เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๐เรื่องตำรากระบวรเสด็จ ฯ แลกระบวรแห่แต่โบราณ---------------------------
จดหมายอย่างธรรมเนียมการพระราชพิธีในรัชกาลที่ ๑(๑ แห่พระทราย) ๏ วันอังคารเดือน ๕ แรม ๑๓ ค่ำ ปีขาลจัตวาศก (พ.ศ. ๒๓๒๕) มีหมายเวรนายควร (รู้อัศว์ มหาดไทย) มาว่า หลวงบำเรอภักดิ์รับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า พระทรายอย่างแต่ก่อนให้เอาไปท้องพระโรง๑แต่เพลาเย็นณวัน ๔ ๑๔ฯ ๕ ค่ำปีขาล ให้มหาดไทยกลาโหมเกณฑ์คู่แห่พระทรายตามแต่ก่อน (แล) พันพุฒ พันเทพราชบอกเข้าไปว่า ครั้งนี้ (ทรงพระกรุณาโปรด) ให้ทำราชการตามอย่าง (เมื่อแผ่นดินสมเด็จ) พระบรมโกษฐ์ อย่าให้เอาอย่างพระยาตากสิน แลอย่างธรรมเนียมครั้งพระบรมโกษฐ์นั้น ถ้าจะเกณฑ์พระหลวงขุนหมื่นเปนคู่แห่เดินเท้า แห่น่าแห่หลังการสิ่งใด ๆ ถ้าแห่แต่นอกพระราชวังเข้ามา เปนพนักงานมหาดไทยกลาโหมได้เกณฑ์ (ถ้าแห่แต่) ในพระราชวังออกไปนอกพระราชวัง เปนพนักงานเสมียนตรากรมวังได้เกณฑ์ นายควรนายเวรมหาดไทยสั่งบอกเข้าไป ให้ชาววังว่าแก่หลวงรักษมณเฑียร หลวงบำเรอภักดิ์ หลวงรักษมณเฑียร หลวงบำเรอภักดิ์สั่งให้ชาววังอยู่เวรเกณฑ์พระหลวงขุนหมื่นคู่แห่เดินเท้าแห่พระเจดีย์ทราย สั่งเวรนายควร
(๒ สิ่งของเครื่องราชูประโภคจะสร้างใหม่)
๏ เครื่องจะได้ทำขึ้นใหม่ พระไชยใหญ่ ๑ เล็ก ๑ แผ่นทองพระสุพรรณบัตร ๑ พระมหาสังวาล ๑ พระมหาสังข์ทอง ๑ พระมหาสังข์เงิน ๑ พระมหามงกุฎ ๑ ฉลองพระบาท ๑ พัชนีฝักมขาม ๑ ธารพระกรง่าม ๑ ธารพระกรยอดทอง ๑ ดอกจำปาทอง (อย่าง) ๑ ดอก พิกุลทอง (อย่าง) ๑ ดอกพิกุลเงิน ๑ แผ่นทองรองเขียนรูปราชสีห์ ๑ พระกลด (ด้าม) เงิน ๑ พระเต้าทอง ๑ พระเต้าเงิน ๑ ตั่งไม้มะเดื่อ ๘ ท่อน้ำ (สหัสธารา) ดีบุก ๑ พระแสงตรีศูล ๑ พระแสงจักร ๑ พระเสมาธิปัต ๑ พระฉัตรไชย ๑ พระเกาวพ่าย ๑ พระมหาธงไชย (ครุธพ่าห์) ๑ ธงไชยกระบี่ธุช ๑ พระเต้าเบญจครรภ ๑ พระที่นั่งสุวรรณปฤษฎางค์ทอง ๑ กลองอินทเภรี ๑ มโหรทึก ๑ พระมณฑปที่สรง ๑ (สี่สิ่งข้างหลังนี้) จะเตือนเขา พระนามลงแผ่นทอง ๑ รวม ๕๑ (นับได้แต่ ๔๐) สิ่งอธิบาย
เครื่องราชูประโภคที่กล่าวมานี้ สังเกตได้โดยสิ่งของ คือ พระมณฑปที่สรงพระกระยาสนานเปนต้น เห็นว่าสร้างสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเศก แลบาญชีนี้เขียนไว้ในหว่างจดหมายเหตุปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ กับปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖ จึงเข้าใจว่าสร้างเมื่อจะทำพระราชพิธีปราบดาภิเศก เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕(๓ ถือน้ำสารท)
๏ วันจันทร์เดือน ๑๐ แรม ๑๓ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๓๒๖) เพลาเช้าข้าทูลลออง (ธุลีพระบาท) ผู้ใหญ่ผู้น้อยข้างน่าข้างในฝ่ายทหารฝ่ายพลเรือนถือน้ำพร้อมกันณวัดโพธิ์
อธิบายว่า เวลานั้นวัดพระศรีรัตนศาสดารามยังสร้างไม่แล้ว จึงถือน้ำที่วัดพระเชตุพน(๔ ลอยพระประทีปเดือน ๑๑)
๏ อนึ่งเดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรมค่ำ ๑ เปนวันออกพระวษา เสด็จลงลอยกระทงน่าขนานประจำท่าคำรบ ๓ วัน เรือพระที่นั่งบัลลังก์รัตนาศน์ เปนพนักงานนายไกรลาศ๒ตำรวจในขวา เรือพระที่นั่งบัลลังก์ราชสมเสพเปนพนักงาน (นายแก้วภักดี) ตำรวจในซ้ายได้นำออกทอดที่น่าขนานประจำท่า หลังคาเรือใส่สีผ้าแดงผูกม่านทั้ง ๒ ลำแล้วมีม่านรั้วด้วย
