[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 19:14:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 'ครุฑ' ตามตำนานพราหมณ์-ฮินดู  (อ่าน 4740 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5462


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 03 มกราคม 2558 17:44:21 »

.


ครุฑ

ครุฑมีชื่อเสียงอยู่ในระดับสำคัญในเทพนิยายหรือปกรณัมอินเดีย เป็นสัตว์กึ่งเทพ ปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหากาพย์มหาภารตะ คัมภีร์ครุฑปุราณะ เป็นต้น ครุฑเป็นพาหนะของพระนารายณ์ มีสุบรรณพิภพ หรือวิมานอยู่บนต้นสิมพลี หรือต้นงิ้ว เชิงเขาพระสุเมรุ ได้รับพรนารายณ์เจ้าให้เป็นอมตะ ไม่มีอาวุธใดทำลายลงได้ แม้กระทั่งสายฟ้าของพระอินทร์ก็ได้แต่เพียงทำให้ขนของครุฑหลุดร่วงลงมาเพียงเส้นหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ครุฑจึงมีอีกชื่อว่า สุบรรณ หมายถึงขนวิเศษ หรือ ผู้มีขนอันงาม และมีอริสำคัญคือ นาค ซึ่งจริงแท้แล้วก็คือลูกพี่ลูกน้องกัน

ครุฑมีชายาชื่อ อุนนติ หรือ วินายกา โอรสชื่อ สัมปาติ หรือ สัมพาที และ ชฎายุ หรือ สดายุ วรรณคดีพุทธศาสนากล่าวว่าครุฑมีขนาดใหญ่มาก วัดจากปีกข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งได้ ๑๕๐ โยชน์ เวลากระพือปีกทำให้เกิดพายุใหญ่ มืดมนและทำลายบ้านเมืองให้หมดสิ้นไปได้

ตำนานพราหมณ์-ฮินดู เล่ามาว่า ครุฑเป็นบุตรของ พระกัศยปมุนีเทพบิดร กับ นางวินตา พระกัศยปมุนีองค์นี้เป็นฤๅษีที่มีฤทธิ์เดชมากองค์หนึ่ง และเป็น ผู้ให้กำเนิดเทพหลายองค์ พระองค์มีชายามากมาย องค์ที่เกี่ยวข้องกับตำนานพญาครุฑ นอกจากนางวินตาแล้วยังมี นางกัทรุ ซึ่งเป็นพี่สาวของนางวินตา ทั้งสองนางได้ขอพรให้กำเนิดบุตรจาก พระกัศยป โดยนางกัทรุได้ขอพรว่าขอให้มีบุตรจำนวนมาก ต่อมาก็ได้ให้กำเนิดนาค ๑,๐๐๐ ตัว อาศัยอยู่ในแดนบาดาล ส่วนนางวินตาขอบุตรเพียง ๒ องค์ และขอให้ลูกมีอำนาจวาสนา เมื่อนางคลอดบุตรปรากฏว่าออกมาเป็นไข่ ๒ ฟอง นางทนรอไม่ไหวว่าบุตรของตนจะมีหน้าตาอย่างไร จึงทุบไข่ออกมาฟองหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นเทพบุตรที่มีกายแค่ครึ่งท่อนบนชื่อ อรุณ



 
อรุณเทพบุตรโกรธมารดาที่ทำให้ตนออกจากไข่ก่อนกำหนด จึงสาปให้มารดาของตนต้องเป็นทาสนางกัทรุ และให้บุตรคนที่สองเป็นผู้ช่วยนางให้พ้นจากความเป็นทาส จากนั้นอรุณก็ขึ้นไปเป็นสารถีให้กับ พระอาทิตย์ หรือ สุริยเทพ

ส่วนนางวินตาไม่กล้าทุบไข่ฟองที่สองออกมาดู คงรอให้ถึงกำหนด และที่สุดฟักออกมาเป็นพญาครุฑ โดยแรกเกิดมีร่างกายขยายตัวออกใหญ่โตจนจรดฟ้า ดวงตาเมื่อกะพริบเหมือนฟ้าแลบ ขยับปีกทีใดขุนเขาจะตกใจหนีหายไปพร้อมพระพาย รัศมีที่พวยพุ่งออกจากกายมีลักษณะดั่งไฟไหม้ทั่วสี่ทิศ กระทำให้ทวยเทพต้องตกใจสำคัญว่าเป็นพระอัคนี ต่างพากันมาบูชาครุฑ เพื่อขอความคุ้มครอง ขณะอีกตำราหนึ่งว่าครุฑมีเศียร จะงอยปาก ปีกและเล็บเป็นอย่างนกอินทรี ท่อนกายตัวและแขนขาเป็นอย่างคน หน้าเป็นสีขาว ปีกเป็นสีแดง (ของ จีนว่าปีกทอง) กายตัวเป็นสีทอง

