| ◎ ช้าปี่ มาจะกล่าวบทไป | | ถึงระเด่นลันไดอนาถา |
| เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา | | ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ |
| ◎ เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง | | เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย |
| ไม่มีใครชิงชังทั้งหญิงชาย | | ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี |
| พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ | | ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่ |
| บรรทมเหนือเสื่อลำแพนแท่นมณี | | ภูมีซบเซาเมากัญชา ฯ ๔ คำ ฯ |
| ◎ร่าย ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง | | โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า |
| เสร็จเสวยข้าวตังกับหนังปลา | | ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ |
| ◎ชมตลาด กระโดดดำสามทีสีเหงื่อไคล | | แล้วย่างขึ้นบันไดเข้าในห้อง |
| ทรงสุคนธ์ปนละลายดินสอพอง | | ชโลมสองแก้มคางอย่างแมวคราว |
| นุ่งกางเกงเข็มหลงอลงกรณ์ | | ผ้าทิพย์อาภรณ์พื้นขาว |
| เจียระบาดเสมียนละว้ามาแต่ลาว* | | ดูราวกับหนังแขกเมื่อแรกมี |
| สวมประคำดีควายตะพายย่าม | | หมดจดงดงามกว่าปันหยี |
| กุมตระบองกันหมาจะราวี | | ถือซอจรลีมาตามทาง ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า |
| ◎ร่าย มาเอยมาถึง | | เมืองหนึ่งสร้างใหม่ดูใหญ่กว้าง |
| ปราสาทเสาเล้าหมูอยู่กลาง | | มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวัง |
| พระเยื้องย่างเข้าทางทวารา | | หมู่หมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลัง |
| แกว่งตระบองป้องปัดอยู่เก้กัง | | พระทรงศักดิ์หยักรั้งคอยราญรอน ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
| ◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะหูกลวงดวงสมร |
| ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร | | เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว |
| โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา | | บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว |
| แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว | | หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย |
| ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า | | คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย |
| จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย | | ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง |
| พอเหลือบเห็นระเด่นลันได | | อรไทผินผันหันข้าง |
| ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง | | ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง |
| งามกว่าภัสดาสามี | | ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง |
| เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง | | นางตะลึงแลดูพระภูมี ฯ ๑๐ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | พระสุวรรณลันไดเรืองศรี |
| เหลียวพบสบเนตรนางตานี | | ภูมีพิศพักตร์ลักขณา ฯ 2 คำ ฯ |
