[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 22:46:29 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Kundun-คุนดุน องค์ดาไลลามะ ผู้กำกับรางวัลออสการ์ Martin Scorsese  (อ่าน 14306 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 10 มกราคม 2554 16:29:41 »




ภาพยนตร์เรื่อง Kundun ได้ผู้กำกับรางวัลออสการ์ Martin Scorsese ซึ่งได้รับรางวัลอสการ์จากเรื่อง ThefDaparted และ.ภาพยนตร์ของเขายังได้เข้าชิงออสการ์อีกหลายเรื่องเช่น ThefAviator, GangsiofiNew York, ThefLast TemptationiofiChrist, Raging Bull และ.ได้ Phillip Glass เป็นผู้ประพันธ์เพลงประกอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการตรวจทานจากสำนักงานขององค์ดาไลลามะ ก่อนถ่ายทำและ.ก่อนออกฉาย เป็นการเล่าที่มาขององค์ดาไลลามะที่ 14.(องค์ปัจจุบัน).ที่ต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กคนนั้นคือเองค์ดาไลลามะที่ 13 จุติกลับมาเกิด ตลอดจนการดำเนินชีวิตของพระองค์ และ.เหตุที่ท่านต้องลี้ภัย ไปพำนักอาศัยที่ธรรมศาลา ประเทศอินเดีย จนถึงปัจจุบัน


ตัวอย่าง หนัง

Kundun Theatrical Trailer

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 มกราคม 2554 16:31:17 โดย มดเอ๊ก » บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 10 มกราคม 2554 16:30:39 »

13 ตอนจบ ภาคญี่ปุ่น ฮ่า ๆๆๆๆๆ


Kundun ダライラマの半生1/13
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 10 มกราคม 2554 16:32:31 »






โดย พระมหาวิเชียร วชิรปัญโญ
วัดไทย มิวนิค
Wat Thai e.V. Bad Duerkheimer Str. 14, 81539 Muenchen, Germany.
Tel.: 089 - 68019227 Fax: 089 - 68019228
(ป.ร. ย่อจาก ผู้แปลและผู้เรียบเรียง)

ตัดทอนจาก "เสียงจากวัดไทย"
ชาวไทย ฉบับที่ ๑๒๑ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖



องค์ทะไลลามะ
ประมุขแห่งประชาชน และคณะสงฆ์ธิเบต

ประสูติเมื่อวันที่ ๖ ก.ค. ค.ศ.๑๙๓๕ (พ.ศ. ๒๔๗๘) ที่ "ตักเซอร์" (Taktser) หมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของธิเบต และทรงถูกค้นพบ ด้วยวิธีการ ตามประเพณีของธิเบต เมื่ออายุได้ ๒ พรรษากว่า ว่าเป็นองค์ทะไลลามะองค์ที่ ๑๓ กลับชาติมาประสูติ

พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ เป็นผู้นำประเทศ ธิเบต เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๔๐ (พ.ศ. ๒๔๘๓)

เริ่มการศึกษา เมื่อชนมายุได้ ๖ พรรษา ทรงสอบมหาวิทยาลัย เมื่อทรงพรรษาได้ ๒๔ และเมื่ออายุได้ ๒๕ พรรษา ทรงจบปริญญาเอก ทางปรัชญาของธิเบต ชื่อ เกเช ลารามปา (Geshe Lharampa Degree)

ทรงได้รับตำแหน่ง และอำนาจทางการเมือง อย่างสมบูรณ์ เป็นผู้นำประมุขของชาติ เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๕๐

หลังจากที่ กองทหารจีน ได้บุกเข้าโจมตีธิเบต พระองค์ได้เดินทาง ไปปักกิ่งในปี ค.ศ. ๑๙๕๔ (พ.ศ. ๒๔๙๗) เพื่อเจรจาสันติภาพ กับเหมา เจ๋อ ตุง และผู้นำอื่น ๆ ของประเทศจีน เช่น โจว เอินไหล และ เติ้ง เสี่ยว ผิง ๒ ปี ถัดมาได้เดินทาง ไปอินเดียเพื่อเข้าร่วมงาน ฉลอง "๒๕๐๐ ปี พุทธชยันตี" และได้ปรึกษา กับนายกรัฐมนตรีเนรู ถึงสถานการณ์ทิเบต ที่เลวร้ายลง

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๕๙ (พ.ศ.๒๕๐๒) ได้เกิด การประท้วงครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ทิเบต ที่ลาซา เมืองหลวงของธิเบต ผู้ประท้วงชาวธิเบต จำนวนมาก ถูกกองทหารจีน จับกุมและสังหาร องค์ทะไล ลามะได้เดินทางลี้ภัย ไปประเทศอินเดีย โดยมีชาวทิเบต ประมาณ ๘๐,๐๐๐ คนติดตาม พระองค์ไป ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๕๙ (พ.ศ. ๒๕๐๒) พระองค์ได้พำนักอาศัย ที่ธรรมศาลา ประเทศอินเดีย

ปัจจุบัน พระองค์มีพระชนมายุได้ ๖๘ พรรษา

ทะไล ลามะ คือ ใคร ?

