เข้าใจธรรมชาติเข้าใจชีวิต
...............................ทุกสิ่งเป็นมายาลวงไม่ควรยึดถือ..........................
ตามธรรมดาจิตใจของคนเรา ชอบเอาเรื่องเก่าที่ผ่านไปแล้วมาคิดและฟุ้งซ่านคิดเรื่องข้างหน้าที่ยังมา ไม่ถึง ธรรมชาตจิตชอบคิดอยู่แบบนี้แต่ผู้มีปัญญาจะไม่เข้าไปคิดปรุงแต่ง ไม่ไปยึดถือเอาจริงเอาจังกับความคิดนั้น จะรู้เท่าทันว่าธรรมชาติของจิตมันต้องคิด เราก็ฝึกจิตให้คิดอยู่ในปัจจุบันมันจะได้ไม่ฟุ้งซ่านวุ่นวายให้ความคิดอยู่ กับการกระทำคำพูดในขณะปัจจุบันนั้น จะได้สติ สมาธิ ตามธรรมชาติที่จิตมันอยู่กับสิ่งนั้น
ระวังรักษาจิต ไม่ให้ไปสร้างความอยากขึ้นมา ว่าอยากจะได้ดี อยากมี - อยากเป็น แม้ชีวิตเราจะเกิดเรื่องเลวร้าย เช่นมีคนนินทาว่าร้าย เกิดความสูญเสียพลัดพรากจากกัน หรือเกิดเรื่องที่เราไม่ต้องการ ไม่ปรารถนา เราต้องทำใจยอมรับสภาพว่า มันเป็นธรรมดาของชีวิตที่ใคร ๆ ต้องเจอแบบนี้กันทุกคน มันเป็นหน้าที่ของเราจะต้องฝึกจิตให้ปกติอยู่เสมอ มีสติเฝ้ามองดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยใจที่สงบ แล้วพิจารณาถึงกฎไตรลักษณ์ซึ่งทุกชีวิตจะต้องพบเจอกับมันไม่อยากได้ก็ต้องได้ ไม่อยากเจอก็ต้องเจอ นั่นคือทุกคนต้องพบเจอกับสิ่งไม่แน่นอน ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรยั่งยืนมั่นคง ถ้าไปยึดถือเอามาเป็นของเราก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาทันที แล้วในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มันก็เสื่อมสลายหมดไปไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ชีวิตร่างกายเรา ก็ต้องถูกเอาไป เผาหรือถูกฝังด้วย จึงเรียกว่าไม่มีตัวตนที่แท้จริง มีได้เพียงสมมุติชั่วคราวเท่านั้น................................รู้เหตุแห่งทุกข์ - จึงรู้วิธีดับทุกข์...................................
พระพุทธเจ้าสอนว่า......ความรู้ใดเป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ รู้ในความทุกข์ รู้ความดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เรียกว่า สัมมาทิฏฐิซึ่งพวกเราจะต้องมีความเห็นให้ถูกต้อง ตาม ๔ ข้อนี้ แล้วต้องหาทางแก้ไขปัญหาชีวิตและความทุกข์ใจตามแนวทางนี้ ไม่ใช่มัววิ่งหาตัวบุคคลหรือสิ่งภายนอกอื่น ๆ ไปอธิษฐาน อ้อนวอนขอให้ได้ตามใจเราตามความอยากได้เมื่อไม่รู้สาเหตุของการเกิดทุกข์ จึงไปหลงเชื่อสิ่งอื่น หรือตัวบุคคลที่สอนผิด ๆ ให้เราลุ่มหลงมัวเมางมงายทำให้ต้องเสียเวลาถูกหลอกให้เสียเงิน ปัญหาความทุกข์ก็แก้ไขไม่ได้ จึงโง่ต้องตกเป็นเหยื่อให้เขาหลอก เพราะไม่รู้จักชีวิตตัวเองตามที่เป็นจริง
แม้มีความรู้ทางโลกมากมาย หรือเป็นใหญ่เป็นโต ก็ยังไม่รู้จักแนวทางพุทธธรรมดับทุกข์ที่ถูกต้อง การศึกษา ปฏิบัติธรรม ฝึกจิตใจ ทำเพื่อให้เราได้รู้จักชีวิตตัวเรานั่นเอง เป็นการเรียนรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ทั้งชีวิตตัวเรานั่นเอง เป็นการเรียนรู้ว่า แท้ที่จริงทั้งชีวิตมันไม่มีอะไรเป็นแก่นสารสาระมั่นคงยั่งยืนเลย ก่อนที่เราจะเกิดมาก็ไม่มีอะไร พอเกิดมาก็มาแต่ตัวเปล่าเปลือย ที่เรารู้สึกว่ามีอะไรมากมายในชีวิตก็เพิ่งมาหาเอาใหม่ เพิ่งมามีทีหลังนี้เอง
(แต่เดิมมาก็ไม่มี)
เราต้องวิ่งวุ่นดิ้นรนแสวงหากันทั้งชีวิต ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า หาสิ่งของภายนอก แล้วเป็นทุกข์วุ่นวายไม่สิ้นสุด ความทุกข์มีมากกว่าความสุข แต่ถ้าท่านหาของภายในให้มาก คือ หาความสุขสงบทางใจ แล้วลดละความอยากได้ออกไปให้มากที่สุด รู้จักหยุด รู้จักพอเมื่อนั้นจิตใจของท่านก็จะเกิดความสุขที่แท้จริง จิตจะเป็นอิสระไม่มีเรื่องราวต่าง ๆ มาทิ่มแทงใจจากหนังสือ ชีวิตเสรี - จิตอิสระจึงไร้ทุกข์ ของ พระอาจารย์ยุทธนา เตชปัญโญ