[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 เมษายน 2567 13:41:48 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปวดฝ่าเท้ามากตอนตื่นนอน ใครจะคิดว่ามันคือโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ )  (อ่าน 24131 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154 Chrome 33.0.1750.154


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 02 เมษายน 2557 12:26:56 »

ปวดฝ่าเท้ามากตอนตื่นนอน ใครจะคิดว่ามันคือโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ )



อาการปวดบริเวณส้นเท้า อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ เส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อเท้า
กระดูกงอกที่ฝ่าเท้าหรือที่เส้นเอ็นร้อยหวาย กระดูกเท้าบิดผิดรูป โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ หรือ กระดูกหัก เป็นต้น

สาเหตุของการเกิดโรคที่แท้จริงยังไม่ทราบ แต่ เชื่อว่าเป็นเพราะความเสื่อมบริเวณที่เส้นเอ็นฝ่าเท้าเกาะกับกระดูก

พบมากในผู้หญิงวัยกลางคน ผู้ที่ยืนหรือเดินนาน ๆ น้ำหนักตัวมาก ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม หรือ เท้าแบน เท้าบิด

อาการที่พบได้บ่อย คือ หลังจากนอนหรือนั่งสักพักหนึ่ง เมื่อเริ่มเดินลงน้ำหนักจะรู้สึกปวดส้นเท้ามาก
แต่ หลังจากที่เดินไปได้สักพัก อาการปวดก็จะทุเลาลง แต่ถ้าเดินนาน ๆ ก็อาจปวดมากขึ้นอีกได้
มักจะปวดมากในช่วงตื่นนอนตอนเช้า และจะดีขึ้นในช่วงตอนสาย หรือ ตอนบ่าย ถ้ากระดกข้อเท้าขึ้นหรือกดที่ส้นเท้า
จะปวดมากขึ้น

ผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 30-70 ถ้าถ่ายภาพรังสีของเท้า จะพบว่ามีกระดูกงอกที่ไต้ฝ่าเท้าได้ ดังนั้น
ถึงแม้ว่าจะพบกระดูกงอกจากภาพรังสี แต่ก็อาจจะไม่เกี่ยวกับอาการปวดส้นเท้า จึงไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพรังสีทุกคน

โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วยเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ รักษาให้หายขาดได้ ด้วยวิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัด แต่อาจจะต้องใช้เวลารักษา
นานหลายเดือน อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้ารักษาไปแล้ว 6 - 9 เดือน ก็ยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัด


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154 Chrome 33.0.1750.154


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 02 เมษายน 2557 12:48:33 »

แนวทางการรักษาด้วยตนเอง

1. ลดกิจกรรมที่ทำให้ปวด หรือ กิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนัก เช่น การยืนหรือ เดินนาน ๆ เป็นต้น
และควรออกกำลังที่ไม่ต้องมีการลงน้ำหนักที่ฝ่าเท้ามากนัก เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ เป็นต้น

2. บริหาร เพื่อยืดกล้ามเนื้อน่อง และ เส้นเอ็นฝ่าเท้า

3. หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า และ ใส่รองเท้าที่เหมาะสม ขนาดพอดีไม่หลวมเกินไป มีพื้นรองเท้าที่นุ่ม
และมีแผ่นรองรับอุ้งเท้าให้นูนขึ้น อาจใช้แผ่นนุ่มๆ รองที่ส้นเท้า (หนา ½ นิ้ว)
ใส่รองเท้าส้นสูงประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว หรือ ใช้แผ่นยางสำหรับรองส้นเท้าโดยเฉพาะ

4. ประคบด้วยความร้อนหรือความเย็น หรือ ใช้ยานวด นวดฝ่าเท้า หรือ ใช้ผ้าพันที่ฝ่าเท้าและส้นเท้า

5. ลดน้ำหนัก เพราะถ้าน้ำหนักมาก เส้นเอ็นฝ่าเท้าก็ต้องรับน้ำหนักมาก ทำให้ผลการรักษาไม่ดี และ หายช้า


บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154 Chrome 33.0.1750.154


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 02 เมษายน 2557 12:50:13 »


แนวทางการรักษาโดยแพทย์

1. รับประทานยา เช่น ยาแก้ปวดลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาคลายกล้ามเนื้อ

2. ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ บริเวณส้นเท้าจุดที่ปวด แต่ไม่ควรฉีดเกิน 2 ครั้งใน 1 เดือน
เพราะอาจทำให้เกิดเส้นเอ็นฝ่าเท้าเปื่อยและขาดได้ ก่อนจะฉีดต้องทำความสะอาดที่ผิวหนังอย่างดี
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

