[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 มิถุนายน 2568 18:43:07 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพระพุทธรูป เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑  (อ่าน 3242 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6098


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2557 12:18:06 »

.


พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานในพระวิหารลายคำ
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่

หนังสือสารานุกรมไทยฯ โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กล่าวว่า - ชั้นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสำคัญของไทยปัจจุบันมี ๒ องค์
ได้แก่ พระพุทธสิหิงค์ และพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต)

ราศี บุรุษรัตนพันธุ์ เขียนเรื่องการเดินทางครั้งใหญ่ของพระพุทธรูปในสมัยรัตนโกสินทร์ ไว้ในหนังสือพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง (วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร สำนักพิมพ์ทิพากร ๒๕๔๔) ว่า หลังการตั้งกรุงเทพมหานคร เป็นราชธานีแห่งใหม่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเริ่มการทำนุบำรุงพระอารามต่างๆ

จากการที่ทรงเป็นแม่ทัพใหญ่รอนแรมเดินทางไปหัวเมืองต่างๆ หลายครั้ง ทรงได้พบเห็นวัดวาอารามและพระพุทธรูปใหญ่น้อยในบ้านเมืองที่ห่างไกล อยู่ในสภาพทรุดโทรม หักพัง เสื่อมสลายอยู่ในที่รกร้างด้วยภัยสงคราม

จึงทรงมีพระบรมราชโองการให้ขนย้ายเข้ามาบูรณะซ่อมแซมในกรุงเทพฯ

พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองหลายองค์ ได้มาสู่กรุงเทพฯในครั้งนี้ อาทิ พระศรีสรรเพชญ์ พระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่แห่งกรุงศรีอยุธยา โปรดให้นำมาบรรจุไว้ในองค์เจดีย์วัดพระเชตุพน เนื่องจากถูกพม่าสุมไฟเอาสำรอกเอาทองคำ เสียหายจนเกินกว่าจะบูรณะได้

พระศรีศากยมุนี จากวิหารหลวงวัดมหาธาตุสุโขทัย ก็โปรดให้นำลงแพล่องมาสู่กรุงเทพฯ ดังที่ กล่าวไว้ในพระราชพงศาวดาร ดังนี้

ลุศักราช ๑๑๗๐ ปีมะโรงสัมฤทธิ์ศก เป็นปีที่ ๒๗ ณ วันพฤหัสบดี เดือนหก ขึ้นสิบเอ็ดค่ำ เชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นพระประธานในวิหารหลวง ลงมาจากเมืองสุโขทัย หน้าตักสิบศอก ทรงพระนามว่า พระศรีศากยมุนี สมโภชที่พระตำหนักแพสามวัน

ครั้น ณ เดือนหก ขึ้นสิบสี่ค่ำ เชิญชักพระขึ้นจากแพทางประตูท่าช้าง ไปทำร่มไว้ข้างถนนเสาชิงช้า ประตูนั้นก็เรียกว่าประตูท่าพระมาจนทุกวันนี้ เหตุว่าต้องรื้อประตูจึงเชิญเข้าไปได้

ยังมีพระพุทธรูปสำคัญที่เจ้านายผู้ใหญ่เห็นว่า คู่ควรแก่พระบุญญานุภาพ ก็ทรงนำกลับมาสู่กรุงเทพมหานคร เช่น พระพุทธสิหิงค์ พงศาวดารกล่าวว่า

ลุศักราช ๑๑๕๗ ปีเถาะสัปตศก ในรัชกาลที่ ๑ เดือนห้า พม่ายกมาตีเมืองเชียงใหม่ กรมพระราชวังบวร ยกขึ้นไปช่วยตีพม่าแตกไป จับอุบากองนายทัพพม่าได้คนหนึ่ง แล้วเจ้าเมืองเชียงใหม่ถวายพระพุทธสิหิงค์ เป็นพระศักดิ์สิทธิ์สำหรับเมืองเชียงใหม่ลงมา

พระพุทธสิหิงค์องค์นี้ เมื่อแผ่นดินพระนารายณ์มหาราชเจ้าเสด็จขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่ ก็ได้เชิญเสด็จลงมาไว้ที่กรุงเก่าครั้งหนึ่ง ครั้นสิ้นแผ่นดินแล้วจะเป็นแผ่นดินพระเพทราชา ฤๅจะเป็นแผ่นดินทรงปลาไม่แน่ เจ้าเชียงใหม่ลงมาเฝ้า เสียสินบนให้เจ้าจอมข้างใน กราบทูลขอขึ้นไปได้ ครั้งนี้ก็ได้เชิญลงมาอยู่ที่กรุงอีก

กรมพระราชวังบวรเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่ง เดี๋ยวนี้เป็นพุทไธสวรรย์ในพระบรมมหาราชวัง

การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพระพุทธรูป ในประวัติศาสตร์ไทย เกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ นี้เอง นั่นคือการขนย้ายพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะ ๑,๒๔๗ องค์ มีทั้งสมบูรณ์ และชิ้นส่วนชำรุดหักพัง ทรงโปรดฯให้นำมาบูรณะซ่อมแซมต่อเติมบางส่วนประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ พระวิหารทิศ พระวิหารคด และพระระเบียงชั้นนอกของวัดพระเชตุพนฯ

