาณเชื้อโรคในร่างกายของผู้ป่วย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการกระจายเชื้อโรคไปสู่ผู้อื่นด้วยเช่นกัน

เมื่ออาการไอเป็นหนึ่งในอาการของโรคโควิด- 19 ที่กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบัน นอกจากภาวะไข้สูงและอาการร่วมอื่นๆ  จึงสร้างความวิตกกังวลให้ผู้ที่มีอาการไอติดต่อกันหลายวัน หรือไอเรื้อรัง เป็นอย่างมาก   


อาการไอ
ไอ (Cough)  เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป สามารถแบ่งตามระยะเวลาของอาการไอ ดังนี้

ไอเฉียบพลัน เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ  เช่น  หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ซึ่งหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ผู้ป่วยจะสามารถฟื้นตัวและหายไอ ภายใ นไม่เกิน 3 สัปดาห์
ไอกึ่งเฉียบพลัน มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเช่นกัน แต่ผู้ป่วยอาจมีการติดเชื้อที่รุนแรงกว่า การฟื้นตัวจึงใช้เวลานานกว่า คือประมาณ 3-8 สัปดาห์ขึ้นไป
ไอเรื้อรัง มีอาการไอติดต่อกันยาวนานกว่า 8 สัปดาห์ ส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบและติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงโรคกรดไหลย้อน


386  สุขใจในธรรม / เกร็ดศาสนา / Re: ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในประเทศไทยคือต้นที่ 3 จริงหรือ ? เมื่อ: 11 มิถุนายน 2563 22:08:49


            ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สี่ เป็นต้นที่ยังคงอยู่ที่พุทธคยาในปัจจุบันหรือเปล่าค่ะ



ปัจจุบันยังคงเป็นต้นที่สี่ และยังคงยืนต้นอยู่ที่พุทธคยาในปัจจุบัน
เป็น 1 ใน 2 หน่อที่แตกขึ้นมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ 3 ที่ล้มตายไป
โดย ท่านเซอร์คันนิ่งแฮม ได้บำรุงดูแลหน่อที่เกิดมานั้นเมื่อปี พ.ศ. 2423
และนำอีกหน่อหนึ่งไปปลูกไว้ด้านทิศเหนือของพระเจดีย์พุทธคยา ห่างจากต้นเดิมประมาณ 50 เมตร
ซึ่งปัจจุบัน “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ทั้ง 2 ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่ มีอายุยืนยาวจวบถึงทุกวันนี้




ปล. คะใช้ถาม ค่ะใช้ตอบ !!




ขอบคุณค่าาาาาาาา

387  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / Love you better เมื่อ: 11 มิถุนายน 2563 20:37:58


Love you better


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=E9s5SxIVEXo" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=E9s5SxIVEXo</a>


“วาเลนติน่า พลอย” (Valentina Ploy) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินหญิงคลื่นลูกใหม่ที่มีผลงานน่าจับตามอง ตั้งแต่เปิดตัวในฐานะ “ศิลปินและนักแต่งเพลง” (Singer & Songwriter) แบบเต็มตัว เจ้าของเพลง “See You In Life” ที่มียอดฟังในแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ พุ่งสูงทะลุ 10 ล้านครั้งไปเรียบร้อย รวมถึงเพลง “Wire” และ “Let Go” ที่โดนใจคนฟังทั่วโลกจนถูกจัดรวมอยู่ใน Playlists เพลงฮิตระดับโลกอย่าง “It’s a hit!” ที่มีเพลงดังของศิลปินอย่าง Taylor Swift, Ed Sheeran, Ariana Grande และ Shawn Mendes มาแล้ว ล่าสุดพลอยเตรียมปล่อยเพลงใหม่ “Love You Better” เพลงเปิดอัลบั้มเต็ม “Satellite” ที่ถ่ายทอดเรื่องจริงจากประสบการณ์ตลอด 26 ปีจากเด็กสาวขี้อายสู่ศิลปินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจ


    โดยเพลง “Love You Better” เพลงรักโรแมนติกมากที่สุดของพลอย ที่เปิดเผยให้เห็นเนื้อแท้ความรู้สึกจริง ๆ แบบไม่มีกั๊ก และถือเป็นเพลงเปิดอัลบั้ม “Satellite” ที่พลอยเปรียบเสมือนไดอารี่ส่วนตัวบันทึกชีวิตหลากหลายมุมมอง หลากหลายอารมณ์ความรู้สึกทั้งความรัก-ความฝัน และการเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตในช่วงหนึ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็ว กลั้นกรองทุกอย่างผ่านฝีมือการเขียนเนื้อร้องและทำนองด้วยตัวเองทั้งหมดอีกด้วย โดยได้รุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง “ปกป้อง จิตดี” โปรดิวเซอร์มากฝีมือระดับอินเตอร์จากวง “Plastic Plastic” และ “Gym and swim” มาช่วยเสริมดนตรีให้โกอินเตอร์มากขึ้น ซึ่งอัลบั้มนี้ถือเป็นประตูแรกของพลอยในการก้าวสู่เส้นทางอินเตอร์ หลังจากที่เพลงได้รับความสนใจจากแฟนเพลงทั่วโลก นอกจากนั้นยังได้รับความสนใจจากบรรดาผู้จัดงานมิวสิคเฟสติวัลระดับอินเตอร์อีกมากมาย ล่าสุดเตรียมโดดร่วมงานอินเตอร์ โดยได้รับเชิญขึ้นโชว์ผ่านออนไลน์ในงาน “Subdued Online” จากประเทศฟิลิปปินส์ร่วมกับวงดนตรีชื่อดังในวันเสาร์ 13 มิถุนายนนี้อีกด้วย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.facebook.com/indiemanilalive/


