[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
06 ธันวาคม 2567 06:26:45 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ สวดพระพุทธคุณแก้กรรม โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม  (อ่าน 11652 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7866


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 13:23:34 »

สวดพระพุทธคุณแก้กรรม
อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ
โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม



พระพุทธคุณ อาตมาสังเกตมาว่า บางคนเขาไปหาหมอดู เคราะห์ร้ายก็ต้องสะเดาะเคราะห์ อาตมาก็มาดูเหตุการณ์ โชคลางไม่ดีก็เป็นความจริงของหมอดู อาตมาก็ตั้งตำราขึ้นมาด้วยสติ บอกว่าโยมไปสวดพุทธคุณเท่าอายุให้เกินกว่า ๑ ให้ได้ เพื่อให้สติดี แล้วสวดพาหุงมหากาฯ หายเลย สติก็ดีขึ้น เท่าที่ใช้ได้ผล สวดตั้งแต่ นะโม พุทธัง ธรรมมัง สังฆัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ จบแล้วย้อนกลับมาข้างต้น เอาพุทธคุณห้องเดียว ห้องละ ๑ จบ ต่อ ๑ อายุ อายุ ๔๐ สวด ๔๑ อายุ ๓๕ สวด ๓๖ ก็ได้ผล


พุทธคุณกับชาวคริสต์

มีชาวคริสต์คนหนึ่ง มีลูกชายคนเดียว อยู่ที่ลาดพร้าว เป็นเศรษฐีที่ดิน อายุ ๕๑ ปี มีลูกชายคนเดียว สามีตาย ลูกชายเรียนหนังสือไม่เก่ง ก็ไปส่งเรียนปริญญาที่อเมริกา เป็นเศรษฐีที่ กทม. ราชาที่ดิน ที่ดินข้างคลองแสนแสบของเขาทั้งนั้น ไปจรดลาดพร้าวหลายร้อยไร่ เมื่อสมัยก่อนก็ขายได้หลายร้อยล้าน เป็นผู้มีเงิน ก็ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ลูกไม่เอาไหน ไปก็ไปซื้อรถเก๋ง พาจิ๊กโก๋ไปหาจิ๊กกี๋ ๓ ปีมาแล้ว แล้วก็มีหนังสือมาหลอกแม่เรื่อย เรียนจวนใกล้สำเร็จ ขอเงินอีก ๑ แสน ขอเงินอีก ๕ แสน

แล้วในที่สุดเขาก็ไม่รู้จะไปหาที่พึ่งที่ไหน ก็ไปหาหมอดู หมอดูก็เอาเงินสะเดาะเคราะห์ ลูกถึงจะเรียนได้ แล้วก็ได้เงินสะเดาะเคราะห์ ไปหาหมอทำก็ไม่สามารถจะสำเร็จไ แต่พอดีก็มีคนสิงห์บุรีไปเป็นลูกจ้างบ้านนั้น เขาเป็นนายทุนให้ก็พากันไปนครสวรรค์ กลับมาเขาก็เลยแวะ เขาบอกอย่าแวะ ก็เลยแกล้งเพทุบายว่าปวดท้อง แวะเข้ามาวัดนี้หน่อย จะหาห้องน้ำแวะเข้ามาแล้ว นายทุนคนนี้ก็เข้าห้องน้ำด้วย คนนั้นก็มาบอกกับอาตมาว่า หลวงพ่อช่วยทีเถอะ

แต่อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคริสต์ บอกช่วยหน่อยเถอะเขามีลูกชายคนเดียว ผมก็ขอยืมเงินเขาใช้เรื่อย เราก็นึกในใจว่า ขอดูหน้าก่อน แล้วเขาก็พามาแล้ว ก็บอกให้ฟังว่า ลูกชายไปเรียนที่อเมริกา ไม่เอาไหนเลย พอรู้เข้าว่าเรียนไม่สำเร็จ ไปเที่ยว พานักศึกษาไทยไปเสียหายกัน ฉันก็จะเป็นโรคประสาทแล้ว ท่านจะมีทางช่วยได้ไหม ดูหน้าแล้วก็รู้ว่า ลูกชายต้องสำเร็จปริญญาโท และจะสำเร็จปริญญาเอกด้วย แต่ทำไมเรียนไม่สำเร็จ เดี๋ยวมีวิธีทางแก้ เพราะลักษณะบอกให้รู้ถึงลูก ด้วยว่าลูกชายต้องเรียนสำเร็จ แต่ทำไม่ถึงเรียนไม่สำเร็จ

