[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 04:20:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ซีอุยผู้น่าสงสาร  (อ่าน 9695 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 09:34:11 »


ซีอุย1-1

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร


เมื่อตอนเด็ก ๆ ข้าพเจ้า(บางครั้ง)เป็นเด็กที่ดื้อและซน ร้องให้งอแง ทุกวันที่ร้องไห้งอแง หรือ ขี้เกียจไปโรงเรียน พ่อกับแม่จะขู่ว่า เดี๋ยว ซีอุย มา กินตับน่ะ
(บางครั้ง)ก็กลัวหยุดร้องทันที ในสมัยนั้น(บางครั้ง)เพิ่งเข้าเรียนอนุบาล แม่มักพูดถึง ซีอุย อยู่บ่อย ๆ ทำให้เข้าใจว่า ซีอุย เป็นคนแขก หน้าตา - น่ากลัว ผมยาวและหนวดเครารุงรัง เรื่องราวของ ซีอุย ถูกกล่าวขานเป็นเวลาหลายปีในสมัยนั้น พ........ศ.........2501 - 0207 ซึ่งในขณะนั้น
(บางครัง)อายุเพิ่งจะ 4 - 5 ขวบ เข้าเรียนอนุบาลจนถึงประถม 1 เด็ก ๆ ที่เกิดทันในสมัยนั้น (รุ่นเดียวกับ บางครั้ง)ต่างก็กลัว ซีอุย กันทุกคน
สมัยนั้น บ้านเมืองยังไม่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ เหมือนสมัยนี้ โทรทัศน์ก็จะเป็น โทรทัศน์ ขาว - ดำ ในสมัยนั้นน่ะ ถ้าบ้านไหนมีโทรทัศน์ดูก็ถือว่าเป็นคนมีฐานะพอมีอันจะกิน(คนรวย) ว่างั้นเหอะ..................อารัมพบทตั้งนาน เข้าเรื่องของ ซีอุย เลยดีกว่าเนอะ


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:15:15 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 09:35:14 »



http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร


ซีอุย แซ่อึ้ง เสียชีวิต 16 กันยายน พ.ศ. 2502 เป็นชื่อของฆาตกรที่ฆ่าเด็กและนำตับมาต้มกินในช่วงปี พ.ศ. 2497-2501 โดยมีเด็กอย่างน้อย 6 คนที่ถูกนายซีอุยสังหาร ซึ่งภายหลังถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน
ซีอุย อาศัยเป็นชาวจีนโพ้นทะเลเข้ามาใน เมืองไทยและขึ้นฝั่งที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชื่อจริงว่า หลีอุย แซ่อึ้ง แต่คนไทยที่นั่นนิยมเรียกเพี้ยนเป็น ซีอุยซีอุยทำงานด้วยการรับจ้างทำสวนผักและรับจ้างทั่วไป มีนิสัยชอบเกาหัวและหาวอยู่เสมอ ๆ บุคลิกชอบเก็บตัว และนายซีอุยได้จับเด็กมาผ่าเอาตับมากินโดยเชื่อว่าเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยได้ทำการฆ่าเด็ก 3 รายแรก ที่ อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสุดท้ายถูกจับได้หลังจากคดีฆาตกรรมในจังหวัดระยอง ซึ่งสุดท้ายเขาถูกจับขังคุกและประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2502 ก่อนถูกประหารซีอุยรับว่า เมื่อสมัยอยู่เมืองจีน ได้ถูกเป็นเกณฑ์เป็นทหารไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้กินเนื้อมนุษย์เป็นครั้งแรกจากศพของเพื่อนทหารด้วยกัน จึงติดใจในรสชาติ เนื่องด้วยไม่มีอะไรจะกิน
ภายหลังมีการสืบค้นคดีโดยรายการโทรทัศน์ บางอ้อ ทางช่อง 9 รวมทั้งรายการ ย้อนรอย ทางไอทีวี มีหลักฐานพยานและรูปคดีที่บ่งชี้ว่า ซีอุย ไม่ได้ฆ่าเด็กทุกคน มีเพียงเด็กคนสุดท้ายเท่านั้นที่เป็นหลักฐานมัดตัว ขณะตำรวจได้เข้าจับกุมหลังจากซีอุยลงมือฆ่า และอวัยวะในร่างกายของเหยื่อทุกรายก็ไม่ได้สูญหาย จึงเป็นที่สงสัยว่าเหตุใด ซีอุย จึงรับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่าเหยื่อทุกราย และนำอวัยวะมากิน ซึ่งก็ยังเป็นประเด็นของรูปคดีที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดในปัจจุบัน บ้างก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของไทยได้ให้สัญญากับซีอุยว่าให้ซีอุยรับสารภาพ แล้วจะจัดการให้ได้กลับเมืองจีน ด้วยความที่ไม่จัดเจนในภาษาทำให้ซีอุยรับสารภาพ และถูกประหารชีวิตในที่สุด ซึ่งชาวบ้านร่วมสมัยที่ยังอาศัยในพื้นที่บางคนที่ยังมีชีวิตอยู่เชื่อว่าซี อุยไม่ได้เป็นฆาตกรตัวจริง
ศพของซีอุยถูกเก็บเพื่อนำมาตรวจสอบ โดยเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยยังคงถูกเรียกชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า พิพิธภัณฑ์ซีอุย
เรื่องราวของซีอุยได้ถูกเล่าขานต่อ ๆ กันมาในสังคม และถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายครั้ง............