 รัก รัก รัก รัก รัก รัก



388  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / กษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ใน คิงดอกจิก เมื่อ: 10 มิถุนายน 2563 19:44:19

กษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ใน คิงดอกจิก


อเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมาซิโดเนีย (356-323 ปีก่อนคริสตกาล) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า อเล็กซานเดอร์มหาราช (อังกฤษ: Alexander III of Macedon หรือ Alexander the Great, กรีก: Μέγας Ἀλέξανδρος, Mégas Aléxandros)

เป็นกษัตริย์กรีกจากแคว้นมาซิโดเนีย ผู้สร้างชื่อเสียงมากที่สุดของราชวงศ์อาร์กีด เป็นผู้สร้างจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคโบราณ เกิดที่เมืองเพลลา ตอนเหนือของมาซิโดเนีย เมื่อปีที่ 356 ก่อนคริสตกาล ได้รับการศึกษาตามแบบกรีกดั้งเดิมภายใต้การกำกับดูแลของอริสโตเติล นักปรัชญากรีกผู้มีชื่อเสียง สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจาก ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย เมื่อปีที่ 336 ก่อนคริสตกาลหลังจากที่พระบิดาถูกลอบสังหาร สิ้นพระชนม์ในอีก 13 ปีต่อมาเมื่อพระชนมายุเพียง 32 พรรษา แม้ว่าราชบัลลังก์และจักรวรรดิของอเล็กซานเดอร์จะอยู่เพียงชั่วครู่ยาม แต่ผลกระทบจากการพิชิตดินแดนของพระองค์ส่งผลสืบเนื่องต่อมาเป็นเวลาหลาย ศตวรรษ อเล็กซานเดอร์ถือเป็นหนึ่งในบุรุษผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกยุคโบราณ มีชื่อเสียงเลื่องลือในความสามารถทางการรบ ยุทธวิธี และการเผยแพร่อารยธรรมกรีกไปในดินแดนตะวันออก

พระเจ้าฟิลิปทรงนำแว่นแคว้นกรีกโดยมากบนแผ่นดินใหญ่กรีซให้มาอยู่ภายใต้ การปกครองของมาซิโดเนีย โดยใช้ทั้งกลวิธีทางการทูตและทางทหาร เมื่อฟิลิปสิ้นพระชนม์ อเล็กซานเดอร์จึงได้สืบทอดราชอาณาจักรที่เข้มแข็งและกองทัพที่เปี่ยม ประสบการณ์ พระองค์เป็นที่ยอมรับในด้านการรบจากแว่นแคว้นกรีซ และได้เริ่มแผนการขยายอำนาจแผ่อาณาจักรตามที่บิดาเคยริเริ่มไว้ พระองค์ยกทัพรุกรานดินแดนเอเชียไมเนอร์ภายใต้การปกครองของอาณาจักรเปอร์เซีย และกระทำการรณยุทธ์อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลาร่วมสิบปี อเล็กซานเดอร์เอาชนะชาวเปอร์เซียครั้งแล้วครั้งเล่า นำทัพข้ามซีเรีย อียิปต์ เมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และแบคเทรีย ทรงโค่นล้มกษัตริย์ดาริอุสที่ 3 แห่งเปอร์เซีย และพิชิตจักรวรรดิเปอร์เซียได้ทั้งหมด1 พระองค์ไล่ตามความปรารถนาที่ต้องการเห็น "จุดสิ้นสุดของโลกและมหาสมุทรใหญ่ที่เบื้องปลาย" จึงยกทัพบุกอินเดีย แต่ต่อมาถูกบีบให้ต้องถอยทัพกลับโดยบรรดาทหารที่กำเริบขึ้นเนื่องจากเบื่อหน่ายการสงคราม

อเล็กซานเดอร์สิ้นพระชนม์ที่เมืองบาบิโลน ในปีที่ 323 ก่อนคริสตกาล ก่อนจะเริ่มแผนการรบต่อเนื่องในการรุกรานคาบสมุทรอาระเบีย ในปีถัดจากการสิ้นพระชนม์ของอเล็กซานเดอร์ เกิดสงครามกลางเมืองทั่วไปจนอาณาจักรของพระองค์แตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้เกิดเป็นรัฐใหญ่น้อยมากมายปกครองโดยบรรดาขุนนางชาวมาซิโดเนีย แม้ความเป็นผู้พิชิตของพระองค์จะโดดเด่นอย่างยิ่ง แต่มรดกของอเล็กซานเดอร์ที่ยืนยงต่อมากลับมิใช่ราชบัลลังก์ กลายเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมที่ติดตามมาจากการพิชิตดินแดนเหล่านั้น การก่อร่างสร้างเมืองอาณานิคมกรีกและวัฒนธรรมกรีกที่เผยแพร่ไปในแดนตะวันออก ทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมเฮเลนนิสติก ซึ่งยังคงสืบทอดต่อมาในจักรวรรดิไบแซนไทน์กระทั่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 อเล็กซานเดอร์เป็นบุคคลในตำนานในฐานะวีรบุรุษผู้ตามอย่างอคิลลีส มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมปรัมปราทั้งของฝ่ายกรีกและที่ไม่ใช่ กรีก เป็นหลักเกณฑ์มาตรฐานซึ่งบรรดานายพลทั้งหลายใช้เปรียบเทียบกับตนเองแม้จนถึง ปัจจุบัน โรงเรียนการทหารทั่วโลกยังคงใช้ยุทธวิธีการรบของพระองค์เป็นแบบอย่างในการ เรียนการสอน2



