[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
30 เมษายน 2567 15:02:45 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เบญจราชกกุธภัณฑ์  (อ่าน 7567 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2557 17:20:03 »

.

http://i1308.photobucket.com/albums/s612/Katrin_Sriwisan/E_zps9e8ee76e.jpg
เบญจราชกกุธภัณฑ์


เบญจราชกกุธภัณฑ์

ศ.พิเศษธงทอง จันทรางศุ เขียนถึงเครื่องราชกกุธภัณฑ์ไว้ในวารสารของสมาคมค้าทองคำ สรุปความว่า เครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นพระราชาธิบดี ประกอบด้วย ๕ สิ่ง รวมเรียกว่า "เบญจราชกกุธภัณฑ์" วรรณคดีต่างๆ ทางพุทธศาสนา กล่าวว่า เบญจราชกกุธภัณธ์ประกอบด้วย ฉัตร วาลวิชนี พระขรรค์ อุณหิส และบาทุกา แต่สำหรับของไทย ประกอบด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ วาลวิชนีพระแส้และพระจามรี พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกร และฉลองพระบาท

๑.พระมหาพิชัยมงกุฎ สูง ๖๖ เซนติเมตร หนัก ๗,๓๐๐ กรัม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ทำด้วยทองคำลงยาราชาวดี สองข้างมีจอนหูทำด้วยทองคำลงยาราชาวดีเช่นกัน แต่ละชั้นประดับด้วยดอกไม้เพชร เดิมยอดพระมหาพิชัยมงกุฎเป็นยอดแหลม รัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชสมบัติ ไปหาซื้อเพชรจากเมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ติดไว้ที่ยอดพระมหามงกุฎ พระราชทานนามว่า "มหาวิเชียรมณี"

๒.วาลวิชนี แปลกันเป็น ๒ อย่าง คือ เป็นพัด เป็นแส้ ของไทยเราเดิมเป็นพัดใบตาลอย่างที่เรียกว่าพัชนีฝักมะขาม ทำขึ้นครั้งรัชกาลที่ ๑ สำหรับเป็นหนึ่งในเบญจราชกกุธภัณฑ์ ต่อมารัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชดำริเห็นว่าพัดใบตาลไม่ถูกต้อง เพราะพระบาลีแปลว่าวาลวิชนี วาลเป็นขนโคชนิดหนึ่งซึ่งฝรั่งเรียก Yak (ยัค) จึงทรงทำแส้ขนจามรีขึ้น แต่ไม่ทรงอาจให้เปลี่ยนพัดของเก่า จึงใช้ไปด้วยกัน ปัจจุบันใช้พระแส้ขนหางช้างด้ามทองคำแทนพระแส้จามรีที่ชำรุดมาก วาลวิชนีมีลักษณะเป็นพัดทำด้วยใบตาลปิดทอง มีขอบและด้ามเป็นทองคำลงยา ส่วนแส้ เป็นของที่ทำมาแทนแส้จามรีของรัชกาลที่ ๔ ด้ามเป็นแก้วผลึก

๓.พระแสงขรรค์ชัยศรี ยาวเฉพาะองค์ ๖๕ เซนติเมตร ด้าม ๒๕.๕ เซนติเมตร ฝัก ๗๕.๕ เซนติเมตร ยาวตลอดองค์ ๑๐๑ เซนติเมตร หนัก ๑,๙๐๐ กรัม ใบพระขรรค์เป็นของเก่า ชาวประมงทอดแหได้ที่ทะเลสาบนครเสมราฐ เมื่อพุทธศักราช ๒๓๒๗ พระยาพระเขมรเชิญเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ ๑ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำด้ามและฝักขึ้นด้วยทองคำลงยาประดับอัญมณี ใช้เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์สืบมา

๔.ธารพระกร ตัวธารพระกรเป็นไม้ชัยพฤกษ์ปิดทอง ปลายทั้งสองข้างเป็นเหล็กคร่ำทองข้างหนึ่ง และเป็นซ่อมข้างหนึ่ง ของเดิมทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ปิดทอง หัวและส้นเป็นเหล็กคร่ำทอง ที่สุดส้นเป็นซ่อม ธารพระกรองค์นี้มีชื่อเรียกว่าธารพระกรชัยพฤกษ์ ครั้นถึงรัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างธารพระกรองค์ใหม่องค์หนึ่งด้วยทองคำ ภายในมีพระแสงเสน่า (ศาสตราวุธคล้ายมีดใช้ขว้าง) ยอดมีรูปเทวดา เรียกว่าธารพระกรเทวรูป ทรงใช้แทนธารพระกรชัยพฤกษ์ ครั้งตกถึงรัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้กลับเอาธารพระกรชัยพฤกษ์ออกใช้อีกจนถึงปัจจุบัน ธารพระกรนี้ไทยถือเอามาแทนฉัตร หรือพระมหาเศวตฉัตร หมายถึงว่าเป็นพระราชามหากษัตริย์เช่นเดียวกับมงกุฎของชาวยุโรป

