[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
18 เมษายน 2567 21:10:15 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วันมาฆบูชา (มาฆปุรณมีบูชา)  (อ่าน 17368 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2553 21:23:31 »



สโมสรกองทัพบก 15 ก.พ. - รัฐบาลจัดงานวันมาฆบูชายิ่งใหญ่ 24-28 ก.พ.นี้ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคในทุกวัดทั่วประเทศ กิจกรรมมากมาย เช่น การปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และฆราวาส รวม 10,000 รูป/คน การตักบาตร เวียนเทียน ตลอดจนพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทุกวัดทั่วประเทศ   

พระเทพปริยัติวิมล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย นายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ รองนายกรัฐมนตรี (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์) และนางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2553

นางจุฬารัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลและคณะสงฆ์มอบหมายให้ พศ.ร่วมกับคณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดงานฯ ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ส่วนกลางจัดที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม อาทิ การปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และฆราวาส การจัดนิทรรศการ การรับน้ำพระพุทธมนต์จาก 9 พระอารามหลวง โดยเฉพาะในวันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมด้วยพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ 5,000 รูป และฆราวาสร่วมพิธี 5,000 คน

นอกจากนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา เวลา 07.30 น. มีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 1,250 รูป และเวลา 16.00 น. พิธีบำเพ็ญพระราชกุศลเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ณ ลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา   

สำหรับส่วนภูมิภาค กำหนดจัดกิจกรรมที่วัดทุกวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ จะจัดพร้อมกันทุกวัดทุกจังหวัด ตามกำหนดขั้นตอนและพิธีกรรมพร้อมกับที่จัดขึ้น ณ พุทธมณฑล ซึ่งจะถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

ด้านพระปริยัติวิมล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย กล่าวว่า บทสวดของพระสงฆ์ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์นั้น เรียกว่าโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งจะใช้สวดในวันมาฆบูชา เพราะเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ที่พร้อมไปด้วยหลักธรรมที่รวบรวมไว้ถึง 84,000 พระธรรมขันธ์.- สำนักข่าวไทย



 ยิ้ม  http://www.oknation.net/blog/SIAM1932/2010/02/19/entry-1

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กุมภาพันธ์ 2554 08:42:54 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: หัวข้อค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2553 21:30:56 »



งานวันมาฆบูชา ประจำปี 2553
ส่วนกลาง

1.มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 24 - 28 ก.พ.
2.วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ระหว่างวันที่ 26 - 28 ก.พ.
3.วัดยานนาวา ในวันที่ 28 ก.พ.
     รายละเอียดในงาน

กิจกรรมการจัดนิทรรศการผลงานการส่งเสริมศีลธรรมของโรงเรียนและสถานศึกษา
การจัดประกวดและแข่งขันในทางพระพุทธศาสนา อาทิ
-  การประกวดสวดมนต์หมู่สรภัญญะ
-  การแข่งขันอาราธนาในพุทธศาสนพิธี
-  การแข่งขันตอบปัญหาธรรมะ
-  การประกวดร้องเพลงธรรมะ
-  การประกวดเล่านิทานธรรมประกอบลีลา เป็นต้น
มีการจัดพิธีทำบุญตักบาตร พิธีเจริญพระพุทธมนต์ การแสดงพระธรรมเทศนา และพิธีเวียนเทียน
ส่วนภูมิภาค

     ศน. ได้จัดสรรงบประมาณไปยังสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดๆ ละ 1 หมื่นบาททั่วประเทศ ในการเป็นเจ้าภาพเชิญวัด ศาสนาสถาน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดกิจกรรมวันมาฆบูชา

สื่ออื่นๆ

แจกหนังสือสำหรับผู้ที่มาร่วมงาน
-  หนังสือธรรมนูญชีวิต ฉบับ 2 ภาษา (ไทย – อังกฤษ)
-  หนังสือมาฆบูชา


 ยิ้ม  http://www.gcc.go.th/gcc1111/index.php?option=com_content&view=article&id=271%3A-2553&catid=41%3Amarch&Itemid=9
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กุมภาพันธ์ 2554 08:43:50 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2553 21:51:18 »




วันมาฆบูชา
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก


“มาฆบูชา” ถอดเป็นอักษรโรมันว่า Maghapuja แปลว่า การบูชาในวันที่พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะ นับทางจันทรคติ ก็เป็นวันเพ็ญเดือน 3 (หรือวันเพ็ญเดือน 4 สำหรับปีที่มีอธิกมาส อย่าถามล่ะ ปีที่มีอธิกมาสคือปีอะไร อยากทราบไปค้นหาคำตอบเอาเอง)

ความเป็นมาของวันมาฆบูชา มีว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสถาปนาวันมาฆบูชาขึ้น โดยทรงคำนึงถึงเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล คือ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงส่งพระสาวกผู้เป็นพระอรหันต์ ทรงอภิญญา จำนวน 60 รูป ไปประกาศพระพุทธศาสนาครั้งแรกนั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสสั่งว่า

