[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
30 เมษายน 2567 02:53:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พิธีศพของชาวทิเบต แปลกแต่จริง  (อ่าน 3545 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 22 กันยายน 2557 15:12:45 »

.



พิธีศพแบบทิเบต

ถาม : เกี่ยวกับทิเบต เรื่องศพที่เอาไปไว้บนที่สูง เขาหั่นศพหรือครับ อยากทราบ

ตอบ : ได้ข้อมูลมาเป็นคำตอบจากเอกสารของวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล สรุปความได้ว่า

พิธีศพในทิเบตมีต้นกำเนิดตามความเชื่อทางศาสนาและตำนานเก่าแก่เป็นสำคัญ และครั้นศาสนาพุทธเผยแผ่เข้าไปในดินแดนนั้นแล้ว พิธีศพก็มักดำเนินไปตามพระธรรมทางพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ พิธีศพของชาวทิเบตมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบนี้ขึ้นอยู่กับสถานภาพทางการเงินและสถานภาพทางสังคมของผู้ตายหรือครอบครัวของผู้ตาย ดังนี้

๑. พิธีศพบนที่สูง ใช้กันทั่วไป เพราะถือว่าวิญญาณจะไปสู่สวรรค์ พิธีศพรูปแบบนี้เริ่มโดยนำศพห่อหุ้มด้วยผ้าขาวและเก็บไว้ที่มุมห้องภายในบ้านเป็นเวลา ๓-๕ วัน มีพระมาสวดเพื่อปล่อยวิญญาณออกจากร่าง ขณะที่ญาติมิตรและแขกที่มาร่วมงานจะนำขวดเบียร์ คะตะ (ผ้าพันคอสีขาว) เนยแผ่น ธูปหอม และห่อเงินเขียนคำอาลัยไปมอบให้

เมื่อถึงเวลาที่กำหนดนำศพออกจากบ้าน โดยปกติมักจะเริ่มพิธีก่อนรุ่งอรุณ ศพจะถูกเปลื้องผ้าออกและมัดตราสังใหม่ แล้วใช้ผ้าห่มขนสัตว์ห่อแทน จากนั้นสัปเหร่อจะแบกศพออกจากบ้านไปยังสถานที่ที่จะทำพิธีศพ สมาชิกครอบครัวเดินตามไป แต่เมื่อถึงเวลาชำระศพจริงๆ มีเพียงคนใดคนหนึ่งเป็นผู้แทนของครอบครัวเท่านั้นที่จะอยู่ร่วมจนพิธีชำระเสร็จสิ้น สัปเหร่อจะนำศพขึ้นไปบนภูเขาสูง วางศพลงบนลานหิน ก่อกองไฟขึ้น โดยใช้กิ่งไม้สนเป็นเชื้อเพลิง แล้วโปรยเศษขนมซัมปะลงบนกองเพลิง

สัปเหร่อจะเปลื้องผ้าคลุมศพออก ผ่าศพด้วยมีดหรือขวาน ตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกกับเศษผงขนมซัมปะ แล้วก็รอให้ฝูงอีแร้งมากินซากศพ หลังจากอีแร้งกินและบินจากไปแล้วสัปเหร่อจะเข้าไปนำเศษชิ้นส่วนศพที่เหลืออยู่เผาอีกจนกลายเป็นขี้เถ้า ก่อนตักขี้เถ้าโปรยให้กระจัดกระจายไปในทิศต่างๆ ด้วยการเผาศพอย่างนี้ถือว่าจะต้องไม่ให้มีสิ่งใดเหลืออยู่ หรือหากเหลือก็ให้เหลือเพียงแต่น้อย เพื่อจะทำให้วิญญาณออกจากร่างไปได้อย่างอิสระ ไม่หวนกลับมาสู่ร่างเดิมอีก เมื่อพิธีเสร็จสิ้นตัวแทนของครอบครัวผู้ตายจะนำอาหารและเบียร์ที่เตรียมไว้ พร้อมทั้งค่าจ้างจ่ายให้กับสัปเหร่อเป็นอันจบสิ้น

๒. การชำระศพในน้ำ จัดว่าเป็นพิธีที่ทุ่นค่าใช้จ่าย โดยศพของผู้ตายจะถูกนำไปยังบึง จากนั้นสัปเหร่อจะผ่าหรือตัดศพออกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ โยนลงไปในแม่น้ำ หรือหากศพนั้นเน่าเปื่อยมากก็ไม่ต้องผ่า แต่จะห่อด้วยผ้าขาวแล้วโยนลงในน้ำทันที หากศพนั้นเป็นทารกจะนิยมใส่ในโถลายครามปิดด้วยผ้าหรือหนังสัตว์ โยนลงไปในแม่น้ำ

๓. การฝังศพใต้ดิน แยกเป็นสำหรับบุคคล ๒ ประเภท ดังนี้
        ๑.ใช้กับผู้ที่ตายด้วยโรคติดต่อร้ายแรง หรือใช้กับโจรหรืออาชญากรของสังคม
            ชาวทิเบตเชื่อว่าการฝังศพใต้พื้นดินจะทำให้วิญญาณของผู้ตายดับสิ้นไม่มีวันกลับมาได้อีก
            และถือว่าการฝังศพใต้ดินเป็นการทำลายชื่อเสียงของผู้ตาย นำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูลของผู้ตาย และ
        ๒. ใช้สำหรับบุคคลสำคัญ ได้แก่ กษัตริย์ โดยจะนำศพกษัตริย์ไปฝังบริเวณเชิงเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มีเทพเจ้าอารักษ์อยู่

๔. การเผาศพ ใช้กับผู้ตายที่มีเกียรติ นักปราชญ์ พระผู้ทรงศีล และบรรดาขุนนาง หรือคหบดีผู้มั่งคั่ง เริ่มโดยเผาศพของผู้ตายแล้วนำกระดูกเก็บในสถูป หรือนำขี้เถ้าที่เหลือเก็บในสถูป หรือนำไปโปรยให้กระจายไปกับสายลม หรือไหลไปตามน้ำ

๕. การบรรจุศพในสถูปหรือเจดีย์ ใช้กับลามะชั้นสูง เช่น ทะไลลามะ เป็นต้น เมื่อลามะชั้นสูงหรือลามะที่มีชื่อเสียงมรณภาพ ศพของท่านจะถูกล้างให้สะอาดด้วยน้ำเกลือ แล้วปล่อยให้แห้ง จากนั้นใช้น้ำหอมและเครื่องเทศทาไปตามร่างกาย ก่อนนำไปบรรจุในสถูปหรือเจดีย์ ที่เรียกว่า "เชอร์เตน" แต่ในระยะหลังมักใช้วิธีเผาก่อน แล้วจึงนำกระดูกหรือขี้เถ้าบรรจุภาชนะนำไปเก็บไว้ในสถูปและเจดีย์


ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับประจำวันจันทร์ที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๗

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.233 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 27 มีนาคม 2567 13:01:45