[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 พฤศจิกายน 2568 04:12:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๐ เรื่องตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ  (อ่าน 103 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 12 ตุลาคม 2568 17:42:01 »




ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๐

เรื่องตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ

----------------------------

พิมพ์ครั้งแรก

ในงานปลงศพ อำมาตย์เอก พระยาวรพุฒิโภไคย (ชุ่ม สุวรรณสุภา)

เมื่อปีวอก พ.ศ. ๒๔๖๓

----------------------------

พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร




คำนำ


ในงานปลงศพอำมาตย์เอก พระยาวรพุฒิโภไคย (ชุ่ม สุวรรณสุภา) มีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งเคยรับราชการร่วมกับพระยาวรพุฒิโภไคยมาในกระทรวงมหาดไทย รวมจำนวนประมาณ ๕๐ คนด้วยกัน ปราถนาจะบำเพ็ญการกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศกัลปนาอานิสงส์แก่พระยาวรพุฒิโภไคย จึงเข้าทุนทรัพย์กัน แล้วมอบฉันทะให้อำมาตย์เอกพระยาสัตยานุกูลมาแจ้งความณหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร ว่าจะใคร่พิมพ์หนังสือสำหรับเปนของแจกในงานศพพระยาวรพุฒิโภไคยสักเรื่อง ๑ ขอให้กรรมการช่วยเลือกเรื่องหนังสือในหอพระสมุด ฯ ให้พิมพ์ตามประสงค์ ข้าพเจ้ามืความยินดีอนุโมทนาในกุศลเจตนานั้น ด้วยตัวข้าพเจ้าก็อยู่ในผู้หนึ่งซึ่งได้โดยรับราชการร่วมกระทรวงมากับพระยาวรพุฒิโภไคย เต็มใจรับธุระแลเข้าส่วนด้วย.

การเลือกเรื่องหนังสือสำหรับพิมพ์แจกในงานศพพระยาวรพุฒิโภไคย ข้าพเจ้าเลือกได้ตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ เปนหนังสือซึ่งหอพระสมุด ฯ ได้มาใหม่ในปีวอก พ.ศ. ๒๔๖๓ นี้ ต้นฉบับที่ได้มาเข้าใจว่าเดิมเปนของกรมหลวงมหิศวรินทรามเรศ แต่เปนตำราเขียนไว้ครั้งรัชกาลที่ ๑ เหตุที่ข้าพเจ้าเลือกหนังสือเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าพระยาวรพุฒิโภไคย ได้เปนตำแหน่งพันพุฒอนุราชมาแต่ในรัชกาลที่ ๔ เคยเปนหัวน่าพนักงานการกะเกณฑ์แห่แหนในกระทรวงมหาดไทย มากว่า ๓๐ ปี จนกระทั่งเลิกถอนน่าที่ไปจากกระทรวงมหาดไทย เมื่อโปรดให้แก้ไขระเบียบกระทรวงเสนาบดีในรัตนโกสินทรศก ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕) นับว่าเปนผู้ชำนาญการต่าง ๆ ที่กล่าวในตำรานั้น สมควรจะพิมพ์เนื่องในงานศพของพระยาวรพุฒิโภไคยได้ ข้าพเจ้าจึงให้พิมพ์ตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ จัดไว้ในหนังสือจำพวกลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ นับเปนภาคที่ ๑๐ ด้วยประการนี้.

ประวัติพระยาวรพุฒิโภไคย
พระยาวรพุฒิโภไคย (ชุ่ม สุวรรณสุภา) ท ม, รัตนมปร๔, รจพ, เกิดในรัชกาลที่ ๓ เมื่อปีฉลูตรีศก พ.ศ. ๒๔๘๔ เปนบุตรพระศรีกาฬสมุด มีมารดาชื่อสุด เปนธิดาหลวงพิพิธ ม่วง น้องชายเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงห์เสนี) เพราะฉนั้นพระยาวรพุฒิโภไคยจึงเปนญาติวงศ์ทางสกุลสิงห์เสนีด้วย พระยาวรพุฒิ ฯ ได้เล่าเรียนอักขรสมัยชั้นต้นในสำนักพระอาจารย์ทิม ที่วัดสุทัศนเทพวราราม ครั้นเมื่ออายุ ๑๔ ปี ผู้ปกครองสกุลส่งไปฝึกหัดวิชาเสมียนที่ในกรมมหาดไทย เสมออย่างว่าเข้าโรงเรียนข้าราชการพลเรือนในสมัยนั้น ศึกษาอยู่จนอายุได้ ๑๘ ปี จึงถวายตัวเช่นมหาดเล็กวิเศษในรัชกาลที่ ๔ รับราชการอยู่ในเวรศักดิ์

ถึงปีวอก พ.ศ. ๒๔๐๓ เจ้าพระยานิกรบดินทร ฯ ที่สมุหนายก กราบบังคมทูลขอไปรั้งตำแหน่งพันศุขสกลราช หัวพันมหาดไทยฝ่ายเหนือ ด้วยเห็นว่าเคยศึกษาราชการมหาดไทยมาแต่ก่อน ได้รั้งตำแหน่งพันศุขสกลราชอยู่จนถึงปีจอ พ.ศ. ๒๔๐๕ พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนบันดาศักดิขึ้นเปนพันพุฒอนุราช ตำแหน่งหัวพันกระทรวงมหาดไทยแลกลาโหมแต่ก่อนมาเปนแต่รับประทวนเสนาบดีตั้ง พึ่งได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเปนทีแรกเมื่อพระยาวรพุฒิโภไคยเปนพันพุฒอนุราช ด้วยพระบาทสมเด็จ ฯ พรระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่า เปนมหาดเล็กวิเศษจะให้รับประทวนเสนาบดีหาควรไม่.

ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ เมื่อเจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายก พระยาวรพุฒิโภไคยยังเปนพันพุฒอนุราช ได้ไปราชการกับเจ้าพระยาภูธราภัยในการสร้างป้อมเมืองปราจิณฯ ครั้ง ๑ ได้ไปปิดน้ำกับเจ้าพระยาภูธราภัยอิกครั้ง ๑ ถึงรัชกาลที่ ๕ ได้มีน่าที่โดยเสด็จพระพุทธบาทคร่งแรก แลต่อมาได้เปนข้าหลวงไปปิดน้ำกับเจ้าพระยารัตนบดินทรอิกครั้ง ๑

ตำแหน่งที่เรียกว่าหัวพันนี้ แต่โบราณเปนทำนองนายทหารผู้ช่วยในกองเสนาหลวง มีในกลาโหม ๔ คน มหาดไทย ๔ คน ประจำน่าที่ต่างกัน หัวพันมหาดไทย ที่ ๑ พันพุฒอนุราช เปนเจ้าน่าที่ในการจัดกระบวรคน (บรรดาสังกัดขึ้นฝ่ายพลเรือน) ที่ ๒ พันภานุราช เปนพนักงานจัดกระบวรช้าง ที่ ๓ พันเภาอัศวราช พนักงานจัดกระบวรม้า ที่ ๔ พันจันทนุมาตย์ พนักงานสำรวจทาง ส่วนหัวพันฝ่ายกลาโหม ที่ ๑ พันเทพราช เปนพนักงานจัดกระบวรคน (บรรดาสังกัดขึ้นฝ่ายทหาร) ที่ ๒ พันทิพราช เปนพนักงานจัดที่สำนัก (เรียกว่าพนักงานตำหนัก) ที่ ๓ พันอินทราช เปนพนักงานจัดเครื่องสรรพยุธ ที่ ๔ พันพรหมราช เปนพนักงานจัดกระบวรเรือ ในเวลาบ้านเมืองว่างศึกสงคราม หัวพันคนอื่น ๆ ไม่สู้มีกิจธุระในน่าที่มากเหมือนพันพุฒอนุราช แลพันเทพราช เพราะต้องสำรวจบาญชีไพร่พลที่เข้าเวรรับราชการตามน่าที่ ให้รู้ว่าในเดือนไรมีจำนวนไพร่พลประจำราชการอยู่เท่าใด อิกประการ ๑ ถ้ามีราชการจรเกิดขึ้นซึ่งจะต้องกะเกณฑ์ใช้สอยผู้คน ดังเช่นมีการแห่แหนเปนต้น ก็เปนน่าที่ของพันพุฒอนุราช แลพันเทพราชจะต้องจ่ายผู้คนไปสำหรับราชการนั้น ๆ ตำแหน่งพันพุฒอนุราชกับพันเทพราชทั้ง ๒ นี้จึงสำคัญกว่าหัวพันตำแหน่งอื่น

มาถึงรัชกาลที่ ๕ ครั้งเมื่อกรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงเปนตำแหน่งรองเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงพระคลังขอให้พันพุฒอนุราชแลพันเทพราชมีน่าที่เพิ่มเติมขึ้นอิกอย่าง ๑ เหตุด้วยแต่ก่อนมาไพร่พลคนใดไม่สมัคมาเข้าเวรรับราชการ มีประเพณียอมให้เสียเงินจ้างคนรับราชการแทนตัวได้ โดยอัตรากำหนดเดิอนละ ๖ บาท ไพร่พลคน ๑ ต้องรับราชการปีละ ๓ เดือน ถ้าไม่เข้ามารับราชการก็ต้องเสียเงินปีละ ๑๘ บาท เรียกกันแต่ก่อนว่าปีละ ๔ ตำลึง ๒ บาท เงินประเภทนิ้ตกเรี่ยเสียหายกลายไปเปนผลประโยชน์ของเจ้าหมู่มูลนายเสียโดยมาก เพราะเวลามีราชการจรเกณฑ์เรียกคนมาใช้ เจ้าหมู่ก็จ้างใคร ๆ มาแทนตัวชั่วเวลาที่ทำการวันหนึ่งสองวัน ยังได้เศษเปนกำไรอยู่ กระทรวงพระคลังจึงเพิ่มน่าที่ให้พันพุฒอนุราช พันเทพราช เปนพนักงานสำรวพเร่งเงินค่าราชการที่ไพร่ยอมเสียแทนแรงส่งพระคลังด้วย เมื่อเพิ่มน่าที่ขึ้นดังกล่าวนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนตำแหน่งพันพุฒอนุราชขึ้นเปนพระวรพุฒิโภไคย แลเลื่อนตำแหน่งพันเทพราชขึ้นเปนพระอุไทยเทพธน เมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๔๓๑ คงทำราชการตามน่าที่ทั้งเก่าใหม่ต่อมา

ถึงรัตนโกสินทรศก ๑๑๑ (พ.ศ .๒๔๓๕) ทรงพระราชดำริห์แก้ไขระเบียบกระทรวงเสนาบดีให้มีเปน ๑๒ กระทรวง แลให้กระทรวงมหาดไทยมีน่าที่แต่จัดการปกครองหัวเมืองอย่างเดียว ถอนน่าที่อย่างอื่น เปนต้นว่าการที่จัดกระบวรแห่แหนแลสำรวจเร่งเงินค่าราชการ อันอยู่ในน่าที่ของพระวรพุฒิโภไคยมาแต่ก่อนนั้น ย้ายไปอยู่ในกระทรวงอื่นๆ ตัวข้าพเจ้าผู้เรียบเรียงเรื่องประวัตินี้ ก็ย้ายจากกระทรวงธรรมการมาเปนตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ในขณะเมื่อจัดการเปลี่ยนแปลงคราวนั้น จึงได้จัดให้พระยาวรพุฒิโภไคย (เวลานั้นยังเปนพระวรพุฒิโภไคย) ทำการในน่าที่พนักงานบาญชีเงิน คือเบิกแลจ่ายเงินเดือนกระทรวงมหาดไทยทั้งในกรุงฯ แลหัวเมือง แลเร่งเรียกเงินส่วยซึ่งยังค้างอยู่ตามหัวเมืองส่งพระคลังด้วย

ในที่นี้เปนโอกาศที่สุดที่จะได้กล่าวถึงเรื่องประวัติของพระยาวรพุฒิโภไคย ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องอันเนื่องด้วยพระยาวรพุฒิโภไคยแซกลงในเรื่องประวัติสักหน่อยหนึ่ง คือเมื่อข้าพเจ้าจะไปรับราชการกระทรวงมหาดไทยครั้งนั้น มีผู้ที่ชอบพอกันได้บอกเล่าให้ฟังหลายคน ว่าในกระทรวงมหาดไทยนั้นมีคนสำคัญอยู่ ๒ คน คือพระยาราชวรานุกูล อ่วม เวลานั้นยังเปนพระยาศรีสิงหเทพอยู่คน ๑ พระวรพุฒิโภไคยคน ๑ คนทั้ง ๒ คนนีเปนผู้ชำนาญราชการในกระทรวงมหาดไทยยิ่งกว่าผู้อื่น แต่พระวรพุฒิโภไคยนั้น ใครเปนเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแล้วเปนต้องรักทุกคน ตั้งแต่เจ้าพระยานิกรบดินทร ฯ เปนต้น ตลอดมาจนเจ้าพระยาภูธราภัย สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ แลเจ้าพระยารัตนบดินทร ฯ ล้วนโปรดปรานแลรักใคร่พระวรพุฒิโภไคยมาทั้งนั้น ข้าพเจ้าได้ฟังก็นึกปลาดใจ จึงตั้งใจจะสังเกตว่าความที่กล่าวนั้นจะเปนเพราะเหตุใด แลจะอาจเปนถึงตัวข้าพเจ้าด้วยฤๅไม่ ข้าพเจ้าเข้าไปรับราชการอยู่ในกระทรวงมหาดไทยไม่ช้านานเท่าใด ก็ชอบพระยาวรพุฒิโภไคยตามอย่างท่านผู้ใหญ่แต่ก่อน เพราะพระยาวรพุฒิโภไคยเปนผู้มีความสามารถในกิจการ ถ้ามอบธุระให้ทำการงานอย่างใดมักทำสำเร็จได้ดังผู้ใหญ่ประสงค์อย่าง ๑ อิกอย่าง ๑ เปนผู้ที่ซื่อตรงต่อน่าที่ ถ้าเห็นการอย่างใดจะเสื่อมเสียไม่เพิกเฉย มักกระซิบตักเตือนผู้ใหญ่ แลกล้าขัดขวางผู้ใหญ่ในเวลาที่ไม่เห็นชอบด้วย แต่รู้จักใช้ถ้อยคำที่มิให้ขัดใจผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าคุณสมบัติทั้ง ๒ อย่างนี้ที่เปนเหตุให้เสนาบดีเจ้ากระทรวงรักใคร่พระยาวรพุฒิโภไคยทุกพระองค์ทุกท่าน การที่ชอบพระยาวรพุฒิโภไคยไม่แต่เสนาบดีเท่านั้น ถึงข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยบรรดาที่ได้มีตำแหน่งฤๅน่าที่เกี่ยวข้องกับพระยาวรพุฒิโภไคย ที่ผู้ใดจะไม่ชอบพระยาวรพุฒิโภไคยก็เห็นจะไม่มี ความที่กล่าวนี้มีหลักฐานอาจจะอ้างได้ด้วยการที่พิมพ์หนังสือเล่มนี้แจกในงานศพพระยาวรพุฒิโภไคย ผู้ที่ได้บริจาคทรัพย์ถ้าว่าโดยบันดาศักดิ์ก็มีตั้งแต่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ แลเจ้าพระยา พระยา พระ หลวง ลงมาจนขุนหมื่น ถ้าว่าโดยตำแหน่งก็หลายกระทรวงทบวงการ มีทั้งเสนาบดี อุปราช ปลัดทูลฉลอง แลสมุหเทศาภิบาล ลงมาจนข้าราชการที่รับพระราชทานแต่เบี้ยบำนาญก็มากด้วยกัน ล้วนแต่ที่ได้เคยร่วมราชการมากับพระยาวรพุฒิโภไคยในสมัยอันหนึ่งแต่ก่อนด้วยกันทั้งนั้น

จะแสดงเรื่องประวัติของพระยาวรพุฒิโภไคยต่อไป ใน ร.ศ. ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕) เมื่อกลับจากตรวจราชการหัวเมืองเหนือ พระยาวรพุฒิโภไคยได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์มงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ถึง ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เปนข้าหลวงออกไปพระราชทานเพลิงศพเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ (เยีย อภัยวงศ์) ณเมืองพระตะบอง แลโปรด ฯ ให้เปนผู้กำกับการแบ่งมรฎกด้วย เพราะพระยาวรพุฒิโภไคยเกี่ยวเนื่องเปนวงศ์ญาติทางฝ่ายพระยาณรงค์เรืองฤทธิ์ ปลัด ซึ่งบุตรเจ้าพระยามุขมนตรี (เกษ สิงห์เสนี) พระยาวรพุฒิโภไคยไปราชการคราวนั้นกลับมา ได้พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนบันดาศักดิขึ้นเปนพระยาวรพุฒิโภไคย แลได้พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์มงกุฎสยามเลื่อนขึ้นเปนชั้นที่ ๓ ต่อมาได้รับพระราชทานยศเปนอำมาตย์เอก

พระยาวรพุฒิโภไคยรับราชการประจำกระทรวงมหาดไทยมาจนปีชวด พ.ศ. ๒๔๔๓ เมื่ออายุได้ ๖๐ ปี มีอาการโรคในอุระเกิดขึ้น หมอตรวจเห็นว่าถ้าขืนทำการหนักต่อไป จะกลายเปนวรรณโรคภายใน พระยาวรพุฒิโภไคยกราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งราชการประจำ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเบี้ยบำนาญแต่นั้นมา

เมื่อพระยาวรพุฒิโภไคยออกจากตำแหน่งราชการประจำแล้วอาการที่ป่วยค่อยคลายขึ้น ยังมีแก่ใจมาช่วยราชการในกระทรวงมหาดไทยอิกเนือง ๆ ได้รับราชการในตำแหน่งเปนหัวน่าก็อิกหลายครั้ง คือได้เปนข้าหลวงไปตามเสด็จกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมเสด็จตรวจหัวเมืองเหนือถึงมณฑลภาคพายัพ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๕ ครั้ง ๑ รับน่าที่กรรมการลงไปจัดการแบ่งมรฎกเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี ที่เมืองนครศรีธรรมราชครั้ง ๑ รับเปนนายงานทำซุ้มแลปรำของกระทรวงมหาดไทยในงานพระราชพิธีทวีธาภิเศกครั้ง ๑ รับเปนนายงานทำซุ้มของกระทรวงมหาดไทยในงานรับเสด็จพระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับจากยุโรปอิกครั้ง ๑

เมื่อพระยาวรพุฒิโภไคยออกจากราชการประจำแล้ว ได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ ๔ ชั้นที่ ๔ แลได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์มงกุฎสยามเลื่อนขึ้นเปนชั้นที่ ๒ นอกจากนี้ยังได้รับพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา แลเหรียญที่รฦกในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ตามบันดาศักดิอิกหลายอย่าง

พระยาวรพุฒิโภไคยป่วยถึงอนิจกรรมเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ปีวอก พ.ศ. ๒๔๖๓ คำนวณอายุได้ ๘๐ ปี สิ้นเนื้อความในปวะวัติของพระยาวรพุฒิโภไคย (ชุ่ม สุวรรณสุภา) เพียงนี้

ข้าพเจ้าขออนุโมทนากุศลบุญราศีทักษิณานุปทาน ซึ่งข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยที่เคยร่วมราชการมากับพระยาวรพุฒิโภไคย ได้พร้อมใจกันบำเพ็ญการกุศลอุทิศผลานิสงส์ให้แก่มิตรผู้ที่ล่วงลับไปยังปรโลกแล้วนั้น ทั้งที่ได้พิมพ์หนังสือเรื่องนี้ให้ปรากฎแก่มหาชนได้อ่านกันแพร่หลาย หวังใจว่าผู้ที่ได้รับหนังสือเรื่องนี้ไปอ่านคงจะพอใจแลอนุโมทนาด้วยทั่วกัน.



  สภานายก
หอพระสมุดวชิรญาณ
วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๓



ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2568 17:42:59 »



เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๐

เรื่องตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ

---------------------------

คำอธิบาย

หนังสือเรื่องนี้เปนตำราแบบธรรมเนียมการพระราชพิธี แต่งเมื่อครั้งกรุงธนบุรีบ้าง แต่งเมื่อแรกตั้งกรุงรัตนโกสินทร์บ้าง ต้นฉบับที่หอพระสมุด ๆ ได้มาเปนสมุดดำ ฝีมือเขียนครั้งรัชกาลที่ ๑ สังเกตได้ว่าเดิมเขียนด้วยเส้นดินสอ ภายหลังมาทำนองตัวหนังสือจะลบเลือนไป ผู้เปนเจ้าของในชั้นหลังจึงให้ลากเส้นหรดานซ้ำตัวหนังสือเดิมลงอิกชั้น ๑

สันนิษฐานว่าหนังสือนี้เดิมเห็นจะเปนหนังสือในกรมมหาดไทย ฤๅกลาโหม ถ้ามิฉนั้นก็กรมวัง กรมใดกรมหนึ่งใน ๓ กรมนี้ ผู้ที่เรียบเรียงคงจะเปนเจ้าพนักงานการพิธี เช่นพันพุฒอนุราช ฤๅพันเทพราช ฤๅขุนอักษร (สมบูรณ) เสมียนตรากรมวัง ซึ่งมีน่าที่กะเกณฑ์ผู้คนในกระบวรการพระราชพิธี มีประสงค์จะจดเปนตำราไว้สำหรับราชการในน่าที่ของตน เมื่อมีแบบแผนการพระราชพิธีอย่างใดปรากฎขึ้น ก็จดเรียบเรียงรักษาไว้ เพราะเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าข้าศึก ตำหรับตำราราชการต่าง ๆ อันตรายสูญไปเสียเกือบหมด พระเจ้ากรุงธนบุรีมาตั้งราชธานีขึ้นใหม่ ต้องมีรับสั่งให้ประชุมข้าราชการครั้งกรุงเก่าซึ่งยังมีตัวเหลืออยู่ ไต่ถามขนบธรรมเนียมราชการต่าง ๆ ซึ่งข้าราชการเหล่านั้นเคยรู้เห็นจำไว้ได้ด้วยความคุ้นเคย จดลงไว้เปนตำราสำหรับราชการในกรุงธนบุรี ต่อมาถึงชั้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ ก็ได้โปรดให้ประชุมข้าราชการเก่าไต่ถามแบบแผนราชประเพณีครั้งกรุงเก่า ตั้งตำราสำหรับราชการต่อมาเนือง ๆ ดังปรากฎอยู่ในบานแพนกเรื่องพระราชพิธีบรมราชาภิเศก แลพระราชพิธีอุปราชาภิเศกเปนต้น

แบบแผนการพิธีที่ตั้งขึ้นตามแบบอย่างครั้งกรุงเก่า มีปรากฎอยู่ในสมุดเล่มนี้หลายอย่าง ข้างต้นเปนตำรากระบวรเสด็จประพาศครั้งกรุงเก่า คือกระบวรเสด็จทางชลมารค กระบวรเสด็จทางสถลมารคทั้งกระบวรราบ กระบวรช้าง แลกระบวรม้า มีทั้งกระบวรเสด็จขึ้นพระพุทธบาท ตั้งแต่กระบวรเสด็จทางชลมารคจากกรุงเก่า กระบวรเสด็จทางสถลมารคจากท่าเจ้าสนุก แลกระบวรล้อมวงรักษาที่ประทับแรม เรื่องนี้มีบานแพนกปรากฎว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีมีรับสั่งให้ถามข้าราชการเก่า เมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๓๒๓

ส่วนจดหมายรายการพระราชพิธีต่าง ๆ ครั้งรัชกาลที่ ๑ นั้น มีตั้งแต่ปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ จนปีกุญ พ.ศ. ๒๓๓๕ เปนรายการ ๒๐ เรื่องด้วยกัน คือ

          ๑ เกณฑ์แห่พระทราย ปีขาล พ.ศ. ๒๓๓๕

          ๒ บาญชีเครื่องราชูประโภคสรงสำหรับพระราชพิธีปราบดาภิเศก ปีขาล พ.ศ. ๒๓๓๕

          ๓ การถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕

          ๔ การลอยพระประทีปเดือน ๑๑ (จะเปนปีขาล ฤๅปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖ ไม่แน่)

          ๕ กระบวรพระกฐินทางชลมารค ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖

          ๖ กระบวรพระกฐินทางสถลมารค ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖

          ๗ การลอยพระประทีปเดือน ๑๒ (ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖)

          ๘ พิธีจองเปรียง (ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖)

          ๙ กระบวรเสด็จงานพระเมรุพระเจ้ากรุงธนบุรี ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖

          ๑๐ ยิงปืนอาฏานา ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖

          ๑๑ ลักษณก่อพระทรายหลวง ตามแบบอย่างครั้งกรุงเก่า

          ๑๒ แห่พระราชสาส์นไปเมืองจีน ปีมโรง พ.ศ. ๒๓๒๗

          ๑๓ รับพระราชสาส์นโปตุเกศ ปีมเมีย พ.ศ. ๒๓๒๙

          ๑๔ แขกเมืองไทรบุรีเข้าเฝ้า ปีมแม พ.ศ. ๒๓๓๐

          ๑๕ พระกะฐินหลวง ปีมแม พ.ศ. ๒๓๓๐

          ๑๖ แขกเมืองไทรบุรีเข้าเฝ้าครั้งที่ ๒ ปีวอก พ.ศ. ๒๓๓๑

          ๑๗ ล้อมวงเสด็จกะฐิน ปีระกา พ.ศ. ๒๓๓๒

          ๑๘ กระบวรรับแขกเมืองทวายเข้ามากรุงเทพ ฯ ปีกุญ พ.ศ. ๒๓๓๔

          ๑๙ กระบวรแห่พระธาตุเมืองทวาย ปีกุญ พ.ศ. ๒๓๓๔

          ๒๐ แขกเมืองทวายเข้าเฝ้า ปีกุญ พ.ศ. ๒๓๓๕

ในท้ายต้นฉบับเหลือสมุดเปล่าอยู่ ๔ ใบ เข้าใจว่าจะเปนอันหมดเรื่องที่จดระยะ ๑ จะมีเล่มอื่นต่อไป ฤๅอย่างไรทราบไม่ได้ บางทีจะมีหลายเล่มด้วยกัน แต่ประเพณีแต่ก่อนผู้ใดมีตำหรับตำราอย่างนี้ย่อมหวงแหนไว้เปนความรู้แต่เฉภาะตน ไม่ยอมให้ผู้อื่นลอกคัด เพราะฉนั้นต้นฉบับคงจะมีน้อยทีเดียว เมื่อเวลาล่วงมากว่า ๑๒๐ ปี จึงเปนอันตรายหายสูญไปเสียโดยมาก ที่สมุดเล่มนี้เหลืออยู่จนได้มาถึงหอพระสมุดฯ เมื่อปีวอก พ.ศ. ๒๔๖๓ นี้ กรรมการหอพระสมุด ฯ เห็นว่าลาภของบรรดาผู้ศึกษาโบราณคดี อันควรจะยินดี แลควรที่หอพระสมุดฯ จะรีบพิมพ์ในโอกาศแรก.



ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2568 17:44:22 »



เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๐

เรื่องตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ

---------------------------

ตำรากระบวรเสด็จ ครั้งกรุงเก่า

๏ วัน ๖ ฯ ๑๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๔๒ ปีชวดโทศก เจ้าพระยาจักรีรับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า ขนบธรรมเนียมราชการทุกวันนี้ฟั่นเฟือนให้

            เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช

            เจ้าพระยาราชาบริรักษ์

            เจ้าพระยาราชนายก

            พระยาราชสุภาวเี ลคร

            พระยาราชทูต

            พระยาสุรเสนา กรมท่า

            พระยาธรรมไตรโลก

            พระสุรเสนา

            พระมหาอำมาตย์

            พระอินทราช

            พระนิลพล นอกราชการ

            หลวงศรีกาฬสมุด

            หมื่นนรินทรเสนี นอกราชการ

            หมื่นศรีสหเทพ นอกราชการ

            พันเทพราช

            พันพุฒ

            พันภาณ

            พันเภา

            พันจันท์

นายหงส์ เสมียนนครบาลแต่ก่อนคนเก่า ๒๐ คน มาพร้อมกันณโรงพระแก้วมรกฎ บอกขนบธรรมเนียมราชการตามอย่างแต่ก่อน


(กระบวรเสด็จโดยทางชลมารค)
แต่ที่จำได้นั้นว่า ถ้ามีที่เสด็จ ฯ ทางชลมารคไปประพาศแห่งใดมิได้ประทับแรม

พันทิพราชกลาโหมเวรพระตำหนัก คุมเจ้าพนักงานสี่ตำรวจทำฉนวนทำพลับพลารับเสด็จของหลวง แลสนมตำรวจทำฉนวนทำพลับพลาเจ้าต่างกรมข้างน่าข้างใน

แลเรือพระที่นั่งศรีสักหลาด (ลำ) ทรง แล (ลำที่นั่ง) รอง เปนพนักงานหลวงอินทรเทพ หลวงพิเรนทรเทพ หมื่นไชยภูษา หมื่นไชยาภรณ์ ได้แต่งเรือแลเกณฑ์บโทน พันหัว พันท้าย ฝีพายสำหรับ (ลำ)

แลน่าเรือพระที่นั่ง (นั้น) มหาดเล็ก หัวหมื่น (ฤๅ) นายเวรลงคน ๑ ชาวแสงปืนต้น ถือปืน (ฤๅ) กระสุน หมื่นอัคเนศร (ฤๅ) หมื่นศรสำแดง กำนันพระแสงลงคน ๑ ท้ายเรือพระที่นั่ง มหาดเล็กหุ้มแพร (ฤๅ) มหาดเล็กเลว คุมพระเต้าลงพระบังคน หีบใส่เงิน พระแสงกระสุนไปคน ๑ ชาวพระภูษามาลาเอาถุงสักหลาดใส่พระภูษาพระมาลาไปคน ๑ (มหาดเล็กกับภูษามาลาที่ลงท้ายเรือพระที่นั่ง) ๒ คนพายเรือด้วย

แลเรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้าแลเรือดั้งนั้น พันพรหมราชกลาโหม ได้เกณฑ์รับเสด็จ ฯ เปนเรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้าบ้านใหม่ ขึ้นหลวงสุเรนทรวิชิต ลำ ๑ โพธิ์เวียง ขึ้นหลวงภัยเสนา ลำ ๑ เรือดั้งทหารในขวาขึ้นหลวงวิสูตรโยธามาตย์ ลำ ๑ ซ้ายขึ้นหลวงราชโยธาเทพ ลำ ๑ เรือเกณฑ์หัดอย่างฝรั่งขึ้นแก่หลวงพิพิธเดชะเจ้ากรม ขวาขุนพิพิธณรงค์ ปลัดกรม ซ้ายขุนทรงวิไชยปลัดกรมรวมกันลำ ๑ เรือดั้งอาสาวิเศษลำขวาขึ้นหลวงเสนานนท์ ลำ ๑ ลำซ้ายขึ้นหลวงพลอาศรัยลำ ๑ รวม (เปนเรือ) ๓ ลำ

แลหมออยู่งานลงเรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้า (ด้วย) คน ๑

พลพายเรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้า ๒ ลำ เรือดั้งทหารใน ๒ ลำ เรือเกณฑ์หัดอย่างฝรั่งลำ ๑ พันเทพราชได้เกณฑ์ ๕ ลำ (แต่) เรือดั้งอาสาวิเศษซ้ายขวา สัสดีเกณฑ์ ๒ ลำ รวม ๗ ลำ

ชาวแสงเกณฑ์ทนายเลือก ถือปืนคาบศิลาลงเรือดั้ง ๕ ลำ ลำละ ๔ บอก

พันพรหมราชกลาโหมเวรเรือได้ตรวจตราว่ากล่าวบอกหางว่าวแก่นายเวรกลาโหมส่งชาววัง ชาววังส่งมหาดเล็ก

แลเรือข้าทูลลออง ฯ มีตำแหน่งนำแลตำแหน่งตามเสด็จนั้นนำเสด็จ มหาดไทย หลวงราชนิกูล ลำ ๑ เจ้ากรม (ฤๅ) ปลัดกรม ตำรวจผู้อยู่เวรลำ ๑ รวม (เรือนำเสด็จ) ๒ ลำ เรือตามเสด็จตำรวจในขวา หลวงมหามนตรี ลำ ๑ หมื่นทิพเสนาปลัดกรมลำ ๑ ตำรวจในซ้าย หลวงมหาเทพ ลำ ๑ หมื่นราชามาตย์ปลัดกรม ลำ ๑ ตำรวจนอกขวา หลวงราชรินทร์ ลำ ๑ หมื่นทิพรักษาปลัดกรม ลำ ๑ ตำรวจนอกซ้าย หลวงอินทรเดช ลำ ๑ หมื่นราชาบาล ปลัดกรม ลำ ๑ ตำรวจใหญ่ขวา หลวงพิเรนทรเทพ ลำ ๑ ตำรวจใหญ่ซ้าย หลวงอินทรเทพ ลำ ๑ ทหารในกลาง พระราชสงคราม ลำ ๑ ทหารในขวา หลวงวิสูตรโยธามาตย์ ลำ ๑ ทหารในซ้าย หลวงราชโยธาเทพ ลำ ๑ บ้านใหม่ หลวงสุเรนทรวิชิตเจ้ากรม ลำ ๑ โพธิ์เรียง หลวงอภัยเสนาเจ้ากรม ลำ ๑ กรมวัง หลวงรักษมณเฑียร ลำ ๑ หลวงบำเรอภักดิ์ ลำ ๑ จมื่นจงขวา ลำ ๑ จมื่นจงซ้าย ลำ ๑ ปลัดวังขวา ลำ ๑ ปลัดวังซ้าย ลำ ๑ รวมเรือตามเสด็จ ๒๑ ลำ รวมทั้งสิ้น ๒๓ ลำ

แลเรือสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ ข้าทูลลออง ฯ นอกกว่านี้ล่วงเรือตำรวจแลเรือชาววังขึ้นไปมิได้

เรือใช้ ทนายเลือกหอก ขวาขุนภักดีอาสาลำ ๑ ซ้าย ขุนโยธาภักดี ลำ ๑ ทนายเลือกปืน ขวาหมื่นอัคนิศร ลำ ๑ ซ้าย หมื่นศรสำแดง ลำ ๑ ตำรวจใหญ่ หลวงอินทรเทพ ลำ ๑ หลวงพิเรนทรเทพ ลำ ๑ ทหารใน ขวาหลวงวิสูตรโยธามาตย์ลำ ๑ หลวงราชโยธาเทพลำ ๑ เข้ากัน ๘ ลำนี้ เจ้ากรมปลัดกรมได้แต่งพันทนายไปลำละ ๖ คน

ข้าทูลลออง ฯ ผู้นำผู้ตามทั้งนี้ นายเวรมหาดไทย นายเวรกลาโหมบอกหางว่าวส่งชาววัง ชาววังส่งมหาดเล็กผู้รับเวร ถึงที่ประทับกรมวังได้ตรวจเอาบาญชีเรือข้าทูลลออง ฯ ผู้ตามเสด็จชั้น ๑ ชั้น ๒ แลเรือผู้ใดทัน (ฤๅ) มิทันเสด็จ เอากราบทูลพระกรุณา ฯ



ล้อมวงณที่ประพาศ
แลพันเทพราชกลาโหมได้เกณฑ์พันทนายคบหอก หมู่ตำรวจในซ้าย ๑๖ ขวา ๑๖ รวม ๓๒ หมู่ตำรวจใหญ่ ซ้าย ๑๖ ขวา ๑๖ รวม ๓๒ หมู่ตำรวจนอกซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวม ๒๐ หมู่ทหารในซ้าย ๑๖ ขวา ๑๖ รวม ๓๒ หมู่ทนายเลือกหอกซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวม ๒๐ รวมทั้งสิ้น ๑๓๖ คน ล้อมวงชั้ขันในชั้นนอก

พันอินทราช (กลาโหม) เกณฑ์ปืนหามแล่น หมู่ตำรวจในซ้าย ๒ ขวา ๒ รวม ๔ กระบอก หมู่ตำรวจใหญ่ซ้าย ๒ ขวา ๒ รวม ๔ กระบอก อาสาเดโช กระบอก ๑ อาสาท้ายน้ำกระบอก ๑ อาสาซ้ายกระบอก ๑ อาสาขวากระบอก ๑ รวม ๑๒ กระบอก ล่วงไปล้อมวงชั้นใน

แลหมื่นนรินทรเสนี พันเทพราชได้เกณฑ์เจ้ากรมปลัดกรมอาสา ๖ เหล่า อาสาจาม ตั้งกองรายล้อมวงชั้นนอก.

แลหมื่นนรินทรเสนี เกณฑ์หลวง ขุน หมื่น ฝ่ายทหารขึ้นวัดขึ้นสวนขึ้นมะม่วง ครั้นแสด็จถึงที่ประกับฉนวนแล้ว ผู้คนเอากราบทูลพระกรุณา ฯ

ถ้าข้างในไปตามเสด็จด้วย ขุนจันทราทิต ขุนอินทราทิต ขุนรักษานารถ ขุนราชบำเรอ สนมซ้ายขวา (เปน) เจ้าพนักงานเกณฑ์เรือคฤห์สองตอน ขวา ที่สรงพันสันลำ ๑ งานใช้พันวันลำ ๑ พิเสศใน ขุนโอชารศลำ ๑ รวมขวา ๓ ลำ ซ้าย พระภูษาน้อยพันสนั่นลำ ๑ พิเสศใน ขุนเทพโอชาลำ ๑ รวมซ้าย ๒ ลำ รวม (เรือคฤห์สองตอน) ๕ ลำ เรือกราบม่านใหญ่ ขวาขุนรักษานารถลำ ๑ ซ้ายขุนราชบำเรอลำ ๑ รวม (เบ็ดเสร็จ) ๗ ลำ สัสดีเกณฑ์พลพายทุกลำ

อนึ่ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าลูกเธอทรงพระเยาว์มิได้ยื่นเลขไว้แก่สัสดีจะได้ไปตาม (เสด็จ) ข้างในสั่งสนมพลเรือน สนมพลเรือนสั่งมหาดไทย มหาดไทยหมายบอกสัสดี สัสดีเกณฑ์พลพายให้

(ถ้าแล) สั่งให้ข้าทูลลออง ฯ ชักเรือสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระเจ้าลูกเธอ เถ้าแก่สั่งสนม (พลเรือน) สนมสั่งชาววัง ชาววังสั่งมหาดไทย กลาโหม แลหมื่นนรินทรเสนี หมื่นศรีสหเทพเกณฑ์ข้าทูลลอองชัก ทหารลำ ๑ พลเรือนลำ ๑ รวม ๒ ลำ



(เสด็จทางสถลมารค กระบวรราบ)
อนึ่งถ้าเสด็จทางสถลมารค ออกจากพระราชวังไปวัดวาอาราม ถ้าไปแห่งใด ๆ มิได้ประทับแรม

หมื่นนรินทรเสนี เกณฑ์หลวง ขุน หมื่นตำรวจใน ตำรวจนอก ตำรวจใหญ่ อาสา ๖ เหล่า ค้นวัดวาอารามสุมทุมพุ่มไม้ คอยกราบทูลพระกรุณา ฯ

พันทิพราชกลาโหมคุมเจ้าพนักงานสี่ตำรวจ ตำรวจนอก สนมตำรวจ ไปทำฉนวนแลพลับพลา

พันเทพราช (กลาโหม) เกณฑ์ทนายคบหอก หมู่ตำรวจในซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ หมู่ตำรวจใหญ่ ซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ หมู่ตำรวจนอก ซ้าย ๑๕ ขวา ๑๕ รวม ๓๐ ทหารใน ซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ ทนายเลือกหอก ซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวม ๒๐ รวมทั้งสิ้น ๑๗๐ คน แลปี่กลองชนะธงฉาน (ชั้น) นอก เจ้ากรมปลัดกรมหัวหมื่นตัวสี่ตำรวจเลวแห่เสด็จ ฯ

พันอินทราช (กลาโหม) เกณฑ์ปืนหามแล่นตามท้ายที่นั่ง ให้เจ้าหมู่ตำรวจใน ซ้าย ๒ ขวา ๒ รวม ๔ กระบอก ตำรวจใหญ่ ซ้าย ๒ ขวา ๒ รวม ๔ กระบอก อาสาเดโช กระบอก ๑ อาสาท้ายน้ำ กระบอก ๑ อาสาซ้าย กระบอก ๑ ขวากระบอก ๑ รวม ๒ กระบอก ตามเสด็จ ฯ

พันเทพราช (กลาโหม) สั่งมาให้พันพุฒ (มหาดไทย) หมายบอกหมื่นอัคนิศร หมื่นศรสำแดง เกณฑ์ทนายเลือกแสงปืนตามท้ายพระที่นั่ง ซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน

(ให้พันพุฒ) หมายให้ขุนโจมพลล้าน ๑ ขุนสท้านพลแสน ๑ ขี่ม้านำ พันไชยธุชบโทนหลวงราชนิกูลถือธง ๙ ชายนำทางเสด็จ แลเจ้ากรมปลัดกรมหัวหมื่นตัวสีตำรวจเลวแห่ริ้วชั้นในตามตำแหน่ง.

(กระบวร) แห่น่า หลวงเทพอรชุน ๑ หลวงราชนิกูล ๑ นำริ้วชั้นใน ๒

ขุนราชมนู ๑ พันเทพราช ๑ คุมปี่กลองชนะ ๒

ตำรวจในซ้ายขวา ตำรวจใหญ่ซ้ายขวา ตำรวจนอกซ้ายขวา รวม (แห่น่า) ๖ กรม

แห่หลัง ทหารในซ้ายขวา รักษาองค์ซ้ายขวา สนมกลางซ้ายขวา พลพันซ้ายขวา เจ้ากรมบ้านใหม่ เจ้ากรมโพธิ์เรียง ทนายเลือกหอกซ้ายขวา หมื่นนรินทรเสนี ๑ หมื่นศรีสหเทพ ๑ รวม (ทั้งกระบวนน่าหลัง) ๑๘ กรม

แลกรมวังได้ตรวจตราเกณฑ์ชาวเครื่องถือเครื่องสูง ขุนราชพิมาน พันทอง ตัวสี คุมแห่น่า เครื่องสูงห้าชั้น เขียวคู่ ๑ แดงคู่ ๑ เหลืองคู่ ๑ รวม ๓ คู่ บังแซก ดำคู่ ๑ เหลืองคู่ ๑ รวม ๒ คู่ คุมแห่ หลังเครื่องสูงห้าชั้น ขาวคู่ ๑ ดำคู่ ๑ รวม ๒ คู่ บังแซก แดงคู่ ๑ รวมเปน ๓ คู่ รวมทั้งน่าหลังเปน ๘ คู่ บังพระสูรย์ ๑

สนมพลเรือนแลชาวแสงแห่ในหว่างเครื่องสูง แห่น่าพระแสงดาบโล่ห์ หมื่นพรสุรินทร์ ๑ หมื่นอินทรจำเริญ ๑ รวมสนม ๒ พระแสงหอกด้ามไม้มะเกลือยอดทอง ขุนแสงสรรพยุทธ ๑ กำนันพระแสงใน ๑ รวม ๒ พระแสงดาบไทย กำนันแสงใน ๑ พระแสงเขนกำนันพระแสงใน ๑ รวมแห่น่า ๖ แห่หลัง พระแสงง้าวขุนคชนารถภักดี ๑ พระแสงหอกง่ามขุนแสงสารภาษ ๑ รวมแห่หลัง ๒

ถ้าในพระราชวัง มหาดเล็กถือ (?) แลหลวงบำเรอภักดี หลวงรักษมณเฑียร จมื่นจงซ้าย จมื่นจงขวา ปลัดวังซ้าย ปลัดวังขวา เคียงพระวด

แลกระบวรเสด็จทั้งนี้ หมื่นนรินทรเสนี พันเทพราชกลาโหม ได้งบบาญชีให้สมุหพระกลาโหมกราบทูลพระกรุณา ฯ



(เสด็จทางสถลมารค กระบวรช้าง)
ถ้าเสด็จทรงช้าง กรมช้างเกณฑ์ช้างพลาย ๗ ช้างพัง ๖๕ รวม ๗๒ ช้าง

พระที่นั่งทรงโถง ผูกเครื่องลูกพลู เครื่องดาวทองคำ ชาวพระแสงเชิญพระแสงใส่ในเบาะ พระแสงปืนสั้นองค์ ๑ พระแสงพร้าองค์ ๑ กระบี่มา (ม้า) ผูกข้างเบาะองค์ ๑ รวม ๓ องค์ ท้ายช้างควาญ ๑

พระที่นั่งหลังคาทอง สี่ตำรวจเชิญมาผูก ชาวแสงเชิญพระแสงมาผูก (คือ) ปืนสั้นคู่ ๑ หอกสั้นด้ามเหล็กปิดทองคู่ ๑ นายท้ายช้าง คอ ๑ ท้าย ๑ รวม ๒ คนช้าง ๑

พระที่นั่งประพาศ สี่ตำรวจเชิญมาให้นายท้ายช้างผูก ชาวพระแสงเชิญพระแสงมาผูก (คือ) ปืนสั้น ๑ ปืนยาว ๑ หอกสั้นด้ามเหล็กปิดทองคู่ ๑ นายท้ายช้าง คอ ๑ ท้าย ๑ รวม ๒ คนช้าง ๑

พระที่นั่งรอง ผูกเครื่องดาวทอง ชาวพระแสงเชิญพระแสงกระบี่ ๑ พร้า ๑ มาผูก ชาวพระแสงปืนถือปืนคาบศิลากลางช้าง ๑ นายท้ายช้าง คอ ๑ ท้าย ๑ รวม ๓ คนช้าง ๑

ช่างดั้งผูกเครื่องมั่น ทนายเลือกแสงปืนคาบศิลากลางช้าง ๆ ละคน เปนช้างดั้งน่า ๓ หลัง ๓ รวม ๖ ช้าง นายท้ายช้างขี่คอเปนควาญ ๖

ช้างแทรก (เปนช้าง) พัง มหาดไทยช้าง ๑ กลาโหมช้าง ๑ จตุสดมภ์ ๔ ช้าง สัสดีกลางช้าง ๑ คลังมหาสมบัติช้าง ๑ มหาดเล็กหัวหมื่น ๔ ช้าง นายเวร ๔ ช้าง ขุนช้าง ๒ ช้าง ปลัดช้าง ๒ ช้าง ขุนเชือก ๒ ช้าง ปลัดเชือก ๒ ช้าง รวม ๒๔ ช้าง



ช้างเครื่องมหาดเล็ก ๑๐ ช้าง
ช้างปืนใหญ่ หมื่นราชฤทธิ์ หมื่นราชรงค์ หมื่นเพชร (ฦๅ) ไชย หมื่นทรงพิไชย ท้ารวจนอกทำจำลอง สัสดีเกณฑ์เลขส่งให้หมื่นกรินศรเชฐ ๑ หมื่นวิเศษศรชาญ ๑ คุมเกณฑ์หัดเปนทนายปืนแลนายช้างขี่คอ ๑ ชาวกองขี่ท้าย ๑ เสมอช้าง ๑ คนทนายปืนกลางช้าง ๑ กรมช้างซ้าย ๑ ขวา ๑ ปืนกระสุนนิ้วกึ่งกระบอก ๑ กระสุนโดด ๑๐ กระสุน กระสุนปราย ๒๐๐ กระสุน หอกซัด ๑๐ แหลนซัด ๑๐ ธงผุดทองฉลุดอกแดงน่า ๑ เขียวหลัง ๑ รวม ๒ คัน

ช้างกันผูกเครื่องมั่น ช้าง ๑ ทนายเลือกปืนคาบศิลากลางช้าง ช้างละกระบอก ๑ ขุนหมื่นกองช้างขี่คอ ๑ นายช้างเปนควาญ ๑ ซ้าย ๑๐ ช้าง ขวา ๑๐ ช้าง รวม ๒๐ ช้าง แลทนายเลือกนั้น หมื่่นอัคนิศร ๑ หมื่นศรสำแดง ๑ ได้เกณฑ์ใส่ช้างตามพนักงาน

ถ้าข้างในจะไปตามเสด็จด้วย ข้างในบอกหางว่าวสนมพลเรือนสั่งเวร ชาววัง มหาดไทย กลาโหม ให้กรมช้างเกณฑ์ช้าง (แล) หลวงพรหมบริรักษ์ หลวงสุริยภักดี ขุนสมุหพิมาน ขุนประธานมณเฑียร สนมทหารแต่งจำลองแลกูบเขียนลายรง ขวาพื้นแดง ๑ ซ้ายพื้นดำ ๑

แลหลวงเทพราชา หลวงทิพราชา กรมช้างคุมหมู่ จำเจียมตำรวจนอก เครื่องมือสำหรับช่างปากไม้ ๑๐ คน คบเพลิงตัวละ ๒ ดอก เปนช้างซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ ช้าง

เข้ากัน (ทั้งกระบวร) ช้างพลาย ๗ ช้างพัง ๖๕ เปน ๗๒ ช้าง พันภาณ (มหาดไทย) ได้เรียกหางว่าวยื่นสมุหนายกกราบทูลพระกรุณา ฯ



(เสด็จทางสถลมารคกระบวรม้า)
กรมม้าเกณฑ์ม้าพระที่นั่งผูกเครื่องทองคำ พระที่นั่งทรง ๑ พระที่นั่งรอง ๑

ม้าแซงใน (นายม้าขี่) ถือปืนดาดขัดแล่ง (ฤๅ) ถือทวนดาบขัดแล่ง ซ้าย ๓ ขวา ๓ รวม ๖ ม้า

ม้าแซงนอก (นายม้าขี่) ถือเกาทัณฑ์ดาบขัดแล่ง ซ้าย ๕ ขวา ๕ รวม ๑๐ ม้า (นายม้าขี่) ถือทวนดาบขัดแล่ง ซ้าย ๖ ขวา ๖ รวม ๑๒ ม้า รวมม้าแซงนอก ๒๒ ม้า รวมม้าแซง (ทั้งสิ้น) ๒๘ ม้า

ม้าสวนทางไปน่า แห่ซ้ายหมื่นเทพสารถี ๑ แห่ขวาหมื่นพาชีไชย ๑ รวม ๒ ม้า

ม้าใช้ (ไปข้าง) หลัง ซ้ายหมื่นไกรพลแมน ๑ ขวาหมื่นแสนใจเพชร์ ๑ รวม ๒ ม้า

ม้านำเสด็จ ซ้ายขุนสท้านพลแสน ๑ ขวาขุนโจมพลล้าน ๑ รวม ๒ ม้า

กระบวรม้ารวมทั้งสิ้น ๓๖ ม้า ม้าทั้งนี้พันเภามหาดไทย ได้เรียกหางว่าวยื่นสมุหนายกกราบทูลพระกรุณา ฯ



จุกช่องรายทาง
พันเทพราชกลาโหมเกณฑ์ทนายหอกตำรวจในซ้ายขวา จุกช่องแต่พ้นกำแพงพระราชวังออกไปช่องละ ๒ คนตามซ้ายขวารายทางไปจนถึงที่ประทับ

แลพันจันท์มหาดไทย ว่าแก่นายเวรนครบาลแขวง (ให้) ชำระทาง ตัดไม้ชายเอนตามทาง


-----------------------------------

พระยาราชสุภาวดีคนนี้ ได้เปนเจ้าพระยานครศรีธรรมราช ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ์ เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๒๘๕ ต่อมาถึงแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ มีความผิดต้องออกจากตำแหน่งเมืองนคร เจ้านครฯเปนปลัดจึงได้รั้งเมืองมาจนเสียกรุงฯ

ทำนองจะว่าที่โกษาธิบดี.