“ภิกษุทั้งหลาย เราพ้นแล้วจากบ่วง ทั้งที่เป็นทิพย์ และเป็นของมนุษย์ บัดนี้พวกเธอก็พ้นแล้วเช่นกัน พวกเธอจงจาริกไป เพื่อประโยชน์แก่คนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่คนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย”


แปลไทยเป็นไทยว่า พระพุทธเจ้าทรงหลุดพ้นจากกิเลสแล้ว พระสาวกของพระองค์ก็หลุดพ้นแล้วเช่นกัน (พูดภาษาสมัยใหม่ว่า “มีความพร้อมแล้ว”) ต่อแต่นี้ไป จงออกไปทำประโยชน์แก่สังคม โดยสั่งสอนประชาชนจำนวนมาก ใครที่คิดว่าพระพุทธศาสนาสอนให้สนใจแต่ตัวเอง สอนให้เห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงสังคมนั้น จงเข้าใจเสียใหม่ว่า พระพุทธศาสนาเน้นการอนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวง เน้นการสั่งสอนอบรม ให้แสงสว่างทางธรรมแก่คนทั้งปวง พระดำรัสข้างต้นถือว่าเป็น “อุดมการณ์” ของพระพุทธศาสนา ทีเดียว

เมื่อส่งพระสาวกแยกย้ายกันไปสั่งสอนประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จพุทธดำเนินไปยังอุรุเวลาเสนานิคม ทรงแสดงธรรมโปรดชฎิลสามพี่น้อง พร้อมทั้งบริวาร 1,000 คน ให้บรรลุธรรม แล้วประทานอุปสมบทให้เป็นภิกษุ ชฎิลเหล่านี้เป็นที่เคารพของพระเจ้าพิมพิสารและชาวเมืองราชคฤห์ ทุกกึ่งเดือน พระเจ้าพิมพิสารและชาวเมืองจะพากันมาฟังธรรมจากอาจารย์ของพวกตน วันนั้น มาเห็นสมณะหนุ่มรูปหนึ่ง นั่งเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางชฎิลทั้งหลาย ซึ่งนุ่งห่มแปลกไปจากเดิม มีความสงสัยว่า สมณะรูปนี้ใหญ่กว่าอาจารย์ของเราหรือหนอ

พระพุทธองค์ทรงทราบความคิดของพระราชาและประชาชน จึงรับสั่งให้พระปูรณะกัสสปะไขข้อข้องใจของพวกเขา พระปูรณะกัสสปะ จึงกราบแทบพระยุคลบาทของพระพุทธเจ้า ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นศาสดาของเรา เราเป็นสาวกของพระองค์ พระราชาและประชาชนจึงหายสงสัย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 กุมภาพันธ์ 2553 14:06:59 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2553 21:58:25 »



มีข้อสังเกตตรงนี้คือ ความจริงพระพุทธเจ้าต้องการไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร แต่ทรงเห็นว่า ชฎิลสามพี่น้องเป็นที่เคารพนับถือของพระราชาและประชาชน การจะให้พระราชาและประชาชนนับถือ ก็จะต้องให้คนที่พวกนั้นนับถือมาสยบยอมก่อน เมื่อหัวหน้าใหญ่ยอมแล้ว ลูกน้องจะไปไหนเสีย และเมื่อพระเจ้าแผ่นดินมาเป็นลูกศิษย์พระพุทธองค์แล้ว ชาวเมืองจะไปไหนเสีย ผู้รู้จึงกล่าวว่า พระพุทธองค์เป็นนักรัฐศาสตร์ชั้นยอด จับหัวหน้าอยู่หมัดแล้ว ลูกน้องก็เฮโลมาหาเอง

เมื่อพระเจ้าพิมพิสารหันมาเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ถวายป่าไผ่อยู่นอกเมือง ให้เป็นที่ประทับของพระพุทธองค์ และภิกษุสงฆ์ นับว่าป่าไผ่นี้เป็น “วัดแห่งแรก” ในพระพุทธศาสนา ชื่อว่า “พระเวฬุวันวิหาร” ต่อมา เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนสาม พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่พระเวฬุวัน พระสาวกที่ทรงส่งไปประกาศพระศาสนาในครั้งนั้น หลายรูปก็เดินทางมายังเมืองราชคฤห์ เพื่อรายงานเกี่ยวกับกิจการพระศาสนาที่ตนได้ทำมา

คืนนั้นเป็นวันเพ็ญเดือน 3 พระจันทร์เพ็ญส่องแสงนวลใย พระสาวกจำนวน 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายล่วงหน้า ท่านเหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญา ท่านเหล่านั้นพระพุทธเจ้าทรงบวชให้เอง พระพุทธเจ้าทรงเห็นปรากฏการณ์พิเศษนี้ จึงทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” แก่ที่ประชุมสงฆ์อันประกอบด้วยองค์ 4 เรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” (ที่ประชุมอันมีองค์ 4) เนื้อหาของโอวาทปาติโมกข์ว่าอย่างไร ค่อยว่ากันภายหลัง

พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงปรารภเหตุการณ์พิเศษนี้ จึงทรงสถาปนา “วันมาฆบูชา” เพิ่มขึ้นอีกวันหนึ่ง นอกจากวันวิสาขบูชาที่มีมาก่อนนานแล้ว นี้คือความเป็นมาของวันมาฆบูชา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤษภาคม 2553 14:34:04 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2553 22:10:47 »



ภาพวันออกพรรษา พระพุทธเจ้าเปิดโลก ให้สามภพเห็นซึ่งกันและกัน

ทีนี้มาพูดถึง เนื้อหาของโอวาทปาติโมกข์ คนส่วนมากมักจำกันแค่ 3 ข้อคือ ไม่ทำชั่ว, ทำดี, ทำจิตให้ผ่องใส เพราะโบราณไทยท่านบัญญัติให้เป็น “หัวใจ” ของพระพุทธศาสนา ความจริงโอวาทปาติโมกข์มีถึง 13 หัวข้อ คือ

1. ขันติ คือ ความอดกลั้น เป็นเครื่องเผากิเลสที่ยอดเยี่ยมที่สุด
2. พระนิพพาน ผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่าเป็นยอด (เป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต)
3. ผู้ที่ฆ่าหรือทำร้ายคนอื่นอยู่ มิใช่บรรพชิต
4. ผู้เบียดเบียนคนอื่นอยู่ มิใช่สมณะ
5. ไม่ทำบาปทั้งปวง
6. ทำความดีให้พร้อม
7. ทำจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส
8. ไม่ว่าร้ายคนอื่น
9. ไม่เบียดเบียนคนอื่น
10. เคร่งครัดในระเบียบข้อบังคับ
11. อยู่ในที่นั่งที่นอนอันสงัด
12. รู้จักประมาณในอาหารการกิน
13. ฝึกจิตให้มีสมาธิขั้นสูง


พระโอวาทนี้จะเรียกว่า เป็นการปัจฉิมนิเทศแก่คณะธรรมทูตที่สั่งไปเผยแผ่ครั้งแรก และเป็นปฐมนิเทศแก่คณะที่สองที่จะส่งต่อไปก็ได้ เนื้อหาสรุปลงได้ 3-4 ประเด็น ดังนี้

1. เน้นถึง อุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา คือ พระนิพพาน (ข้อ 2)

2. พูดถึง หลักการทั่วไปของพระพุทธศาสนา คือ ไม่ทำชั่ว, ทำดี, ทำใจให้ผ่องใส (ข้อ 5, 6, 7)

3. พูดถึง วิธีการเผยแผ่ คือ ให้ใช้ขันติ รู้จักประสานประโยชน์ ไม่ว่าร้ายเขา ไม่เบียดเบียนเขา
(ข้อ 1, 3, 4, 8, 9, 10)

4. พูดถึง คุณสมบัติของผู้เผยแผ่ จะต้องเป็นคนเคร่งครัดในพระวินัย คือ มีศีล, มีความประพฤติดีงาม,
อยู่เรียบง่าย, ชอบที่สงบสงัด, ไม่เห็นแก่กิน และฝึกจิตจนได้สมาธิขั้นสูง (ข้อ 10, 11, 12, 13)


อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีมากถึง 13 ข้อ แต่ถ้าพูดถึงหลักการทั่วไปเพียง 3 ข้อ (ไม่ทำชั่ว, ทำดี, ทำใจให้ผ่องใส) ก็ครอบคลุมเนื้อหาของพระพุทธศาสนาแล้ว โบราณท่านจึงนำเอา 3 หัวข้อนี้มาเป็น “หัวใจ” หรือแก่นพระพุทธศาสนา เพราะเหตุไรจึงว่าครอบคุลม เพราะพระอรรถกถาจารย์ (อาจารย์ผู้อธิบายพระไตรปิฎก) ได้บอกเราว่า การไม่ทำความชั่วทั้งปวงนั้น หมายเอา ศีล การทำความดีให้พร้อม หมายเอา สมาธิ การทำจิตของตนให้ผ่องใส หมายเอา ปัญญา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤษภาคม 2553 09:46:14 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2553 22:14:35 »




ศีล สมาธิ และปัญญา ก็คือ ไตรสิกขา (หลักแห่งการฝึกฝนอบรม 3 ประการ) อันเป็นสรุปความแห่งอริยมรรค มีองค์แปดนั้นเอง

ในความหมายที่สูงสุด การมีศีลสมบูรณ์ทุกข้อ ไม่บกพร่อง ไม่ด่างพร้อยเลย จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการไม่ทำความชั่วทั้งปวง

การฝึกสมาธิจนถึงขั้นแน่วแน่ สามารถระงับนิวรณ์ (เครื่องปิดกั้นความงอกงามในธรรม) ทั้ง 5 ได้ ได้บรรลุฌาน 4 ขั้น จึงนับว่า เป็นการทำความดีสมบูรณ์

การฝึกวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดญาณหยั่งรู้ อย่างต่ำตั้งแต่ธัมมจักขุ (ดวงตาเห็นธรรม) ซึ่งเป็นภูมิธรรมของพระโสดาบันขึ้นไป จนถึงพระอรหัตผล จึงจะเรียกว่า การทำจิตให้ผ่องใส