ทะไลลามะ หรือทะไล ลามะ คือพระสงฆ์ ผู้เป็นผู้นำสูงสุดของชาวธิเบต

ฐานะทางบ้านเมือง เท่ากับตำแหน่งในเมืองไทยเรา คือ พระเจ้าแผ่นดิน

ฐานะทางศาสนา เท่ากับตำแหน่งในเมืองไทยเรา คือตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราช

คณะสงฆ์ธิเบต แม้จะแบ่งเป็น ๔ กลุ่มใหญ่ คือ

๑.นิกายณยิงมาปา หรือนิกายหมวกแดง
๒.นิกายคากิว มีผู้สืบทอดที่โด่งดังคือโยคีมิลาเรปะ
๓.นิกายสักยะ หรือนิกายหลายสี
๔.นิกายเกลุกปะ หรือนิกายหมวกเหลือง เป็นนิกายที่องค์ทะไล ลามะ เป็นผู้นำ

ถึงอย่างไรก็ตาม คณะสงฆ์นิกายอื่น ๆ ก็เคารพ และนับถือพระองค์ ในฐานะผู้นำทางศาสนาด้วย

องค์ทะไล ลามะ มีพระนามว่าอย่างไร ?

พระนามตอนเป็นเด็กคือ ลาโม ดอนดุป เมื่อบรรพชาเป็นสามเณร จึงถูกเปลี่ยน พระนามตามประเพณี เป็น จัมเพล เยเช และต่อมา ก็ใส่ชื่ออื่น ๆ ด้วย จึงมีพระนามเต็มว่า จัมเฟล นาวัง ลบซัง เยเช เทนซิน เกิยตโซ

ทำไมจึงเรียกพระองค์ว่า "ทะไล ลามะ"

คำว่า "ทะไล" เป็นคำจากภาษามองโกล
แปลว่า ทะเลอันกว้างใหญ่ หรือมหาสมุทร
"ลามะ" เป็นภาษาธิเบต หมายถึง ผู้มีความรู้
"ทะไล ลามะ" จึง หมายถึง มหาสมุทรแห่งปัญญา (แหล่งความรู้ -ป.ร.)

แต่นั่น องค์ทะไลลามะ ตรัสว่า แต่เดิมคำว่า ทะไล แปลมาจากคำว่า "เกิยตโซ" ในพระนามขององค์ทะไล ลามะ องค์ที่ ๓ ซึ่งแปลว่า มหาสมุทร

ชาวธิเบต เรียกว่าพระองค์ว่า "เกิยลวา รินโปเช" , "คุนดุน" หรือ "เยเช นอรบ" ? แต่ปัจจุบันก็เรียก "ทะไลลามะ" ตามที่รู้จักกันในคำสากล

แต่พระนาม ที่ชาวตะวันตก เรียกพระองค์ เป็นภาษาอังกฤษเรียก ว่า His Holiness The XIV Dalai Lama ส่วนภาษาเยอรมัน เรียกว่า Seine Heiligkeit der XIV Dalai Lama (ไซเน ไฮลลิกไคท์ แดร์ เฟียรเซ็นเต ทะไล ลามะ) จำนวน XIV เขียนแบบโรมัน I=1, V=5, X=10, XIV = (10) + (5-1=4) = 14

ทำไมจึงเรียกว่า "ทะไล ลามะ ที่ ๑๔" ?

เพราะนับตามความเชื่อของธิเบต ทะไลลามะองค์ที่ ๓ ได้รับพระนาม "ทะไลลามะ" เป็นองค์แรก จากผู้ครองมองโกเลีย แต่ท่านถวาย ย้อนไปยังตุลกู ๒ องค์แรกให้เป็นทะไล ลามะ ที่ ๑ และที่ ๒ แล้วท่านนับ ตัวท่านเองเป็นองค์ที่ ๓ องค์ทะไลลามะ ปัจจุบันเป็นองค์ที่ ๑๔

การสืบทอดตำแหน่ง"ทะไล ลามะ"อย่างไร ?

ก่อนที่องค์ทะไลลามะ จะสิ้นพระชนม์นั้น จะทรงแสดงสัญญาณ บางอย่างเพื่อบอกเป็นนัย ๆ ว่า จะทรงกลับมาเกิดอีก คณะลามะ ผู้คงแก่เรียน ก็จะร่วมกัน ออกค้นหา ตามสัญญาณ ที่ถูกตีความนั้น โดยจะค้นหาเด็ก ที่เกิดมาพร้อมกับ นิมิตหมาย บางอย่าง และเด็กที่มีลักษณะพิเศษ บางอย่าง ตามร่างกาย อันเป็นลักษณะของ พระโพธิสัตว์ ซึ่งแตกต่างออกไป จากคนธรรมดา เช่น ตาและคิ้วเรียวยาวโค้ง ขึ้นบนทั้งสองข้าง มีหูใหญ่ทั้ง ๒ ข้าง มีลายคล้ายก้นหอย บนฝ่ามือข้างหนึ่ง เป็นต้น