พระยาราชสงคราม แลเจ้ากรมปลัดกรมหัวหมื่นพันทนายทหารในซ้ายขวาได้ลงอยู่สำหรับเรือพระที่นั่งบัลลังก์รัตนาศน์ พระที่นั่งบัลลังก์ราชสมเสพคอยรับใช้
เรือทอดทุ่นเหนือน้ำท้ายน้ำน่าฉาน แลเรือทอดทุ่นนั้นลำละ ๓ คน มีโคมสานตามเพลิงใบ ๑ มีฆ้องใบ ๑ ห้ามเรือมิให้ล่วงเข้ามาขึ้นล่องได้ เรือตำรวจใหญ่ซ้ายอยู่เหนือน้ำลำ ๑ เรือตำรวจใหญ่ขวาอยู่ท้ายน้ำลำ ๑ เรือตำรวจในซ้าย เรือตำรวจในขวาอยู่น่าฉาน ๒ ลำ รวมเปน (เรือทอดทุ่น) ๔ ลำ
เรือรูปสัตว์สำหรับลอยพระประทีปนั้น เปนพนักงานนายนิต นายชิด หุ้มสีสักหลาด๓ข้าหลวงเดิม เปนเรือพระที่นั่งสีสักหลาดลำ ๑ เรือพระที่นั่งกราบ (ลำทรง) ลำ ๑ เรือพระที่นั่งกราบ (ลำ) รองลำ ๑ เรือพระที่นั่งกิ่งลำ ๑ เรือพระที่นั่งหงส์ลำ ๑ เรือพระที่นั่งครุธลำ ๑ เรือเอกไชย ๒ ลำ รวมเปน ๘ ลำ
นายไกรลาศตำรวจในขวาได้เอาเรือลอยพระประทีป เรือนาค เรือคชสีห์ เรือกิเลนรวม ๓ ลำไปส่ง นายแก้วราช๔ตำรวจในซ้ายได้เอาเรือนาค เรือราชสีห๕ เรือกิเลน รวม ๓ ลำไปส่ง แลเรือลอยพระประทีปทั้งนี้เจ้าพนักงานได้เอาไปส่งทหารในณเรือพระที่นั่งบัลลังก์ทั้ง ๓ วัน
แลเรือพระที่นั่งบัลลังก์ เรือทอดทุ่น เรือรูปสัตว์ ลอยพระประทีปทั้งปวงนี้ พันพรหมราช (กลาโหม) ได้ตรวจตราว่ากล่าว
ทหารในซ้ายขวาได้ส่งเรือหยวกลอยพระประทีป แต่ล้วนทหารในซ้าย ๑๕๐ (ลำ) ขวา ๑๕๐ (ลำ) ๓ วัน เปนเรือหยวก (๓๐๐ ลำ)
หมื่นทิพมาลา หมื่นเทพมาลา ขึ้นแก่ (หลวง) พรหมวิจิตร (หลวง) เพ็ชวกรรม (ช่างเขียน) ได้ส่งกระทงกระดาษดอกบัววันละ ๑๐๐ กระทง ทั้ง ๓ วัน เปนกระทง (ดอกบัว) ๓๐๐ ดอก
เรือใช้ไปคอยรับใช้อยู่ณท้ายพระตำหนักแพ เปนเรือทหารในซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ เรือทนายเลือกหอกซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ เรือทนายเลือกปืนซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ รวม ๖ ลำ
(เชือก) พรวนล่ามกันหญ้า๖ ผูกลอยไว้น่าพระตำหนักแพสำหรับกันสายน้ำ มิให้เรือกระทงลอยปะแพเข้าไปชิดเรือพระที่นั่งบัลลังก์นั้น พนักงานนครบาลได้ทำแลเอาไปผูก
ดอกไม้เพลิงระทาแลพลุจีนนั้น เปนพนักงานขุนแก้ว ขุนทอง๗ ขี้นแก่พันจันท์มหาดไทย(๕ เสด็จพระราชทานพระกฐินทางชลมารค)
๏ วันพุฒเดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๓๒๖) เพลาเช้า เสด็จไปพระราชทานพระกฐินทางชลมารค วัดบางว้าใหญ่ต้นมือ ๑ วัดหงส์๘ ที่ ๒ เรือทรงพระกฐินนั้นเอาเรือพระที่นั่งใหญ่แคร่จัตุรมุข มหาดเล็กห่มชมพูลงพายทอดน่า ฝีพายตำรวจใหญ่ลงพายทอดหลัง๙ พายนั้นใบปิดทองด้ามทาชาด มีหัวหมื่นตำรวจใหญ่ถือธงสามชายน่าเรือคน ๑ นายเรือตำรวจใหญ่ลงไปสำหรับเรือ ๓ คน ขุนหมื่นศุภรัตไปสำหรับผ้าพระกฐินคน ๑ แตรสังข์ลงเรือ (พระกฐิน) แตรงอนคู่ ๑ แตร (ฝรั่ง) วิลันดาคู่ ๑ สังข์คน ๑ แลเรือพระกฐินนั้นพนักงานตำรวจใหญ่
(เรือพระกฐินนั้น๑๐) เดิมนายนิต นายชิด แลหลวงอินทรเทพ หลวงพิเรนทรเทพ หมื่นไชยาภรณ์ หมื่นไชยภูษา ได้ตบแต่ง พันพรหมราชกลาโหมเวรเรือได้ตรวจตราว่ากล่าว
พันจันท์ได้เกณฑ์เรือดั้งอาสาวิเศษซ้ายขวา ชักเรือพระกฐินคู่ ๑ ใส่ปี่พาทย์รามัญลำ ๑ ใส่ลครรำลำ ๑ นอกกว่านี้เปนเรือแห่ ๒ คู่ ๔ ลำ
ล้นเกล้าล้นกระหม่อมเสด็จไปพระราชทานพระกฐินณวัดบางว้าใหญ่ วัดหงส์ เสด็จทรงเรือพระที่นั่งศรีสักหลาดพื้นแดงเขียนลายรดน้ำ เรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้า บ้านใหม่ (ลำ ๑) โพธิ์เรียง ลำ ๑ ชักเรือพระที่นั่ง