มีวิธีแก้ อาตมาก็บอกว่า โยมไปสวดมนต์ สวดพุทธคุณ ๕๒ จบ เพราะตอนนี้อายุ ๕๑ เขาบอกว่า “ฉันสวดไม่ได้ ฉันเป็นคริสต์” “พระบิดา พระบุตร พระจิต สวดได้ไหม” “ฉันก็เป็นคริสต์แบบชาวพุทธที่สวดมนต์ไม่เป็น ไปวัดเข้าโบสถ์ก็เข้าไปอย่างนั้นเอง” วันนั้นก็เจ๊ากันไป ไม่ยอมรับ ก็อยู่ได้อีก ๔-๕ เดือน อาตมาจำหน้าได้ ทีนี้มี่มีคนพามาละ เขามากันเอง ๓ คน บอกว่า “ฉันยอมจำนน” บอก “เอาอย่างนี้โยม ไปซื้อหนังสือสวดมนต์เข้าเล่มหนึ่ง”

“ฉันไม่อยากให้หนังสือสวดมนต์มีในบ้านฉัน ท่านช่วยเขียนให้หน่อย”

อาตมาก็ต้องเขียน พอตอนหลังขี้เกียจเขียนต้องพิมพ์เป็นใบ นี่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ “ฉันไม่นับถือพระ ฉันจะสวดได้หรือ” “ที่นอนนั้นแหละสวดไปก่อน” อาตมาหาอุบาย เลยก็สวดพาหุงมหากาฯ “ฉันท่องไม่ได้ อ่านตามตัวแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าอายุ ๕๑ สวด ๕๒” “ใช้ก้านไม่ขีด ทิ้งเข้าซิ ทำไปก่อน” เขาเลยมั่นใจว่าคิดว่าจะทำได้ บอกว่า “โยมสวดมนต์เสร็จแล้วแผ่เมตตาให้ลูก อย่าด่าลูกนะ อย่าแช่งลูก ให้ลูกมีความเจริญสุข และให้ลูกมีความตั้งใจเรียนหนังสือให้สำเร็จ”

พอไปสวดได้ ๓ เดือน ท่องได้หมดเลย หนักเข้าก็ไม่ต้องใช้ก้านไม้ขีดแล้ว จึงเกิดอานิสงส์ ๒ ประการ

ข้อหนึ่ง โรคประสาทหาย กินได้นอนหลับ ชื่นอกชื่นใจ นอนหลับก็ใจดี เริ่มแผ่ส่วนกุศลให้ถึงลูกแล้ว บุญกุศลของแม่จะถึงลูกถึงตอนไหน รู้กันตอนนี้ เพราะลูกนี่เฟ้อในการเงิน ขอเงินแม่เรื่อยเลย ไม่รู้บุญกุศลของแม่แต่ประการใด วันนั้นบุญกุศลของแม่ถึงประมาณ ๖ เดือนหลังจากสวดมนต์ อาตมาจดไว้ วันนั้นพอดีลูกชายพาพวกนักศึกษาไทยที่ส่งด้วยทุนของตัวเอง ไปเที่ยว ขับรถไปชนเสาไฟฟ้า เพื่อนอยู่ข้างหลังกระเด็นออกจากรถหมด ไม่ตายไม่เป็นอะไรเลย แต่เจ้านี่ต้องไปอัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้า เสาล้ม ต้องเสียเงินหลายแสน พวงมาลัยอัดหน้าอกไปโคม่าอยู่โรงพยาบาล ไม่รู้สึกตัว แล้วพอดีมีลูกพี่อยู่คนหนึ่ง เป็นแพทย์อยู่ที่อเมริกาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก็ไปเยี่ยม ถ้าจะไม่รอดแน่ ก็ให้อ๊อกซิเจน นายแพทย์อเมริกาบอกว่าไม่รอดแน่

วันนั้นผ่านไป รุ่งขึ้นลืมตา พอรอดมาแล้วปวดเมื่อยจะตาย น้ำตาร่วงคิดถึงแม่ มันเฟ้อไปในสังคม มันจะไม่คิดถึงแม่ บางคนอายุ ๘๐ แก่จะตาย เวลาใกล้ตายหลงคิดถึงแม่จ๋ากระทั่งแม่ตายไปตั้งนานแล้วอย่างนี้แน่นอน มันทุกข์หนัก บอกปวดเมื่อยทั่วสรรพางค์กาย คุณแม่จ๋ารำพันคิดถึงแม่