เด็กจะเป็น ลูกเศรษฐี ลูกชาวนา ยาจก บางครั้ง จะได้เด็ก ที่อยู่ในข่าย ที่จะเป็นอวตาร ๓ หรือ ๔ คน คณะลามะ จะนำเครื่องใช้ประจำตัว ของทะไลลามะองค์ก่อน และสิ่งของอย่างเดียวกัน ที่ทำขึ้นใหม่ หรือของคนอื่นมาวางรวมไว้ ให้เด็กเลือกหยิบ เด็กคนใดหยิบ สิ่งของเครื่องใช้ขององค์ ทะไลลามะถูกต้อง ให้ถือว่า ดวงวิญญาณ ขององค์ทะไลลามะ อวตารมาสถิต ในร่างเด็กนั้น ให้เชิญเด็กนั้น เป็นองค์ทะไลลามะ

ในคราวเลือก ทะไลลามะ องค์ที่ ๑๔ เล่ากันว่า เมื่อองค์ทะไล ลามะ องค์ที่ ๑๓ สิ้นพระชนม์แล้ว ผู้สำเร็จราชการ แทนพระองค์ ได้เห็นภาพ ในสมาธิ เห็นอักษรธิเบต ๓ ตัว ชัดเจน คือ อ ก และ ม จากนั้นเห็นภาพตึก ๓ ชั้น หลังคาสีฟ้า เห็นบ้านหลังเล็ก มีรางน้ำรูปร่างแปลก และข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่ของชาวธิเบต เที่ยวออกค้นหา องค์อวตาร ของพระโพธิสัตว์ ไปตามบ้านเมือง น้อยใหญ่ เป็นเวลาหลายปี จนเกือบหมด ความพยายาม จึงพากันกลับ ไปตั้งอธิษฐาน ต่อหน้าพระศพ ขององค์ทะไลลามะ องค์ที่ ๑๓ ซึ่งเก็บรักษา ไว้ในพระราชวังโปตลา รุ่งขึ้นพระศพ ขององค์ทะไลลามะ ซึ่งประดิษฐาน หันพระพักตร์ไปทางทิศใต้ กลับหันพระพักตร์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ลามะชั้นผู้ใหญ่ เห็นเป็นนิมิต จึงส่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ออกเดินทางไป รอนแรม อยู่หลายสิบราตรี ในที่สุด ก็เดินทางถึง หมู่บ้านตำบลอัมโด ซึ่งน่าจะหมายถึง อักษร อ เห็นวัด เป็นตึกสามชั้น หลังคาสีฟ้า ชื่อวัดกุมบุม ซึ่งน่าจะหมายถึงอักษร ก จึงพากัน หาบ้านหลังเล็ก ที่มีรางน้ำรูปร่าง แปลกในหมู่บ้านต่าง ๆ ในละแวกนั้น จนพบ และขออาศัย จำวัดในบ้านนั้น โดยมิได้แจ้ง จุดประสงค์ที่แท้จริง ให้เจ้าของบ้านทราบ หัวหน้าคณะ ค้นหานั้น เป็นพระสงฆ์ตำแหน่งสูง แต่ปลอมตัว เป็นคนใช้ และใช้เวลาส่วนใหญ่ ในตอนเย็นเล่น อยู่กับลูกคนเล็กอายุ ๒ ขวบกว่า ของครอบครัว ชื่อลาโม ดอนดุบ เด็กเกิดจำคนใช้ปลอม คนนั้นได้และเรียกว่า "ลามะจากวัดเซร่า" รุ่งขึ้น จึงเดินทางกลับ และกลับมาอีกใน ๒-๓ วันต่อมา พร้อมกับนำสิ่ง ของขององค์ทะไลลามะ องค์ที่ ๑๓ มาด้วย แล้ววางปนกับ สิ่งของหลายอย่าง ให้เด็กเลือกจับ ซึ่งเด็กก็เลือกได้ถูกต้อง ทั้งยังบอกว่า "ของฉัน ของฉัน" ทำให้คณะค้นหา มั่นใจว่าได้พบแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กอีกคนหนึ่ง ที่อยู่ในข่าย ที่ต้องไปพิสูจน์ แต่ท้ายที่สุด เด็กน้อยลาโม ดอนดุบ ก็ได้รับ การยอมรับว่า เป็นทะไลลามะ องค์ที่ ๑๔

เมื่อค้นพบ ทะไล ลามะ องค์ใหม่แล้ว จะดำเนินการ ต่ออย่างไร ?

หลังการค้นพบ และทดสอบแล้ว เด็กจะถูกนำไปอยู่วัด และได้รับ การบำรุงเลี้ยง จากพระ ซึ่งต้องเอาใจใส่ พิถีพิถัน และเข้มงวดกวดขันมาก เพื่อให้จิตใจ ของเด็กน้อย ได้ตระหนัก ถึงต้นกำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์ และภาระหน้าที่ อันยิ่งใหญ่ ที่รออยู่เบื้องหน้า เมื่อเด็กมีอายุได้ ราว ๑๖-๑๘ ปี ก็จะได้รับ การสถาปนาให้เป็น "เกียลวา รินโปเช่" หรือ "องค์ทะไลลามะ" ปกครองทิเบต ทั้งฝ่ายบ้านเมือง และฝ่ายศาสนา