ที่มา : เพจเจาะเวลาหาอดีต



389  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / Re: Breakfast เค้า break อะไร ทำไมต้อง fast แล้วทำไมการเบรคถึงเกี่ยวกับอาหารเช้า ? เมื่อ: 10 มิถุนายน 2563 01:10:56



   


Have a breakfast!

     คำว่า Breakfast มองแวบแรกอาจคิดว่าเป็นคำที่ผสมมาจากคำว่า break (v. แตก, หัก, ทำลาย)
และ fast (adj./adv. ว่องไว, รวดเร็ว) แต่จริงๆ แล้ว คำว่า fast ในที่นี้ไม่ได้เป็นคำวิเศษณ์หรือคำคุณศัพท์
ที่แปลว่า เร็ว หากแต่เป็นคำนาม ที่แปลว่า ช่วงเวลาการอดอาหาร


 


fast (N.) ช่วงเวลาการอดอาหาร

     To break fast จึงหมายถึงการทำลายช่วงเวลาอดอาหารจากการนอนหลับมาทั้งคืน แล้วเติมกระเพาะ
ด้วยของอร่อยๆ ยามเช้า หรือแปลง่ายๆ คือการกลับมากินอีกครั้ง หลังจากนอนหลับไปตอนกลางคืนนั่นเอง

     อย่างไรก็ตาม คำว่า Breakfast ไม่เคยถูกนำมาใช้จนกระทั่งเข้าศตวรรษที่ 14 เพราะในภาษาอังกฤษเก่า
(Old English) คำว่า อาหารเช้า คือคำว่า morgenmete ซึ่งเป็นคำที่ผสมจาก morgen หมายถึง morning
(n. ตอนเช้า) และ mete หมายถึง meal (n. มื้ออาหาร) ทั้งยังเป็นรากศัพท์ของคำว่า meat (n. เนื้อสัตว์)
ที่ใช้ในปัจจุบันด้วย ดังนั้น คำว่า morgenmete จึงแปลตรงตัวได้ว่า มื้อเช้า

     ในเมื่อมีคำสละสลวยที่แปลตรงตัวได้ว่า มื้อเช้า อยู่แล้ว คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมคำว่า breakfast
ถึงเข้ามาแทนที่คำว่า morgenmete?





เบรกฟาสต์เป็นของคนอ่อนแอ

     ปัจจุบันเราอาจจะได้ยินคำพูดว่า “มื้อเช้าสำคัญที่สุด” หรือ “Breakfast is the most important meal of the day!”
แต่หากย้อนไปในช่วงยุคกลาง (Middle Ages) ของยุโรป ในช่วงศตวรรษที่ 5-15 ผู้คนจะรับประทานอาหารสองมื้อเท่านั้น
คือ mid-day dinner เทียบได้กับมื้อกลางวัน และ evening supper คือมื้อเย็น

     เหล่าคนชั้นสูงและนักบวชในยุคนั้นจะหลีกเลี่ยงการรับประทานหลังตื่นเช้า เพราะเชื่อว่ามนุษย์เราควรอยู่ในช่วงเวลา
ของการ fasting หรืออดอาหารตั้งแต่ตอนเข้านอน จนถึงเวลากลางวันของวันถัดไป โดยเชื่อมโยงกับคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลว่า
ผู้ที่มีความตะกละคือคนบาป ทำให้การรับประทานอาหารเช้าเป็นเรื่องน่าอับอาย จะมีข้อยกเว้นก็แค่กับชนชั้นต่ำ
ที่ต้องใช้แรงทำงานในตอนเช้าและคนป่วยเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้รับประทานอาหารเช้าได้

     เพราะความเชื่อดังกล่าว การ break fast จึงเป็นคำที่ใช้อ้างถึงการกระทำที่อ่อนแอ ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจ
ให้ตนเองอดอาหารจนถึงมื้อกลางวันได้ แต่แน่นอนว่า ไม่ว่ามนุษย์ยุคไหนตื่นมาก็หิวตอนเช้ากันทั้งนั้น การ break fast
จึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็นคำที่ใช้แทนการรับประทานเช้าในที่สุด


 


Frühstück, Petit-déjeuner, Desayuno

     วัฒนธรรมการ ‘ทำลายการอดอาหาร’ หรือ break fast ในตอนเช้าไม่ได้ปรากฏอยู่แค่ในภาษาอังกฤษเท่านั้น
แต่แพร่กระจายไปยังภาษาต่างๆ ทั่วยุโรป เช่น