ข้อสอง ลูกคิดถึงแม่ ถ้าแม่ทราบว่าหนูไม่เรียนหนังสือแล้ว แม่จะเสียใจแค่ไหน ทราบเข้าก็ดีอกดีใจมาวัดเลย เลี้ยงเพลพระ สวดธรรมจักรให้ ๑ จบ

ในที่สุด พอลูกกลับจากอเมริกาพาลูกมาเลย อาตมาให้พระบูชาไป ๑ องค์ แม่ก็เล่าให้ฟังเพราะเหตุอย่างนี้ ลูกเลยสวดมนต์ภาวนาแล้วไปเข้าวัดไทย ไปนั่งวิปัสสนาที่เมืองนอก เจ้าคุณเทพโสภณรู้จัก แต่ไม่รู้เรื่องวัดอัมพวัน รู้ว่าเจ้านี่มันนักกรรมฐานปริญญาเอก เดี๋ยวนี้ไม่ยอมกลับบ้าน แม่บอกหลวงพ่อให้ฉันสวดมนต์อะไรให้ลูกกลับประเทศไทย ไม่มีกลับเรารู้แล้วไม่กลับแน่

อันนี้ได้ผลแน่นอน ขอฝากไว้ว่าเด็กหรือใครก็ตาม ก็ต้องประสบทุกข์จะคิดถึงแม่ ถ้าไม่ประสบทุกข์ให้เงินไปเฟ้อ ไม่คิดถึงแน่ ต้องประสบทุกข์จึงจะเห็นตัวธรรมะ เห็นอกเห็นใจเลยเชียว เขามาเล่าให้อาตมาฟัง บอกหลวงพ่อครับ ผมไม่คิดถึงแม่เลย ๓ - ๔ ปีที่อเมริกา แต่ก็คิดถึงแม่ว่าอยู่กับแม่ป้อนข้าวให้ พัดวีให้ได้ คิดอย่างนี้เลยจึงกลับ แม่ก็เลยเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อนี่ช่วยเอาไว้ เขาเลื่อมใสอาตมาบอกว่า ถ้าเชื่อนะ ไปเดี๋ยวนี้ ตัดผม เพราะผมเขายาวประบ่า เลยตัดผมที่นี่สิงห์บุรีเห็นได้ชัดมาก เจ้าคนนี้ บอกแหมหลวงพ่อว่าผมนี่ผลาญเงินแม่ไปหลายล้านบาท ดังที่กล่าวแล้ว อาตมาก็ตั้งตำรา ถ้าคนไหนเคราะห์ร้ายสวดพุทธคุณ


จ่าสอบเป็นนายร้อย

จ่าที่ศูนย์ปืนใหญ่นี่บอกว่า หลวงพ่ออีก ๒ - ๓ ปีอายุผมเกินแล้ว สอบนายทหารไม่ได้เสียไป ๒ หมื่นก็ไม่ได้ “อย่าไปพูดเรื่องเสียเงินเสียยี่ห้อทหาร สองคนผัวเมียสวดมนต์ได้มั้ย ต้องได้แน่ สวดสองคนเลย” พวกทหารศูนย์ปืนใหญ่ เขาบอกสงสัยบ้านจ่านี่ท่าจะบ้าแล้ว พอผัวจะไปทำงาน “นี่แม่อีหนูมาสวดมนต์แทน ฉันจะไปทำงาน” เมียก็สวดใหญ่ เพื่อนๆ มาเยี่ยม ไปเถอะขาขาดไปเคยไปเล่นไพ่ด้วยกัน เลิกเล่นมานั่งสวดมนต์