ในกรณีของ "ทะไลลามะ" องค์ปัจจุบัน เมื่อผู้สำเร็จราชการ ในกรุงลาซา ตอบรับการค้นพบ มาเป็นทางการ ในหลายอาทิตย์ต่อมาแล้ว พระองค์ได้เข้าพิธ ีในวัดตึก ๓ ชั้นนั้น ซึ่งพี่ชายคนโต (ได้รับการยอมรับว่า เป็นอวตารของลามะ ชั้นสูงองค์หนึ่ง ของธิเบต) และพี่ชายอีกคน บวชเป็นสามเณร อยู่ที่วัดนั้นด้วย

ผ่านไปปีกว่า รัฐบาลก็จัดขบวน มารับพระองค์เข้า ไปอยู่ที่ลาซาเมืองหลวง ของทิเบต ซึ่งใช้เวลาเดินทาง ๓ เดือน โดยบิดามารดา และสามเณรพี่ชาย ของพระองค์ ชื่อลอบซัง สามเทน ได้เดินทางไปด้วย

ต่อมาพระองค์ ได้รับการบรรพชา เป็นสามเณร จากนั้นก็เริ่มเรียนหนังสือ โดยมีพี่ชาย ที่เป็นสามเณร เป็นเพื่อนเรียน เพื่อนเล่น กับพระองค์

ทะไล ลามะ ประทับอยู่ที่ไหน ?

พระองค์ประทับอยู่ ในทิเบต จนพระชนมายุ ๑๙ เมื่อจีนเข้ายึดธิเบต พระองค์พร้อมด้วย คณะผู้ลี้ภัยจึงหนีออกมา ในพ.ศ. ๒๕๐๒ และได้ตั้ง รัฐบาลอยู่ที่เมือง ธรรมศาลา (ดะรัมศาลา- Dharamsala) แคว้นหิมาจัลประเทศ ตอนเหนือของประเทศอินเดีย และมีหน่วยงาน ในต่างประเทศ เช่น ที่ปารีส, เจนีวา, ลอนดอน, บูดาเปสท์ เป็นต้น

ทะไล ลามะ ได้รับการยอมรับ จากชาวโลกอย่างไร ?

ในด้านความรู้ มหาวิทยาลัย และสถาบัน ในประเทศตะวันตก เป็นจำนวนมาก ได้ทูลถวายรางวัลสันติภาพ และ ถวายปริญญาบัตรแด่พระองค์

ในเรื่อง รางวัลระดับโลก คณะกรรมการรางวัลโนเบล ประเทศนอรเวย์ ได้มอบ "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ" แด่พระองค์ ใน ปี ค.ศ. ๑๙๘๙ (พ.ศ. ๒๕๓๒) ด้วยเหตุผลว่า "คณะกรรมการ ต้องการเน้นความเป็นจริงที่ องค์ทะไลลามะ ได้พยายามต่อสู้ อย่างต่อเนื่อง และอย่างสันต ิเพื่อปลดปล่อยธิเบต ทรงเสนอหนทาง แก้ไขปัญหา โดยเน้น เรื่องความอดทน และการเคารพ ซึ่งกันและกัน เพื่อคุ้มครองมรดก ทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของประชาชนทิเบต"

ทะไล ลามะ ทรงดำเนินชีวิตอย่างไร ?

พระองค์ตรัสเสมอว่า "ข้าพเจ้า เป็นเพียงพระสงฆ์ธรรมดา ไม่มีอะไรมากกว่านี้ และน้อยกว่านี้"

พระองค์ ทรงปฏิบัติตน ในฐานะเป็นพระสงฆ์ พำนักอาศัย ในกระท่อมในธรรมศาลา ทรงดำเนินชีวิต อย่างเรียบง่าย ดังที่พระองค์ ได้ตรัสเล่าไว้ว่า

"...ตามปกติ อาตมาตื่นนอนตีสี่ พอลุกขึ้นมาก็สวดมนต์ภาษาธิเบต อุทิศส่วนกุศลที่ได้ทำ ได้พูด ได้คิด ของทั้งวัน เป็นการแผ่ส่วนบุญ เพื่อช่วยเหลือ เกื้อกูลผู้อื่น

อาตมาก็เหมือนพระทุกรูป คือ อยู่กับความจน ไม่มีสมบัติส่วนตัว ในห้องนอนมีแต่เตียง เวลาลุกขึ้น สิ่งแรกที่ได้เห็นคือ พระพักตร์ของพระพุทธเจ้า จากพระพุทธรูป

เวลาตื่นขึ้นมานั้น หนาวเย็นนัก จึงต้องออกกำลังกาย และรีบอาบน้ำ แต่งตัวอย่างรวดเร็ว อาตมานุ่งจีวรสีแดงเข้ม เช่นนี้ดุจพระองค์อื่น ๆ ผ้าหยาบ ๆ มีปะชุน หากเป็น ผ้าผืนเดียว ก็จะเอาไปขาย หรือแลกเปลี่ยน กับอะไรได้ การนุ่งห่มผ้า อย่างนี้เอาไปขายไม่ได้ เป็นการยืนหยัด ปรัชญาของเรา ที่สอนให้ไม่ติดยึด ในสิ่งของต่าง ๆ ทางโลก