ถ้าลด “เพดาน” ลงมาให้ต่ำหน่อย ก็จะต้องอธิบายง่ายๆ อย่างนี้ เราต้องพยายามละเว้นจากสิ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เป็นหลักของสังคมเห็นว่าไม่ดี อะไรที่นักปราชญ์ท่านบอกว่าไม่ดี ก็อย่าไปทำ เช่น การพนันไม่ดี ยาบ้ายาอีไม่ดี บุหรี่ กัญชา สุรายาเมาไม่ดี อย่าไปเสพไปเกี่ยวข้อง การละเว้น การไม่ทำสิ่งที่ท่านว่าไม่ดีทั้งหลาย ไม่ว่าเรื่องเล็ก หรือใหญ่ เป็นคนมีวินัยในตัวเอง ควบคุมจิตใจตัวเองได้ อย่างนี้เรียกว่า “ไม่ทำความชั่ว” ได้แล้วครับ ถ้าจะให้ดีถึงที่สุด ต้องไม่ทำความชั่วทั้งปวง ไม่ใช่เว้นแค่อย่าง สองอย่าง

เพียงแต่ไม่ทำความชั่วอย่างเดียว ยังไม่นับว่าเป็นคนดีดอกนะ ต้องสร้างความดีอื่นประกอบด้วย เช่น ไม่ฆ่าสัตว์อย่างเดียวไม่พอ ต้องสร้างความเมตตากรุณาให้เกิดขึ้นในใจด้วย เพราะถ้าไม่มีเมตตากรุณาในใจ โอกาสจะฆ่า หรือเบียดเบียนคนอื่นย่อมมีได้ง่าย เพียงแต่ไม่ลักขโมยของคนอื่น ก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนดี ต้องมีอาชีพที่สุจริตทำด้วย เพราะถ้าว่างงาน ไม่มีเงินทอง ไม่มีข้าวปลาอาหารกิน ย่อมเสี่ยงต่อการลักเล็กขโมยน้อย (จนกระทั่งขโมยมาก) ได้ในที่สุด ไม่ทำชั่ว ทำดี ก็ยังไม่นับว่าดีแท้ ต้องฝึกฝนจิต ทำจิตให้มีคุณภาพ (ความดีงาม) สมรรถภาพ (ความสามารถ) สุขภาพ (ความปลอดโปร่งผ่อนคลาย) และอิสรภาพ (ความเป็นอิสระ ไม่ถูกกิเลสตัณหาสนตะพายจูงไป มีความยึดมั่นถือมั่นน้อย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 กุมภาพันธ์ 2553 22:52:26 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2553 22:22:53 »



ชาวนาที่ปลูกข้าวได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วย จะต้องทำเป็นขั้นตอน ดังนี้

1. ถางหญ้าและวัชพืชที่รกที่นาให้เตียน ไถ คราด ให้ดี จนเหมาะที่จะหว่านเมล็ดพืชได้

2. หว่านเมล็ดพืชลงไปยังพื้นที่ที่ปรับให้เหมาะนั้น เมื่อกล้าโตก็ปักดำลงบนผืนนานั้น

3. คอยเอาใจใส่ดูแลข้าวกล้าที่ปักดำแล้วนั้น เช่นเมื่อน้ำมากไปไขออก เมื่อน้ำน้อยไปก็ไขเข้า ขจัดศัตรูพืช ระวังมิให้วัวควายลงมากิน


ผมเป็นลูกชาวนา ถึงไม่เคยไถ ไม่เคยหว่าน ก็เห็นพ่อ เห็นพี่ๆ เขาทำ เรียกว่าพอมีความรู้อยู่บ้าง ลองนึกภาพดูก็จะเห็น ข้าวกล้าที่ชาวนาปลูกและดูแลเป็นขั้นเป็นตอนอย่างนี้ ย่อมให้ผลผลิตได้มากกว่าปล่อยให้มันเติบโตตามบุญตามกรรม ฉันใดก็ฉันนั้นแหละครับ คนเราจะพัฒนาตนเองให้เป็นดีพอสมควร ก็จะต้องทำเป็นขั้นเป็นตอนเหมือนกัน เริ่มด้วยละเว้นจากสิ่งที่ไม่ดี ขัดกับจารีตประเพณีอันดีงาม ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม แล้วก็บำเพ็ญความดีงามเสริม จากนั้นก็คอยระวังรักษาความดีงามที่ได้ทำมานั้นให้ดี พร้อมทั้งพัฒนาให้มีมากยิ่งๆ ขึ้น

ถ้าจะสรุปด้วยคำพูดอีกนัยหนึ่งก็ว่า ต้องมีความเพียร 4 ขั้นตอน คือ
1. พยายามระวังมิให้ความชั่วที่ยังไม่เกิด ได้เกิด
2. เพียรละความชั่วที่ทำลงไป
3. เพียรสร้างความดี ที่ยังไม่มี ให้มีขึ้น
4. เพียรอนุรักษ์ และพัฒนาความดีนั้นให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

สรุปด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า เพียรระวัง-เพียรละ-เพียรสร้าง-เพียรรักษา