     ในภาษาเยอรมัน คำว่า รับประทานอาหารเช้า คือ Frühstück ซึ่งเป็นคำที่ผสมระหว่าง früh (adv. เช้า)
และ stück (n. ชิ้น, ส่วน) ส่วนในภาษาฝรั่งเศส คือคำว่า petit-déjeuner ซึ่งหมายถึง a small breaking of the fast
หรือการทำลายการอดอาหารเล็กๆ น้อยๆ

     สองคำนี้แสดงให้เห็นว่า ตามประวัติศาสตร์และความหมายของคำศัพท์แล้ว คนเยอรมันและฝรั่งเศสจะกินมื้อเช้า
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะการรับประทานอาหารเช้านับว่าเป็นเรื่องน่าอับอายและผิดบาป โดยยังเชื่อมโยงมาถึง
พฤติกรรมการกินอาหารเช้าของชาวเยอรมันและฝรั่งเศสในปัจจุบันส่วนใหญ่ที่เลือกกินแค่ขนมปัง แยม หรือชีส เท่านั้น
โดยไม่กินเนื้อสัตว์หรือของหนักๆ ด้วย

     ส่วนในภาษาสเปน คำว่า มื้อเช้า คือ desayuno มีความหมายและหลักการเหมือนกับภาษาอังกฤษเป๊ะๆ
คือ sayuno แปลว่า อดอาหาร และ de แปลว่า ทำลาย เพราะฉะนั้น desayuno จึงแปลว่าการทำลายการอดอาหาร
ที่ปฏิบัติมาทั้งคืน











เข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่า

390  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / อยุธยาที่ไม่รู้จัก เมื่อ: 09 มิถุนายน 2563 20:03:53





<a href="http://www.youtube.com/watch?v=sug0ByBOAB0&amp;feature=youtu.be&amp;fbclid=IwAR07keO6UtZvQfzQ9SJYJ48H1b3-PHyJTLf1g8FVlunq5lx_hRxi_tLrcZI" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=sug0ByBOAB0&amp;feature=youtu.be&amp;fbclid=IwAR07keO6UtZvQfzQ9SJYJ48H1b3-PHyJTLf1g8FVlunq5lx_hRxi_tLrcZI</a>



391  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: ชีวิตที่อิสระ คือชีวิตที่ไม่เป็นทุกข์ เมื่อ: 09 มิถุนายน 2563 19:53:34
คนเรามักจะเป็นทุกข์เพราะคิดว่าคนอื่นไม่เข้าใจตนเอง จนลืมคิดไปว่าตัวเราเองตากหากที่ไม่เข้าใจธรรมชาติของคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมหากเราเข้าใจธรรมชาติของสิ่งต่างที่อยู่รอบตัวเราเมื่อไหร่ ความมหัศจรรย์ของชีวิตก็จะเกิดขึ้นมาพร้อมกับความสงบสุขของจิตใจเราเมื่อนั้น
เย้


 จริงด้วยค่ะ เราปรับเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนความคิดเราได้
392  สุขใจในธรรม / เกร็ดศาสนา / Re: ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในประเทศไทยคือต้นที่ 3 จริงหรือ ? เมื่อ: 04 มิถุนายน 2563 15:07:14


            ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สี่ เป็นต้นที่ยังคงอยู่ที่พุทธคยาในปัจจุบันหรือเปล่าค่ะ
393  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / เฝ้าระวังโรคคาวาซากิ และโควิด-19 ในเด็ก เมื่อ: 03 มิถุนายน 2563 23:32:21
 
    เฝ้าระวังโรคคาวาซากิ และโควิด-19 ในเด็ก


                    ห่วงกลุ่มอาการคล้ายโรคคาวาซากิในเด็ก หวั่นเกี่ยวข้องกับโควิด-19 แนะผู้ปกครองหากสังเกตพบ ไข้สูงเกิน 3 วัน มีอาการทางเดินอาหาร หรือมีผื่นผิวหนัง ตาแดง ให้รีบไปพบแพทย์
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ รศ.พญ.วารุณี พรรณพานิช วานเดอพิทท์ แพทย์เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ผศ.นพ.วรการ พรหมพันธุ์  กุมารเวชศาสตร์ - โรคหัวใจ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีรายงานจากทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือพบผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นที่เจ็บป่วยรุนแรงรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต ด้วยลักษณะที่คล้ายกับกลุ่มอาการคาวาซากิ ร่วมกับมีภาวะช็อก คือมีอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน ด้วยการอักเสบรุนแรงในหลายอวัยวะทั่วร่างกาย บางรายที่อาการรุนแรงทำให้เกิดการทำงานของร่างกายล้มเหลวหลายๆ ระบบ พร้อมกับมีภาวะช็อก

                    สมมติฐานเบื้องต้นเชื่อว่ากลุ่มอาการนี้สัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เนื่องจากพบหลักฐานของการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจพบเชื้อโดยตรง หรือการตรวจพบการตอบสนองของร่างกาย หรือแอนติบอดีต่อเชื้อโควิด 19 ในผู้ป่วยหลายราย และเรียกภาวะนี้ว่า Multisystem Inflammatory Syndrome in Children and Adolescents  (MIS-C)