อาตมาภาวนา จนถึงตีห้าครึ่ง จากนั้นก็ทำพุทธบูชา กราบแบบ อัษฎางคประดิษฐ์ (คือกราบโดย ให้อวัยวะ ๘ ส่วนสัมผัสพื้น นอนคว่ำหน้าราบกับพื้น -ป.ร.) และปลงอาบัติ เพื่อสำรวจตรวจดู ความผิดของเราที่แล้ว ๆ มา เพื่อแถลง ให้สงฆ์ทราบ แล้วสวดมนต์ให้พร เพื่อความสวัสดี ของสรรพสัตว์

พอสว่างอากาศดี อาตมาจะลงสวน เวลาเช่นนี้ นับว่าวิเศษมาก สำหรับอาตมา อาตมาจะมองดูฟ้า ที่กระจ่าง มองเห็นดวงดาวมากมาย ทำให้เกิด ความรู้สึกพิเศษว่า เราแทบไม่มีความสำคัญ อันใดเลย ในจักรวาล ทำให้ชาวพุทธ ตระหนักใน ความไม่เที่ยงแท้ นับว่าเหมาะ แก่การพักผ่อน บางครั้งอาตมา ไม่คิดเลย อาตมามีความสุข กับยามรุ่งอรุณ และเสียงนกร้อง

จากนั้นพระ จะนำอาหารเช้า มาถวาย ขณะฉันเช้า อาตมาจะฟังวิทยุ บีบีซี ราว ๆ ย่ำรุ่ง อาตมาจะย้าย ไปยังอีกห้องหนึ่ง เพื่อภาวนาจน ๐๙.๐๐ น. การภาวนาน ี้เป็นพุทธวิธี ที่ช่วยตั้งกระแสจิต ไปในทางที่สุจริต หรือสัมมาทิฏฐิ เพราะให้เกิดความกรุณา การให้อภัย และความมีใจกว้าง อาตมาภาวนาราว ๆ วันละ ๖-๗ ครั้ง

เก้าโมงจนเที่ยง อาตมาศึกษา พระธรรมจากคัมภีร์ พุทธศาสนานั้น ลึกซึ้งมาก แม้อาตมาจะได้ศึกษา มาจนตลอดชีวิต ก็ยังต้องศึกษาอีกมาก อาตมา พยายามอ่านหนังสือ ของผู้รู้ฝรั่งด้วย อาตมาอยากเรียนรู้ ปรัชญาตะวันตก และวิทยาศาสตร์ของฝรั่ง โดยเฉพาะ นิวเคลียร์ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ ประสาท-ชีววิทยา บางครั้ง อาตมาก็ทำงาน ด้านเครื่องยนต์กลไก เช่น เปลี่ยนแบตเตอรี่ สำหรับวิทยุ หรือแก้เครื่อง

เวลาเที่ยงครึ่ง อาตมาฉันอาหาร ซึ่งมีเนื้อด้วย แม้อาตมา จะชอบอาหารมังสวิรัติก็ตาม พระย่อมฉัน เท่าที่เขาถวายมา

บ่ายเป็นงานราชการ พบปะ กับพวกรัฐมนตรี ที่ลี้ภัย ออกมาด้วยกัน และตัวแทน จากรัฐบาลของธิเบต นอกจากนี้ ก็ยังมีคน มาขอพบเสมอ ส่วนมาก มาจากธิเบต ส่วนมาก ไม่ได้รับอนุญาต จากจีนคอมมิวนิสต์ คนกล้าพวกนี้ หนีออกมา จากช่องแคบ แถบเชิงเขา หิมาลัยกว่า ๑๗,๐๐๐ คนแล้ว

เวลาย่ำค่ำ อาตมาฉันน้ำชา ตอน ๑ ทุ่ม เป็นเวลาดูโทรทัศน์ อาตมา ชอบดูรายการบีบีซี ที่ว่าด้วยอารยธรรมตะวันตก และรายการต่าง ๆ

แล้วก็ถึงเวลา ที่กำหนด เป็นเวลาภาวนา และบูชาพระ อาตมาหลับง่าย ๆ ตอน ๒ ทุ่มครึ่ง หรือ ๓ ทุ่ม แต่ถ้ามีพระจันทร์ อาตมาจะนึกถึงว่า มีพระจันทร์มองลงมายัง ประชากรของอาตมา ที่ถูกขังดังติดคุก อยู่ในธิเบต แม้อาตมา จะเป็นผู้ลี้ภัย แต่ก็เสรีภาพ ในการพูด เพื่อประชากร ของอาตมา ทุกวัน อาตมาสวดอ้อนวอน ต่อ พระอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์ ผู้เป็นองค์พิทักษ์ ของธิเบต ขอให้ทรงปกปักรักษา พวกเขาทุกชั่วโมง ที่กินอยู่ อาตมานึกเสมอ ถึงความทุกข์ยาก ของประชากร ของอาตมา ซึ่งถูกเขากางกั้นเอาไว้ (ในอุ้งมือจีนคอมมิวนิสต์) ? ..