ที่ว่าคนเก่า คือเคยเปนข้าราชการมีตำแหน่งเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเปนราชธานี.

เรือคู่ชักมักเรียกกันว่าเรือขวานฟ้าลำ ๑ เรือบ้าบิ่นลำ ๑ แต่ในหนังสือนี้เรียกว่าเรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้าทุกแห่ง

ตรงนี้เห็นจะหมายความว่า ขึ้นตรวจที่เสด็จประพาศก่อนเสด็จไปถึง


ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2568 17:45:38 »



เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๐

เรื่องตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ

---------------------------

กระบวรเสด็จพระพุทธบาท

ถ้ามีที่เสด็จไปพระพุทธบาทเช่นการปรกติ (เจ้า) พระยากลาโหม พระสุรเสนา หลวงเทพ (อรชุน) สั่งพันทิพราชให้เกณฑ์หลวง ขุนหมื่น ๒ คน ๓ คนเปนนายกองทำตำหนัก คุมพนักงาน ๔ ตำรวจ สนม (ทหาร) ซ้ายขวา สนมกลางซ้ายขวา ตำรวจนอกซ้ายขวา ไปทำตำหนักฉนวนพระนครหลวง ท่าเจ้าสนุกพระพุทธบาท แลการรับเสด็จของหลวงเจ้าต่างกรม

พระสุรเสนา หลวงเทพ (อรชุน) พันทิพราชไปตรวจตราเร่งรัด ถ้าเปนอำเภอแขวงกรมการ แขวงกรมการได้ทำ เจ้าพนักงานเปนผู้เร่งรัดให้เขวงกรมการทำ ถ้าแขวงกรมการทำไม่ทัน (ฤๅ) จากไม้ไม่พอ เจ้าพนักงานทั้งนี้ต้องหาไม้หาจากทำด้วย

แลตำรวจใหญ่ซ้ายขวาแต่งเรือพระที่นั่งศรีสักหลดก พระที่นั่งกราบ (ลำ) ทรงรับเสด็จ

แลพันพรหมราชกลาโหมได้เกณฑ์เรือพระที่นั่งดั้งกันชักนำเสด็จ เปนเรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้า บ้านใหม่ลำ ๑ โพธิ์เรียงลำ ๑ รวม (คู่ชัก) ๒ ลำ เรือดั้งทหารในซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ รวม ๒ ลำ เกณฑ์หัดอย่างฝรั่ง ซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ รวม ๒ ลำ อาสาวิเศษซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ รวม ๒ ลำ รวม (เรือดั้ง) ๖ ลำ เปน ๘ ลำทั้งเรือคู่ชัก เรือกันเรือตำรวจในซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ เรือตำรวจใหญ่ซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ สัสดีซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ เรือ ๑๔ ลำนี้พลพายฝ่ายทหารพันเทพราชได้เกณฑ์ ฝ่ายพลเรือนสัสดีได้เกณฑ์

แลหมื่นอัคนิศร ๑ หมื่นศรสำแดง ๑ เกณฑ์ทนายเลือกปืนลงเรือดั้งเรือกันลำละ ๔ กระบอก

แลเรือพระที่นั่งบัลลังก์รัตนาศน์ ๑ เรือพระที่นั่ง (บัลลังก์) ราชสมเสพ ๑ สองลำนี้ พนักงานตำรวจในซ้ายขวาทำแลรักษา ครั้นมีที่เสด็จทหารในซ้ายขวารับ (ไป) บรรจุพลกันเชียงแล้วเอาไปทอดท่า

แลเรือคฤห์สองตอนสนมพลเรือนซ้ายขวาเกณฑ์ไปตามเสด็จ (เรือฝ่าย) ซ้าย เรือพระภูษาใหญ่ พันวิเศษลำ ๑ เรือพระภูษาน้อย พันสนั่นลำ ๑ เรือพระสมุด พันแกว่นลำ ๑ เรือพระโอสถพันชนะลำ ๑ เรือพิเสศ (เครื่อง) ขุนทิพโอชาลำ ๑ หมื่นโอชาลำพังลำ ๑ รวม ๒ ลำ รวนเปนเรือฝ่ายซ้าย ๖ ลำ เรือฝ่ายขวา เรือที่สรงพันสนลำ ๑ เรืองานใช้พันวันลำ ๑ เรือคลัง พันแผ้วลำ ๑ เรือพิเสศ (เครื่อง) ขุนโอชารศลำ ๑ หมื่นก้อนแก้วลำ ๑ เรือ (เครื่อง) นมัสการ พันศรีรักษาลำ ๑ รวมเรือฝ่ายขวา ๖ ลำเปน ๑๒ ลำ พลพายนั้นสัสดีซ้ายขวาได้เกณฑ์

แลเรือศรีผ้าแดง เรือที่นั่งกราบเจ้ามีกรมแล้ว เจ้ากรมปลัดกรมเกณฑ์พลพายกันเชียงในกรม ถ้าเรือศรีผ้าแดง เรือที่นั่งกราบ เรือมีม่านเจ้าหากรมมิได้ไปตามเสด็จ สนมพลเรือนบอกจำนวนเรือ จำนวนพลพายพลกันเชียงมาแก่สัสดี ๆ เกณฑ์เลขให้


(ล้อมวงที่พลับพลาประทับแรม)
ครั้นเสด็จ ๆ ถึงท่าเจ้าสนุกแล้ว พันเทพราช สัสดียกเอานายเรือ (แล) พลพายเรือดั้งเรือกันขึ้นนอนกองซุ่มน่าฉาน พันพรหมราชเกณฑ์แต่ลำเรือส่งให้เเก่สี่ตำรวจแลอาสาหกเหล่า ทอดทุ่นน่าฉานต่อกันลงไปเสมอลำหนึ่งนาย ๑ ไพร่ ๕ คน

แลล้อมวังแบ่งกันอยู่รักษาวัง บ้างล่วงขึ้นไปตั้งตาริ้ววางขวากเหล็กรอบพระตำหนักกว้าง ๕ ศอก ๑๐ กอง เสมอกองหนึ่ง ปืนตาตระเงินกระบอก ๑ ปืนหามแล่นกระบอก ๑ ปืนทองกระสุนปราย ๒ กระบอก ปืนคาบชุด ๑๐ กระบอก รวมปืน (กองละ) ๑๔ กระบอก ธนู ๕ คัน น่าไม้ ๕ คัน ขวากกระจับ ๕๐ หลุม ฆ้องใหญ่ใบ ๑ ไพร่ ๕๐ ตีฆ้องขานยาม

อาสาวิเศษ ทหารใน นอนนอกล้อมวัง ๔ กอง เปนอาสาวิเศษ ๒ กอง ๑๖ คน ทหารใน ๒ กอง ๑๖ คน รวม ๓๒ คน

แลกรมตำรวจใน ตำรวจใหญ่ ทหารใน สนมทหารซ้ายขวา เจ้าพนักงานเอาปืนล้อไปตั้งประตูละ ๒ กระบอก ชาววังกำกับประตูด้วย แล้วชาวที่ มหาดเล็กวังน่า ชาววังตำรวจในล้อมวง

สัสดียกเอาเลขเรือคฤห์สองตอน เรือศรีผ้าแดง เรือที่นั่งกราบ ไปนอนกองซุ่มท้ายสนม แลฝีพายเรือศรีสักหลาด เรือกราบ (ที่นั่ง) ทรง เรือกราบ (ที่นั่ง) รอง นอนริมฉนวนประจำท่านอกตาริ้วล้อมวัง

แลพันเทพราชเกณฑ์ปี่กลองชนะประโคมยาม

แลกรมช้างเกณฑ์ช้างอยู่โรงในกำแพงล้อมพระตำหนัก แลวงรายในกองซุ่มรอบกำแพงล้อมพระตำหนัก ช้างปืนใหญ่ตั้งริ้วกองเพลิงนอกกองซุ่มตามซ้ายตามขวา แลเจ้ากรมปลัดกรมคุมไพร่ดาบเกย ถือปืนนกโพรงตระเวน ๔ ยามตามซ้ายตามขวา เปนช้าง ๖๒ ช้างใน (ดัง) นี้

ช้างต้นอยู่โรงในพระตำหนัก พลาย ๑ พัง ๑ รวม ๒ ช้าง วงรายรอยกำแพงล้อมพระตำหนัก ๓ ด้าน พลาย ๖ พัง ๖ รวม ๑๒ ช้าง ช้างปืนใหญ่ตั้งริ้วกองเพลิง พวกกองซุ่มเสมอช้าง ๑ ทนายปืนกลาง ช้าง ๑ กรมช้าง (ขี่) คอ ๑ ท้าย รวม ๓ คน ปืนกระสุนนิ้ว (กึ่ง) กระบอก ๑ กระสุนโดด ๑๐ กระสุน กระสุนปราย ๒๐๐ กระสุน หอกซัด ๑๐ เล่ม แหลนซัด ๑๐ เล่ม เปนช้างพังซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ ช้าง

(กอง) ตระเวน ๔ ยาม ซ้ายยาม ๑ พระราชวังเมือง ๑ ไพร่ดาบเกย ๔ รวม ๕ ยาม ๒ หมื่นคชศักดิ์ ๑ ไพร่ดาบเกย ๔ รวม ๕ ยาม ๓ ขุนทรงสิทธิ์ ๑ ไพร่ดาบเกย ๔ รวม ๕ ยาม ๔ หลวงศรีไชยาทิต ๑ ไพร่ดาบเกย ๔ รวม ๕ ขวา ยาม ๑ พระกำแพง ๑ ไพร่ดาบเกย ๔ รวม ๕ ยาม ๒ หมื่นคชสิทธิ์ ๑ ไพร่ดาบเกย ๔ รวม ๕ ยาม ๓ ขุนทรงศักดิ์ ๑ ไพร่ดาบเกย ๔ รวม ๕ ยาม ๔ หลวง (ศรี) สิทธิกรรม์ ๑ ไพร่ดาบเกย ๔ รวม ๕ รวมนาย ๘ ไพร่ดาบเกย (ถือ) ปืนนกโพรง ๓๒ รวม ๔๐ คน ช้างพัง ๘ ช้าง เข้ากันช้างพลาย ๗ พัง ๕๕ รวม ๖๒ ช้าง ระดมมาตระเวน ๔ ยามตามซ้ายตามขวา

ม้าซ้าย ยาม ๑ หลวงปราบพลแสน ๑ ไพร่ถือหอกถือหลาว ๔ รวม ๕ ยาม ๒ หลวงศรีอัศวเดช ๑ ไพร่ถือหอกถือหลาว ๔ รวม ๕ ยาม ๓ ขุนสุนทรสินธพ ๑ ไพร่ถือหอกถือหลาว ๔ รวม ๕ ยาม ๔ หมื่นชำนาญภูเบศร์ ๑ ไพร่ถือหอกถือหลาว ๔ รวม ๕ ม้าขวา ยาม ๑ หลวงทรงพล ๑ ไพร่ถือหอกถือหลาว ๔ รวม ๕ ยาม ๒ หลวงพิไชยมนตรี ไพร่ถือหอกถือหลาว ๔ รวม ๕ ยาม ๓ ขุนวิสูตรอัศดร ๑ ไพร่ถ่อหอกถือหลาว ๔ รวม ๕ ยาม ๔ หมื่นชำนิภูบาล ๑ ไพร่ถือหอกถือหลาว ๔ รวม ๕ รวมนาย ๘ ไพร่ถือหอกถือหลาว ๓๒ รวมเปน ๔๐ คน ม้า ๘ ม้า

แลหมื่นนรินทรเสนี พันเทพราชกลาโหม หมื่นศรีสหเทพ พันพุฒมหาดไทย ได้เกณฑ์ขุนหมื่นคุมไพร่ทหารถือปืนนกโพรง ไพร่พลเรือนสัสดีเกณฑ์ถือหอกถือหลาว ตั้งกองรอบชั้นนอก ห่างพระตำหนักออกไป ๒๐ เส้น ฟากตวันออก ๒ กอง ฟากตวันตก ๒ กอง รวม ๔ กอง ตระเวนบรรจบถึงกัน เสมอกองหนึ่ง ฝ่ายทหาร นาย ๒ ไพร่หลวงถือปืนนกโพรง ๕๐ รวม ๕๒ พลเรือนนาย ๑ ไพร่หลวงถือหอกถือหลาว ๕๐ รวม ๕๒ คน รวมเปนนาย ๔ ไพร่ ๒๐๐ รวม ๒๐๔ คน

แลเกณฑ์ที่ตั้งคอยเหตุเหนือน้ำท้ายน้ำ ห่างพระตำหนักออกไป ๒๐ เส้น คนฝ่ายทหารเกณฑ์อยู่ท้ายน้ำ กรมอาสาจามนาย ๒ ไพร่ ๒๐ รวม ๒๒ คน พลเรือนเกณฑ์อยู่เหนือน้ำ กรมม้า นาย ๒ ไพร่ ๒๐ รวม ๒๒ คน รวมเปนนาย ๔ ไพร่ ๔๐ รวม ๔๔ คน.

แลบาญชีกองร้อยคอยเหตุชั้นในชั้นนอก ๆ กว่าล้อมวงนั้น หมื่นนรินทรเสนี หมื่นศรีสหเทพ พันเทพราช พันพุฒ ได้งบส่งให้สมุหนายก สมุหพระกลาโหม แต่พอรู้จำนวนไว้ แลกรมพระราชวังบวร ฯ ให้ข้าหลวงไปตรวจ แล้วเอากราบทูลพระกรุณา ฯ ถ้ากรมพระราชวังบวร ฯ ไม่ได้เฝ้า ส่งบาญชีมาให้เจ้าต่างกรมแลตำรวจในพระราชวังหลวงกราบทูลพระกรุณา

แลหมื่นศรีสหเทพเกณฑ์ขุนหมื่นฝ่ายพลเรือนกำกับนครบาล (แล) แขวง ตรวจตราสารวัดตั้งร้านกองเพลิง พันจันท์ได้ตรวจทางให้นครบาลแขวงกรมการทำทาง กรุยหลักลอยแลหลักตอโขดหากตัดไม้ชายไม้เอนทั้งในทางชลมารคแลทางสถลมารคซึ่งกีดทางเสด็จ



(กระบวรทางสถลมารคเสด็จขึ้นพระพุทธบาท)
อนึ่งถ้าเสด็จ ฯ แต่ท่าเจ้าสนุกขึ้นไปประทับแรมพระตำหนักพระพุทธบาท

กลาโหมเกณฑ์นายกองนายงานคุมเจ้าพนักงานขึ้นไปทำพระตำหนักแลทางสถลมารค แต่ท่าเจ้าสนุกถึงบางโขมด พนักงานขุนนครได้ทำ แต่บางโขมดถึงพระพุทธบาท พนักงานกรมการเมืองสระบุรี (แล) พนักงานขุนโขลนได้ทำ พันจันท์ได้เกณฑ์หลวงขุนหมื่นคุมไพร่สัสดีไปช่วยแขวงแลกรมการทำทาง ๔ กอง กองหนึ่ง นาย ๑ ไพร่ ๕๐ รวม ๕๑ คน

พันเทพราชเกณฑ์ทนายคบหอกหมู่ ตำรวจในซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน ตำรวจนอกซ้าย ๓๐ ขวา ๓๐ รวม ๖๐ คน ตำรวจใหญ่ซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน ทหารในซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน รวมเปน ๓๔๐ คน แลปี่กลองชนะ ๑๐๐ คน แตรฝรั่ง ๔ คู่ แตรงอน ๒ คู่ สังข์คู่ ๑ ธงฉาน ๔ คู่

อนึ่งพันอินทราชเกณฑ์ปืนหามแล่น ตำรวจในซ้าย ๒ ขวา ๒ รวม ๔ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๒ ขวา ๒ รวม ๔ อาสา (วิเศษ) ซ้าย ๑ ขวา ๑ รวม ๒ อาสาเดโช ๑ อาสาท้ายน้ำ ๑ รวม ๒ รวมเปนปืนหามแล่น ๑๒ กระบอกตามท้ายพระที่นั่ง.

แลเจ้ากรมปลัดกรมหัวหมื่นตัวศรีตำรวจเลวแห่ริ้วในตำแหน่งแห่น่า (คือ) หลวงเทพอรชุน ๑ หลวงราชนิกูล ๑ นำริ้วชั้นในรวม ๒ ขุนราชมนู พันเทพราชคุมปี่กลองชนะ (รวม) ๒ ตำรวจในซ้ายขวา ตำรวจใหญ่ซ้ายขวา ตำรวจนอกซ้ายขวา ๖ กรม แห่หลัง (คือ) ทหารในซ้ายขวา พลพันซ้ายขวา รักษาองค์ซ้ายขวา เจ้ากรมบ้านใหม่ เจ้ากรมโพธิ์เรียง ทนายเลือกหอกซ้ายขวา (รวมเปน) ๑๐ กรม หมื่นนรินทรเสนี หมื่นศรีสหเทพ (ปลายริ้ว)

กรมวังเกณฑ์เครื่องสูง แห่น่า (คือ) เครื่องสูงห้าชั้น เขียวคู่ ๑ แดงคู่ ๑ เหลืองคู่ ๑ รวม (เครื่องสูง) ๓ คู่ บังแทรกดำคู่ ๑ เหลืองคู่ ๑ รวม (บังแทรก) ๒ คู่ รวม (ทั้งเครื่องสูงบังแทรกแห่น่า) ๕ คู่ แห่หลัง เครื่องสูงห้าชั้น ขาวคู่ ๑ ดำคู่ ๑ รวม (เครื่องสูงแห่หลัง) ๒ คู่ บังแทรกแดงคู่ ๑ รวม (ทั้งเครื่องสูงบังแทรกแห่หลัง) ๓ คู่ ยังพระสูรย์ ๑ พันทอง ขุนราชพิมาน คุม

แลชาวแสง กรมสนมพลเรือน ถือพระแสงหว่างเครื่องสูงน่า (คือ) พระแสงดาบโล่ห์ หมื่นพรสุรินทร์ ๑ หมื่นอินทรจำเริญ ๑ พระแสงหอกด้ามไม้มะเกลือยอดทอง ขุนแสงสรรพยุทธ ๑ กำนันแสงใน ๑ พระแสงดาบไทย กำนันแสงใน ๑ พระแสงเขน กำนันแสงใน ๑ พระแสงหว่างเครื่องสูงหลัง (คือ) พระแสงง้าว ขุนคชนารถภักดี ๑ พระแสงหอกง่าม ขุนแสงสารภาษ ๑

พันพุฒหมายบอกทนายเลือกแสงปืนคาบศิลาตามท้ายพระที่นั่งซ้าย ๕๐ ขวา ๕๐ รวม ๑๐๐ คน

แลให้หมายให้ขุนโจมพลล้าน ๑ ขุนสท้านพลแสน ๑ ขี่ม้านำขุนไชยธุชบโทนหลวงราชนิกูลถือธง ๙ ชายนำทางเสด็จ

 กรมช้างซ้ายขวาเกณฑ์ช้างสำหรับกระบวรเสด็จ ฯ ช้างพระที่นั่งทรง ๑ ช้างพระที่นั่งรอง ๑ ช้างนำ ๑ ช้าง (ผูกพระที่นั่ง) หลังคาทอง ๑ ช้าง (ผูกพระที่นั่ง) ประพาศโถง ๑ รวม ๕ ช้าง ช้างดั้งน่า ๓ หลัง ๓ รวม ๖ ช้าง ช้างกันใน ๑๐ (ช้างกัน) นอกกองอาสา ๒๐ รวมช้างกัน ๓๐ ช้างแทรกขุนช้าง ๒ ปลัดช้าง ๒ นายเชือก ๒ ปลัดเชือก ๒ มหาดไทย ๑ กลาโหม ๑ จตุสดมภ์ ๔ หัวหมื่นมหาดเล็ก ๔ รวมช้างแทรก ๑๘ ช้าง ช้างปืน ๒๐ ช้างเครื่องมหาดเล็กซ้าย ๕ ขวา ๕ รวม ๑๐ ช้าง ช้างกูบสำหรับข้างใน ๔๐ ช้างพระประเทียบ พระที่นั่งหลังคาทอง ๑ (ช้างดั้ง) ๑ ข้างน่า ๒ ข้างหลัง ๒ รวม ๕ ช้าง ช้างปืนน่า ๕ ปืนหลัง ๕ รวม ๑๐ รวมช้าง (กระบวร) พระประเทียบ ๑๕ ช้าง รวมเปนช้างกระบวรเสด็จ ฯ ของหลวง ๑๒๙ ช้างกระบวรพระประเทียบ ๑๕ ช้าง รวมทั้งสิ้น ๑๔๔ ช้าง

ช้างพระที่นั่งผูกเครื่องลูกพลู ดาวทองคำ ชาวพระแสงเชิญพระแสงใส่ในเบาะ พระแสงปืนสั้นคู่ ๑ พระแสงพร้าองค์ ๑ กระบี่ม้าผูกข้างเบาะองค์ ๑ นายท้ายช้าง (เปน) ควาญ ๑ พระที่นั่งหลังคาทอง ๔ ตำรวจยกมา กรมช้างผูกช้าง ชาวพระแสงเชิญพระแสงปืนสั้น ๑ พระแสงหอกด้ามเหล็กปิดทองคู่ ๑ พระแสงปืนยาวองค์ ๑ นายท้ายช้าง (ขี่) คอ ๑ ท้าย ๑ รวม ๒ คน ช้าง ๑ พระที่นั่งนำผูกเครื่องลูกพลูดาวทอง ชาวพระแสงเชิญพระแสงกระบี่องค์ ๑ พระแสงพร้าองค์ ๑ รวม ๒ มาผูกทนายเลือกแสงปืนถือปืนคาบศิลากลางช้างกระบอก ๑ นายท้ายช้าง (ขี่) คอ ๑ ท้าย ๑ รวม ๓ คน ช้าง ๑

ช้างดั้งผูกเครื่องมั่น ทนายเลือกแสงปืนถือปืนคาบศิลากลางช้าง ๆ ละคน นายท้ายช้าง (ขี่) คอ ๑ ท้าย ๑ เปนช้างดั้งน่า ๓ หลัง ๓ รวม ๖ ช้าง

ช้างแทรก (เปนช้าง) พัง พระกำแพง ๑ พระราชวังเมือง ๑ รวมขุนช้าง ๒ หลวงคชศักดิ์ ๑ หลวงคชสิทธิ์ ๑ รวมปลัดช้าง ๒ ขุนทรงศักดิ์ ๑ ขุนทรงสิทธิ์ ๑ รวมขุนเชือก ๒ หมื่นศรีสิทธิบาล ๑ หมื่นราชสิทธิกรรม์ ๑ รวมปลัดเชือก ๒ มหาดไทยกลาโหมจตุสดมภ์ ๖ หัวหมื่นมหาดเล็ก ๔ รวมช้างแทรก ๑๘ ช้าง

ช้างปืนใหญ่ หมื่นราชฤทธิ์ ๑ หมื่นราชรงค์ ๑ ตำรวจในทำจำลองสัสดีเกณฑ์เลขส่งให้หมื่นศรีสรเชฐ หมื่นวิเศษสรชาญ คุมหัดเปนทนายปืนกลางช้าง ๆ ละคน นายช้างขี่คอ ๑ นายกองเปนควาญู ๑ เสมอตัวหนึ่ง ทนายปืนกลางช้าง ๑ กรมช้างขี่คอ ๑ ท้าย ๑ รวมเปน ๓ คน ปืนกระสุนนิ้วกึ่งกระบอก ๑ กระสุนโดด ๑๐ กระสุนปราย ๒๐๐ รวม ๒๑๐ กระสุน หอกซัด ๑๐ แหลนซัด ๑๐ รวม ๒๐ เล่ม ธงผุดทองช้างละดอก แดงน่า เขียวหลัง เปนช้างน่า ๑๐ ช้าง หลัง ๑๐ ช้าง รวมเปนช้างพลาย ๒๐ ช้าง

ช้างกันในผูกเครื่องมั่น ทนายเลือกถือปืนคาบศิลากลางช้าง ๆ ละคน ๑ ขุนหมื่นกองช้างนอกขี่คอ ๑ ท้าย ๑ เปนช้างซ้าย ๕ ขวา ๕ รวม ช้างพลายกันใน ๑๐ ช้าง

กองช้างอาสากันชั้นนอก มีทนายถือปืนคาบศิลากลางช้าง หมู่ตำรวจกลางขึ้นนายโชติราช นายไชยราช ตำรวจในเปนทนายปืนเสมอช้าง ๑ ขุนหมื่นชาวกองช้าง (ขี่คอ) ๑ ทนายปืนกลางช้าง ๑ ไพร่นายช้าง (ควาญ) ๑ รวม ๓ คน เปนช้างซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวมช้างกันนอก ๒๐

ช้างเครื่องมหาดเล็ก สำหรับพระสุพรรณศรี พระล่วมทองช้าง ๑ สำหรับพระล่วมตะบัน พระโอสถสูบ พานพระชุดช้าง ๑ พระเต้าทองพระเต้าเงินช้าง ๑ หม้อลงพระบังคน กาพระบังคนช้าง ๑ พระตะภาบเงินใส่พระสุธารศ ช้าง ๑ พัชนีทอง พัชนีแพร ช้าง ๑ พระแสงกระสุน พระแสงง้าว พระแสงหอก ช้าง ๑ พระกลดแดด พระกลดฝน ช้าง ๑ พระสมุดพระกระดานชนวน ช้าง ๑ พระปิ่นโตของเสวย ช้าง ๑ รวมเปน ๑๐ ช้าง มหาดเล็กเชิญเครื่อง จ่าหุ้มแพรกำกับเครื่องถวาย

หลวงพรหมบริรักษ์ หลวงสุริยภักดี ขุนสมุหพิมาน ขุนประธานมณเฑียร สนมทหารแต่งจำลองกูบเขียนลายรง ขวาพื้นแดง ซ้ายพื้นดำ

แลหลวงเทพราชา หลวงทิพราชา กรมช้างคุมหมู่จ่าเจียมกรมช้าง เครื่องมือสำหรับช่างปากไม้ ๑๐ (คน) คบเพลิงตัวละ ๒ ดอก ช้างขวา ๔๐ ซ้าย ๔๐ รวมเปน ๘๐ ช้าง.