เรือดั้งทหารใน ซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งซ้ายลำ ๑ ขวาลำ ๑ (ในต้นฉบับขาดชื่อกรมไป ๒ คู่) เปนเรือดั้ง ๔ คู่นำเสด็จ แลเรือตำรวจใน เรือชาววัง เรือข้าทูลลอองธุลีพระบาทนำตามเสด็จเปนอันมาก
ครั้นแสด็จถึงวัดแล้ว ฝ่ายทหารเกณฑ์ให้หมู่พนักงานล้อมวง เปนคนด้านซ้าย ตำรวจใหญ่ซ้าย ๓๐ ทหารในซ้าย ๓๐ ตำรวจในซ้าย ๓๐ ตำรวจนอกซ้าย ๒๕ สนมทหารซ้าย ๑๕ ทนายเลือกหอกซ้าย ๒๐ รวม ๑๔๐ ด้านขวา (กรมนั้น ๆ ฝ่ายขวา๑๑) ๑๔๐ คน รวมเปน ๒๘๐ คน ล้อมวงทั้งนี้เปนพนักงานพันเทพราช (กลาโหมตรวจตรา)
ปืนท้ายบอง ปืนหามแล่น ไปตามเสด็จแล้วเอาปืนไปตั้งจุกช่องอยู่ตามซ้ายตามขวา เปนปืนตำรวจในซ้าย ๒ กระบอก ปืนตำรวจในขวา ๒ กระบอก ปืนตำรวจใหญ่ซ้าย ๒ กระบอก ปืนตำรวจใหญ่ขวา ๒ กระบอก ปืนอาสาเดโชกระบอก ๑ ปืนอาสาท้ายน้ำกระบอก ๑ ปืนอาสาซ้ายกระบอก ๑ ขวากระบอก ๑ รวมปืน ๑๒ กระบอก คน ๓๒ คน ล้อมวงทั้งนี้เปนพนักงานพันอินทราชเวรปืน (กลาโหมตรวจตรา)(๖ เสด็จพระราชทานพระกฐิน ทางสถลมารค)
๏ ฝ่ายทหารพลเรือนเกณฑ์แห่พระกฐินไปพระราชทานวัดโพธิ์ที่ ๑ วัดสระเกษ๑๒ที่ ๒ (เมื่อ) ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๓๒๖)
(กระบวนแห่ผ้าไตรพระกฐิน๑๓) เปนคน (ฝ่าย) ทหาร ปี่กลองชนะ ๑๕ คู่ รวม ๓๐ คน แตรงอน ๓ คู่ แตรวิลันดา ๓ คู่ สังข์งอน ๑ รวม ๑๓ คน ปืนคาบชุด ตำรวจในซ้าย ๒๕ ตำรวจในขวา ๒๕ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๒๕ ตำรวจใหญ่ขวา ๒๕ รวม (ตำรวจ) ๑๐๐ คน ถือแหลนอาสาซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ เขนทองซ้าย ๒๐ ขวา ๒๐ (อาสา) เดโช ๒๐ (อาสา) ท้ายน้ำ ๒๐ รวมคนกรมอาสา ๑๒๐ คน (ถือ) ธงสามชาย หมู่สี่ตำรวจอาสาหกเหล่า ทหารใน รวม ๘๐ คน พลเรือนคนเดินเท้า ๑๐๐ คน รวม (กระบวรแห่ผ้าไตรพระกฐิน) ๔๙๓ คน
(กระบวรแห่เสด็จ) ทหารเกณฑ์เจ้ากรมปลัดกรมหัวหมื่นตัวสี๑๔ พันทนายตำรวจเลว แห่เสด็จ ฯ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมไปพระราชทานพระกฐิน วัดโพธิ์ที่ ๑ วัดสระเกษที่ ๒ ทางสถลมารค ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก เพลาเช้า เปนการปรกติ๑๕ เกณฑ์คนแห่ (คือ) กระบวรน่า พระยาเทพวรชุณ ๑ พระยาราชนิกูล ๑ นำริ้ว ๒ ตำรวจในซ้าย ๓๐ ตำรวจในขวา ๓๐ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๓๐ ตำรวจใหญ่ขวา ๓๐ ตำรวจนอกซ้าย ๓๐ ตำรวจนอกขวา ๓๐ สนมทหารซ้าย ๒๐ สนมทหารขวา ๒๐ รวมกระบวรน่า ๒๒๒ คน
กระบวรหลัง (ทหาร หลวงนรินทรเสนี๑๖) ๑ ทหารในซ้าย ๓๐ ทหารในขวา ๓๐ (เข้ากรม) ทหารบ้านใหม่ ๑ (เจ้ากรมทหาร) โพธิ์เรียง ๑ พลพันซ้าย ๕ พลพันขวา ๕ ทนายเลือกซ้าย ๒๐ ทนายเลือกขวา ๒๐ ปืนท้ายที่นั่ง ๓๖ หลวงวาสุเทพ ๑ หลวงพิศณุเทพ ๑ พลเรือน หลวงศรีสหเทพ ๑ ทนายเลือกแสงปืน ๑๐ รวมกระบวนหลัง ๒๕๐ คน
ถือหอกจุกช่องตามตรอกถนน ตำรวจในซ้ายในขวา (จุกช่องละ) ๒ คน ชาย ๑๔ ช่อง รวม ๒๘ คน ขวา ๑๖ ช่อง รวม ๓๒ คน รวมเปน ๓๐ ช่อง ๖๐ คน
(เสด็จ) ขึ้นวัดแล้วคอยกราบทูลพระกรุณา ฯ พระยาสีหราชเดโช ๑ หลวงไกรเทพ ๑ ขุนจง (พยุห) ๑ ฯ(๗ ลอยพระประทีปเดือน ๑๒)
๏ ถึงเดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรมค่ำ ๑ เปนวันเพ็ญเดือน ๑๒ เสด็จลงลอยเรือพระประทีป