หมายเหตุ
--------------------------------------------------------------------------------
ผู้ที่ต้องการ หาข้อมูล เพิ่มเติม เกี่ยวกับธิเบต หรือองค์ทะไลลามะ หาได้จาก
ภาพยนตร์ ซึ่งปัจจุบัน ที่มีพอจะหาดูได้ ก็คือภาพยนตร์เรื่อง "๗ ปีในธิเบต" เป็นเรื่องราวของไฮน์ริค ฮาร์เรอร์ (Heinrich Harrer) ชาวออสเตรีย ที่ถูกจับ เป็นเชลย ในสงครามโลก ครั้งที่ ๒ แล้วหนีออกจากค่าย ในอินเดียเข้าไปธิเบต อยู่ที่นั่นเจ็ดปี ได้เฝ้า และได้ช่วย สอนภาษาอังกฤษ ให้องค์ทะไลลามะ เมื่อจีนเข้ายึด ธิเบต เขาจึง กลับบ้านเกิด (ปัจจุบันอาศัย อยู่ที่ราชรัฐลิคเทนชไตน์ ประเทศเล็ก ๆ ติดสวิตเซอร์แลนด์ -ป.ร.)

อีกเรื่องชื่อ "คุนดุน" เป็นชีวประวัติขององค์ทะไลลามะ ซึ่งบทภาพยนตร์ ได้รับการตรวจทาน จากสำนักงาน ขององค์ทะไลลามะ ก่อนถ่ายทำ และก่อนออกฉาย เรื่องเริ่มตั้งแต่ ตอนทะไลลามะ ประสูติ เป็นลูกชาวนา ได้รับเลือก ให้เป็นประมุขของธิเบต และดำเนินเรื่อง ไปจนจีน ยึดครองธิเบต อย่างโหดร้าย เป็นเหตุ ให้ต้อง เสด็จลี้ภัย ไปอินเดีย พร้อมคณะผู้ลี้ภัย

ภาพยนตร์ทั้ง ๒ เรื่อง สามารถหาดูได้ในภาษาเยอรมัน ราคาม้วนละ (VIDIO, CD, DVD) ไม่เกิน ๑๐ ยูโร แถมเรื่อง ๗ ปีในทิเบตนั้น มีภาษาไทยแล้ว

นอกจากนี้ หนังสืออื่น ๆ ที่เป็นภาษาไทย และมีรายละเอียด ค่อนข้างมาก เช่น แผ่นดิน และประชากรของข้าพเจ้า (แปลและเรียบเรียงโดย ส.ศิวลักษณ์) อัตชีวประวัติ ขององค์ทะไลลามะ อิสรภาพในการลี้ภัย (แปลโดยฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ษัฎเสน)

วารสารสาวิกา ฉบับพิเศษ "ทะไลลามะ มหาสมุทรแห่งปัญญา" จัดทำโดย เสถียรธรรมสถาน, วารสาร อักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร (มิ.ย. พ.ย. ๒๕๔๒), สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม ๑๑

ในหนังสือไฟฟ้า บนโลกอินเตอร์เน็ตนั้น มีทั้งภาษาอังกฤษ และเยอรมัน เช่น www.tibet.com www.dalailama.com www.tibet.de

และภาษาไทย (เกี่ยวกับทิเบต) ค้นหาดูได้ที่ www.khonnaruk.com (จับกระแส/ Free TIBET), www.sarakadee.com

ขออนุโมทนา/ ขอบคุณ แด่

๑. เยเช จัมปา (Yeshe Jampa) พระภิกษุแห่งศูนย์ธิเบต ฮัมบวร์ก และนอร์บู (norbu) อุบาสก แห่งศูนย์ธิเบต เบอร์ลิน ผู้ช่วยแนะนำ เรื่องการออกเสียง คำภาษาธิเบต (ทางโทรศัพท์) ในบทความนี้
๒. คุณสรินยา ชวินท์ โรห์ไมเออร์ (คุณก้อย) ที่ช่วยบันทึก แปล และ พิมพ์ปาฐกถา และชีวประวัติขององค์ทะไลลามะ
๓. ผู้จัดทำ ผู้สร้างสรรค์ วารสาร นิตยสาร หนังสือ ภาพยนตร์ สารคดี ต่าง ๆ ที่ใช้ในการเรียบเรียง
๔. คุณศิริลักษณ์ บก.ชาวไทย ที่ช่วยจัดเรียงลงใน "ชาวไทย"



http://www.skyd.org/html/priest/dalai.html


http://www.prajan.com/webboard/view.php?id=8543



บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 10 มกราคม 2554 16:33:25 »





พบคุนดุล พบพระในตัวเอง

โดย "เต้าหู้"


...เช้าวันนั้น อากาศบริเวณที่พักใกล้เชิงเขาหิมาลัยเย็นจัดจนน้ำที่รินใส่แก้วเมื่อคืนกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่พื้นผิว
เรามีนัดกับทะไล ลามะ... พระธรรมดาๆ รูปหนึ่งนั้นในตอนสาย หากเช้าวันนี้คงจะต้องอาบน้ำเสียก่อน


จะอาบอย่างไรทั้งที่อากาศหนาววว..ขนาดนี้เล่า!! .. ขณะกำลังนั่งคิดอยู่บนเตียง (ทำท่านั่งสมาธิไปอย่างนั้นเอง) ก็มีผู้ดูแลเกสต์เฮ้าหิ้วกาน้ำเดือดจัดมาเทใส่ถังให้.. ปัญหาเรื่อง "อาบอย่างไร" ก็จบลง