ช้างพระประเทียบพลาย ๔ พัง ๑๑ รวม ๑๕ ช้าง

ช้างพระที่นั่งหลังคาทอง นายพุฒา นายจันปัญญา สี่ตำรวจเชิญมา กรมช้างผูก นายท้ายช้าง (ขี่) คอ ๑ ควาญ ๑

ช้างดั้งผูกเครื่องมั่น ทนายเลือกแสงปืนคาบศิลากลางช้าง ๆ ละคน เปนช้างดั้งน่า ๒ หลัง ๒

แลช้างปืนใหญ่ เสมอช้างหนึ่ง ทนายปืนกลางช้าง ๑ กรมช้าง (ขี่) คอ ๑ ควาญ ๑ รวมเปน ๓ คน ปืนกระสุนนิ้วกึ่งกระบอก ๑ กระสุนโดด ๑๐ กระสุนปราย ๒๐๐ รวม ๒๑๐ กระสุน หอกซัด ๑๐ แหลนซัด ๑๐ รวม ๒๐ เล่ม ธงผุดทองธงละดอก แดงน่า เขียวหลัง รวม ๒ ธง เปนช้างดั้งน่า ๕ หลัง ๕ รวม ๑๐ ช้าง

แลช้างประทุกที่แลสิ่งของพระคลังข้างน่าแลพระคลังข้างในสำหรับไปตามเสด็จ ฯ นั้น ถ้าข้างน่าพนักงานเจ้ากรมปลัดกรมกราบทูลพระกรุณา สั่งเวรกรมช้างจ่าย ถ้าข้างใน ๆ กราบทูลพระกรุณาส่งหางว่าวให้สนม (พลเรือน) สั่งเวรชาววังเวรมหาดไทย ให้กรมช้างจ่าย กรมช้างจ่ายให้พนักงาน ๆ ปิดตราไว้แก่กรมช้าง จ่ายช้างกระบวรเสด็จ ฯ แลนอกกระบวรเสด็จ ฯ มากน้อยเท่าใด พันภาณ (มหาดไทย) ได้เรียกหางว่าวกรมช้าง ให้พณหัวเจ้าท่านสมุหนายกเอากราบทูลพระกรุณา

กรมม้าเกณฑ์ม้าผูกเครื่องทองคำ (พระที่นั่ง) ทรง ๑ (พระที่นั่ง) รอง ๑ ม้าแซงในถือปืนถือทวน ดาบขัดแล่ง ซ้ายตำรวจ ๑ ขุนหมื่น ๕ ขวาตำรวจ ๑ ขุนหมื่น ๕ รวมตำรวจ ๒ ขุนหมื่น ๑๐ เปน ๑๒ ม้าแซงนอกถือเกาทัณฑ์ดาบขัดแล่ง ซ้ายตำรวจ ๒ จีน ๕ ขวาตำรวจ ๒ จีน ๕ รวมตำรวจ ๔ จีน ๑๐ เปน ๑๔ ถือทวนดาบขัดแล่ง หมื่นพันขี่ ซ้าย ๖ ขวา ๖ รวม ๑๒ รวมแซงนอกซ้าย ๑๓ ขวา ๑๓ เปน ๒๖ ม้า

ม้าทิด ขุนกองขี่ถือทวนดาบขัดแล่ง ปืนนกโพรงผูกข้างม้าตัวละกระบอก ซ้าย ๘ ขวา ๘ รวม ๑๖ ม้า

ม้าสวนทางไปน่ากระบวรแห่ดาบขัดแล่ง ซ้ายหมื่นเทพสารถี ๑ ขวาหมื่นพาชีไชย ๑ รวม ๒ ม้า

ม้าใช้ (กระบวร) หลังดาบขัดแล่ง หมื่นไกรสรแมนขี่ ๑ หมื่นแสนใจเพ็ชรขี่ ๑ รวม ๒ ม้า

ม้านำเสด็จดาบขัดแล่ง ขุนโจมพลล้านขี่ ๑ ขุนสท้านพลแสนขี่ ๑ รวม ๒ ม้า

รวมกระบวรม้า ๒๐ ม้า พันเภา (มหาดไทย) ได้เรียกหางว่าวส่ง พณหัวเจ้ท่านสมุหนายกกราบทูลพระกรุณา

แลขุนสุเรนทรวิชิตคุมฝีพายบ้านใหม่ ๕๐ ขุนอภัยเสนาคุมฝีพายโพธิ์เรียง ๕๐ รวม ๑๐๐ คน หลวงเทพา (สัสดี) คุมเลขเรือดั้งเรือกันซ้าย ๕๐ คน หลวงศรีกาฬสมุด (สัสดี) คุมเลขเรือดั้งเรือกันขวา ๕๐ คน รวม ๑๐๐ คน ถือหอกถือพร้า (เปนกระบวร) ท้ายพระที่นั่ง ๒๐๐ คน

แลสัสดีเกณฑ์ยกเอาเลขฝีพายเรือคฤห์สองตอน เรือศรีผ้าแดง เรือที่นั่งกราบ เรือเจ้าหากรมมิได้ หามปองทหารในซ้ายขวา แสงใน เครื่องนมัสการ คุม

แลหมื่นนรินทรเสนี หมื่นศรีสหเทพ เกณฑ์ขุนหมื่นตามรถสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ (แล) พระเจ้าลูกเธอ ฯ รับเสด็จขึ้นไปพระพุทธบาท เจ้ากรม ปลัดกรมฝ่ายทหาร ขุนพิไชยนุราชรถาจารย์เจ้ากรม ๑ หมื่นมณีราช (รถ) ปลัดกรม ๑ รวมฝ่ายทหาร ๒ ฝ่ายพลเรือน ขุนราช (รถ) ยานบริรักษ์ เจ้ากรม ๑ หมื่นรัถภูบาล ปลัดกรม ๑ รวมฝ่ายพลเรือน ๒ รวมเปน ๔ คน

แลรถพระที่นั่งทรงจตุรมุข พนักงานสี่ตำรวจ รวมกันรถ ๑ พระประเทียบ กรมหลวงพิพิธมนตรี สนมตำรวจซ้ายขวาทำ (รถ) ๑ รถพระราชทานพระสงฆ์ รถสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ รถพระเจ้าลูกเธอหลานเธอ รถฝ่ายทหารเปนพนักงานตำรวจในซ้ายขวา ตำรวจใหญ่ซ้ายขวา ตำรวจนอกซ้ายขวา ทหารในซ้ายขวา สนมทหารซ้ายขวา อาสาหกเหล่า แลรถฝ่ายพลเรือนพนักงานมหาดไทย (น่าที่) ขุนราชอาญา (สมุห์บาญชี) จตุสดมภ์ กรมช้างซ้ายขวา กรมสรรพากรใน กรมสรรพากรนอก กรมล้อมวัง ได้ทำแลกระบือชักรถนั้นกรมนาได้จ่าย

อนึ่งโค (แล) เกวียน (นั้น) พันจันท์เวรทางเกณฑ์กรมการหัวเมือง เมืองมโนรมย์ ๑ เมืองไชยนาท ๑ เมืองสิงห์บุรี ๑ เมืองสรรค์บุรี ๑ เมืองอ่างทอง ๑ เมืองอินทร์ ๑ เมืองพรหม ๑ เมืองลพบุรี ๑ เมืองสระบุรี ๑ แขวงสี่ทิศ ให้เอาโค (แล) เกวียนมาบรรทุกสิ่งของข้างน่าข้างใน ของเครื่องเล่น (มหรศพ) ของดอกไม้เพลิง ของแสงสรรพยุทธ ขึ้นไปพระพุทธบาทตามบาญชี (เจ้าพนักงาน) ข้างใน (คือ) หมื่นเทพขันที หมื่นราชขันที (แล) เจ้าพนักงานข้างน่า๑๐ (แต่จำนวนเกณฑ์) จะเปนเมืองใดมากน้อยเท่าใดจำมิได้ ถ้ามิได้โคเกวียน กรมการแขวงเอาเงินมาให้เจ้าพนักงานชำระโคเกวียน แลเงินค่าโคเกวียนทั้งนี้ กรมการแขวงเรียกเอาแก่ราษฎรเสมอเรือน ๑ เสมอกัน เรือนละบาท ๑ (ค่า) หมายเรือนละ ๒ สลึง (คือ ๕๐ สตางค์) ครั้นอยู่มาทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า ราษฎรเสียค่าโคเกวียนแต่เมืองจัดวา แลแขวงหัวเมืองฝ่ายเหนือ นอกกว่านี้มิได้เสียค่าโคเกวียน ให้เฉลี่ยเอาค่าโคเกวียนให้ทั่วจงทุกหัวเมือง คงราษฎรได้เสียค่าโคเกวียน (ครัว) ฉกรรจ์เรือนละสลึง ๑ หม้ายเรือนละเฟื้อง ๑ ได้เงินมากน่อยเท่าใดส่งไว้พระคลัง ต่อเสด็จ ฯ จึงเอาเงินนั้นมาจ่าย ถ้าเหลือส่งเข้าพระคลังหลวง



(ล้อมวงที่พระพุทธบาท)
ครั้นเสด็จฯ ถึงพระพุทธบาท ล้อมวังตั้งตาริ้ววางขวากกระจับเหล็กรอบพระตำหนัก ๕ ศอก (ตั้งเปน) ๑๐ กอง กอง ๑ ปืนตาตะคร่ำเงินกระบอก ๑ ปืนหามแล่นกระบอก ๑ ปืนคาบชุด ๑๐ กระบอก ปืนทองกระสุนปราย ๑๐ กระบอก รวมปืน ๒๒ กระบอก ธนู ๕ คัน น่าไม้ ๕ คัน โล่ห์ ๕ ขวากกระจับ ๕๐ หลุม คนกองละ ๖๐ คน (ฤๅ) ๗๐ คน

ทหารในอาสาวิเศษอยู่นอกล้อมวัง ทหารใน ๒ กอง ๑๖ คน อาสาวิเศษ ๑๖ คน

แลประตูล้อมวังนั้นชาววังได้กำกับรักษาด้วย

แลสัสดี พันเทพราช ยกเลขเรือพระที่นั่ง เรือดั้ง เรือกัน เรือศรีผ้าแดง เรือคฤห์ มานอนซุ่มน่าฉาน แลท้ายสนม

แลกรมช้างกรมม้าเกณฑ์ช้างเกณฑ์ม้าตระเวน ๔ ยามตามซ้ายแลขวา เหมือนอย่างเมื่อเสด็จประทับแรมอยู่ณะพระตำหนักท่าเจ้าสนุก.

อนึ่ง หมื่นนรินทรเสนี พันเทพราช ฝ่ายทหารเกณฑ์ขุนหมื่นไพร่ ถือปืนนกโพรง แลฝ่ายพลเรือน หมื่นศรีสหเทพ พันพุฒเกณฑ์ ขุนหมื่น สัสดีเกณฑ์ไพร่ถือหอก ตั้งกองร้อยคอยเหตุ ตระเวนพิทักษ์รักษาชั้นนอก ห่างพระตำหนักออกไปทาง ๑๕๐ เส้น ๑๐๐ เส้น ๕๐ เส้น ๓๐ เส้น ตระเวนบรรจบถึงกัน เปนคนกองร้อย ๕ กอง ตั้งอยู่ ธารทองแดงกอง ๑ ห้วยวังวากอง ๑ ศิลาดาดกอง ๑ ท้ายเขาตกกอง ๑ พุหลวงกอง ๑ กองตระเวน (อิก) ๕ กอง ตั้งอยู่หนองบัวกอง ๑ หนองสามสิบกอง ๑ ป่าไม้แดงกอง ๑ เขาดินกอง ๑ ทุ่งคีลาดกอง ๑ กองคอยเหตุ ๒ กอง ตั้งอยู่พุนกยุงกอง ๑ หนองคณฑีกอง ๑ กองตั้งเชิงเขา ๒ กอง เสมอกอง ๑ ทหารนาย ๑ ไพร่ถือปืน ๑๐ พลเรือนนาย ๑ ไพร่ถือหอก ถือหลาว ๑๐ รวมเปนกองละ ๒๒ คน เลขกองคอยเหตุกองตั้งทั้งนี้ตระเวนบรรจบถึงกัน พนักงานตำรวจในซ้ายขวา ผู้อยู่เวรได้ตรวจตราเอากราบทูลพระกรุณา ฯ

อนึ่ง ถ้าทรงพระกรุณามิให้เอาช้างบรรทุก ๒ เที่ยว กรมช้างเกณฑ์ขุนหมื่นคุมไพร่ถือหอกถือหลาว พันภาณแต่งนายรองมาตั้งด่าน ห้ามมิให้ช้างกลับ อยู่ที่หนองคณฑีกอง ๑ พุหลวงกอง ๑ พุนกยุงกอง ๑ รวม ๓ กอง กอง ๑ (มี) นาย ๑ นายรอง ๑ ไพร่ ๒๐ รวม ๒๒ คน

อนึ่งดอกไม้เพลิง เครื่องเล่นทั้งปวง สำหรับสมโภชพระพุทธบาท (นั้น) พนักงานพันจันท์ได้กะเกณฑ์ตรวจตราว่ากล่าว



(การรักษาพระนครเวลาเสด็จไม่อยู่)
อนึ่งถ้ามีที่เสด็จไปพระพุทธบาท (ฤๅ) เมืองลพบุริ (ฤๅ) เมืองเพชรบุรี๑๑ นครบาลเกณฑ์รักษากรุง ฯ

กรมล้อมพระราชวัง พระเพชรพิไชยตั้งกองซุ่มอยู่จวนท้องสนามกลาง ขุนหมื่นคุมไพร่ขึ้นรักษาป้อมเชิงเทินรอบพระราชวังกรม ๑

กรมวังนอกอยู่ทิมดาบชาววัง หลวงราชฤทธานนท์ หลวงนนทเสน ขุนหมื่นชาววังนอก เหล่า ๑

กรมวังเกณฑ์ ขุนอินอาญา ๑ ขุนเทพสุภา ๑ ขุนพรหมสุภา ๑ (ตุลาการศาลกรมวัง) ๓ คน อยู่จำหล่อประตูท่าสิบเบี้ย (เหล่า ๑) แล (พนักงาน) อยู่รักษากรุง ตระเวนนอกที่ห้าม ตั้งกองซุ่ม ๓ กอง ตั้งกองรักษาจำหล่อแลตระเวนในกรุงตามอำเภอ ๘ กอง ตระเวนนอกกรุงตามอำเภอ ๘ กอง รวม ๑๙ กอง เปน (คือ)

ขุนสัสดี ๑ ขุนสารวัด ๑ นายตำรวจซ้าย ๑ นายพธำมรง ๔ นายบาญชีกลาง ๑ รวม ๘ นาย ไพร่สม ๘๐ รักษาผู้ร้าย ๘ คุก รวม ๘๘ คน

พระยายมราช ๑ หลวงขุนหมื่น ๑๐ เสมียนทนาย ๒๐ ไพร่สมกำลัง ๒๐๐ รวม ๒๓๑ คน ตั้งกองขัดตาทัพอยู่ท้องสนามน่าพระสพ๑๒ เพลากลางคืนไปตระเวนตรวจตราทั่วกรุง

หลวงรองเมือง ๑ เสมียนทนาย ๑๐ ไพร่สม ๕๐ รวม ๖๑ คน ทั้งอยู่ป้อมเพชรบางกะจะ แลไปตระเวนตรวจตราอำเภอหหาร

ขุนเทพผลู ๑ เสมียนทนาย ๗ ไพร่สม ๓๒ รวม ๔๐ คน ตั้งอยู่ณะจำหล่อตะพานลำเหย ตระเวนอำเภอพลเรือน

(กองตระเวนกรมเมือง) ตั้งกองรักษาจำหล่อ แลตระเวนในกรุง ๔ อำเภอ ขุนญี่สารบุรี ๑ หมื่นญี่สารบุรี ๑ ขุนวิจารณ์ภูธร ๑ ขุนตระเวนรักษา ๑ หมื่นจิตรบริบาล ๑ ขุนภักดีภูวดล ๑ หมื่นภักดีภูวดล ๑ ไพร่สมนายละ ๑๐ คน รวมนายไพร่ ๘๘ คน

(กองตระเวนกรมเมือง) ตระเวนนอกกรุง ตามพนักงาน ๔ อำเภอ ขุนนครภักดี ๑ หมื่นนครภักดี ๑ ขุนจำนงบุรี ๑ หมื่นจำนงบุรี ๑ ขุนแผ้วภูวดล ๑ หมื่นแผ้วภูวดล ๑ ขุนไชยบุรีบาล ๑ หมื่นไชยบุรีบาล ๑ ไพร่สมนายละ ๑๐ รวมนายไพร่ ๘๘ คน

รวม (พนักงานในกรุงเกณฑ์รักษาพระนคร) นาย ๖๑ ไพร่ ๕๒๒ คน เปน ๕๘๓ คน

อนึ่งมีตรารับสั่งให้หาผู้ครอง (แล) ผู้รั้งเมือง (คือ) เมืองวิเศษไชยชาญ ๑ เมืองอินทบุรี ๑ เมืองพรหมบุรี (เมืองสิงห์บุรี) เมืองสรรค์๑๓ ๑ เมืองนครไชยศรี ๑ เมืองสุพรรณบุรี ๑ เมืองราชบุรี ๑ รวม ๘ เมือง เข้า (มา) บรรจบอยู่รักษากรุง ฯ ได้ตระเวนทางเรือรอบกรุง ๘ ลำ เปน (จำนวน) นาย ๘ ไพร่เมืองละ ๕๐ คน รวมเปน ๔๐๘ คน

กรมท่าซ้ายขวาเกณฑ์แบ่งอยู่รักษากรุง ฯ รักษาจำหล่อตระเวนบรรจบถึงกันตามอำเภอ เปน (คือ)

ขุนท่องสื่อ ขุนท่องสมุท อำเภอจีน (รักษา) แต่วัดจีนถึงประตูจีน

ขุนโกชาอิศหาก ขุนราชเศรษฐี อำเภอแขก (รักษา) แต่ตะพานประตูจีนถึงวัดนางมุก เลี้ยวลงไปถึงประตูใต้กาญี

สอรรประรำ๑๔ วิประวาชี อำเภอพราหมณ์เทศ (รักษา) แต่น่าวัดนางมุกมาวัดอำแม ทั้งฉะกุญไปถึงเสาชิงช้า กองตระเวนกรมท่ากอง ๑ นาย ๑ ไพร่ ๑๐ คน ๖ กองรวมเปน ๖๖ คน

ขุนโรงขุนศาลอยู่รักษาช่องจำหล่อตามน่าที่ทุกกรม แลเจ้ากรมปลัดกรมนอกกว่านี้ แบ่งไว้ประจำการรักษาที่เสด็จออก รักษาทิมดาบ รักษาโรงแสง รักษาคลัง รักษาฉาง รักษาศาลาลูกขุน ตามพนักงานทุกกรม

ข้าราชการผู้อยู่ทั้งนี้ พนักงานเสมียนตรากรมพระนครบาลได้เรียกบาญชี เข้างบส่งให้พณหัวเจ้าท่านสมุหนายก แลผู้อยู่ประจำการกรุงฝ่ายทหาร (นั้น) พันเทพราชเรียกบาญชีส่งให้พณหัวเจ้าท่านสมุหพระกลาโหม (แต่ก่อนเสด็จ) ครั้นเสด็จไปแล้ว ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้อยู่รักษากรุง ฯ บอกเข้าไปยังทัพหลวง

แลการทหารซึ่งหมื่นนรินทรเสนี พันเทพราช พันทิพราช พันอินทราช พันพรหมราช กะเกณฑ์ทั้งนี้ เอาว่าแก่สมุหพระกลาโหม พระสุรเสนา หลวงธรรมไตรโลก หลวงเทพอรชุน ฝ่ายพลเรือน ซึ่งหมื่นศรีสหเทพ พันพุฒ พันภาณ พันเภา พันจันท์ กะเกณฑ์ทั้งนี้ เอาว่าแก่สมุหนายก หลวงอำมาตย์ หลวงราชนิกูล (ต่าง) บังคับบัญชาตามข้อราชการ ขอเดชะ ๚ะ



(จบตำรากระบวรเสด็จเท่านี้)


-----------------------------------

ที่ว่ามหาดเล็กวังน่าตรงนี้ คอยดูอธิบายข้างน่าต่อไป 

ทำเนียบเดี๋ยวนี้เปนหลวงพิไชยพาชี จะแก้ใหม่ฤๅหนังสือนี้จะเขียนสร้อยชื่อผิดก็เปนได้

ความที่เกี่ยวถึงกรมพระราชวังบวร ฯ ตรงนี้ บางทีจะเปนแบบแผนมีขึ้นใหม่ ครั้งเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากุ้ง กรมขุนเสนาพิทักษ์เปนกรมพระราชวังบวรฯ โดยทำนองจะได้มีน่าที่เปนผู้ตรวจมาแต่ก่อนนั้นแล้ว.

ท้องที่ตอนนี้เปนยังอยู่ในอำเภอนคร แขวงจังหวัดกรุง ฯ ขุนนครเปนนายอำเภอ.

ว่าด้วยช้างพระประเทียบตรงนี้ เห็นจะหมายความว่ากระบวรพระมเหษี

ในต้นฉบับเขียน ลูกพลู อย่างนี้ จะถูกฤๅที่ถูกจะอย่างไรข้าพเจ้าไม่ทราบ.

้นฉบับเขียน ทิด อย่างนั้ จะผิดฤๅหมายความอย่างไรสงไสยอยู่

พระมเหษีของสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ์.

แขวงสี่ทิศอยู่ในจังหวัดกรุง ฯ คือแขวงรอบกรุง ๑ แขวงเสนา ๑ แขวงอุไทย ๑ แขวงนคร ๑ รวมเปน ๔ แขวง.

๑๐. ตรงนี้ต้นฉบับเห็นจะตกชื่อเจ้าพนักงาน

๑๑ ทั้ง ๓ แห่งนี้เปนที่เสด็จประพาศเนือง ๆ

๑๒ ที่ว่า น่าพระสพ ตรงนี้ จะเปนตรงไหนสงไสยอยู่

๑๓ ในต้นฉบับเขียน เมืองสรทบุรี สันนิษฐานว่าจะเปนสรรค์บุรี

๑๔ ต้นฉบับเขียนอย่างนี้ จะถูกฤๅที่ถูกจะเปนอย่างไร หาทราบไม่



ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2568 17:47:02 »



เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๐

เรื่องตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ

---------------------------

จดหมายอย่างธรรมเนียมการพระราชพิธีในรัชกาลที่ ๑

(๑ แห่พระทราย)

๏ วันอังคารเดือน ๕ แรม ๑๓ ค่ำ ปีขาลจัตวาศก (พ.ศ. ๒๓๒๕) มีหมายเวรนายควร (รู้อัศว์ มหาดไทย) มาว่า หลวงบำเรอภักดิ์รับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า พระทรายอย่างแต่ก่อนให้เอาไปท้องพระโรงแต่เพลาเย็นณวัน ๔ ๑๔ฯ ๕ ค่ำปีขาล ให้มหาดไทยกลาโหมเกณฑ์คู่แห่พระทรายตามแต่ก่อน (แล) พันพุฒ พันเทพราชบอกเข้าไปว่า ครั้งนี้ (ทรงพระกรุณาโปรด) ให้ทำราชการตามอย่าง (เมื่อแผ่นดินสมเด็จ) พระบรมโกษฐ์ อย่าให้เอาอย่างพระยาตากสิน แลอย่างธรรมเนียมครั้งพระบรมโกษฐ์นั้น ถ้าจะเกณฑ์พระหลวงขุนหมื่นเปนคู่แห่เดินเท้า แห่น่าแห่หลังการสิ่งใด ๆ ถ้าแห่แต่นอกพระราชวังเข้ามา เปนพนักงานมหาดไทยกลาโหมได้เกณฑ์ (ถ้าแห่แต่) ในพระราชวังออกไปนอกพระราชวัง เปนพนักงานเสมียนตรากรมวังได้เกณฑ์ นายควรนายเวรมหาดไทยสั่งบอกเข้าไป ให้ชาววังว่าแก่หลวงรักษมณเฑียร หลวงบำเรอภักดิ์ หลวงรักษมณเฑียร หลวงบำเรอภักดิ์สั่งให้ชาววังอยู่เวรเกณฑ์พระหลวงขุนหมื่นคู่แห่เดินเท้าแห่พระเจดีย์ทราย สั่งเวรนายควร


(๒ สิ่งของเครื่องราชูประโภคจะสร้างใหม่)
๏ เครื่องจะได้ทำขึ้นใหม่ พระไชยใหญ่ ๑ เล็ก ๑ แผ่นทองพระสุพรรณบัตร ๑ พระมหาสังวาล ๑ พระมหาสังข์ทอง ๑ พระมหาสังข์เงิน ๑ พระมหามงกุฎ ๑ ฉลองพระบาท ๑ พัชนีฝักมขาม ๑ ธารพระกรง่าม ๑ ธารพระกรยอดทอง ๑ ดอกจำปาทอง (อย่าง) ๑ ดอก พิกุลทอง (อย่าง) ๑ ดอกพิกุลเงิน ๑ แผ่นทองรองเขียนรูปราชสีห์ ๑ พระกลด (ด้าม) เงิน ๑ พระเต้าทอง ๑ พระเต้าเงิน ๑ ตั่งไม้มะเดื่อ ๘ ท่อน้ำ (สหัสธารา) ดีบุก ๑ พระแสงตรีศูล ๑ พระแสงจักร ๑ พระเสมาธิปัต ๑ พระฉัตรไชย ๑ พระเกาวพ่าย ๑ พระมหาธงไชย (ครุธพ่าห์) ๑ ธงไชยกระบี่ธุช ๑ พระเต้าเบญจครรภ ๑ พระที่นั่งสุวรรณปฤษฎางค์ทอง ๑ กลองอินทเภรี ๑ มโหรทึก ๑ พระมณฑปที่สรง ๑ (สี่สิ่งข้างหลังนี้) จะเตือนเขา พระนามลงแผ่นทอง ๑ รวม ๕๑ (นับได้แต่ ๔๐) สิ่ง