                    จากการทบทวนรายงานทางการแพทย์ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม ทำให้มีความเข้าใจในภาวะนี้มากขึ้น โดยพบว่า แม้กลุ่มอาการนี้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคคาวาซากิ ที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดอักเสบทั่วร่างกายที่พบในภูมิภาคเอเชีย แต่ก็มีหลายประเด็นที่แตกต่างกันคือ กลุ่มอาการ MIS-C พบในเด็กโตอายุเกิน 5 ปีได้บ่อยกว่ามีอาการของระบบทางเดินอาหารได้บ่อยถึงร้อยละ 67-100 และบางครั้งเป็นอาการนำก่อนที่จะมีอาการอื่นๆ หลายระบบตามมา มีความผิดปกติของการทำงานหัวใจที่ค่อนข้างรุนแรง และมีระดับของเอนไซม์บางตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน (Triponin, BNPs) ซึ่งไม่ค่อยได้พบในโรคคาวาซากิ และมีปริมาณเกร็ดเลือดที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งต่างจากโรคคาวาซากิที่มักมีภาวะเกล็ดเลือดสูง   บางรายยังมีอาการของระบบประสาทหรือเยื่อหุ้มสมอง เช่น ปวดศีรษะ ซึม กระสับกระส่าย คอแข็ง ในรายที่รุนแรงพบเนื้อสมองบวม แต่สิ่งที่น่ายินดีคือพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีอาการรุนแรง แต่ตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยยาลดการอักเสบกลุ่ม IVIG หรือ สเตียรอยด์ เกือบทั้งหมดสามารถหายและกลับบ้าน ได้มีเพียงผู้ป่วยจำนวนน้อยที่เสียชีวิต

                    การรายงานเคสผู้ป่วยในแต่ละภูมิภาคมีความหลากหลาย จึงยากที่จะนำมาวิเคราะห์หาข้อสรุปว่าสัมพันธ์กับการติดเชื้อ COVID-19 มากน้อยเพียงใด องค์การอนามัยโลกจึงพัฒนาฐานข้อมูลที่มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อช่วยให้สามารถบันทึกข้อมูลทางคลินิกและข้อมูลเชิงระบาดวิทยา สามารถนำมาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบและมีความน่าเชื่อถือสำหรับกรณีนี้โดยเฉพาะ โดยขอความร่วมมือแพทย์ทั่วโลก บันทึกข้อมูลในแพลตฟอร์ม ชื่อ WHO COVID-19 Clinical Data Platform เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสอบแนวโน้ม ความรุนแรง และภาระโรค

                    สำหรับในประเทศไทย กรมการแพทย์ ได้มอบหมายให้สถานพยาบาลทุกแห่ง เฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการเข้าได้กับ MIS-C บันทึกข้อมูลและส่งต่อข้อมูลในกรณีมีเคสที่สงสัยจนถึงปัจจุบัน สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ยังไม่พบความผิดปกติดังกล่าว นอกจากนั้น ยังพบว่าอุบัติการณ์ในการเกิดโรคคาวาซากิที่มาเข้ารับการรักษาในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปรียบเทียบกับอัตราที่พบย้อนหลัง ในช่วง 5 เดือนแรกของปี ตั้งแต่ปี 60 จนถึงปี 63 พบว่า

                    ในช่วงปี 2563 จำนวนผู้ป่วยคาวาซากิลดลงประมาณกว่าครึ่ง และไม่พบผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การวินิจฉัยของ MIS-C เหมือนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หากผู้ปกครองพบมีเด็กอาการน่าสงสัยคือไข้สูงเกิน 3 วัน มีอาการทางเดินอาหาร หรือมีผื่นผิวหนัง ตาแดง สามารถปรึกษากุมารแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี call center 1415 เพื่อรับคำแนะนำในการตรวจรักษาที่ถูกต้องต่อไป


           
 
                   ขอบคุณ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
                   ที่มา : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


394  สุขใจในธรรม / เกร็ดศาสนา / Re: ชมพูทวีป คืออะไร ? เมื่อ: 03 มิถุนายน 2563 23:21:17

   
ในสมัยปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศอะไรบ้างค่ะ



ว่ากันตามความหมายของชมพูทวีป (Jambudvīpa)

มีความหมายได้ 2 ประการ ประการแรกหมายถึง ดินแดนที่เป็นประเทศอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และบังกลาเทศในปัจจุบัน
มีชื่อเรียกทางภูมิศาสตร์ที่เรียกว่า “เอเชียใต้”, “อนุทวีปอินเดีย”, หรือ “ภารตวรรษ” 

ประการที่สองหมายถึงทวีปใหญ่ทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุซึ่งเป็น 1 ใน 4 ทวีปของชาวภารตะ (อุตรกุรุทวีป บุพวิเทหทวีป ชมพูทวีป และอมรโคยานทวีป)


หรือสรุปคือถ้าเทียบแผนที่โลกปัจจุบันคือพื้นที่ของประเทศอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และบังคลาเทศ ทั้งสี่ประเทศนี้
แต่ถ้าเทียบกับความหมายในทางศาสนาชมพูทวีปหมายถึงโลกทั้งหมดตามที่ได้กล่าวไว้ในบทความ







ขอบคุณค่าาาาาา

395  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / Re: หากพรุ่งนี้ไม่มี.. แม่... เมื่อ: 02 มิถุนายน 2563 23:39:09


  อ่านแล้วคิดถึงแม่เลยค่ะ  ขอบคุณบทความดีๆค่ะ
396  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ไปเที่ยว / Re: น้าแม๊คพาเที่ยว บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์ เมื่อ: 02 มิถุนายน 2563 08:44:55
ณ.บริเวณทุ่งดอกบัวอันสวยงาม
และห่างไกลจากชายฝั่งมากมายนัก
เราได้พบกับภาพวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ๆ
มีป้าคนนึงพายเรือมา



น้าแม๊ค: พายเรือไปไหนหละป้า
ป้า: เสือก !
น้าแม๊ค: ...