เมื่ออาบเสร็จ แต่งตัว จู่ๆ สายสร้อยซึ่งแขวนพระสมเด็จอยู่กับคอ ก็ขาด (แบบไม่มีปี่ (แต่) มีขลุ่ย?!!) ระหว่างเดินออกจากห้องน้ำ กลับมานั่ง (สมาธิ) ที่เตียงนอนอีกครั้ง ใจก็เลยลอยกลับไปไกล เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก แม่สอนให้สวดคาถาพระชินบัญชร ท่องได้แม่นตั้งแต่ยังไม่ห้าขวบ พอเข้าสู่วัยรุ่น ก็ใส่จังหวะแร็บ โย่ โย่..ชะยา สะนา โย่ๆ กะตา... ท่องได้ไวเป็นจรวดไม่ว่ายามหลับฝันหรือในยามตื่น ผีสางเทวดาไม่มีใครทนคาถาของข้าฯ ได้

... นอกจากคาถาแล้วยังมีหลวงปู่หลวงพ่อ ที่แขวนคออยู่นี้ ภาพวัยเยาว์ปรากฏอย่างต่อเนื่อง คราวหนึ่ง ประมาณสามขวบ ตัวอ้วนจ้ำหม้ำ (ใส่บีกินนีรูปหมูยิ้ม) ก้มๆ เงยๆ มองดูปลาที่ว่ายอยู่ใต้ถุนบ้าน (เรือนกลางน้ำ) หลวงปู่ทวดห้อยคออยู่ลงไปติดกับร่อง (รอยต่อระหว่างแผ่นกระดาน) พอเงยหัวขึ้น หลวงปู่ก็หลุดลอยตกใต้ถุนน้ำไป เดือดร้อนน้าชายให้ต้องเปลี่ยนผ้าขาวม้าลงไปงมขึ้นมา

ไม่เคยมีสักวันในเกือบสามสิบปีที่พระหลุดจากคอ ..แต่วันนี้ ขาดจนไม่รู้จะต่ออย่างไร? และขณะนี้ พระสมเด็จอยู่ในกำมือ ...
หลังจากวันนั้นมาก็ไม่ได้ห้อยแขวนพระอีกเลย ด้วยความกลัว, ความรู้สึกไม่มั่นคงทั้งหลายซึ่งเคยมีได้จางคลายลงไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว...
คนที่นำพามาถึงวันนี้ เขากระซิบขณะกำลังเดินผ่านประตูวัดนัมเกียวไปยังที่พำนักของทะไล ลามะ และเรามีนัดกับท่านที่ห้องรับรองเชิงเขาหิมาลัยว่า "ทะไล ลามะ จะเปลี่ยนคุณ หลังจากพบท่านแล้ว คุณไม่อาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป"


ห้องรับรองแห่งนั้นอบอุ่น อ่อนโยน ตกแต่งด้วยผืนพรมทอมืออย่างได้เคยสัมผัสในบ้านของชาวทิเบตที่ไปเยี่ยมเยือน มีคุณลุงคุณอาสี่ห้าคนซึ่งเป็นพระและฆราวาส บ้างรับหน้าที่ล่าม (ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ทำงานสักเท่าไรไหร่ เนื่องจากคุนดุลท่านสื่อได้ชัดเจนเป็นส่วนใหญ่ จะต้องการคำอธิบายเสริมบ้างเพียงครั้งสองครั้งในเกือบสองชั่วโมงนั้น) คุณอาอีกท่านเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารองค์กร "ทิเบตอิสระ" ซึ่งนั่งตัวตรงหลับตาตลอดเวลา แต่รับรู้ในเนื้อหาการสนทนาละเอียดยิบ

หลังทักทายกันแล้ว เต้าหู้ก็ลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นพรม รับหน้าที่จัดวางสไลด์และฉายบนสกรีน รวมถึงบันทึกภาพนิ่งตลอดการสนทนา (แต่แปลกที่ครั้งนี้ไม่รู้สึกรำคาญเสียง แชะแชะ ของชัตเตอร์กล้องซึ่งตัวเองกดอย่างที่เคยเป็น เสียงนั้นกลับกลายเป็นความกลมกลืน เป็นเสียงหนึ่งของการพูดคุย บอกเล่าเรื่องราว)

คุนดุลซักถามนั่นนี่ด้วยความสนอกสนใจตลอดเวลา ประกายตาท่านเหมือนเด็กน้อยที่กำลัง "เล่น" อย่างเต็มไปความใส่ใจในสิ่งของหรือเรื่องราวที่อยู่ตรงหน้า ภาพสไลด์บางภาพท่านก็ลุกไปยืนดูใกล้ๆ ชี้ตรงนั้น ตรงนี้ ขณะที่ท่านหัวเราะ ท่านหัวเราะเต็มเสียง บรรยากาศภายในห้องนั้นกลายเป็นความสดสว่าง แม้ชายพริ้วของผ้าม่านก็หัวเราะไปกับท่านด้วย ยามท่านคิดคำนึงด้วยความสลดเศร้า ก็ดูเหมือนว่ามีน้ำตาคลอๆ อยู่ในดวงตาของทุกคน กระทั่งคนที่นั่งหลับตา