อธิบาย
เครื่องราชูประโภคที่กล่าวมานี้ สังเกตได้โดยสิ่งของ คือ พระมณฑปที่สรงพระกระยาสนานเปนต้น เห็นว่าสร้างสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเศก แลบาญชีนี้เขียนไว้ในหว่างจดหมายเหตุปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ กับปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖ จึงเข้าใจว่าสร้างเมื่อจะทำพระราชพิธีปราบดาภิเศก เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕


(๓ ถือน้ำสารท)
๏ วันจันทร์เดือน ๑๐ แรม ๑๓ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๓๒๖) เพลาเช้าข้าทูลลออง (ธุลีพระบาท) ผู้ใหญ่ผู้น้อยข้างน่าข้างในฝ่ายทหารฝ่ายพลเรือนถือน้ำพร้อมกันณวัดโพธิ์

อธิบายว่า เวลานั้นวัดพระศรีรัตนศาสดารามยังสร้างไม่แล้ว จึงถือน้ำที่วัดพระเชตุพน



(๔ ลอยพระประทีปเดือน ๑๑)
๏ อนึ่งเดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรมค่ำ ๑ เปนวันออกพระวษา เสด็จลงลอยกระทงน่าขนานประจำท่าคำรบ ๓ วัน เรือพระที่นั่งบัลลังก์รัตนาศน์ เปนพนักงานนายไกรลาศตำรวจในขวา เรือพระที่นั่งบัลลังก์ราชสมเสพเปนพนักงาน (นายแก้วภักดี) ตำรวจในซ้ายได้นำออกทอดที่น่าขนานประจำท่า หลังคาเรือใส่สีผ้าแดงผูกม่านทั้ง ๒ ลำแล้วมีม่านรั้วด้วย

พระยาราชสงคราม แลเจ้ากรมปลัดกรมหัวหมื่นพันทนายทหารในซ้ายขวาได้ลงอยู่สำหรับเรือพระที่นั่งบัลลังก์รัตนาศน์ พระที่นั่งบัลลังก์ราชสมเสพคอยรับใช้

เรือทอดทุ่นเหนือน้ำท้ายน้ำน่าฉาน แลเรือทอดทุ่นนั้นลำละ ๓ คน มีโคมสานตามเพลิงใบ ๑ มีฆ้องใบ ๑ ห้ามเรือมิให้ล่วงเข้ามาขึ้นล่องได้ เรือตำรวจใหญ่ซ้ายอยู่เหนือน้ำลำ ๑ เรือตำรวจใหญ่ขวาอยู่ท้ายน้ำลำ ๑ เรือตำรวจในซ้าย เรือตำรวจในขวาอยู่น่าฉาน ๒ ลำ รวมเปน (เรือทอดทุ่น) ๔ ลำ

เรือรูปสัตว์สำหรับลอยพระประทีปนั้น เปนพนักงานนายนิต นายชิด หุ้มสีสักหลาดข้าหลวงเดิม เปนเรือพระที่นั่งสีสักหลาดลำ ๑ เรือพระที่นั่งกราบ (ลำทรง) ลำ ๑ เรือพระที่นั่งกราบ (ลำ) รองลำ ๑ เรือพระที่นั่งกิ่งลำ ๑ เรือพระที่นั่งหงส์ลำ ๑ เรือพระที่นั่งครุธลำ ๑ เรือเอกไชย ๒ ลำ รวมเปน ๘ ลำ

นายไกรลาศตำรวจในขวาได้เอาเรือลอยพระประทีป เรือนาค เรือคชสีห์ เรือกิเลนรวม ๓ ลำไปส่ง นายแก้วราชตำรวจในซ้ายได้เอาเรือนาค เรือราชสีห เรือกิเลน รวม ๓ ลำไปส่ง แลเรือลอยพระประทีปทั้งนี้เจ้าพนักงานได้เอาไปส่งทหารในณเรือพระที่นั่งบัลลังก์ทั้ง ๓ วัน

แลเรือพระที่นั่งบัลลังก์ เรือทอดทุ่น เรือรูปสัตว์ ลอยพระประทีปทั้งปวงนี้ พันพรหมราช (กลาโหม) ได้ตรวจตราว่ากล่าว

ทหารในซ้ายขวาได้ส่งเรือหยวกลอยพระประทีป แต่ล้วนทหารในซ้าย ๑๕๐ (ลำ) ขวา ๑๕๐ (ลำ) ๓ วัน เปนเรือหยวก (๓๐๐ ลำ)

หมื่นทิพมาลา หมื่นเทพมาลา ขึ้นแก่ (หลวง) พรหมวิจิตร (หลวง) เพ็ชวกรรม (ช่างเขียน) ได้ส่งกระทงกระดาษดอกบัววันละ ๑๐๐ กระทง ทั้ง ๓ วัน เปนกระทง (ดอกบัว) ๓๐๐ ดอก

เรือใช้ไปคอยรับใช้อยู่ณท้ายพระตำหนักแพ เปนเรือทหารในซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ เรือทนายเลือกหอกซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ เรือทนายเลือกปืนซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ รวม ๖ ลำ

(เชือก) พรวนล่ามกันหญ้า ผูกลอยไว้น่าพระตำหนักแพสำหรับกันสายน้ำ มิให้เรือกระทงลอยปะแพเข้าไปชิดเรือพระที่นั่งบัลลังก์นั้น พนักงานนครบาลได้ทำแลเอาไปผูก

ดอกไม้เพลิงระทาแลพลุจีนนั้น เปนพนักงานขุนแก้ว ขุนทอง ขี้นแก่พันจันท์มหาดไทย



(๕ เสด็จพระราชทานพระกฐินทางชลมารค)
๏ วันพุฒเดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๓๒๖) เพลาเช้า เสด็จไปพระราชทานพระกฐินทางชลมารค วัดบางว้าใหญ่ต้นมือ ๑ วัดหงส์ ที่ ๒ เรือทรงพระกฐินนั้นเอาเรือพระที่นั่งใหญ่แคร่จัตุรมุข มหาดเล็กห่มชมพูลงพายทอดน่า ฝีพายตำรวจใหญ่ลงพายทอดหลัง พายนั้นใบปิดทองด้ามทาชาด มีหัวหมื่นตำรวจใหญ่ถือธงสามชายน่าเรือคน ๑ นายเรือตำรวจใหญ่ลงไปสำหรับเรือ ๓ คน ขุนหมื่นศุภรัตไปสำหรับผ้าพระกฐินคน ๑ แตรสังข์ลงเรือ (พระกฐิน) แตรงอนคู่ ๑ แตร (ฝรั่ง) วิลันดาคู่ ๑ สังข์คน ๑ แลเรือพระกฐินนั้นพนักงานตำรวจใหญ่

(เรือพระกฐินนั้น๑๐) เดิมนายนิต นายชิด แลหลวงอินทรเทพ หลวงพิเรนทรเทพ หมื่นไชยาภรณ์ หมื่นไชยภูษา ได้ตบแต่ง พันพรหมราชกลาโหมเวรเรือได้ตรวจตราว่ากล่าว

พันจันท์ได้เกณฑ์เรือดั้งอาสาวิเศษซ้ายขวา ชักเรือพระกฐินคู่ ๑ ใส่ปี่พาทย์รามัญลำ ๑ ใส่ลครรำลำ ๑ นอกกว่านี้เปนเรือแห่ ๒ คู่ ๔ ลำ

ล้นเกล้าล้นกระหม่อมเสด็จไปพระราชทานพระกฐินณวัดบางว้าใหญ่ วัดหงส์ เสด็จทรงเรือพระที่นั่งศรีสักหลาดพื้นแดงเขียนลายรดน้ำ เรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้า บ้านใหม่ (ลำ ๑) โพธิ์เรียง ลำ ๑ ชักเรือพระที่นั่ง

เรือดั้งทหารใน ซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ (ในต้นฉบับขาดชื่อกรมไป ๒ คู่) เปนเรือดั้ง ๔ คู่นำเสด็จ แลเรือตำรวจใน เรือชาววัง เรือข้าทูลลอองธุลีพระบาทนำตามเสด็จเปนอันมาก

ครั้นแสด็จถึงวัดแล้ว ฝ่ายทหารเกณฑ์ให้หมู่พนักงานล้อมวง เปนคนด้านซ้าย ตำรวจใหญ่ซ้าย ๓๐ ทหารในซ้าย ๓๐ ตำรวจในซ้าย ๓๐ ตำรวจนอกซ้าย ๒๕ สนมทหารซ้าย ๑๕ ทนายเลือกหอกซ้าย ๒๐ รวม ๑๔๐ ด้านขวา (กรมนั้น ๆ ฝ่ายขวา๑๑) ๑๔๐ คน รวมเปน ๒๘๐ คน ล้อมวงทั้งนี้เปนพนักงานพันเทพราช (กลาโหมตรวจตรา)

ปืนท้ายบอง ปืนหามแล่น ไปตามเสด็จแล้วเอาปืนไปตั้งจุกช่องอยู่ตามซ้ายตามขวา เปนปืนตำรวจในซ้าย ๒ กระบอก ปืนตำรวจในขวา ๒ กระบอก ปืนตำรวจใหญ่ซ้าย ๒ กระบอก ปืนตำรวจใหญ่ขวา ๒ กระบอก ปืนอาสาเดโชกระบอก ๑ ปืนอาสาท้ายน้ำกระบอก ๑ ปืนอาสาซ้ายกระบอก ๑ ขวากระบอก ๑ รวมปืน ๑๒ กระบอก คน ๓๒ คน ล้อมวงทั้งนี้เปนพนักงานพันอินทราชเวรปืน (กลาโหมตรวจตรา)



(๖ เสด็จพระราชทานพระกฐิน ทางสถลมารค)
๏ ฝ่ายทหารพลเรือนเกณฑ์แห่พระกฐินไปพระราชทานวัดโพธิ์ที่ ๑ วัดสระเกษ๑๒ที่ ๒ (เมื่อ) ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๓๒๖)

(กระบวนแห่ผ้าไตรพระกฐิน๑๓) เปนคน (ฝ่าย) ทหาร ปี่กลองชนะ ๑๕ คู่ รวม ๓๐ คน แตรงอน ๓ คู่ แตรวิลันดา ๓ คู่ สังข์งอน ๑ รวม ๑๓ คน ปืนคาบชุด ตำรวจในซ้าย ๒๕ ตำรวจในขวา ๒๕ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๒๕ ตำรวจใหญ่ขวา ๒๕ รวม (ตำรวจ) ๑๐๐ คน ถือแหลนอาสาซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ เขนทองซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ (อาสา) เดโช ๒๐ (อาสา) ท้ายน้ำ ๒๐ รวมคนกรมอาสา ๑๒๐ คน (ถือ) ธงสามชาย หมู่สี่ตำรวจอาสาหกเหล่า ทหารใน รวม ๘๐ คน พลเรือนคนเดินเท้า ๑๐๐ คน รวม (กระบวรแห่ผ้าไตรพระกฐิน) ๔๙๓ คน

(กระบวรแห่เสด็จ) ทหารเกณฑ์เจ้ากรมปลัดกรมหัวหมื่นตัวสี๑๔ พันทนายตำรวจเลว แห่เสด็จ ฯ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมไปพระราชทานพระกฐิน วัดโพธิ์ที่ ๑ วัดสระเกษที่ ๒ ทางสถลมารค ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก เพลาเช้า เปนการปรกติ๑๕ เกณฑ์คนแห่ (คือ) กระบวรน่า พระยาเทพวรชุณ ๑ พระยาราชนิกูล ๑ นำริ้ว ๒ ตำรวจในซ้าย ๓๐ ตำรวจในขวา ๓๐ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๓๐ ตำรวจใหญ่ขวา ๓๐ ตำรวจนอกซ้าย ๓๐ ตำรวจนอกขวา ๓๐ สนมทหารซ้าย ๒๐ สนมทหารขวา ๒๐ รวมกระบวรน่า ๒๒๒ คน

กระบวรหลัง (ทหาร หลวงนรินทรเสนี๑๖) ๑ ทหารในซ้าย ๓๐ ทหารในขวา ๓๐ (เข้ากรม) ทหารบ้านใหม่ ๑ (เจ้ากรมทหาร) โพธิ์เรียง ๑ พลพันซ้าย ๕ พลพันขวา ๕ ทนายเลือกซ้าย ๒๐ ทนายเลือกขวา ๒๐ ปืนท้ายที่นั่ง ๓๖ หลวงวาสุเทพ ๑ หลวงพิศณุเทพ ๑ พลเรือน หลวงศรีสหเทพ ๑ ทนายเลือกแสงปืน ๑๐ รวมกระบวนหลัง ๒๕๐ คน

ถือหอกจุกช่องตามตรอกถนน ตำรวจในซ้ายในขวา (จุกช่องละ) ๒ คน ชาย ๑๔ ช่อง รวม ๒๘ คน ขวา ๑๖ ช่อง รวม ๓๒ คน รวมเปน ๓๐ ช่อง ๖๐ คน

(เสด็จ) ขึ้นวัดแล้วคอยกราบทูลพระกรุณา ฯ พระยาสีหราชเดโช ๑ หลวงไกรเทพ ๑ ขุนจง (พยุห) ๑ ฯ



(๗ ลอยพระประทีปเดือน ๑๒)
๏ ถึงเดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรมค่ำ ๑ เปนวันเพ็ญเดือน ๑๒ เสด็จลงลอยเรือพระประทีป

แลเรือพระประทีปนั้นพนักงานตำรวจในซ้ายในขวา เอาเรือพระที่นั่งบัลลังก์รัตนาศน์ บัลลังก์ราชสมเสพมาทอดที่น่าพระตำหนักแพ เปนพนักงานตำรวจในซ้ายขวา ตำรวจใหญ่ซ้ายขวา ทหารในซ้ายขวา แลหมื่นทิพมาลา หมื่นเทพมาลา (ซึ่ง) ขึ้นแก่ (หลวง) พรหมวิจิตร (หลวง) เพ็ชวกรรมช่างเขียนซ้ายขวา เอาเรือรูปสัตว์ เรือหยวก กระทงดอกบัว ไปส่งณเรือพระที่นั่งทั้ง ๓ วัน เทียนซึ่งจุดเพลิงลอยพระประทีปนั้นเจ้าพนักงานไปเบิกต่อกรมวัง กรมวังเบิกต่อข้างใน เรือไชย ๖ ลำ แลเรือห้ามเหนือน้ำ เรือห้ามท้ายน้ำ น่าฉาน เจ้าพนักงานทั้งนี้ทำตามอย่าง (ลอยพระประทีปคราวเดือน ๑๑) ออกพรรษา ฯ



(๘ พิธีจองเปรียง)
๏ อนึ่งเดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑ เจ้าพนักงานตำรวจใหญ่ซ้ายขวาเอาเสาโคมไชย โคมพระประเทียบ ขึ้นน่าพระที่นั่งที่เสด็จออกในพระราชฐาน ตำรวจในซ้ายขวาผลัดกันทำโคมไชยคนละปี โคมพระประเทียบคนละปี เพลาค่ำอยู่ตามโคมทุกวันกว่าจะครบกำหนด โคม (บริวาร) รายในวังริมโคมพระประเทียบนั้น เปนพนักงานตำรวจนอกซ้าย ๑๐ ตำรวจนอกขวา ๑๐ รวม (โคมตำรวจนอก) ๒๐ สนมทหารซ้าย ๑๐ สนมทหารขวา ๑๐ รวม (โคมสนมทหาร) ๒๐ ได้เอาโคมไปขึ้นพร้อมกันกับโคมไชยโคมพระประเทียบ แลโคมตามฉนวนประจำท่าพนักงาน ตำรวจในซ้าย ๕ ขวา ๕ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๕ ขวา ๕ รวม (เปนโคม) ๒๐ ดวงได้ตาม

แล (โคมบันดาศักดิ์) ต่างรูปตราจำนำ แขวนณศาลลูกขุน๑๗ เปนพนักงานพันเภา หัวพันมหาดไทยได้กะเกณฑ์หมายบอกเจ้าพนักงานตรวจตราว่ากล่าว

โคมตามกำแพงรอบพระนครนั้น เปนพนักงานนครบาลนายอำเภอได้ป่าวร้องราษฎรชาวบ้าน น่าบ้านผู้ใดผู้ใกล้เคียงได้เอาเสาโคมขึ้น

แลตามโคมไชย โคมประเทียบ โคมบริวาร (โคม) บันดาศักดิ์ตามศาลาลูกขุน โคมราษฎรชาวบ้าน (ทั้งนี้) เอาขึ้นเดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑ พร้อมกัน ต่อถึงเดือนอ้ายขึ้นค่ำ ๑ จึงลดโคมพร้อมกันทั้งสิ้น ฯ



(๙ กระบวรเสด็จงานพระเมรุพระเจ้ากรุงธนบุรี)
๏ (ฝ่าย) ทหารเกณฑ์เรือพระที่นั่ง เรือดั้งเรือกัน แลจุกช่องคลองน้ำซ้ายขวาตามทางเสด็จ แต่ฉนวนน้ำประจำท่าถึงวัดบางยี่เรือ

ครั้นถึงวัดบางยี่เรือแล้วเกณฑ์ทนายคบหอกอยู่ล้อมวงตามพนักงาน แล้วอยู่ตั้งกองคอยเหตุท้ายน้ำกอง ๑ สำหรับเสด็จพระราชทาน (เพลิง) ศพเจ้าที่ล่วงณวัดบางยี่เรือ๑๘

(กระบวร) ทางชลมารค เรือพระที่นั่งศรีสักหลาดลำ ๒ (ฝีพาย) ๔๘ คน เรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้า บ้านใหม่ลำ ๑ (พลพาย) ๕๗ คน โพธิ์เรียงลำ ๑ (พลพาย) ๕๗ คน

เรือดั้ง ทหารในซ้าย ลำ ๑ (พลพาย) ๖๕ คน ขวา ลำ ๑ (พลพาย) ๖๐ คน เกณฑ์หัดอย่างฝรั่ง ซ้าย ลำ ๑ (พลพาย) ๕๒ คน อาสาวิเศษซ้าย ลำ ๑ (พลพาย) ๖๗ คน ขวา ลำ ๑ (พลพาย) ๖๗ คน รวมเรือดั้ง ๓ คู่ พลพาย ๓๖๓ คน

เรือจุกช่อง (ฝ่ายซ้าย) ตำรวจใหญ่ซ้าย (จุกช่อง) ที่แม่น้ำใหญ่น่ากฎีจีน๑๙ ๒ คน คลองริมบ้านพระอภัยวานิช ๒ คน คลองเข้าไปวัดบางสะไก่๒๐ ๒ คน คลองวัดบางยี่เรือ ๒ คน (ฝ่ายขวา) ตำรวจใหญ่ขวา (จุกช่อง) ที่คลองขุดใหม่๒๑ ๒ คน คลองวัดสังข์กระจาย ๒ คน คลองบางลำเจียก ๒ คน รวม (จุกช่อง ๗ แห่งเปนคน) ๑๔ คน

ล้อมวงซ้าย ตำรวจใหญ่ซ้าย ๓๐ คน ทหารในซ้าย ๒๐ คน ตำรวจนอกซ้าย ๓๐ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๒๐ คน สนมทหารซ้าย ๑๕ คน รวม (ล้อมวงฝ่ายซ้าย) ๑๔๐ คน ล้อมวงฝ่ายขวา (กรมฝ่ายขวา๒๒) ๑๔๐ คน รวมล้อมวงทั้งซ้ายขวาเปนคน ๒๘๐ คน

ปืนท้ายที่นั่ง ตำรวจในซ้ายปืน ๒ กระบอก คน ๖ คน ตำรวจในขวาปืน ๒ กระบอก คน ๖ คน ตำรวจใหญ่ซ้ายปืน ๒ กระบอก คน ๖ คน ตำรวจใหญ่ขวาปืน ๒ กระบอก คน ๖ คน อาสาเดโชปืนกระบอก ๑ คน ๓ คน อาสาท้ายน้ำปืนกระบอก ๑ คน ๓ คน อาสาซ้ายปืนกระบอก ๑ คน ๓ คน ขวาปืนกระบอก ๑ คน ๓ คน รวมเปนปืน ๑๒ กระบอก คน ๓๖ คน

กองคอยเหตุอยู่ท้ายน้ำที่ด่านบางหลวง หลวงสรเสนี ๑ ขุนราม ๑ ขุนชนะ ๑ ไพร่ถือหอก ๑๐ รวม ๑๓ คน ฯ



(๑๐ ยิงปืนอาฏานา)
๏ อนึ่งเดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ จะสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่นั้น พันอินทราช พันเทพราช ได้เกณฑ์ปืนใหญ่น้อยยิงอาฏานาการพระราชพิธีตรุษ ณวันเดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๓๒๖)

เปนปืนคาบชุดยิงพร้อมกัน ๓ นัด แล้วงดทีเดียว (ยิงที่) ประตูพระราชวังเสมอประตูละ ๕ กระบอก ๑๗ ประตู๒๓เปนปืน ๘๕ กระบอก

ปืนคาบศิลายิง (เปน) สัญญาที่โรงพระราชพิธี ๓๐ กระบอก

ปืนคาบชุดตั้งยิงที่น่าศาลาลูกขุน ๕๐๐ กระบอก เปนปืนคาบศิลา ๓๐ กระบอก ปืนคาบชุด ๕๘๕ กระบอก รวมปืนเล็ก ๖๑๕ กระบอก

ปืนใหญ่ยิงพร้อมกัน ๓ นัด แล้วผลัดกันยิงกว่าจะรุ่ง (คือ)

ปืน (ขนาด) กระสุน ๒ นิ้ว ดินดำ ๖ บาท (ตั้งยิงที่) ประตูเมืองรอบนอก (ทั้งประตูใหญ่แลประตูช่องกุฏิ์) เสมอประตูละ ๒ กระบอก ๓๘ ประตูเปนปืน ๗๖ กระบอก

ปืน (ขนาด) กระสุน ๓ นิ้ว ๔ นิ้ว ดินชั่ง ๑ (ตั้งยิงบน) ป้อมละ ๒ กระบอก ๑๓ ป้อมเปนปืน ๒๖ กระบอก (ตั้งยิงที่) ถนนหลังโรงช้าง ทางไปวัดสลัก ๒ กระบอก๒๔ ถนนน่าโรงช้าง ๒ กระบอก๒๕ ถนนน่าโรงเสื้อเมืองโรงทรงเมือง ๒ กระบอก๒๖ ถนนน่าบ้านเจ้าพระยารัตนาพิพิธ ๒ กระบอก๒๗ รวม ๔ ถนนเปนปืน ๘ กระบอก

ฝั่งตวันตก ปืนคาบชุดยิงที่น่าโรงพระแก้ว (พระราชวังเดิม) ๒๐๐ กระบอก

ปืนใหญ่กระสุน ๒ นิ้วยิงพร้อมกัน ๓ นัดกว่าจะรุ่ง (ตั้งยิง) ที่ตะแลงแกง ๒ กระบอก๒๘ ต้นสพานกฎีแขก ๒ กระบอก ฉางเกลือ ๒ กระบอก๒๙ วัดบางว้าน้อย ๒ กระบอก รวม (ปืนยิงทางฝั่งตวันตก) ปืนเล็ก ๒๐๐ กระบอก ปืนใหญ่ ๘ กระบอก

รวมปืนยิงอาฏานาเปนปืนใหญ่ ๑๑๘ กระบอก ปืนเล็ก ๘๑๕ กระบอกฯ



(๑๑ ก่อพระทราย)
๏ อนึ่งเมื่อครั้ง (แผ่นดิน) สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกษฐ์นั้น ครั้นวันขึ้นปีใหม่โหรถวายฤกษ์เปนวันมหาสงกรานต์ เจ้าพนักงานได้ก่อพระทรายน่าพระวิหารหลวงวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์

หมู่สี่ตำรวจรวมกันทำพระมหาธาตุองค์ ๑ สูง ๘ ศอก มียอดนพศูล

พระทรายสูง ๒ ศอก ๘๐ องค์ เกณฑ์ตำรวจใน ซ้าย ๘ องค์ ขวา ๘ องค์ ตำรวจใหญ่ ซ้าย ๘ องค์ ขวา ๘ องค์ ตำรวจนอก ซ้าย ๔ องค์ ขวา ๔ องค์ สนมทหาร ซ้าย ๔ องค์ ขวา ๔ องค์ สนมกลาง ซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ อาสา ซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ เขนทอง ซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ อาสาเดโช ๓ องค์ (อาสาท้ายน้ำ) ๓ องค์ ทำลุ ซ้าย ๒ องค์ ขวา ๒ องค์ รักษาองค์ ซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ ดั้งทอง (ซ้าย ๒ องค์) ขวา ๒ องค์๓๐

แลเครื่องราชวัตรฉัตรธงเครื่องประดับพระทรายนั้น เจ้าพนักงานได้เบิกสิ่งของให้แก่ช่างเขียนทำ แลพระทรายนั้นช่างเขียนได้ตัด๓๑

ครั้นรุ่งขึ้นเพลาเช้าวันมหาสงกรานต์ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมเสด็จไปณพระวิหารใหญ่ด้วย๓๒ นิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะอธิการวัดได้ฉันณพระวิหารใหญ่ฉลองพระทราย แลที่พระ (ทราย) มหาธาตุแลพระทรายบริวารนั้น วิเสศแต่งเทียนแลบายศรี (มี) เทียนทองคำขวัญบูชาพระทรายองค์ละสำรับ