ทำได้ตามขั้นตอนนี้ ก็นับว่าเป็นคนดีแล้ว ทำได้มากก็ดีมาก ทำได้น้อยก็ดีน้อย (พูดอีกก็ถูกอิฐ เอ๊ย ถูกอีก) ขอฝากไว้ให้พิจารณาด้วยครับ


หนังสือมติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ปีที่ 31 ฉบับที่ 10928


 ยิ้ม  http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=19792
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤษภาคม 2553 10:01:55 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2553 13:15:59 »

http://img34.imageshack.us/img34/8122/buddah.jpg
วันมาฆบูชา (มาฆปุรณมีบูชา)

(:88:)ไปสัปดาห์สงเสริมพระพุทธศาสนา 20 - 28 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ท้อง สนามหลวงมาแล้ว (:88:)มีงานออกร้านขายหนังสือ

ธรรมมะ รู้สึกแย่ วันนี้วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ วันสุดท้ายของงาน บางครั้ง ไม่อยากไปอีก(กลัวหมดเงินไปอีก 1,000 บาท) เหงื่อตก

ตัว"บางคั้ง"ไปซื้อหนังสือมา เล่มโน้นก็ดี เล่มนี้ก็ชอบหมดเงินไปเป็น 1,000 บาท จนไปไปทั้งเดือนเลย พี่เ งาฝัน (:-_-:)มีร้าน ธรรมมะสภา

ร้านหนังสือ สุขใจ วันตั้งใจสวดมนต์ที่บ้านจ้า พี่ เงาฝัน ตอนเปิดคอม ฯอยู่นี้ก็เปิดบทสวดมนต์อยู่ตลอดเป็น ซีดี "บางครั้ง"เองก็ร่วมทำบุญ


http://www.kunnadham.com

Chinese Buddhist Morning Ceremony 佛教 早課 (5)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 กุมภาพันธ์ 2553 13:26:51 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2553 13:37:11 »






แก้ร้อนค่ะ นำมาฝาก

อนุโมทนาบุญกับน้อง "บางครั้ง"ด้วยนะคะ...



บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 4.0.249.89 Chrome 4.0.249.89


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2553 13:42:09 »

สาธุครับเมื่อเช้าก็ไปวัดมา

ถวายภัตาหารไม่ทัน

แต่ได้ไปไหว้พระ กราบพระ

สำคัญที่ใจครับ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น



บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2553 14:03:02 »











อนุโมทนาบุญค่ะ น้องแม๊ค
เคยอ่านเจอค่ะ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วย ใจ
สำคัญที่ใจ อย่างน้องแม๊คว่าจริงๆ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กรกฎาคม 2553 11:49:24 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20 Firefox 2.0.0.20


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2554 08:40:38 »




  วันมาฆบูชา (บาลี: มาฆปูชา; อังกฤษ: Magha Puja)
เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาของชาวพุทธเถรวาทและวันหยุดราชการในประเทศไทมาฆปุรณมีบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะ ตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย (มักอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม) ถ้าในปีใดมีเดือน 8 สองหน (ปีอธิกมาส) ก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 3 หลัง (วันเพ็ญเดือน 4)[2]

     วันมาฆบูชา ได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน
 คือเมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช อันเป็นปีแรกแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3)
ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ในวันนี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา
โดยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระสงฆ์สาวกที่มาประชุมพร้อมกันทั้ง 1,250 องค์นั้น
ได้มาประชุมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย, พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง, พระสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา6, และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกคำหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4[3]

     เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีมาฆบูชาในประเทศพุทธเถรวาท จนมาในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) พระองค์ได้ทรงปรารภถึงเหตุการณ์ครั้งพุทธกาลในวันเพ็ญเดือน 3 ดังกล่าวว่า เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญยิ่ง ควรมีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาเลื่อมใส จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชกุศลมาฆบูชาขึ้น[4] โดยการประกอบพระราชพิธีคงคล้ายกับวันวิสาขบูชา คือมีการบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ มีการพระราชทานจุดเทียนตามประทีปเป็นพุทธบูชาในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระอารามหลวงต่าง ๆ เป็นต้น โดยในช่วงแรกพิธีมาฆบูชาคงเป็นการพระราชพิธีภายใน ยังไม่แพร่หลายทั่วไป จนต่อมาความนิยมจัดพิธีมาฆบูชาจึงได้ขยายออกไปทั่วราชอาณาจักร

     ปัจจุบันวันมาฆบูชาได้รับการประกาศให้เป็นวันหยุดราชการในประเทศไ



     นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ"
เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยวัยรุ่นสาวมักจะเสียตัวในวันวาเลนไทน์
หลายหน่วยงานจึงพยายามรณรงค์ให้วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรัก
(อันบริสุทธิ์) แทน
สำหรับในปี พ.ศ. 2554 นี้ วันมาฆบูชาจะตรงกับ วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ ตามปฏิทินสุริยคติ


วันสำคัญอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับวันมาฆบูชา

วันคล้ายวันปลงพระชนมายุสังขาร
      นอกจากเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตในวันเพ็ญเดือน 3 ในพรรษาแรกของพระพุทธเจ้าแล้ว ในวันเพ็ญเดือน 3 แห่งพรรษาสุดท้ายของพระพุทธเจ้า (คราวที่ทรงพระชนมายุ 80 พรรษา) ก็ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ พระพุทธองค์ได้ทรง "ปลงพระชนมายุสังขาร" กล่าวคือทรงทำนายว่าในวันเพ็ญเดือน 6 ที่จะมาถึง พระองค์จะเข้าสู่มหาปรินิพพาน จึง "ถือได้ว่าวันมาฆบูชาเป็นวันคล้ายวันสำคัญของพระพุทธศาสนาสองเหตุการณ์สำคัญ คือวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ และวันที่ทรงทำการปลงพระชนมายุสังขาร" (แต่โดยทั่วไปจะทราบแต่เพียงว่าวันนี้เป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์)

วันกตัญญูแห่งชาติ (ประเทศไทย)
     ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของวันมาฆบูชา (ที่อาจถือได้ว่าเป็นวันแห่งความรักของพระพุทธศาสนา) โดยถือว่าเหตุการณ์สำคัญที่เหล่าพระสาวกทั้ง 1,250 รูป
 ได้กลับมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยความรักในพระองค์หลังจากได้ออกไปเผยแพร่พระศาสนา
โดยมิได้นัดหมายดังกล่าวเป็นสิ่งที่แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีอันบริสุทธิ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาในปฏิทินจันทรคติในวันเพ็ญเดือนสาม มักจะตกใกล้กับช่วง"เทศกาลวาเลนไทน์" อันเป็นเทศกาลวันแห่งความรักของคริสต์ศาสนา ซึ่งวัยรุ่นไทยบางกลุ่มมักยึดถือคติค่านิยมวันแห่งความรักในวันวาเลนไทน์ผิด ๆ โดยนิยมยึดถือกันว่าเป็นวันแห่งความรักของคนหนุ่มสาว หรือแม้กระทั่งถือว่าเป็น "วันเสียตัวแห่งชาติ"[28] ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่านิยมทางจริยธรรมและศีลธรรมของวัยรุ่นไทย รัฐบาลไทยในสมัยนั้นจึงได้ประกาศให้วันมาฆบูชาเป็นวันกตัญญูแห่งชาติ "เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่เหมาะสมแก่วัยรุ่นไทย ให้หันมาสนใจกับความรักอันบริสุทธิ์ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน" แทนที่จะไปมัวเมากับความรักใคร่ชู้สาวหรือเรื่องฉาบฉวยทางเพศของหนุ่มสาว อันจะก่อให้เกิดปัญหาแก่สังคมตามมา
     การผลักดันให้มีวันกตัญญูแห่งชาติ มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2546 โดยเคยมีการตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎรให้พิจารณา
กำหนดให้มีวันกตัญญูแห่งชาติ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างว่าในประเทศไทยมีวันสำคัญแห่งชาติที่เกี่ยวกับการแสดงความกตัญญูมากพอแล้ดร.ผาณิต กันตามระ นายสุรวงศ์ วัฒนกุล ดร.อภิชาติ ดำดี ผู้พิพากษาเฉลิมชัย จารุไพบูลย์ ดร.โอภาส กิจกำแหง และนายถาวร โชติชื่น เป็นต้น ซึ่งท่านเหล่านี้ได้ทำหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ให้ส่งเสริมให้วันมาฆบูชาเป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกวันหนึ่งด้วย โดยได้รับการตอบรับจากผู้เกี่ยวข้อโดยวันกตัญญูแห่งชาตินี้ นอกจากจะมีขึ้นเพื่อเป็นการแสดงออกถึงวันแห่งความรักอันบริสุทธิ์ของชาวพุทธแล้ว ยังมีขึ้นเพื่อส่งเสริมค่านิยมให้คนไทยยึดถือความกตัญญู โดยอาจมีการพูดคุย ส่งการ์ดอวยพร มอบของขวัญหรือช่อดอกไม้แก่ผู้มีพระคุณของเรา เป็นการแสดงความระลึกถึงพระคุณด้วยความหวังดีของผู้ให้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ การแสดงออกซึ่งน้ำใจหรือคำพูดก็ตาม


แหล่งข้อมูล จาก : wikipedia.org



http://www.siced.go.th/index.php?name=news1&file=readnews&id=21
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20 Firefox 2.0.0.20


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2554 10:16:01 »






มาฆบูชา วันแห่งความรักในพระพุทธศาสนา
โดย นสพ.ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548

ในปีหนึ่งๆ นอกเหนือไปจากวันพระตามปกติ พุทธศาสนิกชนจะมีวันพระ
ที่จัดเป็นวันสำคัญพิเศษ
อีก 3 วัน คือ .. วันมาฆบูชา .. วันวิสาขบูชา .. และ วันอาสาฬหบูชา

วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ถือได้ว่าเป็น วันพระพุทธ

วันอาสาฬหบูชา
เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาครั้งแรก เป็น วันพระธรรม

