[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 มิถุนายน 2568 04:36:49 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เกือบตาบอดเพราะความเพียร : หลวงปู่ชอบ  (อ่าน 2240 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Compatable
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +3/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1207


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 42.0.2311.135 Chrome 42.0.2311.135


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2558 23:11:35 »



หลวงปู่ชอบเล่าว่า..
ตอนจำพรรษาที่ถ้ำนายมหลวงปู่เร่งความเพียรอย่างอุกฤตนั่งภาวนาชนิดหามรุ่งหามค่ำโดยไม่สนใจวันคืน นั่งภาวนา
ข้ามวันข้ามคืนติดต่อกันหลายวันจนก้นแตก ทำให้นั่งภาวนาลำบาก เมื้อนั่งภาวนาไม่ได้ก็หันมาเดินจงกรมแทน ท่านเดิน
จงกรมชนิดเอาเป็นเอาตายจนหนังที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้างเปิดออกมีอาการเจ็บแสบที่ฝ่าเท้าไม่ต่างอะไรกับถูกมีดกรีด
เวลาเดินต้องเอาผ้าพันฝ่าเท้า เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด..
ท่านพิจารณาถึงความเพียรของตนเองว่า เราทำความเพียรหนักมากจนเกินไปไม่มีความพอดีในการปฎิบัติ
ร่างกายเลยสู้กับความเพียรไม่ไหว ถ้าขืนยังเร่งความเพียรอย่างหนักแบบนี้อีก ต่อไปร่างกายมันจะทนไม่ไหว...

‪"กิเลสยังไม่ตายแต่ร่างกายของเรามันแตกไปก่อนกิเลส‬"

ท่านจึงผ่อนความเพียรของตนลงเพื่อรักษาธาตุขันธ์.. ช่วงที่ท่านผ่อนความเพียรลงนั้น พอท่านฉันข้าวก็มีอาการ
ง่วงเหงาหาวนอนอย่างผิดปกติ เวลาสวดมนต์ไหว้พระนั่งภาวนาก็เผลอสตินั่งหลับสัปหงกอยู่เป็นประจำ พอเผลอสติ
เมื่อไหร่อาการหลับนกหลับในก็มาเยือนทุกทีซึ่งแต่ก่อนอาการเหล่านี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับท่านมากนัก
ท่านหาอุบายวิธีต่างๆมาแก้ไขตนเองในเรื่องนี้ เช่นฉันพริกในเวลาที่เกิดอาการง่วง ตอนมันเผ็ดมันก็หายง่วงไปชั่ว
ขณะแต่พอหมดฤทธิ์พริกอาการง่วงมันก็กลับมาเหมือนเดิม ท่านจึงตั้งสัจจะไม่นอนเพื่อเป็นการดัดสันดานทรมานกิเลส
ตัดง่วงเหงาที่คอยมารบกวนในการปฎิบัติของท่าน ท่านตั้งสัจจะว่าถ้าหากข้าพเจ้าเผลอสติหลับไปในเวลาใด ขอให้
ข้าพเจ้าขาดใจตายไปพร้อมกับขาดสติของข้าพเจ้าโดยทันที หลวงปู่ชอบท่านเริ่มอดนอนครั้งสามวันถึงจะพักคืนหนึ่ง
ต่อมาถึงเพิ่มเป็นเจ็ดวันถึงจะพักผ่อนครั้งหนึ่ง พอเห็นว่าร่างกายและสติของตนเองมีความเข้มแข็งขึ้นมามาก ท่าน
จึงเพิ่มจำนวนวันในการอดนอนทำความเพียรเป็นลำดับ โดยเพิ่มการอดนอนทำความเพียรต่อเนื่องกันถึงสิบวันสิบ
ห้าวันถึงจะพักผ่อนครั้งหนึ่ง

ตอนอดนอนสิบห้าวันนั้นท่านว่ามันทรมานมาก นัยต์ตาของท่านทั้งสองข้างจะมีอาการปวดจนน้ำตาไหลออกมาอยู่
เรื่อยๆมองดูแสงสว่างก็ไม่ได้เพราะทำให้ปวดลูกนัยต์ตาจนต้องไปอยู่ในถ้ำเพื่ออาศัยความมืดภายในของถ้ำ
ช่วยประคองสายตา ถ้าไม่ทำเช่นนั้นแล้วเส้นเลือดนัยต์ตา‎จะแตกและอาจตาบอดได้‬ !

ปู่ชอบเล่าว่า ธุดงค์สิบสามข้อเราทำมาทั้งหมดไม่มีข้อไหนหนักเท่ากับเนสัชชิก ข้อนี้หนักสุด ทรมานที่สุด
อดข้าวเป็นเดือนยังไม่หนักเท่ากับการอดนอนทั้งอาทิตย์...อดข้าวยังได้นอนพักสายตา แต่อดนอนจะได้พักสายตาก็
ต่อเมื่อหลับภาวนาเท่านั้น อดนอนหลายวันตามันปวด น้ำตามันจะไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา หนักๆเข้าเหมือนกับ
มีไฟมาจ่อสุมอยู่ในลูกตาตลอดเวลา..เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า..ทำไมพระจักขุบาลท่านถึงได้ตาบอด
จากการทำความเพียรอดนอน

อดนอนนี่มหาโหดที่สุด ถ้าถือธุดงค์ข้อนี้แล้ว แต่แอบไปนอนในท่านั่ง ถ้าทำแบบนี้กิเลสมันก็ขี่หัวได้เหมือนเดิม..
นั่งผิงผาหลับใครก็ทำได้หรอก ถ้าทำแบบนี้แล้วอย่ามาตั้งสัจจะให้เสียเวลา ! อย่ามาตั้งสัจจะให้อายพระพุทธรูป !
ให้มันหลอกตัวเอง สุดท้ายแล้วก็ถูกกิเลสสับกระโหลกให้หลับอยู่คือเก่า..เราบ่อเอาแบบนั้น ตั้งสัจจะไม่นอน แต่มานั่ง
ผิงฝา ตั้งสัจจะแบบนั้นเป็นการหลอกตัวเองเฉยๆ ไม่มีประโยชน์ เราเอาขนาดว่าถ้าเราเผลอสติหลับไปเมื่อ
ไหร่ก็ให้เราขาดใจตายกันไปเมื้อนั้นเลย กิเลสมันก็กลัวตายเหมือนกันมันเลยบ่กล้าหลับ ปีนั้นซัดกันหนักเลย...
‪‎ตาจะบอดหรือตัวจะตายเพราะความเพียรเราแลกทั้งหมด‬ !

จากเรื่องเล่าของหลวงปู่ชอบ..

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.154 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 13 มิถุนายน 2568 01:16:10