ครั้นแสร็จ (งาน) พระทรายที่วัดพระศรีสรรเพ็ชญ์แล้ว รุ่งขึ้นเปนวันเนา เจ้าพนักงานจึงเอาทรายแลเตียงเข้าไปให้ล้นเกล้าล้นกระหม่อมทรงก่อพระทรายณพระที่นั่งทรงปืน เปนพระปรางค์ ๕ ยอด (พนักงาน) หมู่เรือพระที่นั่งศรีสักหลาดซ้ายองค์ ๑ หมู่เรือพระที่นั่งศรีสักหลาดขวาองค์ ๑ หมู่เรือพระที่นั่งกราบลำทรงซ้ายองค์ ๑ หมู่เรือพระกินรกราชลำทรงขวาองค์ ๑ เปนพระปรางค์ ๕ ยอด ๔ องค์ พระสถูป๓๓เจดีย์ (พนักงาน) หมู่เรือกราบพระที่นั่งรองซ้ายองค์ ๑ หมู่เรือกราบพระที่นั่งรองขวาองค์ ๑ หมู่เรือดั้งทหารในซ้าย นายจงใจสนิทองค์ ๑ หมู่เรือดั้งทหารในขวา นายจิตรรักษาองค์ ๑ หมู่ตำรวจในซ้าย นายไชยรักษาองค์ ๑ หมู่ตำรวจในขวา นายโชติอภัยองค์ ๑ เปนพระสถูปเจดีย์ ๖ องค์ ทรงก่อแล้วพนักงานยกพระทรายออกมาให้ช่างเขียนตัด แลเครื่องประดับพระทรายนั้น ให้เจ้าพนักงานเบิกทองอังกฤษประดับ แลช่าง๓๔เขียนทำประดับประดาพระทราย แล้วยกเข้าไปตั้งไว้ณพระที่นั่งทรงปืน ครั้นรุ่งขึ้นเพลาเช้าวันเถลิงศก เสด็จ ฯ ออกฉลองพระเจดีย์ทรายเตียงยกณพระที่นั่งทรงปืน พระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว เจ้าพนักงานยกพระทรายออกมาตั้งไว้ณศาลาลูกขุนท้ายสระ พันพุฒ พันเทพราช พันจันท์ เกณฑ์เครื่องเล่นแลคู่แห่เดินเท้าแลม้า ปี่กลองชนะ ธงสามชาย ปี่กลองมลายู ปี่กลองใน แห่พระทรายไปไว้ณวัดวรโพธิ์ วัดพระราม วัดมงคลบพิตร (เปน) อย่างธรรมเนียมสืบมาแต่ก่อน (ดังนี้)

แลทุกวันนี้เสด็จลงมาสร้างพระนครอยู่เมืองธนบุรี ครั้นถึงกำหนดสงกรานต์เมื่อใด ก็ให้หมายบอกแก่เจ้าพนักงานให้ก่อพระทรายน่าวิหารพระแก้วมรกฎ๓๕แลพระทรายเตียงยกตามอย่างในพระบรมโกษฐ์แต่ก่อน

อนึ่งถ้าเสด็จไปก่อพระทรายน้ำไหลนั้น พันทิพราช ได้คุมเจ้าพนักงานสี่ตำรวจ สนมทหาร ตำรวจนอก ไปทำพลับพลาของหลวงแลข้างใน แลฉนวนรับเสด็จ พันเทพราชได้เกณฑ์อาสาหกเหล่าไปปลูกทิมสงฆ์ แลได้หมายบอกเจ้าพนักงานให้ก่อพระทราย เปนตำรวจในซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ เปน ๖ องค์ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๓ องค์ขวา ๓ องค์เปน ๖ องค์ ตำรวจนอกซ้าย ๒ องค์ขวา ๒ องค์เปน ๔ องค์ สนมทหารซ้าย ๒ องค์ ขวา ๒ องค์เปน ๔ องค์ รักษาองค์ซ้าย ๒ องค์ขวา ๒ องค์เปน ๔ องค์ ดั้งทองซ้าย ๑ ขวา ๑ เปน ๒ องค์ ทำลุซ้าย ๑ ขวา ๑ เปน ๒ องค์ อาสาซ้าย ๒ ขวา ๒ เปน ๔ องค์ (อาสา) เดโช ๒ องค์ อาสาท้ายน้ำ ๒ องค์ เขนทองซ้าย ๒ ขวา ๒ เปน ๔ องค์ เข้ากันเปน (พระทราย) ๔๐ องค์

ทหารในซ้ายขวาได้ทำวังเวียนสำหรับเวียนพระทราย แลริ้วเฝือกวงรอยพลับพลานั้นเปนพนักงานแขวงนายอำเภอ แลปลาซึ่งมีในเฝือกนั้นเปนพนักงานอาสาซ้ายขวา ได้เอาแหทอดปลาในเฝือกเสียให้สิ้น อย่าให้มีปลาเงี่ยงปลางาอยู่ได้ ครั้นฉลองพระทรายแล้ว เสด็จสรงน้ำในเฝือกวงอยู่นั้น



(๑๒ แห่พระราชสาส์นไปเมืองจีน)
๏ ณวันพฤหัศบดี เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำปีมโรงฉศก (พ.ศ. ๒๓๒๗) มีหมายนายบริบาลบรรยงก์ (นายเวรกลาโหม) มาว่า พระยาพระคลังรับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า พระฤกษ์จะได้เชิญพระราชสาส์นแห่ไปลงสำเภาทรงพระราชสาส์น เพลาเช้าณวันเสาร์ เดือน ๗ แรม ๑๐ ค่ำ ปีมโรงฉศก จะได้แห่ไปแต่ถนนน่าหอพระเชษฐบิดร ออกประตูริมศาลาลูกขุนไปลงตะพานใหญ่เหนือฉนวน๓๖

แลมีกฎหมายแต่ก่อนว่า ถ้าจะแห่พระราชสาส์นไปลงสำเภานั้น ตำรวจได้มารับเอาพระมณฑปต่อหลวงรักษาสมบัติไปตั้ง (คานหาม) แลให้สี่ตำรวจเอาพระมณฑปไปตั้ง (ที่) ถนนประตูออกกำแพงแก้วน่าหอพระเชษฐบิดร แลให้มหาดไทย กลาโหม เกณฑ์หลวงขุนหมื่นนุ่งสมปักลายใส่เสื้อ (ครุย) หัวใส่พอกหัว เดินเท้าแห่น่า ๓๐ คู่ ไพร่ใส่เสื้อแดงถือปืน ๕๐ คน ถือธง ๕๐ คน ปี่กลองชนะ ๓ คู่ ปี่กลองมลายูสำรับ ๑ แตรงอนคู่ ๑ แตรลำโพง (ฝรั่ง) คู่ ๑ เครื่องสูงแห่น่า ๓ คู่ แห่หลัง ๒ คู่ รวม ๕ คู่ แลหลวงขุนหมื่นนุ่งลายใส่เสื้อครุยใส่พอกแห่หลัง ๕ คู่ เกณฑ์แห่พร้อมแล้ว อาลักษณ์จึงเชิญพระราชสาส์นลง (พานรอง) พระราชสาส์นวางในพระมณฑป แห่ลงไปลงเรือพระที่นั่งณประตูฉนวน ให้ราชทูต อุปทูต ตรีทูต บั้นสื่อเดินเคียงประคองห่างข้างละ ๒ คน แลตำรวจใหญ่ได้เอาเรือพระที่นั่งกิ่งบรรจุพลพายครบกระทงมารับพระราชสาส์น มหาดเล็กบำเรอถือเครื่องแห่ตามเหมือนอย่างเสด็จ ฯ หมื่นราชเสนหาถือธงน่าเรือ ทูตทั้ง ๓ บั้นสื่อนั่งรายตีนตองซ้ายขวา (ตั้ง) สัปทนแพรทั้ง ๔ มุมพระมณฑป เกณฑ์พระยา พระ หลวง ขุน หมื่น ขี่เรือกันยาแห่น่า ๕ คู่ แห่หลัง ๕ คู่ แห่ลงไปตามแม่น้ำถึงสำเภาทรงพระราชสาส์น แลให้คนงานกรมการซึ่งอยู่บนสำเภายิงปืน (รับพระราชสาส์น) ๕ นัด (ฤๅ) ๗ นัด แล้วเชิญพระราชสาส์นขึ้นไว้บนท้ายพรม๓๗ อาลักษณ์เอามารองรอบพระมณฑป ราชทูต ข้าหลวง บั้นสื่อ นายสำเภา ล้าต้า พร้อมกันกราบถวายบังคม ๓ ลาแล้วกลับมา (ดังนี้)

ให้มหาดไทย กลาโหม เกณฑ์คู่แห่เดินเท้าแลหมายบอกเจ้าพนักงานทั้งปวงให้ทั่วให้เตรียมกันให้พร้อมแต่เพลาเช้าณวันเสาร์ เดือน ๗ แรม ๑๐ ค่ำ ปีมโรงฉศก จงทุกพนักงานอย่าให้ขาดได้ตามรับสั่ง

ทหารพลเรือนเกณฑ์ขุนหมื่นนุ่งสมปักลายห่มเสื้อครุย หัวใส่พอก พันทนายแลไพร่ห่มเสื้อแดง ตาริ้ว (กระบวนแห่) ถือธงสามชาย ถือปืนคาบชุดแลกลองชนะแตร แลสี่ตำรวจหามพระมณฑปรับพระราชสาส์นณหอพระเชษฐบิดรไปออกประตูวิเศษไชยศรี แห่ตามถนนไปลงเรือพระที่นั่งกิ่งใหญ่ณฉนวนนั้น เกณฑ์

กระบวรน่า (ฝ่าย) ทหารตำรวจในซ้ายขวา ตำรวจใหญ่ซ้ายขวา ตำรวจนอกซ้ายขวา เกณฑ์ถือปืนคาบชุดกรมละ ๓ คู่ ถือธงสามชายกรมละคู่ ๒ เปนคนกรมละ ๘ คน รวม ๖ กรมเปนคน ๔๘ คน ปี่กลองชนะ ๓ คู่ แตรงอน ๒ แตรลำโพง ๒ สี่ตำรวจหามพระมณฑปทรงพระราชสาส์น ๑๖ รวม (คนฝ่ายทหารกระบวรน่า) ๗๔ คน (ฝ่าย) พลเรือน หลวง ขุน หมื่น (คู่แห่) เดินเท้า ๑๕ คู่ เครื่องสูง ๓ คู่ รวมคนฝ่ายพลเรือนกระบวรน่า ๓๖ คน รวมคนกระบวรน่า ๑๑๐ คน

กระบวรหลัง (ฝ่าย) ทหาร สนมตำรวจซ้ายขวาถือปืนคาบชุดกรมละ ๓ คู่ ถือธงสามชายกรมละคู่ ๑ รวม ๒ กรมเปนคน ๑๖ คน (ฝ่าย) พลเรือน ขุนหมื่น (คู่แห่) เดินเท้า ๕ คู่ เครื่องสูง ๒ คู่ รวมพลเรือน ๑๔ คน รวมกระบวรหลัง ๓๐ คน รวมคนกระบวรแห่ทั้งสิ้น ๑๔๐ คน

แลเรือพระที่นั่งกิ่งทรงพระราชสาส์นแลพลพายนั้น เปนพนักงานตำรวจใหญ่ซ้ายขวาได้แต่ง หัวหมื่นนุ่งสมปักลายใส่เสื้อครุยขาว ใส่พอกถือธงห้าชายน่าเรือ พลพายนั้นอย่างธรรมเนียมแต่ก่อนนุ่งสนับเพลาผ้าท่อน๓๘ พายนั้นด้ามทาชาดใบปิดทอง ครั้งนี้๓๙หามีสนับเพลาผ้าท่อนไม่ มีแต่พายด้ามทาชาดใบปิดทอง เรือพระที่นั่งกิ่งแลพลพายนั้น เปนพนักงานพันพรหมราชได้กะเกณฑ์ว่ากล่าว พันจันท์ได้เกณฑ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทขี่เรือพลายม้ายาว ๘ วา ๙ วา มีถาดหมากคนโทตามบันดาศักดิ์ บรรจุพลพายตามสมควร แห่พระราชสาส์น

เปนเรือทรงพระราชสาส์นลำ ๑ (ผู้ที่ลงในนั้น) ทหารปีกลองชนะแลแตรงอนแตรลำโพง รวม ๑๐ คน หัวหมื่นนายเรือ ๑ ถือธง ๑ รวม ๒ คน พลพาย ๗๐ พลเรือน ราชทูต ๑ อูปทูต ๑ ตรีทูต ๑ บั้นสื่อ ๑ รวม ๔ สนมถือเครื่องสูงสามชั้น ๒ สองชั้น ๒ รวม ๔ รวม (คนลงในเรือทรงพระราชสาส์น) ๙๐ คน

เรือคู่แห่น่า ๑๕ คู่ หลัง ๕ คู่ รวมเปนเรือ ๔๐ ลำ ฯ


-----------------------------------

คือท้องพระโรงพระราชวังเดิม เวลานั้นแรกเสวยราชย์ ยังไม่สร้างกรุงเทพ ฯ

ในทำเนียบว่านายไกรภักดี

คำว่าหุ้มสีสักหลาดนี้ เค้าหุ้มแพร ๆ เปนตำแหน่งในมหาดเล็ก หุ้มสีสักหลาด เห็นจะเปนตำแหน่งในฝีหาย ↩

ในทำเนียบว่านายแก้วภักดี

ในต้นฉบับว่า คชสีห์ ซ้ำกันไป เห็นว่าที่ถูกคงจะเปนราชสีห์

ในต้นฉบับเขียน กันอย่า อย่างไรจะถูกสงไสยอยู่

ขุนแก้ว ขุนทอง เปนเจ้ากรมช่างดอกไม้ซ้ายขวา

เวลานั้นสมเด็จพระสังฆราชอยู่วัดบางว้าใหญ่ คือวัดระฆังเดี๋ยวนี้ พระธรรมธิรราชมหามุนี ที่พระพนรัตน์อยู่วัดหงส์

ในต้นฉบับเขียนทอดห้น แปลไม่ออกจึงแก้ตามความ

๑๑ ตรงนี้ต้นฉบับลบ คาดว่าจะเปนเรือพระกฐิน

๑๑ ในต้นฉบับมีชื่อกรมเหมือนข้างน่าทุกกรม จำนวนคนก็เท่ากัน.

๑๒ เวลานั้นคลองคูพระนครเห็นจะยังขุดไม่แล้ว จึงเสด็จวัดสระเกษทางสถลมารค

๑๓ แห่พระกฐินแต่ก่อน กระบวรแห่ผ้าไตรไปน่า แล้วกระบวรแห่เสด็จตามไป พึ่งเลิกเมื่อรัชกาลที่ ๔

๑๔ ตัวสี เปนคนจำพวก ๑ ในตำรวจ แต่โบราณมีคนในฝีพายอิกจำพวก ๑ เรียกว่าแขนลาย

๑๕ ที่ว่าเปนการปรกติ เห็นจะหมายความว่ามิใช่กระบวนพยุหยาตราชึ่งมีแต่บางปี.

๑๖ ตรงนี้ต้นฉบับลบ คงเปนชื่อข้าราชการ เพราะมีเลข ๑ อยู่จึงคาดว่าจะเปนหลวงนรินทรเสนีฝ่ายทหาร ด้วยข้างหลังต่อไปเปนฝ่ายพลเรือน.

๑๗ ดูจะเปนทำนองโคมตราอย่างเช่นแขวนงานวิสาขะบูชา

๑๘ วันแลเดือนไม่ปรากฎในต้นฉบับ แต่เข้าใจว่าคงอยู่ในระหว่าง แต่เดือนอ้ายจนเดือน ๔ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖ เพราะวางตำรานี้ไว้ระหว่างนั้น

๑๙ ตรงที่สร้างวัดกัลยาณมิตร

๒๐ เดี๋ยวนี้เรียกว่าคลองบางไส้ไก่

๒๑ เรียกว่าคลองขุดใหม่นี้ เข้าใจว่าคลองคูกรุงธนบุรีที่ต่อคลองบางกอกใหญ่

๒๒ ในต้นฉบับมีรายชื่อกรมเหมือนฝ่ายซ้าย

๒๓ ว่า ๑๗ ประตู เห็นจะเปนทั้งประตูชั้นนอก ทั้งพระราชวังหลวงแลพระราชวังบวร ฯ

๒๔ คือถนนน่าพระธาตุ

๒๕ คือถนนน่าพระลาน

๒๖ คือถนนน่าพระลาน

๒๗ คือถนนท้ายวัง เข้าใจว่าเวลานั้นบ้านเจ้าพระยารัตนาพิพิธอยู่ตรงสวนกุหลาบ

๒๘ เห็นจะอยู่ตรงหลังวัดอรุณ

๒๙ อยู่ริมโรงพยาบาลศิริราช

๓๐ ยอดจำนวนเกินต้นฉบับ ๑๐ องค์

๓๑ จะหมายความว่า เขียนตัดเส้นระบายสี ฤๅตัดพระทรายให้เปนรูปทรงสงไสยอยู่

๓๒ พระวิหารหลวงพระศรีสรรเพ็ชญ์มี ๓ หลัง พระวิหารใหญ่ คือหลังกลาง

๓๓ ในต้นฉบับเขียน พระประถมเจดีย์ ที่ถูกคงเปน พระสถูปเจดีย์ คู่กับพระปรางค์

๓๔ ในต้นฉบับว่าเครื่องเขียน เห็นว่าคงจะเปนช่างเขียน จึงทำประดับประดา

 ๓๕เปนเวลาแรกสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จึงก่อพระทรายน่าวิหารพระแก้วมรกฏ คือน่าพระอุโบสถทุกวันนี้.

๓๖ หอพระเชษฐบิดรนั้น เล่ากันว่าอยู่ตรงหอพระนาคในวัดพระแก้ว แต่ที่กล่าวตรงนี้ ดูเปนเอาแบบอย่างครั้งกรุงเก่ามาว่า ดังจะเห็นต่อไปข้างหลัง ไปถึงข้างปลายจึงกล่าวว่าแห่ออกประตูวิเศษไชยศรี

๓๗ ในต้นฉบับเขียน “บนทายพงวำอาลักษณ์” ดังนี้ คิดไม่เห็นว่าจะเปนอะไรอื่น

๓๘ ในต้นฉบับเขียน ผ้าทอร

๓๙ ในต้นฉบับเขียน ครั้งนั้น เห็นว่าครั้งนี้จึงจะได้ความ.

  
ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 ตุลาคม 2568 17:50:03 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2568 17:52:06 »

.


(๑๓ รับแขกเมืองโปตุเกศ)
๏ วันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๒ ค่ำ ปีมเมียอัฐศก (พ.ศ. ๒๓๒๙) มีหมายนายฤทธิ (รงค์อาวุธนายเวรกลาโหม) ว่าด้วยเจ้าพระยาธรรมารับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่าแขกเมืองฝรั่งปัศตุกันจะได้เข้า (เฝ้า) กราบถวายบังคมทูลเกล้า ฯ ถวายพระราชสาส์นณท้องพระโรงพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ณวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๖ ค่ำ เพลาย่ำรุ่ง๔๐ แลแขกเมืองถือพระราชสาส์นครั้งนี้มา (เรือ) สลุปจะได้เอาเรือลงไปรับ

เกณฑ์ให้ตำรวจใหญ่ขวาเอาเรือพระที่นั่งศรีสักหลาดไปรับ แล้วให้ตั้งเตียงแว่นฟ้า ให้อาลักษณ์เอาพานแว่นฟ้า ๒ ชั้นตั้งบนเตียงรับพระราชสาส์น

ให้มหาดไทยกลาโหมเกณฑ์เรือยาว ๘ วา ๙ วาเปนคู่แห่ ๕ คู่ เรือปี่กลองชนะ ๒ คู่ แลให้กรมท่าจัดเรือกันยาให้แขกเมืองขี่ลำ ๑ โดยสมควรแห่มาแต่สลุปมาขึ้นท่าช้าง

เกณฑ์ให้สี่ตำรวจเอาเสลี่ยงงาลงไปรับ ให้มีสัปทนกั้นพระราชสาส์นคัน ๑ ปี่กลองชนะ ๕ คู่ แตรงอน (๒ คู่) แตรลำโพง (๒ คู่) ให้เกณฑ์หหลวงขุนหมื่นนุ่งสมปักลายห่มเสื้อครุยใส่ลำพอกมีเกี้ยว เดินเคียงเสลี่ยง ๒ คู่ เดินแห่เสลี่ยง ๑๐ คู่ เข้ากันเปน ๑๒ คู่ ทนายปืนแห่น่า ๓๐ คู่ แห่ (แต่ท่าช้าง) มาเข้าประตูพิมานเทเวศร์๔๑ มาพัก (ที่) ศาลาลูกขุนฝ่ายขวา ให้พระยาจุฬานั่งรับแขกเมืองอยู่ก่อน

ให้เกณฑ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทกรมพระราชวังบวร ฯ กรมพระราชวังหลัง (แลเจ้ากรมปลัดกรมใน) เจ้าต่างกรมฝ่ายน่าฝ่ายในมา(สมทบ) นั่งทิมดาบชั้นใน ตำรวจในทิมดาบหนึ่ง ๓๐ คน ชาววังทิมดาบหนึ่ง ๓๐ คน นั่งทิมดาบชั้นนอก ตำรวจใน ๒ ทิม ๆ ละ ๖๐ เปน ๑๒๐ ชาววัง ๒ ทิม ๆ ละ ๖๐ เปน ๑๒๐ รวม (คนนั่งทิมดาบ) ๓๐๐ คน

แลเกณฑ์หลวงขุนหมื่นนอก (ตำแหน่งเฝ้า) มานั่งบนศาลาลูกขุนศาลาละ ๕๐ คน เฉลียงศาลาลูกขุนซ้าย ๑๐๐ เฉลียงศาลาลูกขุนขวา ๑๐๐ รวม (นั่งศาลาลูกขุนซ้ายขวา) เปน ๒๕๐ คน

ให้เกณฑ์นายปืนใส่เสื้อใส่หมวกขึ้นรักษา ๒ ข้างถนน แต่ประตูพิมานเทเวศร์จนถึงประตูสุวรรณบริบาล แลยืนตามถนนน่าศาลาลูกขุนซ้ายขวาเลี้ยวไปทางถนนโรงปืนนางตานี๔๒ ไปตามถนนจนประตูพิมานไชยศรี

แลเกณฑ์นั่งกลาบาศที่สนามมวย๔๓ ๔ กอง กองละ ๒๐๐ รวมเปน ๘๐๐ คน

เกณฑ์ขุนนางจีน ขุนนางญวน ขุนนางแขก ขุนนางฝรั่ง นั่งตรงประตูกำแพงแก้วที่เสด็จออกน่าโรงอาลักษณ์๔๔

แลให้ชาวเครื่องอภิรมย์เชิญเครื่องไปตั้งริมพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์๔๕

ให้มหาดไทย กลาโหม เกณฑ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ในพระราชวังหลวง ในพระราชวังบวร ฯ ในพระราชวังหลัง นุ่งสมปักลายสมปักยก ห่มเสื้อกรุย แต่งตัวจงโอ่โถงเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานตามตำแหน่ง

แลให้ชาวเสื่อชาวคลังพิมานอากาศเขาเสื่อเอาพรมมาปูท้องพระโรง แลปูเสื่อทิมดาบทั้ง ๖ ทิมด้วย แลที่ศาลาลูกขุนซ้ายขวานั้นให้จ่าศาลาเอาเสื่อมาปูให้เต็ม แลให้มหาดไทยกลาโหม เอาพรมมาปูณศาลาลูกขุน แลให้ชาวแตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ เข้าไปเตรียมสำหรับประโคมริมท้องพระโรง

แลให้พระคลังมหาสมบัติเอาเจียดทอง เจียดนาก เจียดถม เข้าไปตั้งตามตำแหน่งน่าแขกเมืองกราบถวายบังคม

ทั้งนี้เปนการใหญ่ให้มีหาดไทยกลาโหมจัดแจง กรมวังเปนสารวัดตรวจตราให้สมควร อย่าให้อัปรยศแก่แขกเมืองได้

ฝ่ายทหารเกณฑ์เรือพระที่นั่งศรีสักหลาด กลองชนะลงไปรับพระราชสาส์นณกำปั่นวิลันดา๔๖มาขึ้นประตูท่าช้าง แล้วให้พนักงานสี่ตำรวจเชิญพระเสลี่ยงงา แลสัปทน ปี่กลองชนะคู่แห่ถือปืนเดินเท้าแห่พระราชสาส์น แลรับแขกเมืองฝรั่งปัศตุกันเข้ามาประตูพิมานเทเวศร์ ตามถนนมาถึงประตูสุวรรณบริบาลแล้วเลี้ยวมา (หลัง) ศาลาลูกขุนเข้าประตูพิมานไชยศรี แลเกณฑ์ปี่กลองแตร แลนั่งริ้วกาลบาศรับเสด็จออกแขกเมืองฝรั่งปัศตุกันณวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๖ ค่ำ ปีมเมียอัฐศก เปนคน ๑๓๕๓ คนในนี้ คือ :-

รับพระราชสาส์นมาทางเรือ เรือพระที่นั่งศรีสักหลาด ตำรวจใหญ่ขวา พลพาย ๔๕ ปี่กลองชนะ ๒ คู่ รวม ๔๙ คน

แห่พระราชสาส์นทางบก สี่ตำรวจหามพระเสลี่ยง ๘ สัปทน ๑ (รวม ๙ คน) ปี่กลอง ปี่ ๑ กลองชนะ ๕ คู่ แตรงอน ๒ คู่ (แตรฝรั่ง ๒ คู่) รวม ๑๕ คน ถือปืนแห่น่า ทนายเลือกแสงปืน ๓๐ คู่ รวม ๖๐ คน รวมกระบวรแห่พระราชสาส์นทางบก ๘๔ คน

