ข้อนั้นเพราะเหตุใด?
ตอบว่า เพราะความอยากได้ อยากเห็น อยากได้ยิน อยากได้นั่น และอยากได้นี่ไปเรื่อย
ยิ่งอยากมากเท่าไหร่... ความโกรธหรือความทุกข์ก็เกิดขึ้นตามมาเป็นเงาตามตัว
ทีนี้เรามารู้จักเหตุผลของธรรมชาติ ของจริงๆกันหน่อย ต่อไปเมื่อเหตุผลแล้ว เราจึงจะเกิดปัญญา
ปัญญานั่นเองจะมาทำให้เราเป็นสุข ไม่เร่าร้อนเพราะกิเลสความโลภหรือกิเลสความโกรธคอยเล่นงานเอา
ใจจึงสงบ โลกจึงสดใสได้แม้ท่ามกลางความมืดมิด
พึงทราบว่า ธรรมทั้งหลายล้วนไหลมาจากเหตุ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏให้เราเห็น ให้เราได้ยิน ให้ได้กลิ่น ให้ลิ้มรส ให้สัมผัส ...ล้วนมีมาแต่เหตุทั้งนั้น
และประกอบพร้อมด้วยปัจจัยที่เหมาะควร ผลนั้นจึงเกิด ท่านเรียกว่า วิบาก
หากเป็นวิบากที่ดี ก็เกิดจากกรรมดีส่งผล การเห็นก็ได้เห็นดี ได้ยินดี ได้กลิ่นดี ฯ
หากเป็นวิบากไม่ดี ก็เกิดจากกรรมชั่วได้ช่องส่งผลให้เราได้เห็นไม่ดี ได้ยินไม่ดี ได้กลิ่นไม่ดี ฯ
ดังนั้น ผลนั้นๆย่อมปรากฏเพราะในอดีตเคยมีเหตุทำไว้แล้ว เหมือนเราเก็บเมล็ดพืชรอไว้
ประกอบกับเหตุปัจจัยโดยรอบพร้อมแล้วสำหรับการส่งผล ผลก็เกิด
ดุจชาวนาผู้เอาเมล็ดพืชนั้นหว่านลงดิน เมื่อได้ดิน ได้น้ำ ได้แสงแดด ต้นพืชนั้นก็ได้ปัจจัยให้ผลนั่นเทียว
หากมีเหตุ แต่ไม่พร้อมซึ่งปัจจัยหลายๆอย่าง หรือว่า มีปัจจัยพร้อมทุกอย่างเลย
แต่ปราศจากเหตุ ผลก็หาได้ปรากฏได้ไม่
เหมือนมีเมล็ดพันธุ์พืช แต่เก็บไว้ในหีบ ปราศจากดิน น้ำ และแสสงแดดเป็นต้น
ถามว่า การเกิดแห่งต้นพืชนั้น จะปรากฏได้หรือหนอ?
ย่อมไม่ได้ ใช่ไหมคะ?
หรือ หากว่า มีทั้งดิน ทั้งน้ำ ทั้งแดด แต่ไม่มีเมล็ดพันธุ์พืชเลย ถามว่า ต้นพืชนั้นก็จะคราวเกิดเป็นต้นได้หรือหนอ?
ตอบว่า ไม่ได้เลย