ขณะฉีดยาสเตียรอยด์จะรู้สึกปวดแล้วก็จะชา แต่หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ ( ประมาณ 1-2 ชั่วโมง )
ก็อาจเกิดอาการปวดซ้ำอีกครั้ง จึงควรรับประทานยา หรือ ประคบด้วยน้ำอุ่น กันไว้ก่อน

3. ทำกายภาพบำบัด เช่น ใช้ความร้อนลึก (อัลตร้าซาวด์) ดัดยืดเส้นเอ็นฝ่าเท้า ใช้ไม้เท้าช่วยเดินเป็นต้น

4. ใส่เฝือกชั่วคราวให้ข้อเท้ากระดกขึ้น ในตอนกลางคืน หรือ ถ้าเป็นมาก อาจต้องใส่เฝือกตลอดทั้งวัน

5. การผ่าตัด จะทำก็ต่อเมื่อรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล คือ อาการปวดไม่ดีขึ้นหลังรับการรักษา
อย่างเต็มที่ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 6 - 9 เดือน หรือ สาเหตุการปวดเกิดจากเส้นประสาทบริเวณฝ่าเท้า
ถูกกดทับ



บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154 Chrome 33.0.1750.154


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 02 เมษายน 2557 13:21:26 »





บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154 Chrome 33.0.1750.154


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 02 เมษายน 2557 13:35:26 »



เพิ่มเติม

สาเหตุของการเจ็บที่บริเวณใต้ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า เกิดจากการอักเสบของพังผืดที่ใต้ฝ่าเท้าที่เรียกว่า Plantar fasciitis
มีการประมาณว่าในแต่ละปีจะมีคนที่ต้องรักษาภาวะนี้ในสหรัฐประมาณ 2 ล้านคน
สาเหตุเกิดจากพังผืดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าที่ทำหน้าที่คอยพยุงโค้งใต้ฝ่าเท้าเกิดการอักเสบหรือมีการระคายเคืองขึ้น
 

สาเหตุของอาการเจ็บ
พังผืดที่ใต้ฝ่าเท้ามีหน้าที่คอยรองรับแรงกระแทกเวลาที่เราก้าวเดิน แต่บางครั้ง แรงกดดันที่มากเกินไป
อาจะทำให้มีการทำลาย หรือมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ร่างกายจะตอบสนองต่อการบาดเจ็บนี้โดยการเกิดการอักเสบขึ้น
ทำให้มีอาการเจ็บ และตึงที่ใต้ฝ่าเท้า
 

ปัจจัยเสี่ยง 
ผู้ที่มีอาการส่วนใหญ่ จะไม่ทราบว่าต้นเหตุที่ทำให้มีอาการเกิดจากอะไร อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยง
ต่ออาการนี้ได้แก่
• กล้ามเนื้อน่องที่มีอาการตึงเกินไป เนื่องจากขาดการยืดหยุ่นที่ดี
• ความอ้วน
• โค้งฝ่าเท้าที่ใหญ่ผิดปกติ
• การเดินมาก หรือวิ่งมากเกินไป
• มีกิจกรรมประจำวันที่เพิ่มมากขึ้นหรือเป็นกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน
• กระดูกงอกที่ส้นเท้า Heel Spurs

ถึงแม้ว่าหลาย ๆ คนที่มีการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าจะมี กระดูกงอกที่ส้นเท้า แต่ตัวกระดูกนี้ก็ไม่ได้ทำให้มีอาการเจ็บ
ประมาณ 1 ใน 10 ของคนทั่วไปจะมีกระดูกงอก
แต่มีเพียง 5% ของคนที่มีกระดูกงอกนี้แล้วมีอาการเจ็บฝ่าเท้า ดังนั้นถึงแม้ว่าจะตรวจพบว่ามีกระดูกงอกนี้
แต่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออก

 

อาการที่พบได้ในคนที่มีพังผืดอักเสบได้แก่
• มีอาการเจ็บที่บริเวณใกล้ส้นเท้า
• มีอาการเจ็บมาก เมื่อเดินสองสามก้าวแรก หลังตื่นนอน หรือหลังจากนั่งรถนาน ๆ อาการเจ็บจะดีขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากเริ่มเดิน
• อาการปวดเป็นมากขึ้นภายหลังออกกำลังกาย (แต่เวลาออกกำลังอาจยังไม่เจ็บ)


การตรวจร่างกาย
เมื่อได้เล่าประวัติและอาการให้แพทย์ฟัง แพทย์จะทำการตรวจเพื่อดูลักษณะต่อไปนี้:
• ดูลักษณะของโค้งใต้ฝ่าเท้า
• ดูตำแหน่งที่มีอาการกดเจ็บมากที่สุด
• อาการปวดเป็นมากขึ้นเมื่อคุณกระดกเท้า และแพทย์กดบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า เมื่อเหยียดชี้เท้าลง อาการปวดจะดีขึ้น


