เพิ่มเติมสาเหตุของการเจ็บที่บริเวณใต้ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า เกิดจากการอักเสบของพังผืดที่ใต้ฝ่าเท้าที่เรียกว่า Plantar fasciitis
มีการประมาณว่าในแต่ละปีจะมีคนที่ต้องรักษาภาวะนี้ในสหรัฐประมาณ 2 ล้านคน
สาเหตุเกิดจากพังผืดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าที่ทำหน้าที่คอยพยุงโค้งใต้ฝ่าเท้าเกิดการอักเสบหรือมีการระคายเคืองขึ้น
สาเหตุของอาการเจ็บพังผืดที่ใต้ฝ่าเท้ามีหน้าที่คอยรองรับแรงกระแทกเวลาที่เราก้าวเดิน แต่บางครั้ง แรงกดดันที่มากเกินไป
อาจะทำให้มีการทำลาย หรือมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ร่างกายจะตอบสนองต่อการบาดเจ็บนี้โดยการเกิดการอักเสบขึ้น
ทำให้มีอาการเจ็บ และตึงที่ใต้ฝ่าเท้า
ปัจจัยเสี่ยง ผู้ที่มีอาการส่วนใหญ่ จะไม่ทราบว่าต้นเหตุที่ทำให้มีอาการเกิดจากอะไร อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยง
ต่ออาการนี้ได้แก่
• กล้ามเนื้อน่องที่มีอาการตึงเกินไป เนื่องจากขาดการยืดหยุ่นที่ดี
• ความอ้วน
• โค้งฝ่าเท้าที่ใหญ่ผิดปกติ
• การเดินมาก หรือวิ่งมากเกินไป
• มีกิจกรรมประจำวันที่เพิ่มมากขึ้นหรือเป็นกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน
• กระดูกงอกที่ส้นเท้า Heel Spurs
ถึงแม้ว่าหลาย ๆ คนที่มีการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าจะมี กระดูกงอกที่ส้นเท้า แต่ตัวกระดูกนี้ก็ไม่ได้ทำให้มีอาการเจ็บ
ประมาณ 1 ใน 10 ของคนทั่วไปจะมีกระดูกงอก
แต่มีเพียง 5% ของคนที่มีกระดูกงอกนี้แล้วมีอาการเจ็บฝ่าเท้า ดังนั้นถึงแม้ว่าจะตรวจพบว่ามีกระดูกงอกนี้
แต่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออก อาการที่พบได้ในคนที่มีพังผืดอักเสบได้แก่• มีอาการเจ็บที่บริเวณใกล้ส้นเท้า
• มีอาการเจ็บมาก เมื่อเดินสองสามก้าวแรก หลังตื่นนอน หรือหลังจากนั่งรถนาน ๆ อาการเจ็บจะดีขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากเริ่มเดิน
• อาการปวดเป็นมากขึ้นภายหลังออกกำลังกาย (แต่เวลาออกกำลังอาจยังไม่เจ็บ)
การตรวจร่างกายเมื่อได้เล่าประวัติและอาการให้แพทย์ฟัง แพทย์จะทำการตรวจเพื่อดูลักษณะต่อไปนี้:
• ดูลักษณะของโค้งใต้ฝ่าเท้า
• ดูตำแหน่งที่มีอาการกดเจ็บมากที่สุด
• อาการปวดเป็นมากขึ้นเมื่อคุณกระดกเท้า และแพทย์กดบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า เมื่อเหยียดชี้เท้าลง อาการปวดจะดีขึ้น
การตรวจอื่นแพทย์อาจส่งตรวจ X-rays เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีอาการเจ็บฝ่าเท้า
การรักษาและการดูแลมากกว่า 90% ของคนป่วย จะมีอาการดีขึ้นภายใน 10 เดือน โดยการรักษาง่าย ๆ คือ
• การพักการใช้งาน โดยลดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บขึ้น เช่นการวิ่ง หรือการเต้น แอโรบิก