น้าแม๊ค: มาเก็บดอกบัวหรอป้า
ป้า: เรื่องของกู..
น้าแม๊ค: ...



(ล้อเล่นนะครับ ๆ)




ป้าแกพายเรือมา พอเข้าไกลเรือที่ผมนั่งอยู่
ปรากฏว่าคนขับเรือแกโดดลงน้ำละว่ายน้ำไปหาป้า
ปล่อยให้เมียแกเป็นคนขับเรือพาเที่ยวต่อ ท่ามกลางความโคตรงงของพวกผม

...

แล้วเค้าสองคน ก็ร่วมกันพายเรือ ไปพบกันที่ทางช้างเผือก

เอวัง
ณ.บริเวณทุ่งดอกบัวอันสวยงาม
และห่างไกลจากชายฝั่งมากมายนัก
เราได้พบกับภาพวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ๆ
มีป้าคนนึงพายเรือมา



น้าแม๊ค: พายเรือไปไหนหละป้า
ป้า: เสือก !
น้าแม๊ค: ...

น้าแม๊ค: มาเก็บดอกบัวหรอป้า
ป้า: เรื่องของกู..
น้าแม๊ค: ...



(ล้อเล่นนะครับ ๆ)




ป้าแกพายเรือมา พอเข้าไกลเรือที่ผมนั่งอยู่
ปรากฏว่าคนขับเรือแกโดดลงน้ำละว่ายน้ำไปหาป้า
ปล่อยให้เมียแกเป็นคนขับเรือพาเที่ยวต่อ ท่ามกลางความโคตรงงของพวกผม

...

แล้วเค้าสองคน ก็ร่วมกันพายเรือ ไปพบกันที่ทางช้างเผือก

เอวัง !






น่าไปพายเรือมากค่ะ

คราวนี้เราไปกันที่ บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์

ส่วนไปแล้วจะได้พักผ่อนอย่างสบายอารมณ์ขนาดไหน
ให้ดูจากรูปน้าแม๊ค นอนอาบแดด ชมดาว (มีที่ไหนวะ)



บรรยากาศบริเวณท่าเรือล่องชมบึง

สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามา
ค่าบริการเพียง 500 บาท (แหมไปซักสิบคนก็ตกคนละ 50 บาท)
ต่อการล่องเรือเที่ยว หรืออาจจะสั่งอาหารมานั่งกินบนเรือก็ไม่เลว
เรือจะวิ่งพาชมเกาะที่มีนกอาศัยมากมาย พร้อมกับเป็นวิทยากร
บอกว่านั่นนกอะไร จู้ฮุกกกรู ๆ มาจากที่ไหน ไม่รู้ว่าใครเอามันเข้ามา (อ้าว)
(คนขับเรือทุกคนจะผ่านการอบรม ต้องรู้จักนกทุกชนิด ประวัติบึงโดยละเอียด)
นอกจากตามเกาะแล้วก็พาไปยัง ดงดอกบัวอันสวยงาม ชมสะดือบึง (ซึ่งจมน้ำ - -a)
พร้อมกับบรรยายไปตลอดทาง ดื่มด่ำกับลมเย็น ๆ บรรยากาศงาม ๆ...
แถมมีกล้องให้ด้วย เอาไว้ส่องผู้หญิงเล่นน้ำ เอ๊ย เอาไว้ส่องดูนก (ดังที่น้าแม๊คส่องในรูปแรก)




คล้ายลิงเลยค่ะ
397  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ไปเที่ยว / Re: น้าแม๊คพาเที่ยว บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์ เมื่อ: 02 มิถุนายน 2563 08:42:58
ณ.บริเวณทุ่งดอกบัวอันสวยงาม
และห่างไกลจากชายฝั่งมากมายนัก
เราได้พบกับภาพวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ๆ
มีป้าคนนึงพายเรือมา



น้าแม๊ค: พายเรือไปไหนหละป้า
ป้า: เสือก !
น้าแม๊ค: ...

น้าแม๊ค: มาเก็บดอกบัวหรอป้า
ป้า: เรื่องของกู..
น้าแม๊ค: ...



(ล้อเล่นนะครับ ๆ)




ป้าแกพายเรือมา พอเข้าไกลเรือที่ผมนั่งอยู่
ปรากฏว่าคนขับเรือแกโดดลงน้ำละว่ายน้ำไปหาป้า
ปล่อยให้เมียแกเป็นคนขับเรือพาเที่ยวต่อ ท่ามกลางความโคตรงงของพวกผม

...

แล้วเค้าสองคน ก็ร่วมกันพายเรือ ไปพบกันที่ทางช้างเผือก

เอวัง
ณ.บริเวณทุ่งดอกบัวอันสวยงาม
และห่างไกลจากชายฝั่งมากมายนัก
เราได้พบกับภาพวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ๆ
มีป้าคนนึงพายเรือมา



น้าแม๊ค: พายเรือไปไหนหละป้า
ป้า: เสือก !
น้าแม๊ค: ...