(ริ้ว) เสด็จออกแขกเมือง (คน) ยืนสองข้างประตู ประตูพิมานเทเวศร์ ๕๐ ประตูพิมานไชยศรี ๕๐ รวม ๑๐๐ คน ยืนริมสองข้าง ๒๐๐ คน คนนั่งริ้วกาลบาศ ๔ กอง ๆ ละ ๒๐๐ รวม ๘๐๐ คน ปี่กลองจ่าปี่ ๒ จ่ากลอง ๒ กลองชนะ ๑๐๐ รวม ๑๐๔ คน แตรรับแลส่งเสด็จแตรงอน ๘ คู่ แตรฝรั่ง ๔ คู่๔๗ รวม ๑๖ คน รวมคนริ้วเสด็จออกแขกเมือง ๑๒๒๐ คน

คิดเลขฝ่ายทหาร พันทนายแลไพร่มิพอ ขอเลขไพร่หลวงฝ่ายพลเรือน (แล) คนกรมพระราชวังบวร ฯ (สมทบด้วย)

เกณฑ์รักษาประตูพิมานเทเวศร์ใส่เสื้อใส่หมวก ถือปืนคาบศิลา พันทนายตำรวจในซ้าย ๒๕ ขวา ๒๕ รวมประตูใน ๕๐ คน ยืนประตูพิมานไชยศรี ใส่เสื้อใส่หมวก ถือปืนคาบศิลา พันทนายตำรวจใหญ่ซ้าย ๑๕ ขวา ๑๕ รวม ๓๐ พันทนายตำรวจนอกซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวม ๒๐ รวม ๔๐ คน

เกณฑ์ยืนริมถนน แต่ประตูพิมานเทเวศร์ (มา) ตามถนนเลี้ยวริมถนนน่าศาลาลูกขุนถึงประตูพิมานไชยศรี ตำรวจในซ้าย ๒๕ ขวา ๒๕ รวม ๕๐ คน ตำรวจใหญ่ซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน ตำรวจนอกซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน สนมทหารซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน สนมกลางซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวม ๒๐ คน พันทนายทหารในซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน รวมคนยืนริมถนน ๒๗๐ คน

เกณฑ์นั่งริ้วกาลบาศ ใส่เสื้อใส่หมวก ถือปืนคาบศิลาตั้งอยู่ (น่า) พระที่นั่งเย็นออกมาหว่างโรงช้างพระมหาปราสาท๔๘ หมู่ตำรวจในซ้าย ๖๐ ขวา ๖๐ รวม ๑๒๐ คน หมู่ตำรวจใหญ่ซ้าย ๖๐ ขวา ๖๐ รวม ๑๒๐ คน หมู่ตำรวจนอกซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน หมู่สนมทหารซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน หมู่สนมกลางซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน หมู่ทหารในซ้าย ๔๐ ขวา ๕๔๐ รวม ๘๐ คน หมู่อาสาเดโช ๔๐ หมู่อาสาท้ายน้ำ ๔๐ หมู่เขนทองซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน หมู่อาสาซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน หมู่รักษาองค์ซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน รวม ๒๐ กรม เปน ๘๐๐ คน

ปี่กลองชนะ แตรงอน ๘ แตรวิลันดา ๘ รวมแตร ๑๖ กลองชนะ จ่าปี่ ๒ จ่ากลอง ๒ กลองชนะ ๑๐๐ รวม ๑๒๐ คน

วันพฤหัศบดี เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ ปีมเมียอัฐศก พระยาธรรมานั่งที่โรงปืนนางตานี (ผู้ร่างหมายเกณฑ์) ได้เรียน (ถาม) ว่าคนซึ่งรักษาประตู (แล) ยืนสองข้างถนนแลนั่งริ้วกาลบาศนั้น จะให้ใส่เสื้อใส่หมวกด้วยฤๅประการใด พระยาธรรมาสั่งว่า คนซึ่งเกณฑ์รักษาประตูยืนตามถนน นั่งริ้วกาลบาศ ใส่เสื้อใส่หมวก ถือปืนคาบศิลา แลคนตีกลองชนะ ใส่เสื้อใส่หมวกจงทุกคน เมื่อสั่งนั้นต่อหน้าพระยาบำเรอภักดี พระยาท้ายน้ำ

วันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีมเมียอัฐศก ด้วยมีหมายนายจำเนียร (สรพลนายเวรกลาโหม) มาว่า พระยาพระคลังรับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่าองตน วิเสน แขกเมืองบัศตุกันจะได้เข้า (เฝ้า) กราบถวายบังคมลาณวันอาทิตย์ เดือนยี่ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เพลาเช้า

ให้มหาดไทย กลาโหม เกณฑ์ขุนหมื่นมานั่งกาลบาศณทิมดาบชั้นในตำรวจทิมหนึ่ง ๒๐ คน ชาววังทิมหนึ่ง ๒๐ คน รวม (นั่ง) ทิมดาบใน ๔๐ คน ทิมดาบชั้นนอกตำรวจ ๒ ทิม ๆ ละ ๓๐ คน เปน ๖๐ คน ชาววัง ๒ ทิม ๆ ละ ๓๐ คน เปน ๖๐ คน รวม (นั่ง) ทิมดาบนอก ๑๒๐ คน

แลให้เกณฑ์ทนายปืน ใส่เสื้อแดงเสื้อดำ ใส่หมวก ยืนประตู (แล) รายสองข้างถนน แต่ประตูวิเศษไชยศรีจนถึงประตู (พิมานไชยศรี) ทิมดาบชาววัง แลเกณฑ์นั่งกาลบาศที่สนามมวย ๔ กอง ๆ ละ ๕๐๐ เปนคน ๒๐๐๐ ปี่กลองชนะ ๑๐๐

แลให้ขุนนางจีน ขุนนางญวน ขุนนางแขก๔๙ ขุนนางฝรั่ง (มานั่งที่) น่าห้องเครื่องมหาดเล็ก๕๐แถว ๑ เกณฑ์ให้ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ (ใน) พระราชวังหลวง แลพระราชวังบวร ฯ นุ่งสมปักลาย สมปักยกห่มเสื้อครุย แต่งตัวจงโอ่โถงเข้ามาเฝ้าน่าพระที่นั่งเย็นตามตำแหน่ง๕๑

แลให้เจ้าพนักงานเตรียมจัดแจงการให้งามกว่าเมื่อแรกแขกเมืองเข้ามาถวายบังคมครั้งก่อน แต่ทว่าครั้งนี้จะให้แขกเมืองรับพระราชทานกินเลี้ยงณศาลาลูกขุนฝ่ายซ้าย แล (ให้หา) มโหรี ปี่พาทย์ ลคร มาเตรียมรำให้แขกเมืองดู (ด้วย) ตามรับสั่ง

ฝ่ายทหารเกณฑ์ พันทนายตำรวจเลว แลเลขไพร่หลวง ไพร่สมกาลัง ยืนรักษาประตู (ยืน) ริมถนนแลนั่งริ้วกาลบาศ เลขทหารไม่พอขอเลขพลเรือน ๑๐๙๐ คน ยืนริมประตูพิมานไชยศรี ๕๐ ประตู วิเศษไชยศรี ๕๐ รวม ๑๐๐ ยืนริมถนนสองข้าง ๒๗๐ คน นั่งริ้วกาลบาศ ๑๐ หมู่ ๆ ละ ๒๐๐ คน รวม ๒๓๕๐ คน แตรงอน ๘ แตร แตรวิลันดา ๘ กลองชนะ จ่าปี่ ๒ จ่ากลอง ๒ กลองชนะ ๑๐๐ รวม ๑๒๐ รวม (จำนวนเกณฑ์) ๒๔๗๐ คน

คนนั่งริ้วกาลบาศ อาสาหกเหล่าไปราชการทัพปากแพรก๕๒ คงอยู่ (แต่) แปดตำรวจ (กับ) ทหารในซ้ายขวา (เพราะฉนั้น) นั่งริ้วกาลบาศให้เลิกเสีย ให้เกณฑ์ไว้แต่ยืนริมถนน ยืนริมประตู (แล) นั่งศาลาลูกขุน

วันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีมเมียอัฐศก มีหมายเวรนายบริบาล (นายเวรกลาโหม) มาว่า ด้วยพระยาพระคลังรับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า จะได้เชิญพระราชสาส์นณหอมณเฑียรธรรมลงไปถึงสลุป ณวันจันทร์ เดือนยี่ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เพลาเช้า ๓ โมง จะได้แห่ทางบกไปลงเรือพระที่นั่ง ณฉนวนกรมพระราชวังบวร ฯ๕๓ แล้วจะรับแห่ลงไปสลุป

แลให้มหาดไทย กลาโหม เกณฑ์ขุนหมื่นคู่แห่ ห่มเสื้อครุยใส่ลำพอก แห่ทางบก ๑๐ คู่ เกณฑ์เรือคู่แห่ยาว ๗ วา ๘ วา ๕ คู่ ปี่ (๑) กลองชนะ ๓ คู่ แตรคู่ ๑ ให้ประโคมแห่ทางบกทางเรือลงไปจนถึงสลุป แลเกณฑ์ให้สี่ตำรวจรับเอาพระเสลี่ยง สัปทน ต่อพันเงินพันทองมาคอยรับพระราชสาส์นณหอพระมณเฑียรธรรม แลให้พันทอง (จัด) เครื่องสูงแห่พระราชสาส์น น่า ๓ คู่ หลัง ๒ คู่ รวมเปน (เครื่องสูง) ๕ คู่ แลให้กรมฝีพายเอาเรือพระที่นั่งผูกม่าน (แล) บรรจุพลพายให้เต็มกำลัง มาเตรียมรับพระราชสาส์นณฉนวนกรมพระราชวังบวร ฯ ไปลงสลุปตามรับสั่ง



(๑๔ รับแขกเมืองไทร)
๏ วันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ ปีมแมนพศก (พ.ศ. ๒๓๓๐) มีหมายเวรนายจำเนียรมาว่า ด้วยเจ้าพระยามหาเสนา ฯ รับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า เจ้าพระยาไทรบุรีแต่งให้รายาหลงสมิผู้หลาน ๑ รายาศรีสรเตียมตามตา ๑ คุมเอาปืนแลสิ่งของสนอง (พระเดชพระคุณกับ) ดอกไม้ทองเงินเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวาย จะได้ (เข้าเฝ้า) กราบถวายบังคม (ที่) พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ณวันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ ปีมแมนพศก เพลาเช้า

ให้เกณฑ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทเข้าเฝ้าแลนั่งศาลาลูกขุน ทิมดาบตำรวจใน (ทิมดาบ) ชาววัง แลเกณฑ์พันทนายตำรวจเลว ใส่เสื้อใส่หมวก ถือปืนยืนริมประตู (ยืน) สองข้างถนน แต่ประตูพิมานเทเวศร์ ถึงประตูพิมานไชยศรี แลเกณฑ์ไพร่หลวง ไพร่สมกำลัง นั่งริ้วกาลบาศเหมือนอย่าง (ครั้ง) แขกเมืองกรุงปัศตุกัน



(๑๕ เสด็จพระราชทานพระกฐิน)
๏ วันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ ปีมแมนพศก (พ.ศ. ๒๓๓๐) พระศุภรัตรับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า พระกฐินหลวงประจำวัดวาอาราม (จะ) เสด็จพระราชทานพระกฐิน ๒๐ (พระ) อาราม (คือ)

วันพุฒ เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ วัดบางว้าใหญ่ที่ ๓ วัดบางลำภูที่ ๒ วัดบางขุนพรมที่ ๓ วัดโพธิ์ที่ ๔

วันพฤหัศบดี เดือน ๑๑ แรม ๖ ค่ำ วัดบางว้าน้อยที่ ๑ วัดทองที่ ๒ วัดนาค๕๔ที่ ๓ วัดกลางที่ ๔

วันศุกร์ เดือน ๑๑ แรม ๗ ค่ำ วัดท้ายตลาดที่ ๑ วัดหงส์ที่ ๒ วัดสังข์กระจายที่ ๓ วัดพลับที่ ๔

วันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ วัดเลียบที่ ๑ วัดคอกกระบือ๕๕ที่ ๒ วัดลาด (สิงขร) ที่ ๓

วันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๙ ค่ำ วัดบางยี่เรือไทยที่ ๑ วัดบางยี่เรือรามัญ๕๖ ที่ ๒ วัดปากน้ำในคลองบางหลวงที่ ๓

วันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๑ ค่ำ วัดแจ้งที่ ๑ วัดสระเกษ๕๗ที่ ๒

ให้พระอินทรโกษาเอาน้ำมันมะพร้าวถวายพระสงฆ์เสมอองค์ละทนาน เปนพระสงฆ์ ๑๖๕๕ รูป



(๑๖ รับแขกเมืองไทรครั้งที่ ๒)
๏ วันเสาร์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศก (พ.ศ. ๒๓๓๑) ด้วยพระยาสุรเสนารับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า เจ้าพระยาไทรบุรีแต่งให้รายางะผู้เปนหลาน ๑ รายาปัตนาอินทรา ๑ รายาอินทรามหาระตา ๑ คุมเอาปืนคาบศิลา (แล) ดินดำ พรรณผ้า เข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย

ฝ่ายทหาร เกณฑ์ขุนหมื่นพันทนายตำรวจเลว ให้ใส่เสื้อปัศตู ใส่หมวก ถือหอก ยืนประตู (รัตน) พิศาล แลถนนน่าศาลาลูกขุนเลี้ยวเข้าประตูพิมานไชยศรี (ทางแขกเมืองเข้า) กราบถวายบังคมณพระที่นังจักรพรรดิพิมาน ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศก เปน (คือ)

กรมวังเกณฑ์นั่ง ๘ ชั้น เจ้าพระยา พระยา พระ หลวง ขุน หมื่น (ที่มีตำแหน่งเฝ้า ฯ) รวม ๖๔

(ฝ่าย) ทหารเกณฑ์ (คน) ยืนประจำประตูแล (สองข้าง) ถนนตำรวจใน ซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน ตำรวจใหญ่ ซ้าย ๔๐ ขวา ๔๐ รวม ๘๐ คน ตำรวจนอก ซ้าย ๓๐ ขวา ๓๐ รวม ๖๐ คน สนมทหาร ซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน ทหารใน ซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน ทนายเลือกหอก ซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน รวมคนยืนประจำประตูแลสองข้างถนน ๓๔๐ คน

(นั่ง) ทิมดาบชาววังชั้นนอก คนในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล๕๘ ทิมหนึ่ง ๖๐ คน

(นั่ง) ทิมดาบตำรวจในชั้นนอก คนในกรมพระราชวังหลัง ๓๐ ในกรมหลวงเทพหริรักษ์ ๑๕ ในกรมหลวงจักรเจษฎา ๑๕ รวมทิมหนึ่ง ๖๐ คน

นั่งทิมดาบตำรวจในชั้นนอก คนในกรมหลวงนรินทร์รณเรศ ๒๐ ในกรมหลวงอิศรสุนทร ๒๐ ในกรมพระยาเทพสุดาวดี ๑๐ ในกรมพระศรีสุดารักษ์ ๑๐ รวมทิมหนึ่ง ๖๐ คน

(นั่ง) ทิมดาบตำรวจในชั้นนอก ตำรวจใหญ่ ซ้าย ๑๕ ขวา ๑๕ รวม ๓๐ ตำรวจนอก ซ้าย ๑๕ ขวา ๑๕ รวม ๓๐ รวมทิมหนึ่ง ๖๐ คน

ฝ่ายพลเรือนเกณฑ์ (คน) นั่งบนศาลาลูกขุนฝ่ายซ้าย คนกรมมหาดไทย ๑๕ กรมม้าซ้ายขวา ๒๕ กรมเมือง ๕ กรมราชบัณฑิต ๕ กรมท่า ๒๐ กรมพระคลังมหาสมบัติ ๑๕ กรมล้อมวัง ๓๐ นั่งเฉลียงศาลาลูกขุนฝ่ายซ้าย คนกรมโหร ๒ กรมสรรพากรใน ๓ กรมสรรพากรนอก ๓ กรมสนม (พลเรือน) ซ้าย ๗ ขวา ๑๐ รวม ๑๗ กรมอาสาวิเศษ ซ้ายขวา ๑๒ กรมเกณฑ์หัดแสงปืน ๒๐ รวมนั่งศาลาลูกขุนฝ่ายซ้าย ๑๕๐ คน

นั่งบนศาลาลูกขุนฝ่ายขวา กรมกลาโหม ๑๕ กรมอาสาเดโช ๑๕ กรมอาสาท้ายน้ำ ๑๕ กรมเขนทองซ้ายขวา ๒๐ กรมอาสาซ้าย ๑๐ ขวา ๕ รวม ๑๕ กรมบ้านใหม่ ๕ กรมโพธิ์เรียง ๕ กรมช่างเขียนซ้ายขวา ๔ กรมอาสายี่ปุ่น ๒ กรมช่างหล่อ ๒ กรมช่างบุ ๒ กรมช่างปั้น ๒ กรมสัสดี ๑๐ นั่งเฉลียงศาลาลูกขุนฝ่ายขวา กรมเกณฑ์หัดอย่างฝรั่งซ้ายขวา ๑๐ กรมสนมทหารซ้ายขวา ๑๐ กรมสนมกลางซ้ายขวา ๔ กรมนา ๖ กรมหมอ ๑๐ กรมช้างซ้ายขวา ๑๐ รวมคนนั่งศาลาลูกขุนฝ่ายขวา ๑๕๐ คน



(๑๗ ล้อมวงเสด็จกฐิน)
อธิบาย
เรื่องนี้ที่จริงเปนเรื่องเดียวกันกับว่าด้วยการพระกฐินที่กล่าวมาแล้ว แต่เปนการต่างปีกันจึงแยกกันอยู่ ผู้ที่จดหมายนี้ประสงค์จะจดธรรมเนียมราชการต่าง ๆ ไว้เปนตำรา เมื่อปีมแม พ.ศ. ๒๓๓๐ ได้จดเรื่องพระกฐินไว้เพียงรายชื่อวัดกับเรื่องจ่ายน้ำมันถวายพระสงฆ์ ถึงปีระกาจึงได้จดเรื่องล้อมวงเสด็จ ฯ กฐินลงตำรา แต่ปีระกานี้ในต้นฉบับเขียนลงศกว่า ตรีนิศก คือตรงกับจุลศักราช ๑๑๖๓ (พ.ศ. ๒๓๔๔) สงไสยว่าจะผิด ที่ถูกเห็นจะเปนปีระกาเอกศก จุลศักราช ๑๑๕๑ (พ.ศ. ๒๓๓๒) เพราะเรื่องต่าง ๆ ที่จดในต้นฉบับเรียงกันตามลำดับปีมา แลเรื่องนี้อยู่ข้างน่าปีกุญตรีศก จุลศักราช ๑๑๕๓ (พ.ศ. ๒๓๓๔) จึงเข้าใจว่าที่ถูกจะเปนปีระกาเอกศก

อนึ่งลำดับวันที่เสด็จพระราชทานพระกฐินนั้น โดยปรกติย่อมแก้ไขทุก ๆ ปี รายวัดที่ปรากฏในปีระกานี้ ไม่เหมือนกับเมื่อปีมแม คือเดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ วัดบางว้าใหญ่ที่ ๑ วัดบางว้าน้อยที่ ๒ วัดทองที่ ๓ (วันแรม ๙ ค่ำ) วัดพระยาธรรมที่ ๑ วัดนาคกลางที่ ๒ วัดแจ้งที่ ๓ วัดท้ายตลาดที่ ๔ (วันแรม ๑๐ ค่ำ) วัดหงส์ที่ ๑ วัดสังข์กระจายที่ ๒ วัดบางยี่เรือกลาง (จันทาราม) ที่ ๓ วัดพลับที่ ๔ (วันแรม ๑๑ ค่ำ) วัดบางยี่เรือไทยที่ ๑ วัดบางยี่เรือรามัญที่ ๒ วัดปากน้ำที่ ๓ แลจำนวนวันพระกฐินปีระกาลงไว้ในบาญชีนี้แต่ ๔ วัน ขาดอยู่ ๓ วัน เห็นจะเปนด้วยประสงค์แต่จะจดจำนวนคนล้อมวง นอกจากนี้เห็นจะเปนแต่เวียนวงกันไป จึงไม่จดจำนวนวัดเหมือนอย่างคราวปีมแมนพศก

๏ ฝ่ายทหารเกณฑ์เจ้ากรม ปลัดกรม หัวหมื่น ตำรวจเลว แลปืนท้ายพระที่นั่ง จุกช่องล้อมวงสำหรับเสด็จไปพระราชทานพระกฐินณวันเดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ จนถึงเดือน ๑๑ แรม ๑๓ ค่ำ ปีระกาตรีนิศก เปนคน (มีจำนวนต่อไป) ในนี้

            กรมตำรวจในซ้าย คนล้อมวง ๒ กอง ๖๔ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก คน ๖ คน

            กรมตำรวจในขวา คนล้อมวง ๒ กอง ๓๕ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก คน ๖ คน

            กรมตำรวจใหญ่ซ้าย คนล้อมวง ๒ กอง ๒๓ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอกคน ๖ คน

            กรมตำรวจใหญ่ขวา คนล้อมวง ๒ กอง ๒๕ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอกคน ๖ คน

            กรมตำรวจนอกซ้าย คนล้อมวง ๒ กอง ๕๐ คน

            กรมตำรวจนอกขวา คนล้อมวง ๒ กอง ๕๓ คน

            กรมสนมทหารซ้าย คนล้อมวง ๒ กอง ๔๔ คน

            กรมสนมทหารขวา คนล้อมวง ๒ กอง ๔๔ คน

            กรมทหารในซ้าย คนล้อมวง ๒ กอง ๑๘ คน เรือใช้หมื่นจ่าชายสรกล ๑ เลว ๔ รวม ๕ คน

            กรมทหารในขวา คนล้อมวง ๒ กอง ๑๘ คน เรือใช้หมื่นจ่าชายสรกล ๑ เลว ๔ รวม ๕ คน

            กรมทนายเลือกหอกซ้าย คนล้อมวง ๒ กอง ๒๒ คน เรือใช้หมื่นจบพลไชย ๑ เลว ๗ รวม ๘ คน

            กรมทนายเลือกหอกขวา คนล้อมวง ๒ กอง ๓๑ คน เรือใช้ขุนหมื่น ๑ เลว ๗ รวม ๘ คน

            กรมรักษาองค์ซ้าย หัวหมื่น ๔ เลวปืนกระสนปราย ๘

            กรมรักษาองค์ขวา หัวหมื่น ๔ เลวปืนกระสุนปราย ๘

            กรมพลพันซ้าย ๒ กอง ๔ คน

            กรมพลพันขวา ๒ กอง ๔ คน

            ปืนหามแล่น อาสาเดโชกระบอก ๑ คน ๓ คน

            ปืนหามแล่น อาสาซ้ายกระบอก ๑ คน ๓ คน

            ปืนหามแล่น อาสาขวากระบอก ๑ คน ๓ คน

เกณฑ์ตามอย่างธรรมเนียม แลพระยาอภัยรณฤทธิทำหางว่าวเกณฑ์ให้รับทอดวัดละ ๒ ตำรวจ ๓ วัด ๖ ตำรวจ ๒ ตำรวจอยู่เวร แล้วกราบเรียนท่านสมุหพระกลาโหม

วันแรม ๘ ค่ำเดือน ๑๑ วัดบางว้าใหญ่ที่ ๑ ตำรวจในซ้าย ๓๔ ตำรวจใหญ่ขวา ๔๒ รวม ๘๕ คน ทหารในซ้าย ๙ ขวา ๑๐ รวม ๑๙ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๒๔ ขวา ๑๕ รวม ๓๙ คน พลพันซ้าย ๓ ขวา ๓ รวม ๖ คน รักษาองค์ซ้าย ๓ คน ปืน ๒ กระบอก ขวา ๘ คน ปืน ๕ กระบอก รวม ๑๑ คน ปืน ๗ กระบอก (ทนาย) ปืนคาบศิลา ๔๐ รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๑) ๑๖๐ คน

วัดบางว้าน้อยที่ ๑ ตำรวจนอกขวา ๕๓ สนมขวา ๔๔ รวม ๙๗ คน ทหารในซ้าย ๙ ขวา ๑๐ รวม ๑๙ คน ทนายเลือกหอก ๑๒ คน พลพันซ้าย ๓ ขวา ๓ รวม ๖ คน รักษาองค์ซ้าย ๘ คน ปืน ๕ กระบยอก ขวา ๕ คน ปืน ๓ กระบอก รวม ๑๓ คน ปืน ๘ กระบอก รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๒) ๑๔๗ คน

วัดทองที่ ๓ ตำรวจในขวา ๕๔ ใหญ่ขวา ๓๗ รวม ๙๑ คน ทหารในซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวม ๒๐ พลพันซ้าย ๓ ขวา ๓ รวม ๖ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๒๓ ขวา ๑๐ รวม ๓๓ คน รักษาองค์ซ้าย ๕ คน ปืน ๔ กระบอก ขวา ๑๑ คน ปืน ๘ กระบอก รวม ๑๖ คน ปืน ๑๒ กระบอก รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๓) ๑๖๖ คน

(วันแรม ๙ ค่ำ) วัดพระยาทำที่ ๑ ตำรวจในขวา ๕๔ ตำรวจใหญ่ขวา ๓๒ รวม ๘๖ คน ทหารใน ๙ คน พลพันซ้าย ๒ ขวา ๑ รวม ๓ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๓๑ ขวา ๑๕ รวม ๔๖ คน รักษาองค์ซ้าย ๖ ปืน ๔ กระบอก ขวา ๑๐ คน ปืน ๖ กระบอก รวม ๑๖ คน ปืน ๑๐ กระบอก รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๑) ๑๕๖ คน

วัดนาคกลางที่ ๒ ตำรวจในซ้าย ๔๓ ใหญ่ซ้าย ๓๖ รวม ๗๙ คน ทหารใน ๙ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๗ ขวา ๑๕ รวม ๒๒ คน พลพันซ้าย ๒ ขวา ๑ รวม ๓ คน รักษาองค์ซ้าย ๖ ขวา ๑๐ รวม ๑๖ คน ปืน ๑๐ กระบอก รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๒) ๑๒๙ คน