• การใช้น้ำแข็งประคบหรือแช่น้ำเย็นประมาณ 20 นาที โดยอาจใช้วิธีนี้ประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน
• การให้ยาลดการอักเสบของพังผืด เช่นยา
ibuprofen หรือยา
naproxen ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บ
และลดการอักเสบของพังผืด แต่ถ้าใช้ยาติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
• การบริหารยืดกล้ามเนื้อ เนื่องจากอาจมีอาการเพราะการตึงของกล้ามเนื้อน่อง จึงควรบริหาร
ด้วยการยืดกล้ามเนื้อจะช่วยลดอาการได้มาก
• การยืดกล้ามเนื้อน่อง Calf stretch ยืนหันหน้าเข้าหากำลัง วางเท้าข้างหนึ่งอยู่หน้าและงอเข่าเล็กน้อย
ขาอีกข้างอยู่ด้านหลังและเหยียดตรง พยายามดันสะโพกไปด้านหน้าเข้าหากำแพง จะรู้สึกยืดตรงที่น่องของขาหลัง
ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที และให้ทำท่านี้20 รอบ
• การยืดพังผืดฝ่าเท้า Plantar fascia stretch ให้นั่งไขว่ห้าง เอาเท้าข้างที่เจ็บขึ้นมา แล้วกำนิ้วเท้าข้างที่เจ็บ
และดึงเข้าหาตัว ให้รู้สึกฝ่าเท้ายืดออก ประมาณ 10 วินาที และให้ทำ 20 รอบ ท่านี้จะดีถ้าทำในตอนเช้า
ก่อนที่จะยืนหรือเดิน หรืออาจนั่งเหยียดขาใช้ผ้าพันรอบปลายเท้า แล้วดึงเข้าหาตัว
การฉีดยาเข้าบริเวณที่อักเสบ ในบางครั้งจะใช้ยาฉีดเข้าไปเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บและลดการอักเสบ โดยการฉีดยากลุ่ม steroid
ควรจะต้องทำโดยแพทย์กระดูก และไม่ควรฉีดหลาย ๆ ครั้งเพราะอาจจะทำให้มีการขาดของผังพืดได้
ซึ่งจะทำให้กลายเป็น เท้าแบน flat foot และทำให้มีอาการเจ็บเรื้อรังได้
การใส่อุปกรณ์ช่วย supportรองเท้าที่ส้นหนาขึ้นและมีแผ่นลดแรงกระแทกจะช่วยลดอาการเจ็บเวลายืนหรือเดินได้ เนื่องจากการยืด
หรือเดินบนพื้นรองเท้าที่แข็ง ๆ จะทำให้เกิดการฉีกขาดแบบเล็ก ๆ ที่พังผืดได้ การใส่ ซิลิโคน นุ่ม ๆ
รองไว้ในรองเท้าก็ใช้ได้แถมราคายังไม่ค่อยแพง แต่บางคนก็อาจจะต้องสั่งตัดอุปกรณ์เสริมรองเท้า
เพื่อการรักษา
การใส่อุปกรณ์ยึดข้อเท้าในเวลากลางคืน หลายคนในขณะหลับจะมีลักษณะปลายเท้าที่ชี้ลง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการที่เป็นมากขึ้นตอนเช้า
ในบางรายอาจจะต้องใส่อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันลักษณะดังกล่าว แต่ก็อาจจะไม่รำคาญเวลานอนได้เช่นกัน
การทำกายภาพบำบัด ในบางรายแพทย์จะแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด เพื่อยืดกล้ามเนื้อน่องและยืดพังผืดใต้ฝ่าเท้า
นอกจากนี้ยังอาจจะใช้การนวด อุปกรณ์อื่น และให้ยาเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ
การผ่าตัด แพทย์จะแนะนำให้เลือกการผ่าตัดหากการรักษาข้างต้นไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นใน 12 เดือน
ลองปรึกษาแพทย์ผ่าตัดเรื่องวิธีการต่าง ๆ ของการผ่าตัด
Dr.Carebear Samitivej