๕.ฉลองพระบาท คือฉลองพระบาทเชิงงอน น้ำหนัก ๖๕๐ กรัม เป็นราชกกุธภัณฑ์สำคัญองค์หนึ่งตามแบบอินเดียโบราณ ในทศรถชาดกซึ่งเป็นต้นฉบับโบราณของนิทานพระราม เล่าว่า "เมื่อพระภรตไปวิงวอนพระรามในป่าให้กลับมาทรงราชย์นั้น พระรามไม่ยอมกลับ จึงประทานฉลองพระบาทซึ่งพระภรตเชิญมาประดิษฐานไว้แทนองค์พระรามบนราชบัลลังก์ในกรุงอโยธยา"

ฉลองพระบาทนี้ทำด้วยทองคำทั้งองค์ ที่พื้นภายในบุกำมะหยี่ ลวดลายเป็นทองคำสลักประดับพลอยและทองคำลงยาสีแดง เขียว ขาว ลายช่อหางโต ใบเทศ ปลายฉลองพระบาททำงอนขึ้นไป มีส่วนปลายเป็นทรงมณฑป




ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด




พัดจามร

เรื่องราวในตำนานของบ้านเมืองสมัยโบราณ ที่ได้ต้นแบบจากรามเกียรติ์ มีทั้งบ้านเมืองที่องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ขยายดินแดนด้วยพิธีอัศวเมธ ส่งม้าขาววิ่งนำ มีกองทัพใหญ่ตาม บ้านเมืองใดอ่อนน้อม ก็รับไว้ บ้านเมืองไหนไม่ยอม ก็ใช้กำลังช่วงชิง
 
และในบางบรรยากาศ บ้านเมืองนั้น ขาดองค์พระราชา ตัวอย่างจาก โชว์เรื่องพระมหาชนก องก์ที่ ๔ พระโปลชนก ผู้ครองเมืองมิถิลาสวรรคต ทรงมีแต่พระราชธิดาชื่อสีวลี ตามจารีตประเพณี สตรีครองเมืองไม่ได้
 
องก์ที่ ๕ ก่อนสวรรคต พระโปลชนกรับสั่งไว้ ผู้ที่จะครองเมืองมิถิลาได้ ต้องไขปริศนา หา ๑๖ ขุมทรัพย์ของแผ่นดินได้ ต้องยกคันธนูใหญ่ได้ และต้องทำให้พระราชธิดาสีวลี พอพระทัย...
 
ไม่มีชายใดในแผ่นดิน ผ่านสามเงื่อนไข...วิธีสุดท้าย ก็ต้องปล่อยราชรถเสี่ยงทาย
 
ย้อนไปองก์ที่ ๓ บารมีแห่งความเพียร เรือสำเภาจม พระมหาชนกว่ายน้ำ ๗ วัน ๗ คืน จนนางมณีเมขลาเหาะมาอุ้ม...แล้วก็ตั้งใจเอาไปวางไว้ใต้ต้นไม้ ในเมืองมิถิลา
 
เรื่องนางฟ้าอุ้มสม ก็ลงตัว ตอนราชรถเสี่ยงทาย ก็ให้มีอันหยุดลง ตรงที่พระมหาชนกนอนนี่เอง
 
องก์ที่ ๕ ราชรถเสี่ยงทาย...นับแต่ตัวราชรถ งดงามพริ้งพราย...ขบวนแห่ตาม... ดูเหมือนมีธงทิวปลิวไสว...แต่แท้จริง เป็นขบวนเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ประกอบพระราชอิสริยยศ
 
และหนึ่งในนั้น หลายชิ้น น่าจะเป็น ๑ ใน ๕ เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ที่เรียกว่าจามร
 
ในปฐมสมโพธิฉบับฝรั่ง กาญจนาคพันธุ์ เขียนไว้ในคอคิดขอเขียนว่า เมื่อพระพุทธองค์จุติจากสวรรค์ลงสู่พระครรภ์พระนางสิริมหามายา เกิดบุพนิมิต ๓๒ ประการ...ประหนึ่งว่า ทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ ก็ล้วนแล้วแต่ด้วยดอกไม้เป็นระเบียบ และจามรี ก็โบกไปโบกมา
 
จามรี ก็คือจามร เอามาใช้ประจำองค์พระเจ้าแผ่นดิน ก็จะเห็นเป็นเครื่องโบก โบกไปโบกมาให้ขนพลิ้วดูงามเป็นสง่า
 