น้าแม๊ค: มาเก็บดอกบัวหรอป้า
ป้า: เรื่องของกู..
น้าแม๊ค: ...



(ล้อเล่นนะครับ ๆ)




ป้าแกพายเรือมา พอเข้าไกลเรือที่ผมนั่งอยู่
ปรากฏว่าคนขับเรือแกโดดลงน้ำละว่ายน้ำไปหาป้า
ปล่อยให้เมียแกเป็นคนขับเรือพาเที่ยวต่อ ท่ามกลางความโคตรงงของพวกผม

...

แล้วเค้าสองคน ก็ร่วมกันพายเรือ ไปพบกันที่ทางช้างเผือก

เอวัง !






น่าไปพายเรือมากค่ะ

398  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ / เหรียญ ลพ.สายทอง กิตติปาโล วัดท่าไม้แดง จ.ตาก รุ่นแรก ปี ๑๙ เมื่อ: 01 มิถุนายน 2563 13:39:16

เหรียญ ลพ.สายทอง กิตติปาโล วัดท่าไม้แดง จ.ตาก รุ่นแรก ปี ๑๙

https://www.mumpra.com/images/upload/20190919193222_1.jpg
https://www.mumpra.com/images/upload/20190919193222_2.jpg


https://www.mumpra.com/images/upload/20190919193222_3.jpg


       เหรียญ รุ่นแรก พระครูบาสายทอง กิตฺติปาโล (กันคุ้ม) วัดท่าไม้แดง จ.ตาก อนุสรณ์สร้างโรงเรียนวัดท่าไม้แดง ปี ๒๕๑๙ โดยที่ท่านเป็นพระนักปฏิบัติพัฒนา และวิปัสสนาอย่างเคร่งครัดทำให้มีผลงานต่างๆในพระศาสนาไว้มากมายจึงได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ "พระวิจิตรพิพัฒโนดม" ในปี พ.ศ.๒๕๔๖ และต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชวิทยาคม" ในปี พ.ศ ๒๕๕๕ และต่อมาในปี ๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์คณะสงฆ์ เป็นกรณีพิเศษเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต ิ์พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ประกาศเลื่อน สมณศักดิ์ขึ้นเป็น พระราชาคณะชั้นเทพ. ในราชทินนาม "พระเทพสิทธาคม" ปัจจุบัน หลวงสายทอง ได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์ขึ้นที่พระเทพสิทธาคม วิ. (ท่านเจ้าคุณสายทอง) และยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดตาก รูปปัจจุบัน ปัจจุบัน อายุ ๘๓ ปี พรรษา ๖๑ พรรษา เจ้าอาวาสวัดท่าไม้แดง จังหวัดตาก เหรียญของท่านได้จัดสร้างครั้งแรก เมื่อปี ๒๕๑๙ อนุสรณ์สร้าง โรงเรียนวัดท่าไม้แดง ซึ่งเป็น สถานศึกษาที่หลวงพ่อท่านได้อุปการะ ไว้มาตั้งแต่ ครั้งท่านยัง เป็นพระครู หลวงพ่อสายทอง นั้นชาวบ้านเรียกท่านว่า ครูบาสาย,หลวงปู่สาย ท่านเป็นศิษย์พุทธาคม ฝึกวิชาวิปัสสนากรรมฐาน และ คาถาอักขระเลขยันต์ กลับ พระครูบาวัง วัดบ้านเด่น จังหวัดตากสุดยอดพระเกจิอาจารย์ ที่มีชื่อเสียงตลอดจนเป็นพระอาจารย์ของจอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งคนจังหวัดตากให้ความเคารพนับถือเป็นยิ่งนัก และได้ศึกษาวิชาอาคมจากอดีตเจ้าอาวาส วัดวังหิน ซึ่งได้พุทธาคมมาจาก หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร และเมื่อศึกษาวิชาความรู้จากพระครูบาวัง จนเชี่ยวชาญท่านได้เดินทางศึกษาต่อกับหลวงพ่อปี้ วัดบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย สำหรับหลวงพ่อปี้นั้นท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณในช่วงปี ๒๕๐๐ ในเรื่องของความเมตตาเป็นอย่างมาก จนสามารถเลี้ยงสัตว์ป่ามาอยู่ร่วมกันได้ซึ่งสัตว์ป่าเหล่านั้นต่างมาอาศัยอยู่ในวัด รวมกันอย่างน่าอัศจรรย์ เช่น เสือ เก้ง กวาง เป็นต้น ในเรื่องสรรพวิชานั้นในสมัย สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม บรรดาทหารทั้งหลายต่างได้รับสิ่งมงคลติดตัว ได้รับความคุ้มครองป้องกันภัยจากท่าน จนเป็นที่เลื่องลือทุบจนท่านถึงแก่มรณภาพ เมื่อปี ๒๕๑๗







เทปบันทึกรายการ "เปิดตำนาน ตอน ครูบาสาย วัดท่าไม้แดง"

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=r9_yxjRI2Ug" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=r9_yxjRI2Ug</a>







399  สุขใจในธรรม / เกร็ดศาสนา / พระราชกุศลทรงบาตรขึ้นปีใหม่ เมื่อ: 01 มิถุนายน 2563 13:08:08
 
