[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
14 ธันวาคม 2568 20:15:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า:  1 ... 10 11 [12]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระเครื่อง  (อ่าน 268226 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2730


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #220 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2568 10:03:43 »



รูปหล่อใหญ่หลวงพ่อชุ่ม วัดราชคาม

เหรียญแสตมป์ พ.ศ.2484 หลวงพ่อชุ่ม วัดราชคาม

“หลวงพ่อชุ่ม พุทธสโร” วัดราชคาม อ.เมือง จ.ราชบุรี พระเกจิอาจารย์ที่ชาวราชบุรี ให้ความนับถือ เพราะมีเมตตากรุณา ช่วยเหลือชาวบ้านที่มีทุกข์ร้อนป่วยไข้

ทรงภูมิความรู้และวิทยาคมหลายอย่าง เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นพระอาจารย์ เป็นคณาจารย์การปกครอง เป็นพระอาจารย์สอนปริยัติธรรมและกัมมัฏฐาน

สร้างวัตถุมงคลไว้ได้แก่ เช่น ผ้ายันต์ ตะกรุด แหวน ฯลฯ อันเป็นที่นิยมและหวงแหนมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เหรียญแสตมป์”

สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2484 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ช่วยเหลือกิจการของวัด และตอบแทนผู้บริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถวัดใหม่ต้นกระทุ่ม

ลักษณะเป็นแผ่นภาพอะลูมิเนียมสกรีนรูปเหมือน 2 แผ่น ขนาดเล็กประกบกันมีหูในตัว โดยสั่งทำจากประเทศญี่ปุ่น ชาวบ้านมักเรียกว่า เหรียญแสตมป์ หรือ เหรียญจับเงา จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุแน่ชัด บ้างก็ว่าสร้างจำนวนไม่เกิน 2,000 เหรียญ

ด้านหน้า เป็นลักษณะตะแกรงลงถมเป็นรูปหน้าตรงครึ่งองค์ มีอักษรขอม 4 ตัวที่มุมเหรียญอ่านว่า นะ มะ พะ ทะ (หัวใจธาตุ) ด้านล่างองค์ท่าน เขียนคำว่า “ชุ่ม”

ด้านหลัง ผูกเป็นยันต์ตารางมงคลเก้าตามแบบที่เป็นเอกลักษณ์ (ยันต์ครู) มุมทั้ง 4 ด้านของแผ่นภาพเขียนอ่านได้ ว่า อุด อัด ปัด ปิด

ด้านล่างของตารางยันต์มีภาษาขอม อ่านได้ว่า กิริมิทิ กึรึมึทึ กุรุมุทุ เกเรเมเท

จัดเป็นวัตถุมงคลหายากและเป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องและชาวราชบุรี


หลวงพ่อชุ่ม พุทธสโร

อัตโนประวัติ ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ จุลศักราช 1241 อันตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน 2422 ที่ ต.คุ้งน้ำวน อ.เมือง จ.ราชบุรี บิดา-มารดาชื่อ นายทุ้ม และนางลำใย กลิ่นเทพเกษร เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 9 คน

อายุ 9 ปี บิดานำมาฝากเรียนหนังสือขอมและไทยกับหลวงปู่โต๊ะ วัดราชคาม กระทั่งอายุ 16 ปี จึงบรรพชา

อายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดท่าสุวรรณ อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2441 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ จุลศักราช 1260 มีพระอธิการพู่ วัดราชคาม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า พุทธสโร

อยู่ศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานจากพระอธิการพู่ และพระอธิการอินทร์

ปี พ.ศ.2448 เมื่อพระอธิการพู่มรณภาพลง ก็ได้รับการนิมนต์ให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสืบแทน

สําหรับวัดราชคาม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ต.คุ้งน้ำวน อ.เมือง จ.ราชบุรี บางตำราว่าสร้างปี พ.ศ.2409

ภายในวัดมีพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง ชื่อหลวงพ่ออู่ทอง ถือเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่วัด เป็นพระพุทธรูปเนื้อสำริดปางมารวิชัย สร้างขึ้นในสมัยอู่ทอง (ราวประมาณ พ.ศ.1300-1897) ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่ออู่ทอง” วัดนิมนต์มาจากวัดตากแดด ซึ่งสมัยนั้นเป็นวัดร้าง จัดเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ หาชมได้ยากยิ่งในพื้นที่แม่กลอง

หลังดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ได้ดำเนินการทำนุบำรุงวัดสุดความสามารถ บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งในด้านถาวรวัตถุ ตลอดจนการศึกษาพระปริยัติธรรม

นอกจากนั้น ยังได้จัดสร้างโรงเรียน เพื่อเป็นสถานศึกษาของลูกหลานชาวบ้านในละแวกวัด มีชื่อว่า โรงเรียนประชาบาลชุ่มประชานุกูล