เต้าหู้รู้สึกว่าท่านอยู่ตรงนั้น ใส่ใจเราตลอดเวลา ฟังแม้กระทั่งเสียงกระพริบตาของเรา


ตอนลาจาก แน่นอน ไม่ว่าใครต่อใครก็ต้องการจะถ่ายรูปคู่กับท่านไว้ ... นี่ไงล่ะ ฉันกับทะไล ลามะ... เต้าหู้ก็เลยเป็นตากล้องที่ไม่มีรูปถ่ายคู่มายืนยันการพบกันของเรา
ขณะที่ท่านกำลังจะเดินกลับไป เขาคนนั้นนึกขึ้นมาได้ว่าควรถ่ายรูปเต้าหู้ไว้ด้วย และพยายามจะเรียกท่านกลับมา

เต้าหู้มองตามหลังท่านไป ทะไล ลามะ องค์คุนดุลของชาวทิเบต กำลังไอจนตัวสั่น ... ท่านคงเป็นหวัด... เห็นความอ่อนล้าในแว๊บหนึ่ง และแว๊บนั้นก็กลายเป็นจุดที่ขยายใหญ่เหมือนวงจรสะท้อนกลับ บอกเขาไปด้วยเสียงที่มั่นใจสุดๆ ว่า ไม่ต้องการรูปถ่ายคู่กับท่าน ไม่ต้องการเห็นท่านหันกลับมาเพื่อจะยืนถ่ายภาพกับ "ฉัน"


แล้วท่านก็หันกลับมายิ้ม เป็นยิ้มที่สวยงามอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมานานแสนนานแล้ว... ภาพที่ไม่ได้บันทึกบนแผ่นฟิล์มนี้ ถูกบันทึกไว้ด้วยความทรงจำ ที่จะสัมผัสได้ในชั่วพริบตาตลอดไป รอยยิ้มนี้จะเป็นยิ้มที่รอคอยอีกขณะหนึ่งอยู่ใน "ความทรงจำแห่งอนาคต"

พระแท้ คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดานั้นมีตัวตนอยู่จริง มีเลือดมีเนื้อเหมือนกับเรา และท่านยืนอยู่ตรงนั้นอย่างปราศจากความกลัว มันเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสความ "อ่อนโยนที่ไม่อ่อนแอ" สัมผัสความเป็นมนุษย์แท้ๆ ซึ่งผ่านพ้น หลอมรวม และอยู่เหนือวิวัฒนาการ

เราเองก็เป็นมนุษย์ อะไรบ้างหนอที่จะทำให้เราหวาดกลัว วัตถุใดเล่าที่แขวนบนคอนี้จะปกป้องเราได้ อาวุธหรือความกร้าวร้าวอันใดเล่า? ... พระ... เข้ามาในหัวใจคนแล้ว พระกับคนเป็นหนึ่งเดียวกัน

พบคุนดุล พบพระในตัวเอง

*ข้อมูลจาก : เว็บไซต์เสมสิกขาลัย ชุมชนแห่งการเรียนรู้ สู่สันติประชาธรรม
(สนทนากับ"เต้าหู้"ผู้เขียนได้ที่เว็บบอร์ดของเสมสิกขาลัย)
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 10 มกราคม 2554 19:37:21 »

ละเอียดมากครับ อ.มด

เอาบางส่วนไปลง สุขใจห้องสมุดยังได้เลยแบบนี้

ผมเพิ่งรู้ความหมายของคำว่า ทะไล กับ ลามะ ก็วันนี้เอง

อ้างถึง

ต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กคนนั้นคือเองค์ดาไลลามะที่ 13 จุติกลับมาเกิด


ผมอ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่องนึงเมื่อก่อน

รู้สึก คีอานู รีฟ เป็นนักแสดงนำ

พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลกลืมไม่ได้

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
องค์ดาไลลามะ เสด็จสวนโมกขพลาราม พบ ท่านพุทธทาสภิกขุ พ.ศ.2515
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 0 1830 กระทู้ล่าสุด 31 กรกฎาคม 2559 13:01:41
โดย มดเอ๊ก
องค์ดาไลลามะ ทรงยกย่อง สมเด็จพระสังฆราช เปรียบเสมือนพี่ชาย
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
มดเอ๊ก 0 1674 กระทู้ล่าสุด 17 สิงหาคม 2559 01:03:46
โดย มดเอ๊ก
วู้ดดี้ สนทนาธรรมครั้งพิเศษกับ องค์ดาไลลามะ หนึ่งในบุคคลสำคัญของโลก
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 2 2514 กระทู้ล่าสุด 22 พฤศจิกายน 2559 11:02:55
โดย มดเอ๊ก
Ricky Martin - The Cup of Life เพลงโคตรฮิตก่อนปี 2000 เพลงดังจากฟุตบอลโลกปี 1998
หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
หมีงงในพงหญ้า 0 747 กระทู้ล่าสุด 30 กรกฎาคม 2563 18:20:26
โดย หมีงงในพงหญ้า
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.687 วินาที กับ 34 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มีนาคม 2567 08:34:31