วัดแจ้งที่ ๓ ตำรวจนอกซ้าย ๕๐ สนมซ้าย ๔๕ รวม ๙๕ คน ทหารในซ้าย ๑๐ ขวา ๑๓ รวม ๒๓ คน พลพันซ้าย ๑ ขวา ๑ รวม ๒ คน รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๓) ๑๒๐ คน

วัดท้ายตลาดที่ ๔ ตำรวจนอกซ้าย ๕๐ สนมซ้าย ๓๕ รวม ๘๕ คน ทหารใน ๑๐ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๓๑ ขวา ๓๕ รวม ๓๖ คน รักษาองค์ซ้าย ๖ ขวา ๑๐ รวม ๑๖ คน (ตรงจำนวนปืนสมุดต้นฉบับขาด) พลพันซ้าย ๓ ขวา ๒ รวม ๕ คน รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๔) ๑๘๒ คน

(วันแรม ๑๐ ค่ำ) วัดหงส์ที่ ๑ ตำรวจในขวา ๕๔ ใหญ่ขวา ๓๒ รวม ๘๖ คน ทหารในซ้าย ๙ ขวา ๙ รวม ๑๘ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๑๘ ขวา ๑๕ รวม ๓๓ คน พลพันซ้าย ๓ ขวา ๓ รวม ๖ คน รักษาองค์ซ้าย ๖ คน ปืน ๔ กระบอก ขวา ๕ คน ปืน ๓ กระบอก รวม ๑๑ คน ปืน ๓ กระบอก รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๑) ๑๔๔ คน

วัดสังข์กระจายที่ ๒ วัดบางยี่เรือกลางที่ ๓ (เห็นจะพระราชทานในกระบวนไม่เสด็จ หาได้ลงจำนวนคนล้อมวงไว้ในต้นฉบับไม่)

วัดพลับที่ ๔ ตำรวจนอกขวา ๓๘ สนมขวา ๓๖ รวม ๗๔ คน ทหารในซ้าย ๙ ขวา ๑๐ รวม ๑๙ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๑๒ ขวา ๑๔ รวม ๒๖ คน พลพันซ้าย ๓ ขวา ๓ รวม ๖ คน รักษาองค์ซ้าย ๖ คน ปืน ๔ กระบอก ขวา ๖ คน ปืน ๓ กระบอก รวม ๑๒ คน ปืน ๓ กระบอก รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๔) ๑๔๔ คน

(วันแรม ๑๑ ค่ำ) วัดบางยี่เรือไทยที่ ๑ ตำรวจนอกซ้าย ๕๐ สนมซ้าย ๓๐ รวม ๘๐ คน ทนายเลือกหอก ๓๑ คน พลพันซ้าย ๓ ขวา ๓ รวม ๖ คน รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๑ ขาดกรมทหารใน กรมรักษาองค์ไม่ปรากภูในต้นฉบับ คง) ๑๑๗ คน

วัดบางยี่เรือรามัญที่ ๒ ตำรวจในขวา ๕๔ นอกขวา ๓๕ สนมขวา ๓๐ รวม ๑๑๙ คน ทหารในซ้าย ๙ ขวา ๑๐ รวม ๑๙ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๒๙ ขวา ๓๕ รวม ๖๔ คน พลพันซ้าย ๒ ขวา ๒ รวม ๔ คน รักษาองค์ ซ้าย ๒ ขวา ๙ รวม ๑๕ คน รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๒) ๒๒๐ คน

วัดปากน้ำที่ ๓ ตำรวจในซ้าย ๔๖ ใหญ่ซ้าย ๓๖ ใหญ่ขวา ๓๒ รวม ๑๑๔ คน ทหารในซ้าย ๙ ขวา ๑๑ รวม ๒๐ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๑๙ ขวา ๑๕ รวม ๓๔ คน พลพันซ้าย ๒ ขวา ๒ รวม ๔ คน รักษาองค์ซ้าย ๖ คน ปืน ๔ กระบอก ขวา ๕ คน ปืน ๔ กระบอก รวม ๑๑ คน ปืน ๘ กระบอก รวม (คนล้อมวงวัดที่ ๓) ๑๘๓ คน



(๑๘ รับแขกเมืองทวาย สวามิภักดิ์)
อธิบายเรื่อง
เรื่องนี้มีเนื้อความในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า เมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๓๓๔ พระยาทวาย ชื่อมังจันจา เกิดเปนอริกับพม่า จึงพร้อมใจกับกรมการเมืองทวายมาสวามิภักดี์ ขอเอาเมืองทวายมาขึ้นต่อไทย แลครั้งนั้นพระยาทวายแต่งให้กรมการทูตถือสุพรรณบัตรอักษรสาร แลคุมเครื่องบรรณาการเข้ามาถวาย เครื่องบรรณาการนั้นพระยาทวายจัดตามประเพณีพม่า คือนอกจากสิ่งของต่าง ๆ มีนางกุลธิดาเปนชั้นเอกคน ๑ ชั้นโท ๒ คน พร้อมด้วยสาวใช้ข้าคนอิก ๕๗ รวมเปน ๖๐ คน แลให้พระสงฆ์ ๑๐ รูปมากับทูต ให้มาเปนพยานการที่ว่าสวามิภักดิ์โดยสุจริตนั้นด้วย ที่ในกรุง ฯ จึงจัดกระบวนพาหนะที่กล่าวในนี้ ออกไปรับพวกทวายที่แม่น้ำน้อยเมืองไทรโยคพาเข้ามากรุงเทพ ฯ

๏ วันเสาร์ เดือน ๔ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีกุญตรีนิศก (พ.ศ. ๒๓๓๔) เกณฑ์ไพร่หลวงไทยมอญ (ไป) รับแขกเมืองณแม่น้ำน้อย พันจันท์ (แล) นายชูรอง (เวร) เกณฑ์

เรือศรีสักหลาดรับองค์นาง ฝีพายมอญ บโทน ๑ พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายมอญ ๓๐ รวม ๓๕ คน

เรือศรีสักหลาดรับพระสงฆ์ บโทน ๑ พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายกองหลวงสุนทรสาลี ๒๐ กองพระพิพิธเดชะ ๑๐ รวม ๓๕ คน

เรือดั้งตำรวจในซ้าย สมิงอังวะมังศรีคุม พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายกองพระยาพระราม ๓๖ รวม ๔๐ คน (มี) ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก

เรือดั้งตำรวจในขวา สมิงพัดตะบะคุม พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายกองพระยาพระราม ๓๐ รวม ๓๔ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก

เรือดั้งตำรวจใหญ่ซ้าย สมิงโยคราชสายสมรคุม พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายกองหลวงสุเรนทรวิชิต ๕ กองพระพิพิธเดชะ ๑๐ กองพระยานครอินทร์ ๑๕ รวม ๓๔ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก

เรือดั้งตำรวจใหญ่ขวา พระยาพระรามคุม พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายกองพระยาพระราม ๓๕ รวม ๓๙ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก

เรือดั้ง (กรม) กลองชนะ (สมิง) สุรจอคุม พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายกองพระยาเกียรติ์ ๓๕ รวม ๓๙ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก

เรือกัน (กรม) สัสดีซ้าย พระยาอุดมโยธาคุม พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายกองพระยาพระราม ๓๕ รวม ๓๙ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก

เรือกัน (กรม) สัสดีขวา (สมิง) ธนูศิลป์คุม พันหัว ๒ พันท้าย ๒ รวม ๔ พลพายกองพระยาเกียรติ์ ๓๕ รวม ๓๙ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก

เรือดั้ง (กรม) เกณฑ์หัดแสงปืน พระยานครอินทร์คุม พันหัว ๒ พันท้าย ๒ พลพายกองสมิงปราบเมืองมาร ๕ กองพระยาศรีราชบุตร ๕ กองพระยานครอินทร์ ๑๐ กองพระยาเกียรติ์ ๑๕ รวม ๓๕ คน ปืนหามแล่น ๒ กระบอก ปืนคาบศิลา ๒๐ กระบอก

เรือกราบ (ที่ ๑) ลำ ๑ พันหัว ๑ พันท้าย ๑ พลพายกองพระยาเสนาภิมุข ๑๕ รวม ๑๗ คน

เรือกราบ (ที่ ๒) ลำ ๑ พันหัว ๑ พันท้าย ๑ พลพายกองพระยามหานุภาพ ๑๕ รวม ๑๗ คน

เรือกราบ (ที่ ๓) ลำ ๑ พันหัว ๑ พันท้าย ๑ พลพายกองพระยามหานุภาพ ๕ กองพระยาเสนาภิมุข ๕ กองพระมหาเทพ ๕ รวม ๑๗ คน

เรือกราบ (ที่ ๔) ลำ ๑ พันหัว ๑ พันท้าย ๑ พลพายกองพระยาศรสำแดง ๑๕ รวม ๑๗ คน

เรือกราบ (ที่ ๕) ลำ ๑ พันหัว ๑ พันท้าย ๑ พลพายกองพระยาศรีราชบุตร ๑๕ รวม ๑๗ คน

เรือกราบ (ที่ ๖) ลำ ๑ พันหัว ๑ พันท้าย ๑ พลพายกองพระมหาเทพ ๑๕ รวม ๑๗ คน

(รวมทั้งกระบวนเปนเรือ ๑๖ ลำ ตัวนายกองมอญคุมเรือ ๘ นาย ฝีพาย ๔๗๕ คน)


-----------------------------------

๔๐ที่เสด็จ ฯ ออกแขกเมืองแต่เช้า เปนประเพณีมาแต่ครั้งกรุงเก่ามีปรากฏในจดหมายเหตุเรื่องราชทูตลังกาเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ์ พิมพ์อยูในหนังสือเรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ ในลังกาทวีป.

๔๑ ในต้นฉบับบางแห่ง เรียกประตูพิมานเทเวศร์ว่า ประตูทวารเทวศร์ แลเรียกประตูพิมานไชยศรีว่า ประตูวิเศษไชยศรี แรกเห็นนึกว่าชื่อเดิมจะเปนเช่นนั้น ครั้นพิจารณาไปเห็นว่าเพราะเขียนผิด ด้วยในต้นฉบับนี้เอง แห่งอื่นเรียกชื่อตรงอย่างทุกวันนี้ก็มี.

๔๒ ที่เรียกถนนโรงปืนนางตานีในนี้ คือถนนจักรีจรัลทุกวันนี้นั้นเอง

๔๓ ที่เรียกว่าสนามมวย กล่าวกันว่าสนามหลังวัดพระแถ้ว แต่ในหมายนี้ตอนท้ายว่าปรากฏว่านั่งกาลบาศที่อื่น

๔๔ คือนอกกำแพงแก้วด้านเหนือพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

๔๕ ตรงนี้ทำให้เข้าใจว่า เสด็จออกแขกเมืองที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์เหมือนครั้งหลังซึ่งจะปรากฏต่อไป แต่เสด็จออกในท้องพระโรง จะเอาเครื่องสูงไปตั้งข้างนอกไม่ถูกที่ เข้าใจว่าเดิมเห็นจะกะเสด็จออกพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ แล้วเปลี่ยนเปนออกในท้องพระโรง การที่แก้หมายยังจะเห็นได้ตรงเกณฑ์นั่งกาลบาศอิกแห่ง ๑

๔๖ ว่าพระราชสาส์นโปตุเกศมาด้วยเรือกำปั่นวิลันดาอย่างนี้ เข้าใจว่าโปตุเกศเจ้าเมืองหมาเก๊าให้ผู้เชิญพระราชสาส์นโดยสานเรือพ่อค้าวิลันดาเข้ามา

๔๗ เหตุใดจึงไม่มีสังข์ น่าสงไสยอยู่

๔๘ แผนที่กล่าวตรงนี้ คือสนามน่าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาททุกวันนี้นั้นเอง แต่ข้างต้นได้กล่าวไว้แห่ง ๑ ว่านังกาลบาศที่สนามมวย เห็นจะเปลี่ยนแปลงเปนให้เข้าไปนั่งสนามใน เพราะเสด็จออกในท้องพระโรง.

๔๙ ในต้นฉบับว่า ขุนนางเขมร เห็นจะเขียนผิด มีแห่ง ๑ ว่าข้างต้นว่าขุนนางแขก

๕๐ คืออยู่นอกกำแพงแก้วด้านเหนือพระที่นั่งอมรินทร์ ฯ

๕๑ รับแขกเมืองคราวที่กล่าวนี้ เมื่อรับพระราชสาส์นเสด็จออกในพระที่นั่งอมรินทร์ ฯ เมื่อทูตทูลลาเสด็จออกพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ อย่างเสด็จออกมุขเด็จครั้งกรุงเก่า

๕๒ เวลานั้นกำลังเตรียมทัพรบพม่าคราวรบที่ท่าดินแดง

๕๓ ที่แห่พระราชสาส์นไปลงเรือที่ฉนวนวังน่านี้แปลกนักหนา จะเปนเพราะเหตุใดยังคิดไม่เห็น

๕๔ คือวัดนาคเก่า อยู่เคียงกับวัดกลาง ในคลองมอญฝั่งเดียวถัน ภายหลังรวมเปนวัดเดียวกัน จึงเรียกว่า วัดนาคกลาง จนทุกวันนี้

๕๕ คือวัดยานนาวาทุกวันนี้

๕๖ วัดบางยี่เรือไทย คือวัดอินทาราม วัดบางยี่เรือมอญ คือวัดราชคฤห์ วัดจันทาราม เรียกว่าวัดบางยี่เรือกลาง

๕๗ เวลานี้คลองคูเมืองขุดแล้ว จึงเสด็จกฐินวัดสระเกษเรือ

๕๘ ในต้นฉบับว่า กรมพระราชวังหลวง เห็นว่าเขียนผิดเพราะต่อกับวังหลัง.

๕๙ ชั้นนี้วัดนาคกับวัดกลางรวมเปนวัดเดียวกันแล้ว


ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 ตุลาคม 2568 17:57:16 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2568 18:00:27 »

.


(๑๙ แห่พระธาตุเมืองทวาย)
อธิบาย
เรื่องทูตทวายเข้ามาเมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๓๓๔ ในหนังสือพระราชพงศาวดารปรากฎแต่ว่ามีพระสงฆ์เข้ามาด้วย ๑๐ รูป ความพึ่งปรากฏในหนังสือนี้ว่า พระยาทวายให้พระสงฆ์ที่เข้ามาครั้งนั้น เชิญพระบรมสารีริกธาตุเข้ามาถวายด้วย เมื่อรับราชทูตเข้ามาถึงเขตรจังหวัดกรุงเทพฯ จึงโปรดให้จัดเรือกระบวรแห่ไปรับพระบรมสาริริกธาตุที่วัดบางกก (นอกด่านบางขุนเทียน) อิกกระบวร ๑ แห่มาขึ้นที่ท่าช้าง แล้วมีกระบวรแห่ยกมาถึงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จำนวนเกณฑ์มีแจ้งอยู่ในรายเกณฑ์ที่ปรากฏต่อไปนี้ :-

๏ วัน (ไม่ได้ลงไว้ในต้นฉบับ) ปีกุญตรีนิศก (พ.ศ. ๒๓๓๔) พันจันท์หัวพันมหาดไทยเกณฑ์เรือพระที่นั่งกิ่งกรมพระราชวังบวร ฯ แลเรือครุธ (คู่ชัก) เรือโขมดยา เรือกราบมาลง (เปน) เรือกลองแขก (แล) ลง (เปน) เรือคู่แห่รับพระบรมสารีริกธาตุซึ่งมาแต่เมืองทวาย ลงเรือพระที่นั่งแห่มาแต่วัดบางกกมาขึ้นที่ท่าช้าง ณวัน (ในต้นฉบับไม่ได้ลงวัน) เดือน ๔ ปีกุญตรีนิศก เปนเรือพระที่นั่งกิ่งกรมพระราชวังบวร ฯ ลำ ๑ เรือครุธวังหลวงคู่ ๑ เรือดั้งวังหลวง ๒ คู่ วังน่า ๕ คู่ วังหลังคู่ ๑ รวมเรือดั้ง ๘ คู่ เรือกราบ (คู่แห่) วังหลวง ๙ คู่ วังน่า ๑๐ คู่ ต่างกรม ๒ คู่ รวมเปนเรือกราบ ๒๑ คู่ (กระบวรเรือทั้งสิ้น) ๖๑ ลำ

ทหารพลเรือนเกณฑ์แห่พระบรมสารีริกธาตุ (เมื่อ) มาถึงประตูท่าช้าง แห่ทางบกแต่ประตูท่าช้างตามถนนขึ้นมาเข้าประตูวิเศษไชยศรี ไปณพระวิหารใหญ่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ณวัน (ในต้นฉบับไม่ได้ลงวัน) เดือน ๔ ปีกุญตรีนิศก

เปนคนทหารได้เกณฑ์ สี่ตำรวจหามพระเสลี่ยง ๘ (คน) ถือธงสามชายน่า ๓๐ คู่ หลัง ๒๐ คู่ รวม ๑๐๐ คน กลองชนะจ่าปี่ ๑ กลอง ๕ คู่ รวม ๑๑ คน แตร แตรงอน ๒ คู่ แตรฝรั่ง ๒ คู่ รวม ๘ คน

เปนคนพลเรือนได้เกณฑ์คู่แห่เดินเท้า (เดิน) น่า ๕๐ คู่ (เดิน) หลัง ๒๐ คู่ รวม ๑๔๐ คน รวมกระบวรแห่พระบรมสารีริกธาตุทางบก ๒๖๗ คน



(๒๐ เสด็จออกแขกเมืองทวาย)
เรื่องทูตทวายเข้าเฝ้าความที่ปรากฏในหนังสือนี้แตกต่างกับหนังสือพระราชพงศาวดารเปนข้อสำคัญอยู่อย่าง ๑ ด้วยในหนังสือพระราชพงศาวดารกล่าวว่า เสด็จออกรับทูตทวายที่มุขเด็จพระมหาปราสาท แต่ในหนังสือนี้ว่าเสด็จออกพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เหมือนอย่างเสด็จออกแขกเมืองโปรตุเกศเฝ้าทูลลาแลเมื่อรับแขกเมืองไทรคราวแรก ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น หมายเกณฑ์รับแขกเมืองทวายมีความจดไว้ในต้นฉบับดังต่อไปนี้ :-

๏ ทหาร พลเรือน กรมวัง เกณฑ์เจ้าพระยาแลพระยา พระ หลวง ขุน หมื่น ไทย แขก ฝรั่ง มอญ ฝ่ายทหารพลเรือนพระราชวังหลวง แลกรมพระราชวังบวร ฯ กรมพระราชวังหลวง แลข้าเจ้าต่างกรมฝ่ายน่าฝ่ายใน ใส่สนับเพลานุ่งสมปักลาย สมปักยก ใส่เสื้อครุยขาว กินเจียดกินพานตามบันดาศักดิ์ (ประจำชั้นนอก) ชั้นในนั่งศาลาลูกขุนซ้ายขวา ทิมดาบตำรวจใน ทิมดาบกรมวัง แลเกณฑ์ขุนหมื่นพันทนายตำรวจเลว (แล) ไพร่ ใส่เสื้อปัศตู เสื้อแดง หมวกดำ ถือปืน ถือหอก ถือดาบ โลห์ รักษาประตูแลยืนริมถนน แลนั่งริ้วกาลบาศ แลปี่กลอง (ชนะ) แตรงอน แตรวิลันดา เมื่อแขกเมือง (ทวาย) มาถวายบังคมณพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ณวัน (ไม่ได้ลงไว้ในต้นฉบับ๖๐) เดือน ๔ ปีกุญตรีนิศก คนกรมวังเกณฑ์ข้าราชการเฝ้า ฝ่ายซ้าย ๑๐๐ ฝ่ายขวา ๑๐๐ รวม ๒๐๐ ข้าราชการ (นั่ง) ทิมดาบ ตำรวจใน ๓๐ (นั่ง) ทิมดาบตำรวจวัง ๓๐ รวม ๖๐ คน

ทหารเกณฑ์ (ขุนหมื่นไพร่) รักษาประตูวิเศษไชยศรี ๕๐ ประตูพิมานไชยศรีชั้นใน๖๑ ๕๐ ประตูพิมานไชยศรีชั้นนอก ๕๐ รวม ๑๕๐ (ขุนหมื่นไพร่) ยืนริมถนนสองข้าง แต่ประตูวิเศษไชยศรีจนถึงประตูพิมานไชยศรี ๒๐๐ นั่งริ้วกาลบาศกองละ ๕๐๐ คน ๔ กองเปน ๒๐๐๐ คน แตรงอน ๔ คู่ แตรฝรั่ง ๔ คู่ รวม ๑๖ คน กลองชนะจ่าปี่ ๒ จ่ากลอง ๒ กลอง ๑๐๐ รวม ๑๐๔ คน

พลเรือนเกณฑ์ ข้าราชการ (นั่ง) ศาลาลูกขุนซ้าย ๑๕๐ คน ศาลาลูกขุนขวา ๑๕๐ คน (นั่ง) ทิมดาบตำรวจในชั้นนอก ๒ ทิม ๑๒๐ คน (นั่ง) ทิมดาบชาววังชั้นนอก ๒ ทิม ๑๒๐ คน รวมเปนคน ๕๐๐ คน

เกณฑ์นั่งริ้วกาลบาศหว่างพระมหาปราสาทกับพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ใส่เสื้อใส่หมวก ถือปืนคาบศิลา ถือดาบโลห์ ตำรวจในถือปืนซ้าย ๑๐๐ ขวา ๑๐๐ รวม ๒๐๐ คน ตำรวจใหญ่ถือปืนซ้าย ๑๐๐ ขวา ๑๐๐ รวม ๒๐๐ คน ตำรวจนอกถือปืนซ้าย ๑๐๐ ขวา ๑๐๐ รวม ๒๐๐ คน สนมทหารถือปืนซ้าย ๑๐๐ ขวา ๑๐๐ รวม ๒๐๐ คน ทหารในถือปืนซ้าย ๑๐๐ ขวา ๑๐๐ รวม ๒๐๐ คน สนมกลางซ้าย ๕๐ ขวา ๕๐ รวม ๑๐๐ คน รักษาองค์ซ้าย ๕๐ ขวา ๕๐ รวม ๑๐๐ คน อาสาเดโช ๑๐๐ อาสาท้ายน้ำ ๑๐๐ อาสาซ้าย ๑๐๐ อาสาขวา ๑๐๐ เขนทองซ้าย ๑๐๐ ขวา ๑๐๐ รวม ๒๐๐ คน ดั้งทองซ้าย ๑๐๐ ขวา ๑๐๐ รวม ๒๐๐ คน แตรงอน ๔ คู่ แตรฝรั่ง ๔ คู่ รวม ๑๖ คน กลองชนะ จ่าปี่ ๒ จ่ากลอง ๒ กลอง ๑๐๐ รวม ๑๐๔ คน รวมเปนคนนั่งกาลบาศ ๒๑๒๐ คน

พันทนายตำรวจเลวยืนริมถนน ตำรวจในซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ รวม ๔๐ คน ตำรวจใหญ่ซ้าย ๑๕ ขวา ๑๕ รวม ๓๐ คน ตำรวจนอกซ้าย ๑๕ ขวา ๑๕ รวม ๓๐ คน สนมทหารซ้าย ๑๕ ขวา ๑๕ รวม ๓๐ คน ทหารในซ้าย ๓๐ ขวา ๓๐ รวม ๖๐ คน สนมกลางซ้าย ๕ ขวา ๕ รวม ๑๐ คน รวมคนยืนริมถนน ๑๙๐ คน

พันทนายยืนรักษาประตู ๓ ประตู ประตูวิเศษไชยศรี ตำรวจในซ้าย ๒๕ ขวา ๒๕ รวม ๕๐ คน ประตูพิมานไชยศรีชั้นนอก ตำรวจใหญ่ซ้าย ๒๕ ขวา ๒๕ รวม ๕๐ คน ประตูพิมานไชยศรีชั้นใน ตำรวจนอกซ้าย ๑๕ ขวา ๑๕ รวม ๓๐ คน สนมทหารซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวม ๒๐ คน รวนคนรักษาประตู ๓ ประตู ๑๕๐ คน

ฝรั่งอยู่บนป้อม ป้อมจักรเพ็ชร ๑๕ คน ป้อมผีเสื้อ ๑๕ คน ป้อมมหาฤกษ์ ๑๕ คน ป้อมมหายักษ์ ๑๕ คน ป้อมตรีเพ็ชร ๑๕ คน ป้อมอากาศคงคา ๑๕ คน ป้อมจักรกฤษณ์ ๑๕ คน ป้อมเขื่อนขันธ์ ๑๕ คน รวม ๘ ป้อมเปนคน ๑๒๐ คน ปืนรายเกณฑ์เพียงเท่านี้.



----------------------------

หมดฉบับเพียงเท่านี้


-----------------------------------

๖๐ ที่ไม่ได้ลงวันในกำหนดไว้ในต้นฉบับเช่นนี้ เข้าใจว่าหนังสือนี้คัดมาจากร่างหมายเดิม อันเขียนก่อนงาน เพราะยังไม่ทราบกำหนดวันเปนแน่ จึงไม่ได้ลงวันไว้ รายการที่จริงอาจจะแก้ไขไปจากร่างได้เปนต้นว่าในร่างกะว่า จะเสด็จออกพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ต่อมาจะโปรดให้เปลี่ยนเปนเสด็จออกมุขเด็จพระมหาปราสาท ก็อาจจะเปนได้

๖๑ ประตูพิมานไชยศรี พึ่งปรากฏเปนประตูสองชั้นในเรื่องนี้ เดิมเห็นจะเปนประตูชั้นเดียว แก้เปนสองชั้นต่อภายหลัง




ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.636 วินาที กับ 28 คำสั่ง