| ◎ ชมโฉม สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด | | งามละม้ายคล้ายอูฐกะกลาป๋า |
| พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา | | ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ |
| คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย | | จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ |
| หูกลวงดวงพักตร์หักงอ | | ลำคอโตตันสั้นกลม |
| สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว | | โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม |
| เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม | | มันน่าเชยน่าชมนางเทวี ฯ ๖ คำ ฯ |
| ◎ ร่าย นี่จะเป็นลูกสาวท้าวพระยา | | ฤๅว่าเป็นพระมเหสี |
| อกใจทึกทักรักเต็มที | | ก็ทรงสีซอสุวรรณขึ้นทันใด ฯ ๒ คำ ฯ |
| ◎ พัดชา ยักย้ายร่ายร้องเป็นลำนำ | | มีอยู่สองสามคำจำไว้ได้ |
| สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร | | ถูกแล้วกลับไปได้เท่านั้น ฯ ๒ คำ ฯ |
| ◎ ร่าย แล้วซ้ำสีอิกกระดิกนิ้ว | | ทำยักคิ้วแลบลิ้นเล่นขบขัน |
| เห็นโฉมยงหัวร่ออยู่งองัน | | พระทรงธรรม์ทำหนักชักเฉื่อยไป ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี |
| ◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะตานีศรีใส |
| สดับเสียงสีซอพอฤทัย | | ให้วาบวับจับใจผูกพัน |
| ยิ่งคิดพิศวงพระทรงศักดิ์ | | ลืมรักท้าวประดู่ผู้ผัวขวัญ |
| ทำไฉนจะได้พระทรงธรรม์ | | มาเคียงพักตร์สักวันด้วยรักแรง |
| คิดพลางทางเข้าไปในห้อง | | แล้วตักเอาข้าวกล้องมาสองแล่ง |
| ค่อยประจงลงใส่กระบะแดง | | กับปลาสลิดแห้งห้าหกตัว |
| แล้วลงจากบันไดมิได้ช้า | | เข้ามานอบนบจบเหนือหัว |
| เอาปลาใส่ย่ามด้วยความกลัว | | แล้วยอบตัวลงบังคมก้มพักตรา ฯ ๘ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | ลันไดให้แสนเสนหา |
| อะรามรักยักคิ้วหลิ่วตา | | พูดจาลดเลี้ยวเกี้ยวพาน ฯ ๒ คำ ฯ |
| ◎ โอ้โลม งามเอยงามปลอด | | ชีวิตพี่นี้รอดด้วยข้าวสาร |
| เป็นกุศลดลใจเจ้าให้ทาน | | เยาวมาลย์แม่มีพระคุณนัก |
| พี่ขอถามนามท้าวเจ้ากรุงไกร | | ชื่อเรียงเสียงไรไม่รู้จัก |
| เจ้าเป็นพระมเหสีที่รัก | | ฤๅนงลักษณ์เป็นราชธิดา |
| รูปร่างอย่างว่ากะลาสี | | พี่ให้มีใจรักเจ้าหนักหนา |
| ว่าพลางเข้าใกล้กัลยา | | พระราชาฉวยฉุดยุดมือไว้ ฯ ๖ คำ ฯ |
| ◎ ร่าย ทรงเอยทรงกระสอบ | | ทำเล่นเห็นชอบฤๅไฉน |
| ไม่รู้จักมักจี่นี่อะไร | | มาเลี้ยวไล่ฉวยฉุดยุดข้อมือ |
| ยิ่งว่าก็ไม่วางทำอย่างนี้ | | พระจะมีเงินช่วยข้าด้วยฤๅ |
| อวดว่ากล้าแข็งเข้าแย่งยื้อ | | ลวนลามถามชื่อน้องทำไม |
| น้องมิใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย | | หยาบเหมือนขี้เลื่อยเมื่อยหัวไหล่ |
| ลูกเขาเมียเขาไม่เข้าใจ | | บาปกรรมอย่างไรก็ไม่รู้ ฯ ๖ คำ ฯ |
| ◎ ชาตรี ดวงเอยดวงไต้ | | สบถได้เจ็ดวัดทัดสองหู |
| ความจริงพี่มิเล่นเป็นเช่นชู้ | | จะร่วมเรียงเคียงคู่กันโดยดี |
| ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว | | พี่ไม่กลัวบาปดอกนะโฉมศรี |
| อันนรกตกใจไปใยมี | | ยมพระบาลกับพี่เป็นเกลอกัน |