กาลต่อมานางกัทรุและนางวินตาพนันกันถึงสีของ ม้าอุไฉศรพ ที่เกิดคราวกวนเกษียรสมุทรและเป็นสมบัติของพระ อินทร์ โดยพนันว่าใครแพ้ต้องเป็นทาสอีกฝ่าย ๕๐๐ ปี นางวินตาทายว่าม้าสีขาว ส่วนนางกัทรุ ทายว่าสีดำ ความจริงม้าเป็นสีขาวดังที่นางวินตาทาย แต่นางกัทรุ ใช้อุบายให้ นาค ลูกของตนแปลงเป็นขนสีดำไปแซมอยู่เต็มตัวม้า (บางตำนานว่าให้นาคพ่นพิษใส่ม้าจนเป็นสีดำ) นางวินตาไม่ทราบในอุบายเลยยอมแพ้ ต้องเป็นทาสของนางกัทรุ แล้วครุฑกับนาคก็เป็นศัตรูกันนับแต่นั้น





วีรกรรมไถ่ตัวมารดาของครุฑ และเหตุแห่งการได้เป็นพาหนะทรงขององค์นารายณ์

ครุฑ ต้องการไถ่ตัวมารดา พวกนาคที่ปรารถนาจะเป็นอมรคือไม่ตาย จึงทำความตกลงว่า ถ้าครุฑนำเอาน้ำอมฤตที่อยู่กับพระจันทร์ (พระจันทร์มีแสงสว่างอยู่ได้เพราะมีน้ำอมฤต) มาให้ ก็จะปลดปล่อย นางวินตา เป็นไท ครุฑจึงบินไปสวรรค์แล้วคว้าเอาพระจันทร์มาซ่อนไว้ใต้ปีก แต่ถูกพระอินทร์และทวยเทพติดตามมา เกิดต่อสู้กันขึ้น ฝ่ายเทวดาไม่อาจเอาชนะได้ แม้แต่วัชระขององค์อินทร์ก็ไม่อาจทำครุฑบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่ครุฑก็จำได้ว่าวัชระเป็นอาวุธที่พระอิศวรประทานให้แก่พระอินทร์ จึงสลัดขนของตนให้หล่นลงไปเส้นหนึ่งเพื่อแสดงความเคารพต่อวัชระและรักษาเกียรติของพระอินทร์ ผู้เป็นหัวหน้าของเหล่าเทพ

ด้านพระนารายณ์ หรือพระวิษณุ ออกมาช่วยทวยเทพสู้รบกับพญาครุฑ แต่ต่างฝ่ายไม่อาจเอาชนะกันได้ จึงตกลงยุติศึกต่อกัน โดยพระนารายณ์ให้พรให้ครุฑเป็นอมตะและให้อยู่ตำแหน่งสูงกว่าพระองค์ ส่วนครุฑถวายสัญญาว่าจะเป็นพาหนะทรงและเป็นธงครุฑพ่าห์สำหรับปักอยู่บนรถศึกของพระนารายณ์อันเป็นที่สูงกว่า[/size]

ครุฑนำน้ำอมฤตไปให้นาค โดยวางไว้บนหญ้าคา (และว่าได้ทำน้ำอมฤตหยดบนหญ้าคา ๒-๓ หยด ด้วยเหตุนี้หญ้าคาจึงถือเป็นสิ่งมงคลของศาสนาพราหมณ์) ส่วนนาคเมื่อเห็นน้ำอมฤตก็ยินดี ยอมปล่อยแม่ครุฑให้เป็นอิสระ

แต่ขณะนาคพากันไปสรงน้ำชำระกายเพื่อจะมากินน้ำอมฤต พระอินทร์ตามมาเอาหม้อน้ำอมฤตกลับไป ทำให้นาคไม่ได้กิน จึงเลียที่ใบหญ้าคาด้วยเชื่อว่าอาจมีหยดน้ำอมฤตหลงเหลืออยู่ ทำให้ใบหญ้าคาบาดกลางลิ้นเป็นทางยาว (กลายเป็นที่มาว่าทำไมงูจึงมีลิ้นเป็นสองแฉก) แต่นั้นครุฑกับนาคก็เป็นศัตรูกันมาโดยตลอด พยาบาทมาดร้ายกัน และครุฑก็จับนาคกินเป็นอาหารเสมอ คราวเมื่อครุฑแต่งงาน พวกนาคเกรงว่าถ้าครุฑมี ผู้สืบเชื้อสายจะเป็นภัยแก่ตัวและลูกหลาน จึงยกพวกหวังไปสังหารครุฑ แต่กลับถูกครุฑฆ่าเสียเกือบหมด เหลือรอดชีวิตเพียงตัวเดียว ซึ่งครุฑเอามาคล้องคอเป็นสังวาล