ลําดับงานปกครองและสมณศักดิ์ พ.ศ.2458 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดราชคาม

พ.ศ.2467 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2473 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลคุ้งน้ำวน (เจ้าคณะหมวด)

พ.ศ.2479 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน

มีความสามารถทั้งด้านการพัฒนาถาวรวัตถุและจิตใจของทุกคน นำความเจริญมาสู่วัดราชคาม มากด้วยความเก่งกล้า มีคาถาอาคม ช่วยเหลือชาวบ้านในทุกทาง ชำนาญด้านการแพทย์แผนโบราณ วิชาทำน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ปลุกเสกลงเลขยันต์และอื่นๆ

ตามคำบอกเล่าของหลวงพ่อป้อม เจ้าอาวาสรูปถัดมา เล่าถึงประวัติการเดินธุดงค์ซึ่งได้รับฟังจากปากหลวงพ่อชุ่มเองว่า เมื่อบวชได้ 3 พรรษา เริ่มสนใจในวิทยาคม พยายามศึกษาเล่าเรียนและเริ่มออกเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ คราวละ 3 ปี บางครั้งก็ธุดงค์ไปพม่าบ้าง

ครั้งหนึ่งเดินธุดงค์จนถึงวัดมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ขณะนั้นราวปี พ.ศ.2446 หลวงปู่ศุข ปกครองวัดมะขามเฒ่า ศึกษาวิชาจากหลวงปู่ศุข หลายแขนงเกี่ยวกับวิชาด้านคาถาอาคม จนครั้งหนึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จมายังวัดราชคาม เนื่องด้วยเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน และเมื่อหลวงพ่อชุ่มกลับมาอยู่วัดราชคาม จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ขณะนั้นชื่อเสียงของท่านเป็นที่เลื่องลือมาก

จากการที่ธุดงค์จนเป็นกิจวัตร ทำให้ได้รู้จักกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ เมื่อคราวออกธุดงค์ไปศึกษาวิชากับหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ทำให้ท่านทั้ง 2 เป็นสหธรรมิกกันเรื่อยมา

เริ่มอาพาธ ประกอบกับย่างเข้าวัยชราไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ จึงทรุดหนักลงในเร็ววัน คณะศิษย์และผู้เคารพนับถือ ร่วมกันรักษาพยาบาลอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถทำให้อาการทุเลาลงได้

กระทั่งวันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2498 เวลาตีสี่ครึ่ง จึงมรณภาพด้วยอาการสงบ

สิริอายุ 77 ปี พรรษา 57 และมีพิธีประชุมเพลิง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2500




พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ หลวงปู่เหรียญ


พระสมเด็จหลังยันต์อุ หลวงปู่เหรียญ

พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่หลังอุ หลวงปู่เหรียญ สุวัณณโชติ วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี

“พระโสภณสมาจาร” หรือ “หลวงปู่เหรียญ สุวัณณโชติ” อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) และอดีตเจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรี

ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกใกล้ชิดและได้รับการสืบทอดวิทยาคมจากหลวงปู่ยิ้ม เจ้าอาวาสรูปสำคัญของวัดหนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี อันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมสูง

ที่สำคัญ ยังเคยถ่ายทอดวิทยาคม สั่งสอนศิษยานุศิษย์ให้เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในด้านไสยเวทในยุคต่อมาอีกหลายรูป

นอกจากหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัวแล้ว ยังมี หลวงปู่ดี วัดเหนือ, หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ, หลวงพ่อสอน วัดลาดหญ้า, หลวงพ่อแช่ม วัดจุฬามณี, หลวงพ่อหัง วัดเหนือ, หลวงพ่อดอกไม้ วัดดอนเจดีย์, หลวงพ่อเหมือน วัดกลางเหนือ เป็นต้น

สร้างวัตถุมงคลและเครื่อรางไว้มากมาย อาทิ ตะกรุด ลูกอม ลูกอมแผง แหวนพิรอด พระปิดตา ซึ่งสร้างตามแบบของหลวงปู่ยิ้ม แต่มีขนาดย่อมกว่า สันนิษฐานว่าได้สร้างมาเรื่อยๆ ตามแต่จะมีผู้เลื่อมใสศรัทธาขอและแจกเรื่อยมา

จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิต บรรดาลูกศิษย์เห็นว่าวัตถุมงคลที่ได้รับแจกมามีประสบการณ์ ประกอบกับเห็นว่า หลวงปู่ชราภาพมากแล้ว จึงกราบขอให้จัดสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล เพื่อไว้เป็นที่ระลึกและแจกให้ผู้ที่มาร่วมบุญ

วัตถุมงคลทุกรุ่น ล้วนแต่ได้รับความนิยม

โดยเฉพาะ พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ สร้างในปี พ.ศ.2497