| เพียงจับมือถือแขนอย่าแค้นเคือง | | จะให้น้องสองเฟื้องอย่าหุนหัน |
| แล้วแก้เงินในไถ้ออกให้พลัน | | นี่แลขันหมากหมั้นกัลยา |
| พอดึกดึกสักหน่อยนะน้องแก้ว | | พี่จะลอดล่องแมวขึ้นไปหา |
| โฉมเฉลาเจ้าจงได้เมตตา | | เปิดประตูไว้ท่าอย่าหลับนอน ฯ ๘ คำ ฯ |
| ◎ ร่าย ทรงเอยทรงกระโถน | | อย่ามาพักปลอบโยนให้โอนอ่อน |
| ไม่อยากได้เงินทองของภูธร | | นางเคืองค้อนคืนให้ไม่อินัง |
| ช่างอวดอ้างว่านรกไม่ตกใจ | | คนอะไรอย่างนี้ก็มีมั่ง |
| เชิญเสด็จรีบออกไปนอกวัง | | อย่ามานั่งวิงวอนทำค่อนแคะ |
| เพียงแต่รู้จักกันกระนั้นพลาง | | พอเป็นทางไมตรีกระนี้แหละ |
| เมื่อพระอดข้าวปลาจึงมาแวะ | | น้องฤๅชื่อประแดะดวงใจ |
| ท่านท้าวประดู่ผู้เป็นผัว | | ยังไปเลี้ยงวัวหากลับไม่ |
| แม้นชักช้าชีวันจะบรรลัย | | เร่งไปเสียเถิดพระราชา ฯ ๘ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะเห็นความจะวามวุ่น |
| จึงนบนอบยอบตัวทำกลัวบุญ | | ไม่รู้เลยพ่อคุณนี้มีฤทธิ์ |
| กระนั้นซิเมื่อพระเสด็จมา | | หมูหมาย่นย่อไม่รอติด |
| ขอพระองค์จงฟังยั้งหยุดคิด | | อย่าให้มีความผิดติดตัวน้อง |
| ท้าวประดู่ภูธรเธอขี้หึง | | ถ้ารู้ถึงท้าวเธอจะทุบถอง |
| จงไปเสียก่อนเถิดพ่อรูปทอง | | อย่าให้น้องชั่วช้าเป็นราคี |
| ว่าพลางทางสลัดปัดกร | | ควักค้อนยักหน้าตาหยิบหยี |
| นาดกรอ่อนคอจรลี | | เดินหนีมิให้มาใกล้กราย ฯ ๘ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | ลันไดไม่สมอารมณ์หมาย |
| เห็นนางหน่ายหนีลี้กาย | | โฉมฉายสลัดพลัดมือไป |
| มันให้ขัดสนยืนบ่นออด | | เจ้ามาทอดทิ้งพี่หนีไปได้ |
| ตัวกูจะอยู่ไปทำไม | | ก็ยกย่ามขึ้นไหล่ไปทั้งรัก ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
| ◎ ช้า เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่สุริวงศ์ทรงกระฏัก |
| เที่ยวเลี้ยงวัวล้าเลื่อยเหนื่อยนัก | | เข้าหยุดยั้งนั่งพักในศาลา |
| วันเมื่อมเหสีจะมีเหตุ | | ให้กระตุกนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา |
| ตุ๊กแกตกลงตรงพักตรา | | คลานไปคลานมาก็สิ้นใจ |
| แม่โคขึ้นสัดผลัดโคตัวผู้ | | พิเคราะห์ดูหลากจิตคิดสงสัย |
| จะมีเหตุแม่นมั่นพรั่นพระทัย | | ก็เลี้ยวไล่โคกลับเขาพารา ฯ ๖ คำ ฯ เชิด |
| ◎ ร่าย ครั้นถึงขอบรั้วริมหัวป้อม | | พระวิ่งอ้อมเลี้ยวลัดสกัดหน้า |
| ไล่เข้าคอกพลันมิทันช้า | | เอาขี้หญ้าสุมควันกันริ้นยุง |
| ยืนลูบเนื้อตัวที่หัวบันได | | แล้วเข้าในปรางค์รัตน์ผลัดผ้านุ่ง |
| ยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างมุ้ง | | เห็นกระบุงข้าวกล้องนั้นพร่องไป |
| ปลาสลิดในกระบายก็หายหมด | | พระทรงยศแสนเสียดายน้ำลายไหล |
| กำลังหิวข้าวเศร้าเสียใจ | | ก็เอนองค์ลงในที่ไสยา |
| กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกมเหสี | | เข้ามานี่พุ่มพวงดวงยี่หวา |
| วันนี้มีใครไปมา | | ยังพาราเราบ้างฤๅอย่างไร ฯ ๘ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะฟังความที่ถามไถ่ |
| กราบทูลเยื้องยักกระอักกระไอ | | ร้อนตัวกลัวภัยพระภูมี |
| ตั้งแต่พระเสด็จไปเลี้ยงวัว | | น้องก็นอนซ่อนตัวอยู่ในที่ |