อีกหลายร้อยองค์ที่เหลือ ก็โปรดให้เจ้านาย ขุนนาง ข้าราชบริพาร นำไปประดิษฐานไว้ในวัดวาอารามต่างๆ ที่บุคคลเหล่านั้นมีส่วนในการบูรณะ

แลในพระอุโบสถและพระวิหารพระระเบียงนั้น เชิญพระพุทธปฏิมากรหล่อด้วยทองเหลืองสัมฤทธิ์ ชำรุดปรักหักพัง อยู่ ณ เมืองพระพิษณุโลก สวรรคโลก เมืองสุโขทัย เมืองลพบุรี กรุงเก่า วัดศาลาสี่หน้า ใหญ่น้อยพันสองร้อยสี่สิบแปดองค์ลงมาให้ช่างหล่อต่อพระศอ พระเศียร พระหัตถ์ พระบาท แปลงพระพักตร์ พระองค์ ให้งามแล้ว

พระพุทธรูปขนาดใหญ่ คงจะถูกส่งมาโดยการนำลงแพไม้ไผ่ล่องมาเช่นเดียวกับการอัญเชิญพระศรีศากยมุนี

ในคราวแรกคงจะมาพร้อมกันคราวละหลายองค์ ภาพของขบวนพระพุทธรูปผ่านเส้นทางน้ำตลอดระยะทางจากเมืองเหนือมาสู่กรุงเทพฯคงจะเป็นภาพหน้าดูติดหูติดตาของชาวบ้าน

และคงมีหลายองค์ที่พลัดหลงหลุดขบวน สูญหายไป จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม บางองค์พลัดหลงไปตามลำคลอง มีผู้อัญเชิญขึ้นไปไว้เกิดเป็นตำนานพระพุทธรูปลอยน้ำ

การอัญเชิญพระพุทธรูปจากต่างเมืองยังมีอยู่อีกหลายครั้ง เช่นปรากฏในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๓

มาถึง ณ วันพุธ เดือน ๑ แรม ๒ ค่ำ แพพระพุทธรูป พระชินสีห์เมืองพระพิษณุโลก ล่องมาถึงกรมพระราชวัง ได้สมโภชแล้วเชิญเสด็จขึ้นประดิษฐานไว้ ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศฯ

พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๓ ยังกล่าวถึงพระพุทธรูปสำคัญจากดินแดนล้านช้าง...พระเสริม พระไส พระศุก พระแซ่คำ พระแก่นจันทน์ พระสรงน้ำ พระเงินหล่อ พระเงินบุ รวม ๘ องค์

หลายองค์จากเวียงจันทน์ ได้มาสู่กรุงเทพฯในรัชกาลพระจอมเกล้าฯ... ตามหลักฐานในสำเนาพระราชหัตถเลขาถึงพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๑ ดังต่อไปนี้

ฉันขึ้นไปถึงกรุงเก่า ได้นมัสการพระแสนเมืองเชียงแตงแล้ว รูปพรรณเป็นของเก่าโบราณหนักหนา......

อีกครั้งหนึ่งที่มีหลักฐานกล่าวถึงการขนย้ายพระพุทธรูปจากเมืองต่างๆเข้าสู่กรุงเทพฯคือเมื่อคราวสร้างวัดเบญจมบพิตร พ.ศ.๒๔๒๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า

พระพุทธรูปสำหรับจะประดิษฐานไว้ ณ ดังนี้ ควรเลือกหาพระพุทธรูปโบราณสมัยต่างๆ กัน อันเป็นของดีงาม มีอยู่เป็นอันมาก รวบรวมมาตั้งแสดงให้มหาชนเห็นแบบอย่างพระพุทธรูปต่างๆ

และโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ คิดจัดทำพระพุทธรูปแบบต่างๆ มาตั้งในระเบียงตามพระราชดำริ

กาลครั้งนั้น สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงตั้งเกณฑ์ในการคัดเลือกพระพุทธรูปว่า ต้องเป็นพระพุทธรูปฝีมือช่างเป็นอย่างเอกสวยงามน่าดูชม ต้องมีพระพุทธลักษณะและปางต่างๆ ต้องมีขนาดใกล้เคียงกัน

จึงทรงดำเนินการเสาะหารวบรวมพระจากเมือง ต่างๆ รวมทั้งพระจากต่างประเทศ และมีการหล่อจำลองขึ้นมาใหม่ รวมได้พระพุทธรูป ๕๐ องค์

ในบรรดาพระพุทธรูป ๕๐ องค์นี้ มีพระที่นำมาจากเมืองต่างๆ ๓๗ องค์ ยังมีที่ตั้งไว้ยังมุมพระระเบียงข้างนอกอีก ๔ องค์ รวมทั้งพระฝางซึ่งเป็นพระทรงเครื่องจากอุตรดิตถ์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารสมเด็จอีกองค์ด้วย.



ที่มาข้อมูล: พระพุทธ(รูป)ยาตรา โดย บาราย  นสพ.ไทยรัฐ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.656 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 23 พฤศจิกายน 2567 18:04:07