วันมาฆบูชา วันที่พระสงฆ์มาประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อรับฟังหลักการ อุดมการณ์
ตลอดจนวิธีปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาเป็น วันพระสงฆ์

วันมาฆบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญ เดือนมาฆะคือเดือน 3 หรือเดือน 4 ในปีที่มีอธิกมาส เนื่องในโอกาสคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งปีนี้ตรงกับ วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ในสมัยโบราณ ก่อนที่จะมีพุทธศาสนานั้น การบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะเป็นพิธีดั้งเดิมของศาสนาพราหมณ์ เรียกว่า ศิวาราตรี คือ เป็นการทำพิธีลอยบาปในแม่น้ำคงคา และประกอบพิธีสักการบูชาพระเป็นเจ้าของพราหมณ์ ซึ่งเป็นพิธีใหญ่ในเทวสถานต่างๆ ... เมื่อพุทธศาสนาได้กำเนิดขึ้น พระภิกษุพุทธสาวกซึ่งมาจากวรรณะต่างๆ มีทั้งวรรณะกษัตริย์ วรรณะพราหมณ์ และวรรณะอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่ก็เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนทั้งสิ้น

เมื่อถึงวันเพ็ญมาฆบูชา ได้เห็นพวกพราหมณ์ทำพิธีใหญ่ ซึ่งตนเคยทำมาก่อน ก็คงคิดว่าน่าจะทำอะไรทำนองนั้นบ้าง จึงได้พากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และนี้เอง จึงได้ก่อให้เกิดเหตุที่ถือว่าอัศจรรย์ขึ้นในเวลาต่อมา

กล่าวคือ นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นเวลา 9 เดือน ตั้งแต่วันเพ็ญ เดือน 6 ถึง วันเพ็ญเดือน 3 ของอีกปี และเริ่มออกสั่งสอนเป็นเวลา 7 เดือน สอนครั้งแรกคือไปโปรดปัญจวัคคีย์ เมื่อวันอาสาฬหบูชา คือวันเพ็ญเดือน 8 ในปีเดียวกับที่ตรัสรู้ พระพุทธเจ้าได้ลูกศิษย์ คือพระภิกษุที่เป็นพระสาวกขณะนั้นกว่า 1,300 รูป ซึ่งพระสาวกเหล่านี้ พระพุทธองค์ได้ทรงส่งออกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ทรงค้นพบใหม่ไปยังเมืองต่างๆ ส่วนพระองค์ประทับอยู่
วัดเวฬุวัน หรือป่าไผ่ กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ที่พระเจ้าพิมพิสารถวาย และถือเป็นวัดแห่งแรกในพุทธศาสนา

ปรากฏว่า พระสาวกที่เดินทางมาเฝ้าโดยมิได้นัดหมายกันนี้มีถึง 1,250 รูป ซึ่งถือว่าเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่ง เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ ตลอดพระชนมชีพของพระพุทธองค์มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้น จึงได้กำหนดเรียกวันนี้ว่า วันจาตุรงคสันนิบาต คือวันประชุมใหญ่ครั้งแรกและเป็นครั้งพิเศษ ด้วยเป็นวันที่ประกอบด้วยองค์ 4 คือ

1..... พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งเป็นพุทธสาวก จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

2..... พระพุทสาวกเหล่านี้ ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือพระพุทธเจ้าทรงประทานอุปสมบทด้วยพระองค์เอง

3..... พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6 ได้แก่ แสดงฤทธิ์ได้ ระลึกชาติได้ ตาทิพย์ หูทิพย์ กำหนดรู้ใจคนอื่นได้ และบรรลุ อาสวักขยญาณ คือญาณหยั่งรู้ธรรมที่เป็นที่สิ้นแห่งอาสวะหรือกิเลสทั้งหลาย

4..... วันนั้นเป็นวันเพ็ญ เดือนมาฆะ พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดคือ เป็นเวลากลางคืน อากาศไม่ร้อน ท้องฟ้าแจ่มใส ... เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสาม (มาฆปุรณมี) หรือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ในปีอธิกมาส

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะให้การมาครั้งนี้ของพุทธสาวกเป็นการประชุมพิเศษในการแสดงโอวาทปาติโมกข์เพื่อประกาศหลักการ อุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาให้นำไปใช้ได้ในทุกสังคม ซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญแห่งพุทธศาสนา ที่ชาวพุทธทั้งหลายจะได้ยึดถือเป็นแม่บทสำหรับประพฤติปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ และยังเป็นแม่บทในการเผยแพร่พระพุทธศาสนามาจนทุกวันนี้

โอวาทปาติโมกข์ ที่ว่านี้ เป็นคนอย่างกับพระปาฏิโมกข์หรือศีล 227 ข้ออันเป็นพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ และพระภิกษุต้องลงโบสถ์ฟังทุกวันพระกึ่งเดือน ซึ่งโอวาทปาติโมกข์ที่พระบรมศาสดาแสดงในวันนั้น ถือเป็นหลักธรรมคำสอนที่สำคัญ หรือเป็น หัวใจของพระพุทธศาสนา เลยทีเดียว