แลเรือพระประทีปนั้นพนักงานตำรวจในซ้ายในขวา เอาเรือพระที่นั่งบัลลังก์รัตนาศน์ บัลลังก์ราชสมเสพมาทอดที่น่าพระตำหนักแพ เปนพนักงานตำรวจในซ้ายขวา ตำรวจใหญ่ซ้ายขวา ทหารในซ้ายขวา แลหมื่นทิพมาลา หมื่นเทพมาลา (ซึ่ง) ขึ้นแก่ (หลวง) พรหมวิจิตร (หลวง) เพ็ชวกรรมช่างเขียนซ้ายขวา เอาเรือรูปสัตว์ เรือหยวก กระทงดอกบัว ไปส่งณเรือพระที่นั่งทั้ง ๓ วัน เทียนซึ่งจุดเพลิงลอยพระประทีปนั้นเจ้าพนักงานไปเบิกต่อกรมวัง กรมวังเบิกต่อข้างใน เรือไชย ๖ ลำ แลเรือห้ามเหนือน้ำ เรือห้ามท้ายน้ำ น่าฉาน เจ้าพนักงานทั้งนี้ทำตามอย่าง (ลอยพระประทีปคราวเดือน ๑๑) ออกพรรษา ฯ(๘ พิธีจองเปรียง)
๏ อนึ่งเดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑ เจ้าพนักงานตำรวจใหญ่ซ้ายขวาเอาเสาโคมไชย โคมพระประเทียบ ขึ้นน่าพระที่นั่งที่เสด็จออกในพระราชฐาน ตำรวจในซ้ายขวาผลัดกันทำโคมไชยคนละปี โคมพระประเทียบคนละปี เพลาค่ำอยู่ตามโคมทุกวันกว่าจะครบกำหนด โคม (บริวาร) รายในวังริมโคมพระประเทียบนั้น เปนพนักงานตำรวจนอกซ้าย ๑๐ ตำรวจนอกขวา ๑๐ รวม (โคมตำรวจนอก) ๒๐ สนมทหารซ้าย ๑๐ สนมทหารขวา ๑๐ รวม (โคมสนมทหาร) ๒๐ ได้เอาโคมไปขึ้นพร้อมกันกับโคมไชยโคมพระประเทียบ แลโคมตามฉนวนประจำท่าพนักงาน ตำรวจในซ้าย ๕ ขวา ๕ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๕ ขวา ๕ รวม (เปนโคม) ๒๐ ดวงได้ตาม
แล (โคมบันดาศักดิ์) ต่างรูปตราจำนำ แขวนณศาลลูกขุน๑๗ เปนพนักงานพันเภา หัวพันมหาดไทยได้กะเกณฑ์หมายบอกเจ้าพนักงานตรวจตราว่ากล่าว
โคมตามกำแพงรอบพระนครนั้น เปนพนักงานนครบาลนายอำเภอได้ป่าวร้องราษฎรชาวบ้าน น่าบ้านผู้ใดผู้ใกล้เคียงได้เอาเสาโคมขึ้น
แลตามโคมไชย โคมประเทียบ โคมบริวาร (โคม) บันดาศักดิ์ตามศาลาลูกขุน โคมราษฎรชาวบ้าน (ทั้งนี้) เอาขึ้นเดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑ พร้อมกัน ต่อถึงเดือนอ้ายขึ้นค่ำ ๑ จึงลดโคมพร้อมกันทั้งสิ้น ฯ(๙ กระบวรเสด็จงานพระเมรุพระเจ้ากรุงธนบุรี)
๏ (ฝ่าย) ทหารเกณฑ์เรือพระที่นั่ง เรือดั้งเรือกัน แลจุกช่องคลองน้ำซ้ายขวาตามทางเสด็จ แต่ฉนวนน้ำประจำท่าถึงวัดบางยี่เรือ
ครั้นถึงวัดบางยี่เรือแล้วเกณฑ์ทนายคบหอกอยู่ล้อมวงตามพนักงาน แล้วอยู่ตั้งกองคอยเหตุท้ายน้ำกอง ๑ สำหรับเสด็จพระราชทาน (เพลิง) ศพเจ้าที่ล่วงณวัดบางยี่เรือ๑๘
(กระบวร) ทางชลมารค เรือพระที่นั่งศรีสักหลาดลำ ๒ (ฝีพาย) ๔๘ คน เรือพระที่นั่งทองแขวนฟ้า บ้านใหม่ลำ ๑ (พลพาย) ๕๗ คน โพธิ์เรียงลำ ๑ (พลพาย) ๕๗ คน
เรือดั้ง ทหารในซ้าย ลำ ๑ (พลพาย) ๖๕ คน ขวา ลำ ๑ (พลพาย) ๖๐ คน เกณฑ์หัดอย่างฝรั่ง ซ้าย ลำ ๑ (พลพาย) ๕๒ คน อาสาวิเศษซ้าย ลำ ๑ (พลพาย) ๖๗ คน ขวา ลำ ๑ (พลพาย) ๖๗ คน รวมเรือดั้ง ๓ คู่ พลพาย ๓๖๓ คน
เรือจุกช่อง (ฝ่ายซ้าย) ตำรวจใหญ่ซ้าย (จุกช่อง) ที่แม่น้ำใหญ่น่ากฎีจีน๑๙ ๒ คน คลองริมบ้านพระอภัยวานิช ๒ คน คลองเข้าไปวัดบางสะไก่๒๐ ๒ คน คลองวัดบางยี่เรือ ๒ คน (ฝ่ายขวา) ตำรวจใหญ่ขวา (จุกช่อง) ที่คลองขุดใหม่๒๑ ๒ คน คลองวัดสังข์กระจาย ๒ คน คลองบางลำเจียก ๒ คน รวม (จุกช่อง ๗ แห่งเปนคน) ๑๔ คน
ล้อมวงซ้าย ตำรวจใหญ่ซ้าย ๓๐ คน ทหารในซ้าย ๒๐ คน ตำรวจนอกซ้าย ๓๐ คน ทนายเลือกหอกซ้าย ๒๐ คน สนมทหารซ้าย ๑๕ คน รวม (ล้อมวงฝ่ายซ้าย) ๑๔๐ คน ล้อมวงฝ่ายขวา (กรมฝ่ายขวา๒๒) ๑๔๐ คน รวมล้อมวงทั้งซ้ายขวาเปนคน ๒๘๐ คน
ปืนท้ายที่นั่ง ตำรวจในซ้ายปืน ๒ กระบอก คน ๖ คน ตำรวจในขวาปืน ๒ กระบอก คน ๖ คน ตำรวจใหญ่ซ้ายปืน ๒ กระบอก คน ๖ คน ตำรวจใหญ่ขวาปืน ๒ กระบอก คน ๖ คน อาสาเดโชปืนกระบอก ๑ คน ๓ คน อาสาท้ายน้ำปืนกระบอก ๑ คน ๓ คน อาสาซ้ายปืนกระบอก ๑ คน ๓ คน ขวาปืนกระบอก ๑ คน ๓ คน รวมเปนปืน ๑๒ กระบอก คน ๓๖ คน