พระราชกุศลทรงบาตรขึ้นปีใหม่


               ประเพณีวันขึ้นปี ใหม่ของไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังคงถือวันทางจันทรคติขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เป็นวันขึ้นปีใหม่ โดยมีการจัดงานสมโภชและเลี้ยงคณะลูกขุน ส่วนกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลขึ้นปีใหม่นั้น โปรดเกล้าฯ ให้มีการพระราชกุศลสดับปกรณ์พระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัยในเวลาเช้า ส่วนเวลาค่ำจะเชิญพระสยามเทวาธิราช เจว็ดรูปพระภูมิเจ้าที่จากหอแก้วมาตั้งที่บุษบกมุขเด็จ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พร้อมทั้งตั้งเครื่องสังเวยที่พื้นชาลาหน้ามุขเด็จ ตั้งพระราชอาสน์ที่ประทับ ณ ศาลาคต มีละครหลวงแสดงและตั้งโต๊ะพระราชทานเลี้ยง

               ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นทางสุริยคติ โดยให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่และโปรดให้ใช้รัตนโกสินทร์ศกในการนับปีตั้งแต่ ร.ศ. 108 เป็นต้นไป สำหรับพระราชพิธีนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลี้ยงและ พระราชทานฉลากแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการบางคน ณ ท้องพระโรงกลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท แล้วเสด็จทอดพระเนตรละครหลวง ณ ชาลาหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ส่วนวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่มาแต่โบราณนั้น ทรงเปลี่ยนแปลงกำหนดให้เป็นวันจัดงานพระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราชตลอด มาจนทุกวันนี้

               ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พุทธศักราชแทนรัตนโกสินทร์ศก เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2455 เป็นต้นไป และโปรดให้รวมพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์เถลิงศกสงกรานต์ พระราชพิธีสัจจปานกาล ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเข้าด้วยกัน เรียกว่า พระราชพิธีตรุษะสงกรานต์ โดยเริ่มการพระราชพิธีตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม ถึงวันที่ 3 เมษายน

               ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล วันขึ้นปีใหม่ของไทยได้เปลี่ยนเป็นวันที่ 1 มกราคม เพื่อให้ตรงกับนานาประเทศและคติความเชื่อทางพุทธศาสนา คือ ให้ใช้ฤดูหนาวเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้ได้เริ่มใช้เป็นทางการตั้งแต่วันที่                           
1 มกราคม พ.ศ. 2484 พร้อมกำหนดการพระราชพิธีขึ้นปีใหม่เป็น 3 วัน ดังนี้

               วันที่ 31 ธันวาคม พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

               วันที่ 1 มกราคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินสรงน้ำพระพุทธมหามณีรัตน ปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วทรงเวียนเทียนสดับปกรณ์ผ้าคู่พระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมวงศ์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ส่วนที่พระบรมมหาราชวัง ทางสำนักพระราชวังจะจัดที่สำหรับลงพระนาม และนามถวายพระพรไว้ตั้งแต่เวลา 10 นาฬิกา ถึง 16 นาฬิกา

                วันที่ 2 มกราคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินสรงน้ำพระพุทธมหามณีรัตน ปฏิมากร  และพระพุทธรูปสำคัญแล้วสดับปกรณ์ผ้าคู่พระบรมอัฐิสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรและพระอัฐิพระราชวงศ์

                ต่อมา พ.ศ. 2490 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ โปรดเกล้าให้ยกการพระราชกุศลสดับปกรณ์ผ้าคู่ในวันขึ้นปีใหม่ ไปไว้ในพระราชพิธีสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน ซึ่งเป็นการฟื้นฟูพระราชพิธีที่มีมาแต่โบราณ นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนแปลงการพระราชกุศลสวดมนต์ เลี้ยงพระในวันขึ้นปีใหม่เป็นเสด็จออกทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทรงบาตรวันขึ้นปี ใหม่ ในวันที่ 31 ธันวาคม ณ บริเวณสนามหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โดยเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2501 เป็นต้นไป ต่อมา พ.ศ. 2518 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีดังกล่าวเป็นการส่วนพระองค์ ณ พระราชฐานที่ประทับเป็นประจำทุกปีจนกระทั่งปัจจุบัน



               ที่มา : https://www.dra.go.th/th/cmsdetail-4-26-1-80.htmlhttp://



400  สุขใจในธรรม / เกร็ดศาสนา / Re: การกรวดน้ำ เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2563 09:12:53

การกรวดน้ำ ที่เคยได้ยินมา ( ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ )   มีสองแบบใช่ไหมคะ คือแบบกรวดน้ำเปียกกับกรวดน้ำแห้ง  ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม

กรวดน้ำมีสองแบบจ้ะ

แบบแรกกรวดแบบเปียก คือกรวดที่ยังไม่เอาขึ้นจากน้ำ หน้าตาจะเป็นแบบนี้




และแบบที่สองคือกรวดแบบแห้ง คือกรวดที่เอาขึ้นจากน้ำจนแห้งแล้ว หน้าตาจะเป็นแบบนี้










อ๋อ กรวดน้ำเป็นแบบนี้เอง เข้าใจแจ่มแจ้งค่ะ  ตีหัว
หน้า:  1 ... 18 19 [20] 21 22 23
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.56 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 29 มกราคม 2567 00:16:29