ในที่สุดสอบได้สอบนายทหารได้เดี๋ยวนี้เป็นพันตรีไปแล้ว แล้วร่ำรวยมีเงินให้นายทหารกู้ จ่าคนนี้พอสวดมนต์ มีเงินและมีไร่ที่อำเภอพัฒนานิคม มีสวนมะพร้าว มะพร้าวเยอะแยะมันเป็นความจริงขึ้นมา ไม่ใช่ขลังด้วยคาถา แต่ขลังด้วยสติ สวดมนต์แล้วก็มีสติขึ้นมา ปัญญาก็เกิด สอบเขียนก็ได้เลย ตอนเสียเงิน ๒ หมื่นไม่ได้ เขาบอกข้อสอบให้ยังไม่ได้ บอกสวดพุทธคุณเข้า ได้ทุกราย อาตมาอบรมนักศึกษามานี่ติดตามโดยต่อเนื่อง ไม่ใช่ไปบอกขอกฐินผ้าป่า ต้องการประเมินผลขอให้เธอทำตาม บางคนบอกว่าฉันเรียนสำเร็จวิชาครูมาทำอะไรไม่ได้ บอกหนูไม่จำเป็นต้องเป็นครู มานั่งกรรมฐานสวดมนต์เช้า ไม่จำเป็นต้องวิชาที่เรียนตรงเลย มันจะเกิดมีคนอุปถัมภ์ ช่วยเหลือผลักดันไปจนได้โดยวิธีนี้

หนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 3
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
 
wondermay
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 19 มีนาคม 2554 14:29:26 »



อย่างงี้สวดมนต์แก้กรรม ไม่ถือว่าติดบุญหรอคะ
บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7866


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.151 Chrome 10.0.648.151


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 19 มีนาคม 2554 19:45:52 »

มันเป็นเรื่องของอานิสงส์จากการสวดมนต์น่ะวอนเด้อ

คงจะเหมือนที่มีการเปรียบเทียบ

บาป - เวรกรรมก็เหมือนเกลือ

บุญก็เหมือนน้ำ

ถ้าบาปเราเยอะ มันก็เค็ม การทำบุญก็เหมือนการเติมน้ำไปเจือจางเกลือ

ยิ่งทำเยอะ สั่งสมไว้เยอะ ไอ้ความเค็มมันก็จะยิ่งลดลงเรื่อย ๆ

ทีนี้ที่บอกบาปกับบุญมันหักล้างกันไม่ได้หมายความว่าไง

ก็เหมือนบาปเรา (เกลือ) มีสักหนึ่งช้อนชา บุญ (น้ำ) ของเรามีสัก 1 ตุ่ม

เมื่อน้ำเจือจางกับเกลือ เราก็ไม่ได้รสของเกลือ แต่ใช่ว่าไม่มีเกลือในน้ำ

พอจะเข้าใจเป็นรูปธรรมไหม

การสวดมนต์แก้กรรมที่ว่าก็คงจะเป็นอย่างเดียวกันกระมังวอนเด้อ

ก็ลองคิดดู ยังไม่ได้แตกฉานพอจะสอนใครได้ แต่ถ้าแนะนำเบื้องต้นก็พอได้บ้าง

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
wondermay
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 19 มีนาคม 2554 20:29:05 »

มันเป็นเรื่องของอานิสงส์จากการสวดมนต์น่ะวอนเด้อ

คงจะเหมือนที่มีการเปรียบเทียบ

บาป - เวรกรรมก็เหมือนเกลือ

บุญก็เหมือนน้ำ

ถ้าบาปเราเยอะ มันก็เค็ม การทำบุญก็เหมือนการเติมน้ำไปเจือจางเกลือ

ยิ่งทำเยอะ สั่งสมไว้เยอะ ไอ้ความเค็มมันก็จะยิ่งลดลงเรื่อย ๆ

ทีนี้ที่บอกบาปกับบุญมันหักล้างกันไม่ได้หมายความว่าไง

ก็เหมือนบาปเรา (เกลือ) มีสักหนึ่งช้อนชา บุญ (น้ำ) ของเรามีสัก 1 ตุ่ม

เมื่อน้ำเจือจางกับเกลือ เราก็ไม่ได้รสของเกลือ แต่ใช่ว่าไม่มีเกลือในน้ำ

พอจะเข้าใจเป็นรูปธรรมไหม

การสวดมนต์แก้กรรมที่ว่าก็คงจะเป็นอย่างเดียวกันกระมังวอนเด้อ

ก็ลองคิดดู ยังไม่ได้แตกฉานพอจะสอนใครได้ แต่ถ้าแนะนำเบื้องต้นก็พอได้บ้าง



งั้นถ้าใช้คำว่าสวดมนต์แก้กรรม ....มันดูเหมือนโฆษณาชวนเชื่อไปนิด จริงป่าวคะ
ต้องบอกว่า สวดมนต์เจือจางกรรม ชิลๆ
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.305 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้