กองคอยเหตุอยู่ท้ายน้ำที่ด่านบางหลวง หลวงสรเสนี ๑ ขุนราม ๑ ขุนชนะ ๑ ไพร่ถือหอก ๑๐ รวม ๑๓ คน ฯ(๑๐ ยิงปืนอาฏานา)
๏ อนึ่งเดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ จะสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่นั้น พันอินทราช พันเทพราช ได้เกณฑ์ปืนใหญ่น้อยยิงอาฏานาการพระราชพิธีตรุษ ณวันเดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๓๒๖)
เปนปืนคาบชุดยิงพร้อมกัน ๓ นัด แล้วงดทีเดียว (ยิงที่) ประตูพระราชวังเสมอประตูละ ๕ กระบอก ๑๗ ประตู๒๓เปนปืน ๘๕ กระบอก
ปืนคาบศิลายิง (เปน) สัญญาที่โรงพระราชพิธี ๓๐ กระบอก
ปืนคาบชุดตั้งยิงที่น่าศาลาลูกขุน ๕๐๐ กระบอก เปนปืนคาบศิลา ๓๐ กระบอก ปืนคาบชุด ๕๘๕ กระบอก รวมปืนเล็ก ๖๑๕ กระบอก
ปืนใหญ่ยิงพร้อมกัน ๓ นัด แล้วผลัดกันยิงกว่าจะรุ่ง (คือ)
ปืน (ขนาด) กระสุน ๒ นิ้ว ดินดำ ๖ บาท (ตั้งยิงที่) ประตูเมืองรอบนอก (ทั้งประตูใหญ่แลประตูช่องกุฏิ์) เสมอประตูละ ๒ กระบอก ๓๘ ประตูเปนปืน ๗๖ กระบอก
ปืน (ขนาด) กระสุน ๓ นิ้ว ๔ นิ้ว ดินชั่ง ๑ (ตั้งยิงบน) ป้อมละ ๒ กระบอก ๑๓ ป้อมเปนปืน ๒๖ กระบอก (ตั้งยิงที่) ถนนหลังโรงช้าง ทางไปวัดสลัก ๒ กระบอก๒๔ ถนนน่าโรงช้าง ๒ กระบอก๒๕ ถนนน่าโรงเสื้อเมืองโรงทรงเมือง ๒ กระบอก๒๖ ถนนน่าบ้านเจ้าพระยารัตนาพิพิธ ๒ กระบอก๒๗ รวม ๔ ถนนเปนปืน ๘ กระบอก
ฝั่งตวันตก ปืนคาบชุดยิงที่น่าโรงพระแก้ว (พระราชวังเดิม) ๒๐๐ กระบอก
ปืนใหญ่กระสุน ๒ นิ้วยิงพร้อมกัน ๓ นัดกว่าจะรุ่ง (ตั้งยิง) ที่ตะแลงแกง ๒ กระบอก๒๘ ต้นสพานกฎีแขก ๒ กระบอก ฉางเกลือ ๒ กระบอก๒๙ วัดบางว้าน้อย ๒ กระบอก รวม (ปืนยิงทางฝั่งตวันตก) ปืนเล็ก ๒๐๐ กระบอก ปืนใหญ่ ๘ กระบอก
รวมปืนยิงอาฏานาเปนปืนใหญ่ ๑๑๘ กระบอก ปืนเล็ก ๘๑๕ กระบอกฯ(๑๑ ก่อพระทราย)
๏ อนึ่งเมื่อครั้ง (แผ่นดิน) สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกษฐ์นั้น ครั้นวันขึ้นปีใหม่โหรถวายฤกษ์เปนวันมหาสงกรานต์ เจ้าพนักงานได้ก่อพระทรายน่าพระวิหารหลวงวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์
หมู่สี่ตำรวจรวมกันทำพระมหาธาตุองค์ ๑ สูง ๘ ศอก มียอดนพศูล
พระทรายสูง ๒ ศอก ๘๐ องค์ เกณฑ์ตำรวจใน ซ้าย ๘ องค์ ขวา ๘ องค์ ตำรวจใหญ่ ซ้าย ๘ องค์ ขวา ๘ องค์ ตำรวจนอก ซ้าย ๔ องค์ ขวา ๔ องค์ สนมทหาร ซ้าย ๔ องค์ ขวา ๔ องค์ สนมกลาง ซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ อาสา ซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ เขนทอง ซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ อาสาเดโช ๓ องค์ (อาสาท้ายน้ำ) ๓ องค์ ทำลุ ซ้าย ๒ องค์ ขวา ๒ องค์ รักษาองค์ ซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ ดั้งทอง (ซ้าย ๒ องค์) ขวา ๒ องค์๓๐
แลเครื่องราชวัตรฉัตรธงเครื่องประดับพระทรายนั้น เจ้าพนักงานได้เบิกสิ่งของให้แก่ช่างเขียนทำ แลพระทรายนั้นช่างเขียนได้ตัด๓๑
ครั้นรุ่งขึ้นเพลาเช้าวันมหาสงกรานต์ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมเสด็จไปณพระวิหารใหญ่ด้วย๓๒ นิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะอธิการวัดได้ฉันณพระวิหารใหญ่ฉลองพระทราย แลที่พระ (ทราย) มหาธาตุแลพระทรายบริวารนั้น วิเสศแต่งเทียนแลบายศรี (มี) เทียนทองคำขวัญบูชาพระทรายองค์ละสำรับ