ในทางพุทธศาสนาจัดครุฑเป็นเทวดาชั้นล่างประเภทหนึ่งภายใต้การปกครองของ ท้าววิรุฬหก ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศใต้ เหตุที่มาเกิดเป็นครุฑเพราะทำบุญเจือด้วยโมหะ โดยครุฑมีกำเนิดทั้ง ๔ แบบ คือ โอปปาติกะ (เกิดแบบผุดขึ้น) ชลาพุชะ (เกิดในครรภ์) อัณฑชะ (เกิดในไข่) และ สังเสทชะ (เกิดในเถ้าไคล) มีที่อยู่ตั้งแต่พื้นมนุษย์ ป่าหิมพานต์ ป่าไม้งิ้วรอบเขาพระสุเมรุ จนถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา โดยครุฑชั้นสูงจะมีกำเนิดแบบโอปปาติกะ มีขนสีทอง มีเครื่องประดับและชีวิตเหมือนเทวดา แปลงกายได้ บริโภคอาหารทิพย์ แต่ครุฑบางประเภทกินผลไม้หรือเนื้อสัตว์ บางประเภทถ้าผูกเวรกับนาค ก็กินนาคเป็นอาหาร หรือถ้าผูกเวรกับสัตว์นรกในยมโลก ก็จะไปเป็นนายนิรยบาลลงทัณฑ์สัตว์นรก

ครุฑมีชื่อเรียกหลายนาม เช่น กาศยปิ บุตรแห่งพระกัศยปมุนี, เวนไตย บุตรแห่งนางวินตา, สุบรรณ ผู้มีปีกอันงาม, ครุตมาน เจ้าแห่งนก, สิตามัน ผู้มีหน้าสีขาว, รักตปักษ์ ผู้มีปีกสีแดง, เศวตโรหิต ผู้มีสีขาวและแดง, สุวรรณกาย ผู้มีกายสีทอง, คคเนศวร เจ้าแห่งอากาศ, ขเคศวร ผู้เป็นใหญ่แห่งนก, นาคนาศนะ ศัตรูแห่งนาค, สรรปาราติ ศัตรูแห่งงู, ตรสวิน ผู้เคลื่อนไปเร็ว, รสายนะ ผู้เคลื่อนไปอย่างปรอท, กามจาริน ผู้ไปตามอำเภอใจ, กามายุส ผู้อยู่ด้วยความยินดีแห่งกาม, จิราท ผู้กินนาน, อมฤตาหรณ์ และสุธาหร ผู้ลักน้ำอมฤต, สุเรนทรชิต ผู้ชนะพระอินทร์ และวัชรชิต ผู้ปราบชนะสายฟ้า




ที่มา (ภาพ-ข้อมูล) : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พฤศจิกายน 2558 13:05:38 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:  
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
พระเจ้าในศาสนาคริสต์ ฮินดู พุทธ(เถรวาท) มีลักษณะตรงกันเปี๊ยบเลย
ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
phonsak 13 9181 กระทู้ล่าสุด 12 กันยายน 2553 11:50:10
โดย phonsak
‘ฮินดู’ กิน ‘วัว’ ใครก็รู้ว่า ฮินดูมีข้อห้ามรับประทานเนื้อวัว
เกร็ดศาสนา
Kimleng 1 4123 กระทู้ล่าสุด 17 สิงหาคม 2559 17:30:27
โดย Kimleng
ครุฑ : จากสัตว์หิมพานต์สู่วัตถุมงคล
เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
ใบบุญ 0 1620 กระทู้ล่าสุด 03 มกราคม 2561 15:25:40
โดย ใบบุญ
รู้หรือไม่ “ครุฑ” ตามหน่วยงานราชการไทย ใครเป็นคนปั้น?
สุขใจ หนังสือแนะนำ
ฉงน ฉงาย 0 888 กระทู้ล่าสุด 22 ธันวาคม 2563 20:33:34
โดย ฉงน ฉงาย
เทพ อสูร นาค ครุฑ กวนเกษียรสมุทร สงครามชิงน้ำอมฤต สู่ชีวิตนิรันดร์
ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
มดเอ๊ก 0 223 กระทู้ล่าสุด 28 มกราคม 2566 23:03:49
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.387 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 24 เมษายน 2567 03:41:33