| ไม่เห็นใครไปมายังธานี | | จงทราบใต้เกศีพระราชา ฯ ๔ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | ท้าวประดูได้ฟังให้กังขา |
| จึงซักไซ้ไล่เลียงกัลยา | | ว่าไม่มีใครมาน่าแคลงใจ |
| ทั้งข้าวทั้งปลาของข้าหาย | | เอายักย้ายขายซื้อฤๅไฉน |
| ฤๅลอบลักตักให้แก่ผู้ใด | | จงบอกไปนะนางอย่าพรางกัน ฯ ๔ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะตกใจอยู่ไหวหวั่น |
| ด้วยแรกเริ่มเดิมทูลพระทรงธรรม์ | | ว่าใครนั้นมิได้จะไปมา |
| ครั้นจะไม่ทูลความไปตามจริง | | ก็เกรงกริ่งด้วยพิรุธมุสา |
| สารภาพกราบลงกับบาทา | | วอนว่าอย่าโกรธจงโปรดปราน |
| วันนี้มีหน่อกระษัตรา | | เที่ยวมาสีซอขอข้าวสาร |
| น้องเสียมิได้ก็ให้ทาน | | สิ้นคำให้การแล้วผ่านฟ้า ฯ ๖ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ได้ฟังนึกกังขา |
| ใครหนอหน่อเนื้อกระษัตรา | | เที่ยวมาสีซอขอทาน |
| เห็นจะเป็นอ้ายระเด่นลันได | | ที่ครอบครองกรุงใกล้เทวฐาน |
| มันเสแสร้างแกล้งทำมาขอทาน | | จะคิดอ่านตัดเสบียงเอาเวียงชัย |
| จึงชี้หน้าว่าเหม่มเหสี | | มึงนี้เหมือนหนอนที่บ่อนไส้ |
| ขนเอาปลาข้าวให้เขาไป | | วันนี้จะได้อะไรกิน |
| ถ้ามั่งมีศรีสุขก็ไม่ว่า | | นี่สำเภาเลากาก็แตกสิ้น |
| แล้วมิหนำซ้ำตัวเป็นมลทิน | | จะอยู่กินต่อไปให้คลางแคลง |
| เจ้าศรัทธาอาศัยอย่างไรกัน | | ฤๅกระนี้กระนั้นก็ไม่แจ้ง |
| จะเลี้ยงไว้ไยเล่าเมื่อข้าวแพง | | ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว ฯ ๑๐ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะเลี้ยวลอดกอดเอวได้ |
| เหมือนเล่นงูกินหางไม่ห่างไกล | | นึกประหวั่นพรั่นใจอยู่รัวรัว |
| โปรดก่อนผ่อนถามเอาความจริง | | เมื่อชั่วแล้วแทงทิ้งเถิดทูนหัว |
| อันพระสามีเป็นที่กลัว | | จะทำนอกใจผัวอย่าพึงคิด |
| พระหึงหวงมิได้ล่วงพระอาญา | | ที่ให้ข้าวให้ปลานั้นข้าผิด |
| น้องนี้ทำชั่วเพราะมัวมิด | | ทำไมกับชีวิตไม่เอื้อเฟื้อ |
| น้องมิได้ศรัทธาอาศัย | | จะลุยน้ำดำไฟเสียให้เชื่อ |
| ไม่มีอาลัยแก่เลือดเนื้อ | | แต่เงื้อเงื้อไว้เถิดอย่าเพ่อแทง ฯ ๘ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | ท้าวประดูเดือดนักชักพระแสง |
| ถ้าบอกจริงให้กูอีหูแหว่ง | | จะงดไว้ไม่แทงอย่างแย่งยุด |
| กูก็เคยเกี้ยวชู้รู้มารยา | | มิใช่มึงโสดามหาอุด |
| มันเป็นถึงเพียงนี้ก็พิรุธ | | ถึงดำน้ำร้อยผุดไม่เชื่อใจ |
| ยังจะท้าพิสูจน์รูดลอง | | พ่อจะถองให้ยับจนตับไหล |
| เห็นว่ากูหลงรักแล้วหนักไป | | เอออะไรนี่หวาน้ำหน้ามึง |
| หาเอาใหม่ให้ดีกว่านี้อีก | | ผิดก็เสียเงินปลีกสองสลึง |
| กำลังกริ้วโกรธาหน้าตึง | | ถีบผึงถูกตะโพกโขยกไป ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
| ◎ โอ้ เมื่อนั้น | | นางประแดะเจ็บจุกลุกไม่ไหว |
| ค่อยยืนยันกะเผลกเขยกไป | | เข้ายังครัวไฟร้องไห้โฮ |
| ร้อนดิ้นเร่าเร่าพ่อเจ้าเอ๋ย | | ลูกไม่เคยโกหกพกโมโห |
| เสียแรงได้เป็นข้ามาแต่โซ | | กลับพาโลโกรธาด่าตี |
| น้องก็ไร้ญาติวงศ์พงศา | | หมายพึ่งบาทาพระโฉมศรี |
| โคตรพ่อโคตรแม่ก็ไม่มี | | อยู่ถึงเมืองตานีเขาตีมา |
| ตะโพกโดกโดยเมียแทบคลาด | | ถีบด้วยพระบาทดังชาติข้า |
| จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้ายา | | ตายโหงตายห่าก็ตายไป ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
| ◎ ร่าย เมื่อนั้น | | ท้าวประดูได้ฟังดังเพลิงไหม้ |
| ดูดู๋อีประแดะค่อนแคะไค้ | | กลับมาด่าได้อีใจเพชร |
| เอาแต่คารมเข้าข่มกลบ | | กูจะจิกหัวตบเสียให้เข็ด |
| ชะช่างโศกาน้ำตาเล็ด | | กูรู้เช่นเห็นเท็จทุกสิ่งอัน ฯ ๔ คำ ฯ |
| ◎ ว่าพลางทางคว้าได้พร้าโต้ | | ดุด่าตาโตเท่ากำปั้น |
| ผลักประตูครัวไฟเข้าไปพลัน | | นางประแดะยืนยันลั่นกลอนไว้ |
| ผลักไปผลักมาอยู่เป็นครู่ | | จะเข้าไปในประตูให้จงได้ |
| กระทืบฟากโครมครามความแค้นใจ | | อึกทึกทั่วไปในพารา ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
| ◎ บัดนั้น | | พวกหัวไม้กระดูกผีขี้ข้า |
| บ่อนเลิกกินเหล้าเมากลับมา | | ได้ยินเสียงเถียงด่ากันอื้ออึง |
| จึงหยุดนั่งข้างนอกริมคอกวัว | | ว่าเมียผัวคู่นี้มันขี้หึง |
| พอพลบค่ำราตรีตีตะบึง | | อึงคะนึงนักหนาน่าขัดใจ |
| แล้วคว้าก้อนอิฐปาเข้าฝาโผง | | ตกถูกโอ่งปาล้อแลหม้อไห |
| พลางตบมือร้องเย้ยเผยไยไย | | แล้ววิ่งไปทางตะพานบ้านตะนาว ฯ ๖ คำ ฯ |
| ◎ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ตาพองร้องบอกกล่าว |
| หยิบงอบครอบหัวตัวสั่นท้าว | | อ้ายพ่อเจ้าชาวบ้านวานช่วยกัน |
| วัวน้ำวัวหลวงกูได้เลี้ยง | | อิฐมาเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่น |
| สาเหตุมีมาแต่กลางวัน | | คงได้เล่นเห็นกันอ้ายลันได |
| ทั้งนี้เพราะอีมะเหเสือ | | จะกินเลือดกินเนื้อกูให้ได้ |
| ขว้างวังครั้งนี้ไม่มีใคร | | ชู้มึงฤๅมิใช่อีมารยา |
| พระฉวยได้ไม้ยุงปัดกวัดแกว่ง | | สำคัญว่าพระแสงขึ้นเงื้อง่า |
| เลี้ยวไล่ฟาดฟันกัลยา | | วิ่งมาวิ่งไปอยู่ในครัว ฯ ๘ คำ ฯ |
| ◎ สับไทย เหม่! เหม่! ดูดู๋อีประแดง | | ที่นี้แหละเห็นประจักษ์ว่ารักผัว |
| หากกูรู้ตัว | | หัวไม่แตกแตน |
| ขว้างแล้วหนีไป | | มิได้ตอบแทน |
| ยิ่งคิดยิ่งแค้น | | เลี้ยวแล่นไล่ตี ฯ ๔ คำ ฯ |
| ◎ รื้อ ทรงเอยทรงกระบอก | | น้องไม่เห็นด้วยดอกพระโฉมศรี |
| ปาวังครั้งนี้ | | มิใช่ชู้น้อง |
| สืบสมดังว่า | | สัญญาให้ถอง |
| วิ่งพลางทางร้อง | | ตีน้องทำไม ฯ ๔ คำ ฯ |
| ◎ เหลือเอยเหลือเถน | | ขัดเขมรขบฟันมันไส้ |
| ปรานีมึงไย | | ใครใช้มีชู้ |
| ไม่เลี้ยงเป็นเมีย | | ไปเสียอย่าอยู่ |
| รั้ววังของกู | | ปิดประตูตีแมว ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
| ◎ โอ้ เมื่อนั้น | | นางประแดะเหนื่อยอ่อนลงนอนแส้ว |
| ยกมือท่วมหัวลูกกลัวแล้ว | | กอดก้นผัวแก้วเข้าคร่ำครวญ ฯ ๒ คำฯ |
| ◎ โอ้ โอ้! พระยอดตองของน้อยเอ๋ย | | กระไรเลยช่างสลัดตัดเด็ดด้วน |
| แม้นชั่วช้าจริงจังก็บังควร | | พ่อมาด่วนมุทะลุดุดันไป |
| จงตีแต่พอหลาบปราบพอจำ | | จะเฝ้าเวียนเฆี่ยนซ้ำไปถึงไหน |
| งดโทษโปรดเถิดพระภูวไนย | | น้องยังไม่เคยไกลพระบาทา |
| ถึงไม่เลี้ยงเป็นพระมเหสี | | จะขอพึ่งบารมีเป็นขี้ข้า |
| ไม่ถือว่าเป็นผัวเพราะชั่วช้า | | จะก้มหน้าเป็นทาสกวาดขี้วัว |
| สิบคนเข้าไม่เท่าคนหนึ่งออก | | อยู่กับคอกช่วยใช้พ่อทูนหัว |
| ร่ำพลางทางทุ่มทอดตัว | | ตีอกชกหัวแล้วโศกา ฯ ๘ คำ ฯ โอด |