ครั้นแสร็จ (งาน) พระทรายที่วัดพระศรีสรรเพ็ชญ์แล้ว รุ่งขึ้นเปนวันเนา เจ้าพนักงานจึงเอาทรายแลเตียงเข้าไปให้ล้นเกล้าล้นกระหม่อมทรงก่อพระทรายณพระที่นั่งทรงปืน เปนพระปรางค์ ๕ ยอด (พนักงาน) หมู่เรือพระที่นั่งศรีสักหลาดซ้ายองค์ ๑ หมู่เรือพระที่นั่งศรีสักหลาดขวาองค์ ๑ หมู่เรือพระที่นั่งกราบลำทรงซ้ายองค์ ๑ หมู่เรือพระกินรกราชลำทรงขวาองค์ ๑ เปนพระปรางค์ ๕ ยอด ๔ องค์ พระสถูป๓๓เจดีย์ (พนักงาน) หมู่เรือกราบพระที่นั่งรองซ้ายองค์ ๑ หมู่เรือกราบพระที่นั่งรองขวาองค์ ๑ หมู่เรือดั้งทหารในซ้าย นายจงใจสนิทองค์ ๑ หมู่เรือดั้งทหารในขวา นายจิตรรักษาองค์ ๑ หมู่ตำรวจในซ้าย นายไชยรักษาองค์ ๑ หมู่ตำรวจในขวา นายโชติอภัยองค์ ๑ เปนพระสถูปเจดีย์ ๖ องค์ ทรงก่อแล้วพนักงานยกพระทรายออกมาให้ช่างเขียนตัด แลเครื่องประดับพระทรายนั้น ให้เจ้าพนักงานเบิกทองอังกฤษประดับ แลช่าง๓๔เขียนทำประดับประดาพระทราย แล้วยกเข้าไปตั้งไว้ณพระที่นั่งทรงปืน ครั้นรุ่งขึ้นเพลาเช้าวันเถลิงศก เสด็จ ฯ ออกฉลองพระเจดีย์ทรายเตียงยกณพระที่นั่งทรงปืน พระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว เจ้าพนักงานยกพระทรายออกมาตั้งไว้ณศาลาลูกขุนท้ายสระ พันพุฒ พันเทพราช พันจันท์ เกณฑ์เครื่องเล่นแลคู่แห่เดินเท้าแลม้า ปี่กลองชนะ ธงสามชาย ปี่กลองมลายู ปี่กลองใน แห่พระทรายไปไว้ณวัดวรโพธิ์ วัดพระราม วัดมงคลบพิตร (เปน) อย่างธรรมเนียมสืบมาแต่ก่อน (ดังนี้)
แลทุกวันนี้เสด็จลงมาสร้างพระนครอยู่เมืองธนบุรี ครั้นถึงกำหนดสงกรานต์เมื่อใด ก็ให้หมายบอกแก่เจ้าพนักงานให้ก่อพระทรายน่าวิหารพระแก้วมรกฎ๓๕แลพระทรายเตียงยกตามอย่างในพระบรมโกษฐ์แต่ก่อน
อนึ่งถ้าเสด็จไปก่อพระทรายน้ำไหลนั้น พันทิพราช ได้คุมเจ้าพนักงานสี่ตำรวจ สนมทหาร ตำรวจนอก ไปทำพลับพลาของหลวงแลข้างใน แลฉนวนรับเสด็จ พันเทพราชได้เกณฑ์อาสาหกเหล่าไปปลูกทิมสงฆ์ แลได้หมายบอกเจ้าพนักงานให้ก่อพระทราย เปนตำรวจในซ้าย ๓ องค์ ขวา ๓ องค์ เปน ๖ องค์ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๓ องค์ขวา ๓ องค์เปน ๖ องค์ ตำรวจนอกซ้าย ๒ องค์ขวา ๒ องค์เปน ๔ องค์ สนมทหารซ้าย ๒ องค์ ขวา ๒ องค์เปน ๔ องค์ รักษาองค์ซ้าย ๒ องค์ขวา ๒ องค์เปน ๔ องค์ ดั้งทองซ้าย ๑ ขวา ๑ เปน ๒ องค์ ทำลุซ้าย ๑ ขวา ๑ เปน ๒ องค์ อาสาซ้าย ๒ ขวา ๒ เปน ๔ องค์ (อาสา) เดโช ๒ องค์ อาสาท้ายน้ำ ๒ องค์ เขนทองซ้าย ๒ ขวา ๒ เปน ๔ องค์ เข้ากันเปน (พระทราย) ๔๐ องค์
ทหารในซ้ายขวาได้ทำวังเวียนสำหรับเวียนพระทราย แลริ้วเฝือกวงรอยพลับพลานั้นเปนพนักงานแขวงนายอำเภอ แลปลาซึ่งมีในเฝือกนั้นเปนพนักงานอาสาซ้ายขวา ได้เอาแหทอดปลาในเฝือกเสียให้สิ้น อย่าให้มีปลาเงี่ยงปลางาอยู่ได้ ครั้นฉลองพระทรายแล้ว เสด็จสรงน้ำในเฝือกวงอยู่นั้น(๑๒ แห่พระราชสาส์นไปเมืองจีน)
๏ ณวันพฤหัศบดี เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำปีมโรงฉศก (พ.ศ. ๒๓๒๗) มีหมายนายบริบาลบรรยงก์ (นายเวรกลาโหม) มาว่า พระยาพระคลังรับสั่งใส่เกล้า ฯ สั่งว่า พระฤกษ์จะได้เชิญพระราชสาส์นแห่ไปลงสำเภาทรงพระราชสาส์น เพลาเช้าณวันเสาร์ เดือน ๗ แรม ๑๐ ค่ำ ปีมโรงฉศก จะได้แห่ไปแต่ถนนน่าหอพระเชษฐบิดร ออกประตูริมศาลาลูกขุนไปลงตะพานใหญ่เหนือฉนวน๓๖