ลักษณะเป็นพระพิมพ์สมเด็จสี่เหลี่ยมแบบทั่วไป องค์พระเป็นเนื้อผงมีสีขาวอมเหลือง จัดเป็นพระเนื้อผงพิมพ์มาตรฐานอีกพิมพ์ จำนวนการสร้างไม่ได้จดบันทึกไว้

ด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธรูปปางสมาธิบนฐาน 3 ชั้นแบบพระสมเด็จทั่วไป องค์พระเป็นแบบสมเด็จทั่วไปแต่มือจะชนกันเป็นรูปตัววี

ด้านหลังเรียบ ไม่มีอักขระยันต์ใดๆ

นอกจากนี้ ยังมี “พระสมเด็จหลังยันต์อุ” สร้างขึ้นในปีเดียวกัน ลักษณะเป็นพระพิมพ์สมเด็จสี่เหลี่ยมปลายมน เป็นพระเนื้อผงมีสีขาวอมเหลือง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้เช่นกัน

ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธรูปปางสมาธิบนฐาน 3 ชั้นแบบพระสมเด็จทั่วไป โดยองค์พระจะตัดขอบล้อไปกับเส้นซุ้มระฆังครอบ เป็นแบบสมเด็จอกร่อง

ด้านหลังเรียบ มีอักขระยันต์ “อุ” จึงเป็นที่มาของชื่อพิมพ์

พระสมเด็จหลวงปู่เหรียญ เป็นวัตถุมงคลพิมพ์มาตรฐานยอดนิยมที่ชาวเมืองกาญจน์ นิยมหวงแหนมาก



หลวงปู่เหรียญ สุวัณณโชติ

มีนามเดิมว่า เหรียญ รัสสุวรรณ เป็นบุตรของชาวไทยเชื้อสายจีน เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2419 ตรงกับวันเสาร์ แรม 7 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด ที่บ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี บิดา-มารดาชื่อ นายโผ และนางแย้ม รัสสุวรรณ มีพี่น้องรวมกันทั้งหมด 7 คน

ถึงแม้จะเกิดมาในตระกูลชาวนา-ชาวไร่ มีอาชีพที่เรียกว่าหาเช้ากินค่ำ ต้องช่วยบิดา มารดา หาเลี้ยงชีพตามวิสัยชาวชนบทในสมัยที่บ้านเรือนยังไม่เจริญรุ่งเรือง

แต่กระนั้น ก็ยังสามารถเสาะแสวงหาความรู้ ด้วยความเอาใจใส่กับวิชาที่เล่าเรียน จนสามารถอ่านออกเขียนได้ มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญยิ่งทั้งภาษาไทย และภาษาขอม เป็นที่พึ่งแก่คนทั่วไป นับได้ว่าควรแก่การสรรเสริญ

จากนั้นจึงได้กลับมาช่วยเหลือบิดา มารดา ทำไร่ไถนา เป็นการแบ่งเบาภาระตามความจำเป็นในยุคนั้น

อายุย่าง 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2440 มีเจ้าอธิการยิ้ม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสิงคิบุรณคณาจารย์ (คง ทองสุด) วัดเทวสังฆาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์อยู่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “สุวัณณโชติ”

อยู่จำพรรษาอยู่วัดศรีอุปลารามตลอดมา ครั้นมีพรรษาพอสมควร ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ มอบกิจการต่างๆ ให้ช่วยดูแล และเป็นพระกรรมวาจาจารย์ในญัตติกรรมบวชนาค

ระหว่างที่ปรนนิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์และศึกษาวิทยาคมจากหลวงปู่ยิ้มจนหมดสิ้น

เป็นพระนอบน้อมถ่อมตน ไม่ชอบโอ้อวดว่าท่านมีดี ให้เกียรติและยกย่องเชิดชูพระอุปัชฌาย์และศิษย์รุ่นพี่ร่วมสำนักอยู่เสมอ

พ.ศ.2454 หลวงปู่ยิ้ม ถึงแก่มรณภาพลง พระครูวิสุทธิรังษี (เปลี่ยน อินทสโร) วัดชัยชุมพลชนะสงคราม เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยพระครูสิงคิบุรคราจารย์ (สุด) วัดเทวสังฆาราม รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวสืบมา

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2458 เป็นเจ้าคณะแขวงเมือง

พ.ศ.2473 เป็นพระอุปัชฌาย์

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2461 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูนิวิฐสมาจาร

พ.ศ.2490 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2496 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระโสภณสมาจาร

มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2503

สิริอายุ 84 ปี พรรษา 63 •



ที่มา มติชนออนไลน์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 ธันวาคม 2568 10:22:12 โดย ใบบุญ » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  1 ... 10 11 [12]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.859 วินาที กับ 28 คำสั่ง