หลักธรรมดังกล่าว แบ่งเป็น 3 ส่วน
คือ หลักธรรม 3 อุดมการณ์ 4 และ วิธีการ 6 อันได้แก่

หลักการ 3 ได้แก่
1..... การไม่ทำบาปทั้งปวง ไม่ว่าจะด้วยกาย วาจาและใจ
2..... การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดีทุกอย่าง
3..... การทำจิตใจให้ผ่องใส ด้วยการละบาปทั้งปวง ถือศีลและบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อมด้วยการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา จนถึงขั้นบรรลุอรหันตผล อันเป็นความผ่องใสที่แท้จริง

อุดมการณ์ 4 ได้แก่
1..... ความอดทน คือการอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ
2..... ความไม่เบียดเบียน คือ การงดเว้นจากการทำร้าย รบกวนหรือเบียดเบียนผู้อื่น
3..... ความสงบ คือ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย วาจาและใจ
4..... นิพพาน คือ การดับทุกข์ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนา ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ 8

วิธีการ 6 ได้แก่
1..... ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือโจมตีใคร
2..... ไม่ทำร้าย คือ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
3..... สำรวมในปาติโมกข์ คือ ความเคารพระเบียบวินัย กติกา กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของสังคม

4..... รู้จักประมาณ คือ รู้จักพอดี พอกินพออยู่
5..... อยู่ในสถานที่ที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่สงบและมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
6..... ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือการฝึกจิต หมั่นทำสมาธิภาวนา

สำหรับหลักการ 3 ที่กล่าวข้างต้น ถือได้ว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เป็นการสอนหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องแก่พุทธศาสนิกชน

ส่วนอุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 นั้น
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหลักครูหรือหลักของผู้สอน
คือวิธีการที่จะนำไปปรับปรุงตัวให้เป็นกัลยาณมิตรทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งผู้ใดปฏิบัติได้นอกจากจะเป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว ยังจะช่วยเผยแพร่พระศาสนาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย




ภาพประกอบโดย ..... อุทัย ขุนจิต หรือ ปิยรัตน์

http://www.numtan.com/story_2/view.php?id=119
ขอบพระคุณ ผู้รวบรวมข้อมูลนำมาแบ่งปัน : numtan
เรียนขออนุญาตนำมาเผยแผ่..
Pics by : Google
ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต * อกาลิโกโฮม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กุมภาพันธ์ 2554 18:43:28 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20 Firefox 2.0.0.20


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2554 18:00:48 »




ทูไนท์โชว์ - ท่านว.เทศนาวันมาฆะ 14Feb11 1/3

ทูไนท์โชว์ - ท่านว.เทศนาวันมาฆะ 14Feb11 1/3





บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20 Firefox 2.0.0.20


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2554 18:08:11 »






บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20 Firefox 2.0.0.20


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2554 18:11:32 »






บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 9.0.597.98 Chrome 9.0.597.98


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2554 20:00:54 »

สาธุ อนุโมทนา อ.ป้าแป๋มครับ
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20 Firefox 2.0.0.20


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2554 20:30:33 »









ในปีหนึ่งๆ นอกเหนือไปจาก วันพระตามปกติ พุทธศาสนิกชน
จะมีวันพระที่จัดเป็นวันสำคัญพิเศษอีก 3 วัน
คือ .. วันมาฆบูชา .. วันวิสาขบูชา .. และ วันอาสาฬหบูชา

วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ถือได้ว่าเป็น วันพระพุทธ

วันอาสาฬหบูชา
เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาครั้งแรก เป็น วันพระธรรม

วันมาฆบูชา วันที่พระสงฆ์มาประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อรับฟังหลักการ อุดมการณ์
ตลอดจนวิธีปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาเป็น วันพระสงฆ์









บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
เงาฝัน 9 10325 กระทู้ล่าสุด 10 มิถุนายน 2553 05:38:00
โดย เงาฝัน
เคล็ดลับ 10 ประการเพื่อผมสวย(นพ.ชูชัย)
สุขใจ อนามัย
เงาฝัน 0 2344 กระทู้ล่าสุด 17 มิถุนายน 2553 21:40:17
โดย เงาฝัน
ความหมายขององค์ประกอบแห่งมัชฌิมาปฏิปทา « 1 2 »
ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
เงาฝัน 33 20552 กระทู้ล่าสุด 29 กันยายน 2555 16:38:40
โดย เงาฝัน
สัทธรรมปุณฑรีกะสูตร บทที่ 3 เอาปัมยปริวรรต ว่าด้วยอุปมาการเปรียบเทียบ
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
เงาฝัน 5 7884 กระทู้ล่าสุด 15 ตุลาคม 2553 16:23:02
โดย เงาฝัน
สูตรแห่งความสุข..ตำราชีวิตประจำวัน By สุทธิชัย หยุ่น
สุขใจ อนามัย
เงาฝัน 3 3221 กระทู้ล่าสุด 08 พฤศจิกายน 2553 11:42:47
โดย หมีงงในพงหญ้า
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.475 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 18 มีนาคม 2567 06:03:20