แลมีกฎหมายแต่ก่อนว่า ถ้าจะแห่พระราชสาส์นไปลงสำเภานั้น ตำรวจได้มารับเอาพระมณฑปต่อหลวงรักษาสมบัติไปตั้ง (คานหาม) แลให้สี่ตำรวจเอาพระมณฑปไปตั้ง (ที่) ถนนประตูออกกำแพงแก้วน่าหอพระเชษฐบิดร แลให้มหาดไทย กลาโหม เกณฑ์หลวงขุนหมื่นนุ่งสมปักลายใส่เสื้อ (ครุย) หัวใส่พอกหัว เดินเท้าแห่น่า ๓๐ คู่ ไพร่ใส่เสื้อแดงถือปืน ๕๐ คน ถือธง ๕๐ คน ปี่กลองชนะ ๓ คู่ ปี่กลองมลายูสำรับ ๑ แตรงอนคู่ ๑ แตรลำโพง (ฝรั่ง) คู่ ๑ เครื่องสูงแห่น่า ๓ คู่ แห่หลัง ๒ คู่ รวม ๕ คู่ แลหลวงขุนหมื่นนุ่งลายใส่เสื้อครุยใส่พอกแห่หลัง ๕ คู่ เกณฑ์แห่พร้อมแล้ว อาลักษณ์จึงเชิญพระราชสาส์นลง (พานรอง) พระราชสาส์นวางในพระมณฑป แห่ลงไปลงเรือพระที่นั่งณประตูฉนวน ให้ราชทูต อุปทูต ตรีทูต บั้นสื่อเดินเคียงประคองห่างข้างละ ๒ คน แลตำรวจใหญ่ได้เอาเรือพระที่นั่งกิ่งบรรจุพลพายครบกระทงมารับพระราชสาส์น มหาดเล็กบำเรอถือเครื่องแห่ตามเหมือนอย่างเสด็จ ฯ หมื่นราชเสนหาถือธงน่าเรือ ทูตทั้ง ๓ บั้นสื่อนั่งรายตีนตองซ้ายขวา (ตั้ง) สัปทนแพรทั้ง ๔ มุมพระมณฑป เกณฑ์พระยา พระ หลวง ขุน หมื่น ขี่เรือกันยาแห่น่า ๕ คู่ แห่หลัง ๕ คู่ แห่ลงไปตามแม่น้ำถึงสำเภาทรงพระราชสาส์น แลให้คนงานกรมการซึ่งอยู่บนสำเภายิงปืน (รับพระราชสาส์น) ๕ นัด (ฤๅ) ๗ นัด แล้วเชิญพระราชสาส์นขึ้นไว้บนท้ายพรม๓๗ อาลักษณ์เอามารองรอบพระมณฑป ราชทูต ข้าหลวง บั้นสื่อ นายสำเภา ล้าต้า พร้อมกันกราบถวายบังคม ๓ ลาแล้วกลับมา (ดังนี้)
ให้มหาดไทย กลาโหม เกณฑ์คู่แห่เดินเท้าแลหมายบอกเจ้าพนักงานทั้งปวงให้ทั่วให้เตรียมกันให้พร้อมแต่เพลาเช้าณวันเสาร์ เดือน ๗ แรม ๑๐ ค่ำ ปีมโรงฉศก จงทุกพนักงานอย่าให้ขาดได้ตามรับสั่ง
ทหารพลเรือนเกณฑ์ขุนหมื่นนุ่งสมปักลายห่มเสื้อครุย หัวใส่พอก พันทนายแลไพร่ห่มเสื้อแดง ตาริ้ว (กระบวนแห่) ถือธงสามชาย ถือปืนคาบชุดแลกลองชนะแตร แลสี่ตำรวจหามพระมณฑปรับพระราชสาส์นณหอพระเชษฐบิดรไปออกประตูวิเศษไชยศรี แห่ตามถนนไปลงเรือพระที่นั่งกิ่งใหญ่ณฉนวนนั้น เกณฑ์
กระบวรน่า (ฝ่าย) ทหารตำรวจในซ้ายขวา ตำรวจใหญ่ซ้ายขวา ตำรวจนอกซ้ายขวา เกณฑ์ถือปืนคาบชุดกรมละ ๓ คู่ ถือธงสามชายกรมละคู่ ๒ เปนคนกรมละ ๘ คน รวม ๖ กรมเปนคน ๔๘ คน ปี่กลองชนะ ๓ คู่ แตรงอน ๒ แตรลำโพง ๒ สี่ตำรวจหามพระมณฑปทรงพระราชสาส์น ๑๖ รวม (คนฝ่ายทหารกระบวรน่า) ๗๔ คน (ฝ่าย) พลเรือน หลวง ขุน หมื่น (คู่แห่) เดินเท้า ๑๕ คู่ เครื่องสูง ๓ คู่ รวมคนฝ่ายพลเรือนกระบวรน่า ๓๖ คน รวมคนกระบวรน่า ๑๑๐ คน
กระบวรหลัง (ฝ่าย) ทหาร สนมตำรวจซ้ายขวาถือปืนคาบชุดกรมละ ๓ คู่ ถือธงสามชายกรมละคู่ ๑ รวม ๒ กรมเปนคน ๑๖ คน (ฝ่าย) พลเรือน ขุนหมื่น (คู่แห่) เดินเท้า ๕ คู่ เครื่องสูง ๒ คู่ รวมพลเรือน ๑๔ คน รวมกระบวรหลัง ๓๐ คน รวมคนกระบวรแห่ทั้งสิ้น ๑๔๐ คน
แลเรือพระที่นั่งกิ่งทรงพระราชสาส์นแลพลพายนั้น เปนพนักงานตำรวจใหญ่ซ้ายขวาได้แต่ง หัวหมื่นนุ่งสมปักลายใส่เสื้อครุยขาว ใส่พอกถือธงห้าชายน่าเรือ พลพายนั้นอย่างธรรมเนียมแต่ก่อนนุ่งสนับเพลาผ้าท่อน๓๘ พายนั้นด้ามทาชาดใบปิดทอง ครั้งนี้๓๙หามีสนับเพลาผ้าท่อนไม่ มีแต่พายด้ามทาชาดใบปิดทอง เรือพระที่นั่งกิ่งแลพลพายนั้น เปนพนักงานพันพรหมราชได้กะเกณฑ์ว่ากล่าว พันจันท์ได้เกณฑ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทขี่เรือพลายม้ายาว ๘ วา ๙ วา มีถาดหมากคนโทตามบันดาศักดิ์ บรรจุพลพายตามสมควร แห่พระราชสาส์น