ในสมัยโบราณ จามรประดับยศกษัตริย์คงจะใช้มากอัน เพราะการมีมากเท่ากับแสดงว่ามีบุญญาภินิหารมาก อย่างกษัตริย์มองโกล มีขนจามรีเก้าชั้นกั้นอย่างฉัตร แสดงว่าจักรพรรดิมองโกลใหญ่จริงๆ
 
กษัตริย์อินเดีย แสดงความใหญ่มาก ด้วยจำนวนจามร เวลาเสด็จไปไหน ก็ให้คนถือจามรเข้ากระบวนแห่ เป็นแถวยาว
 
ในกระบวนพยุหยาตราของไทย มีคนถือ “จามรี” หลายคน เห็นจะมาจากความมุ่งหมายตามแบบอย่างอินเดีย

ขนจามรีเป็นของหายาก น่าจะต้องรู้จักตัวจามรีกันก่อน จามรีมีสองพวก จามรีบ้าน จามรีป่า
 
จามรีบ้าน คือจามรีที่เอามาเลี้ยงเป็นสัตว์บ้าน ใช้ประโยชน์หลายอย่าง ใช้ตัวเป็นพาหนะบรรทุกของและขี่ ใช้ขนทอผ้าหยาบ อย่างผ้าเต็นท์บ้าง ใช้ฟั่นเป็นเชือกบ้าง ใช้นมเป็นอาหาร ใช้ขี้เป็นเชื้อไฟ
 
จามรีป่า คือพวกที่นับถือกันว่าวิเศษ ความวิเศษก็คือมีขนหางละเอียดอ่อนนุ่ม เป็นพวงยาวเหมือนพู่อย่างใหญ่ สีขาวบ้าง ดำบ้าง น้ำตาลแก่บ้าง งามประเสริฐเลิศล้น
 
ว่ากันว่า จามรีรักขนหางมันอย่างยิ่งยวด หนังสือเก่าๆ ทางอินเดีย กล่าวว่า ขณะจามรีท่องเที่ยวในป่า หากขนหางไปติดกิ่งไม้หรืออะไรเข้า มันจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่กระดุกกระดิกเคลื่อนไหวเลย เพราะกลัวหางจะขาด
 
และในขณะที่หางมันติด ตัวมันยืนนิ่งนี่แหละ พวกพรานจะถือโอกาสลอบเข้าไปตัดเอาหางมาทั้งพวง
 
หนังสือฝรั่งบางเล่มเล่าว่า เวลาอยู่ในป่าเมื่อรู้ว่ามีคนติดตามจับ มันจะเร่เข้าไปหาพุ่มไม้ ซุกหางในพุ่มไม้เพื่อไม่ให้ใครเห็น มันคงคิดตามประสาจามรี เมื่อคนไม่เห็นหาง ก็คงไม่ต้องการ มันก็ไม่มีค่าอะไร
 
ความที่จามรีรักขนหางอย่างนี้ คนโบราณจึงนำไปใช้เป็นภาษิต สุนทรภู่เขียนไว้ในสุภาษิตสอนหญิงว่า “จงรักษาตัวนางไว้ให้ดี เหมือนดังจามรีรักษากาย
 
เพราะความที่หางจามรีสวยมาก ทั้งยังหาได้ยาก จึงมีคนเอาไปเป็นของใช้กษัตริย์ แซ่ขนจามรี จึงมีอีกชื่อเรียกว่า จามร
 
กาญจนาคพันธุ์ อธิบายว่า ขนจามรีที่เอามาทำเป็นเครื่องสูง ที่เรียกว่าจามร คือเป็นเครื่องโบก ไม่ใช่เครื่องปัดอย่าง แส้ ส่วนขนจามรี ที่เอามาเป็นแส้ปัดแมลงวันประจำองค์กษัตริย์จริงๆ ก็มี เพราะอินเดียมีแมลงวันมาก

อินเดียจึงใช้ทั้งเป็นแส้ปัดแมลงวัน และใช้เป็นเครื่องประดับยศไปพร้อมๆ กัน
 
ในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง ๕ แส้จามรี มักจะไปปนกับพัดวาลวีชนี วาลวีชนี แปลได้ทั้งพัดและแส้ จึงชวนให้ยุ่ง
 
เสด็จในกรมหมื่นพิทยลาภ ทรงเคยสันนิษฐานว่า เครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง ๕ มี เศวตฉัตร มงกุฎ พระขรรค์ ฉลองพระบาท และแส้จามรี ที่เรียกว่าจามร
 
ดังนั้น พัดวาลวีชนี จึงไม่ใช่เครื่อง ราชกกุธภัณฑ์ เป็นเพียงแค่เครื่องราชูปโภคเท่านั้นเอง.



ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พฤศจิกายน 2558 12:55:16 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.357 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 24 กุมภาพันธ์ 2567 21:49:04