[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 มิถุนายน 2568 20:49:17 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่เหลา จุนโท พระผู้อุทิศตนเพื่อพระศาสนา  (อ่าน 9923 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6101


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 28 มีนาคม 2557 12:30:31 »

.


พระโพธิญาณมุนี หรือ หลวงปู่เหลา จุนโท
อดีตเจ้าอาวาสวัดประชาบำรุงและอดีตเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม

หลวงปู่เหลา จุนโท 
พระผู้อุทิศตนเพื่อพระศาสนา

"พระโพธิญาณมุนี" หรือ "หลวงปู่เหลา จุนโท" อดีตเจ้าอาวาสวัดประชาบำรุงและอดีตเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม (ธรรมยุติ) เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวมหาสารคาม มาอย่างยาวนานจากอดีตตราบจนปัจจุบัน

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า เหลา นาสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๓ ณ บ้านท่าแร่ ต.กุดฆ้องชัย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์

หลังจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในหมู่บ้าน ได้ออกมาช่วยงานครอบครัวทำไร่ทำนาหาเลี้ยงชีพตามวิถีชีวิตของคนอีสาน

เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ ได้กราบลาบิดามารดา เดินทางเข้าสู่เมืองหลวง ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดพิชยญาติการาม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ สำหรับชื่อพระอุปัชฌาย์สืบค้นไม่ได้

ภายหลังจากที่อุปสมบท ท่านได้มุมานะศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๔๖๖ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ยังศึกษาแผนกบาลีสามารถสอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค จากสำนักเรียนวัดบรมนิวาส

จากนั้นท่านได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมอยู่ที่วัดปทุมวนาราม จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ท่านได้เดินทางกลับอีสานบ้านเกิด มาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระจันทราวาส อ.พล จ.ขอนแก่น พร้อมกับได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพล

เนื่องจากหลวงปู่เหลา เป็นพระที่มีความรู้และวัตรปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประชาบำรุง จ.มหาสารคาม ว่างลง ท่านได้รับความไว้วางฃ ใจจากคณะสงฆ์ให้ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้

ต่อมา ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม (ธรรมยุติ) จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในราชทินนามที่ พระโพธิญาณมุนี

หลวงปู่เหลา ให้ความใส่ใจต่อภาระในศาสนาด้านคันถธุระและด้านวิปัสสนาธุระ ท่านได้สร้างความเจริญเรียบร้อยแก่พระพุทธศาสนาอย่างมากมาย

แม้หลวงปู่เหลา จะมีตำแหน่งทางปกครองเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ แต่หากปีใดงานในหน้าที่ไม่มีความยุ่งยาก ท่านมักจะออกเดินธุดงควัตรไปตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งในภาคอีสาน โดยเฉพาะเทือกเขาภูพาน ท่านไปเป็นประจำ เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นตามรอยพระตถาคต รวมทั้งเป็นวิถีปฏิบัติของพระสายธรรมยุต

ในการออกเดินธุดงค์ บางครั้งเคยเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายในระยะประชิด ท่านเพียงแต่อธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้ สัตว์ร้ายเหล่านั้นก็ไม่กล้าเข้ามาทำร้ายท่านแต่อย่างใด

ด้านการเผยแผ่หลักธรรม หลวงปู่เหลา ได้ออกอบรมศีลธรรมแก่พุทธศาสนิกชนตลอดปี และให้ความสำคัญการศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านรับหน้าที่ครูสอนพระปริยัติธรรม หากพระภิกษุสามเณรรูปใดตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ท่านจะมีทุนการศึกษาให้พร้อมกับสนับสนุนให้เรียนสูงยิ่งขึ้น ทำให้สำนักเรียนวัดประชาบำรุงในยุคนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง

นอกจากนี้ ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาทำให้วัดประชาบำรุง มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ อาคารเรียนพระปริยัติธรรม กำแพงแก้ว ศาลาการเปรียญ เป็นต้น

อีกทั้ง ด้วยความที่เป็นคนรักธรรมชาติ ท่านจะพาพระภิกษุ-สามเณร ปลูกต้นไม้ภายในวัดทุกปี พร้อมกับรักษาต้นไม้เก่าโดยห้ามตัดฟันทำลาย ทำให้บรรยากาศภายในวัดประชาบำรุง มีแต่ความร่มรื่นร่มเย็น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมยิ่งนัก

หลวงปู่เหลา ปฏิบัติหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์อย่างเคร่งครัด เป็นแบบอย่างให้คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองปฏิบัติตาม ตลอดเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ฝ่ายธรรมยุต และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประชาบำรุง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวมหาสารคามและพื้นที่ใกล้เคียงมาโดยตลอด ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วัดประชาบำรุง จึงมีพุทธศาสนิกชนมาร่วมทำบุญและรับฟังพระธรรมจากหลวงปู่เหลาเป็นจำนวนมาก

สำหรับปัจจัยที่ได้จากศรัทธาญาติโยม หลวงปู่ได้นำมาพัฒนาสาธารณูปโภคสาธารณูปการภายในวัด รวมทั้งบริจาคช่วยเหลือกิจกรรมของชุมชนมาโดยตลอด

หลักธรรมคำสอนที่หลวงปู่เหลา อบรมสอนญาติโยม เป็นเรื่องของความไม่เที่ยงของสังขาร สรรพสิ่งในโลกมีเกิด มีเสื่อม และมีดับ ความตายนั้นแขวนคอทุกย่างก้าว ดังนั้นการดำเนินชีวิตจะต้องไม่ประมาท หมั่นประพฤติปฏิบัติแต่กรรมดี

ล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ท่านมีอาการอาพาธเรื้อรังด้วยโรคมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก สุดท้ายได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๘ สิริอายุ ๖๔ พรรษา ๔๔ สร้างความเศร้าสลดแก่คณะสงฆ์และชาวมหาสารคามเป็นอย่างยิ่ง

แม้หลวงปู่เหลาจะละสังขารไปจากโลกนี้ แต่คุณงามความดีของท่านยังอยู่ในศรัทธาของชาวมหาสารคามไปตลอดกาลนาน
...ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.688 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 18 พฤษภาคม 2568 09:00:02