การตรวจอื่น
แพทย์อาจส่งตรวจ X-rays เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีอาการเจ็บฝ่าเท้า
 

การรักษาและการดูแล
มากกว่า 90% ของคนป่วย จะมีอาการดีขึ้นภายใน 10 เดือน โดยการรักษาง่าย ๆ คือ
• การพักการใช้งาน โดยลดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บขึ้น เช่นการวิ่ง หรือการเต้น แอโรบิก
• การใช้น้ำแข็งประคบหรือแช่น้ำเย็นประมาณ 20 นาที โดยอาจใช้วิธีนี้ประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน
• การให้ยาลดการอักเสบของพังผืด เช่นยา ibuprofen หรือยา naproxen ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บ
และลดการอักเสบของพังผืด แต่ถ้าใช้ยาติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
• การบริหารยืดกล้ามเนื้อ เนื่องจากอาจมีอาการเพราะการตึงของกล้ามเนื้อน่อง จึงควรบริหาร
ด้วยการยืดกล้ามเนื้อจะช่วยลดอาการได้มาก

อ้างถึง

 
การยืดกล้ามเนื้อน่อง Calf stretch ยืนหันหน้าเข้าหากำลัง  วางเท้าข้างหนึ่งอยู่หน้าและงอเข่าเล็กน้อย
ขาอีกข้างอยู่ด้านหลังและเหยียดตรง พยายามดันสะโพกไปด้านหน้าเข้าหากำแพง จะรู้สึกยืดตรงที่น่องของขาหลัง
ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที และให้ทำท่านี้20 รอบ

การยืดพังผืดฝ่าเท้า Plantar fascia stretch ให้นั่งไขว่ห้าง เอาเท้าข้างที่เจ็บขึ้นมา แล้วกำนิ้วเท้าข้างที่เจ็บ
และดึงเข้าหาตัว ให้รู้สึกฝ่าเท้ายืดออก ประมาณ 10 วินาที และให้ทำ 20 รอบ ท่านี้จะดีถ้าทำในตอนเช้า
ก่อนที่จะยืนหรือเดิน  หรืออาจนั่งเหยียดขาใช้ผ้าพันรอบปลายเท้า แล้วดึงเข้าหาตัว



การฉีดยาเข้าบริเวณที่อักเสบ 
ในบางครั้งจะใช้ยาฉีดเข้าไปเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บและลดการอักเสบ โดยการฉีดยากลุ่ม steroid
ควรจะต้องทำโดยแพทย์กระดูก และไม่ควรฉีดหลาย ๆ ครั้งเพราะอาจจะทำให้มีการขาดของผังพืดได้
ซึ่งจะทำให้กลายเป็น เท้าแบน flat foot และทำให้มีอาการเจ็บเรื้อรังได้
 

การใส่อุปกรณ์ช่วย support
รองเท้าที่ส้นหนาขึ้นและมีแผ่นลดแรงกระแทกจะช่วยลดอาการเจ็บเวลายืนหรือเดินได้ เนื่องจากการยืด
หรือเดินบนพื้นรองเท้าที่แข็ง ๆ จะทำให้เกิดการฉีกขาดแบบเล็ก ๆ ที่พังผืดได้ การใส่ ซิลิโคน นุ่ม ๆ
รองไว้ในรองเท้าก็ใช้ได้แถมราคายังไม่ค่อยแพง แต่บางคนก็อาจจะต้องสั่งตัดอุปกรณ์เสริมรองเท้า
เพื่อการรักษา

 
การใส่อุปกรณ์ยึดข้อเท้าในเวลากลางคืน 
หลายคนในขณะหลับจะมีลักษณะปลายเท้าที่ชี้ลง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการที่เป็นมากขึ้นตอนเช้า
ในบางรายอาจจะต้องใส่อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันลักษณะดังกล่าว แต่ก็อาจจะไม่รำคาญเวลานอนได้เช่นกัน
 

การทำกายภาพบำบัด 
ในบางรายแพทย์จะแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด เพื่อยืดกล้ามเนื้อน่องและยืดพังผืดใต้ฝ่าเท้า
นอกจากนี้ยังอาจจะใช้การนวด อุปกรณ์อื่น และให้ยาเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ
 

การผ่าตัด 
แพทย์จะแนะนำให้เลือกการผ่าตัดหากการรักษาข้างต้นไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นใน 12 เดือน
ลองปรึกษาแพทย์ผ่าตัดเรื่องวิธีการต่าง ๆ ของการผ่าตัด
 

Dr.Carebear Samitivej
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: ปวดฝ่าเท้า ปวด โรค ทางแก้ วิธีรักษา 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.247 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 18 ชั่วโมงที่แล้ว