เปนเรือทรงพระราชสาส์นลำ ๑ (ผู้ที่ลงในนั้น) ทหารปีกลองชนะแลแตรงอนแตรลำโพง รวม ๑๐ คน หัวหมื่นนายเรือ ๑ ถือธง ๑ รวม ๒ คน พลพาย ๗๐ พลเรือน ราชทูต ๑ อูปทูต ๑ ตรีทูต ๑ บั้นสื่อ ๑ รวม ๔ สนมถือเครื่องสูงสามชั้น ๒ สองชั้น ๒ รวม ๔ รวม (คนลงในเรือทรงพระราชสาส์น) ๙๐ คน
เรือคู่แห่น่า ๑๕ คู่ หลัง ๕ คู่ รวมเปนเรือ ๔๐ ลำ ฯ-----------------------------------
๑ คือท้องพระโรงพระราชวังเดิม เวลานั้นแรกเสวยราชย์ ยังไม่สร้างกรุงเทพ ฯ
๒ ในทำเนียบว่านายไกรภักดี
๑ คำว่าหุ้มสีสักหลาดนี้ เค้าหุ้มแพร ๆ เปนตำแหน่งในมหาดเล็ก หุ้มสีสักหลาด เห็นจะเปนตำแหน่งในฝีหาย ↩
๔ ในทำเนียบว่านายแก้วภักดี
๕ ในต้นฉบับว่า คชสีห์ ซ้ำกันไป เห็นว่าที่ถูกคงจะเปนราชสีห์
๖ ในต้นฉบับเขียน กันอย่า อย่างไรจะถูกสงไสยอยู่
๗ ขุนแก้ว ขุนทอง เปนเจ้ากรมช่างดอกไม้ซ้ายขวา
๘ เวลานั้นสมเด็จพระสังฆราชอยู่วัดบางว้าใหญ่ คือวัดระฆังเดี๋ยวนี้ พระธรรมธิรราชมหามุนี ที่พระพนรัตน์อยู่วัดหงส์
๙ ในต้นฉบับเขียนทอดห้น แปลไม่ออกจึงแก้ตามความ
๑๑ ตรงนี้ต้นฉบับลบ คาดว่าจะเปนเรือพระกฐิน
๑๑ ในต้นฉบับมีชื่อกรมเหมือนข้างน่าทุกกรม จำนวนคนก็เท่ากัน.
๑๒ เวลานั้นคลองคูพระนครเห็นจะยังขุดไม่แล้ว จึงเสด็จวัดสระเกษทางสถลมารค
๑๓ แห่พระกฐินแต่ก่อน กระบวรแห่ผ้าไตรไปน่า แล้วกระบวรแห่เสด็จตามไป พึ่งเลิกเมื่อรัชกาลที่ ๔
๑๔ ตัวสี เปนคนจำพวก ๑ ในตำรวจ แต่โบราณมีคนในฝีพายอิกจำพวก ๑ เรียกว่าแขนลาย
๑๕ ที่ว่าเปนการปรกติ เห็นจะหมายความว่ามิใช่กระบวนพยุหยาตราชึ่งมีแต่บางปี.
๑๖ ตรงนี้ต้นฉบับลบ คงเปนชื่อข้าราชการ เพราะมีเลข ๑ อยู่จึงคาดว่าจะเปนหลวงนรินทรเสนีฝ่ายทหาร ด้วยข้างหลังต่อไปเปนฝ่ายพลเรือน.
๑๗ ดูจะเปนทำนองโคมตราอย่างเช่นแขวนงานวิสาขะบูชา
๑๘ วันแลเดือนไม่ปรากฎในต้นฉบับ แต่เข้าใจว่าคงอยู่ในระหว่าง แต่เดือนอ้ายจนเดือน ๔ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๒๖ เพราะวางตำรานี้ไว้ระหว่างนั้น
๑๙ ตรงที่สร้างวัดกัลยาณมิตร
๒๐ เดี๋ยวนี้เรียกว่าคลองบางไส้ไก่
๒๑ เรียกว่าคลองขุดใหม่นี้ เข้าใจว่าคลองคูกรุงธนบุรีที่ต่อคลองบางกอกใหญ่
๒๒ ในต้นฉบับมีรายชื่อกรมเหมือนฝ่ายซ้าย
๒๓ ว่า ๑๗ ประตู เห็นจะเปนทั้งประตูชั้นนอก ทั้งพระราชวังหลวงแลพระราชวังบวร ฯ
๒๔ คือถนนน่าพระธาตุ
๒๕ คือถนนน่าพระลาน
๒๖ คือถนนน่าพระลาน
๒๗ คือถนนท้ายวัง เข้าใจว่าเวลานั้นบ้านเจ้าพระยารัตนาพิพิธอยู่ตรงสวนกุหลาบ
๒๘ เห็นจะอยู่ตรงหลังวัดอรุณ
๒๙ อยู่ริมโรงพยาบาลศิริราช
๓๐ ยอดจำนวนเกินต้นฉบับ ๑๐ องค์
๓๑ จะหมายความว่า เขียนตัดเส้นระบายสี ฤๅตัดพระทรายให้เปนรูปทรงสงไสยอยู่
๓๒ พระวิหารหลวงพระศรีสรรเพ็ชญ์มี ๓ หลัง พระวิหารใหญ่ คือหลังกลาง
๓๓ ในต้นฉบับเขียน พระประถมเจดีย์ ที่ถูกคงเปน พระสถูปเจดีย์ คู่กับพระปรางค์
๓๔ ในต้นฉบับว่าเครื่องเขียน เห็นว่าคงจะเปนช่างเขียน จึงทำประดับประดา
๓๕เปนเวลาแรกสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จึงก่อพระทรายน่าวิหารพระแก้วมรกฏ คือน่าพระอุโบสถทุกวันนี้.
๓๖ หอพระเชษฐบิดรนั้น เล่ากันว่าอยู่ตรงหอพระนาคในวัดพระแก้ว แต่ที่กล่าวตรงนี้ ดูเปนเอาแบบอย่างครั้งกรุงเก่ามาว่า ดังจะเห็นต่อไปข้างหลัง ไปถึงข้างปลายจึงกล่าวว่าแห่ออกประตูวิเศษไชยศรี
๓๗ ในต้นฉบับเขียน “บนทายพงวำอาลักษณ์” ดังนี้ คิดไม่เห็นว่าจะเปนอะไรอื่น
๓๘ ในต้นฉบับเขียน ผ้าทอร
๓๙ ในต้นฉบับเขียน ครั้งนั้น เห็นว่าครั้งนี้จึงจะได้ความ.
ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