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%A2

http://forums.212cafe.com/boxser/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:16:42 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 09:44:44 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร



..............................................ซีอุย 2.............................................



สยองขวัญสั่น ประสาทไปทั่วประเทศกับเรื่องราวของนายสุริยา โพธิ์แสง อายุ 18 ปี ที่ก่อคดีฆ่าแหวะท้องด.ช.ลิขิต โพธิ์แสง อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้นป.2 โรงเรียนบ้านโนนสะอาด อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ น้องชายแท้ ๆ
ไม่ใช่แหวะท้องธรรมดา แต่ควักเอาตับไตไส้พุงออกมากินสดๆ!!!
ซีอุย 2 หรือ ซีอุย2547  คือชื่อฉายาที่เรียกขานพฤติกรรมของนายสุริยา เนื่องจากมีวิธีการและความวิปริตเหมือนกับ ซีอุย เจ้าตำรับมนุษย์กินคนเมื่อ 50 ปีก่อน ซีอุย หรือนาย ซีอุย แซ่อึ้ง ชาวจีนโพ้นทะเล เป็นตำนานแห่งความวิปริตและโหดเหี้ยมที่สุด เท่าที่เคยเกิดขึ้นมาในเมืองไทย
มีเด็กชายและหญิงอย่างน้อย 7 คนตกเป็นอาหารของมนุษย์วิปริตรายนี้ ซึ่งมีความเชื่อว่ากินเครื่องในคนแล้วจะมีกำลังวังชาแข็งแรงกว่าปกติ
ซีอุยอาละวาดสร้างความผวาไปทั่วประเทศระหว่างปีพ.ศ.2497 - 2501 ก่อนที่จะถูกจับกุมและประหารชีวิตในเวลาต่อมา
ใครจะคาดคิดว่า 50 ปีผ่านไปจะเกิดเหตุทำนองเดียวกันขึ้นอีก..............................................!
เรื่องราวของซีอุย 2 เปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อชาวบ้านกุดโดน ม.7 ต.โนนสะอาด อ.คอนสวรรค์ กลุ่มหนึ่งเดินผ่านทุ่งหญ้าร้าง แทบช็อกเมื่อพบศพเด็กชายในชุดนักเรียนนอนหงายหน้าเสียชีวิตอยู่
เป็นการเสียชีวิตสยดสยองที่สุดเท่าที่เคยมีการพบเห็น เพราะหนูน้อยถูกมีดผ่าท้องควักเอาตับไตไส้พุงออกมากองอยู่ข้างนอก!!!
พ.ต.ต.เฉลิม ฦาชา สารวัตรเวรสภ.อ.คอนสวรรค์ นำกำลังเดินทางมาที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้ง สิ่งที่พบทำให้ทุกคนต้องตัวแข็งทื่อ
ด.ช.ลิขิต ถูกฆาตกรวิปริตจับมัดมือไพล่หลัง ลำคอมีรอยถูกรัด ศีรษะถูกทุบอย่างแรง หน้าอกมีรอยมีดแทงทะลุกลางหลังเป็นแผลขนาดใหญ่ บนลำตัวมีลำไส้กองใหญ่วางอยู่ บางส่วนพันไว้กับกอหญ้า
ที่สร้างความประหลาดใจให้แพทย์เพราะไม่พบตับและหัวใจ แถมมีอวัยวะบางส่วนมีรอยเหมือนถูกฟันกัด
ระหว่างนั้นพ่อแม่ของ ด.ช.ลิขิตทราบข่าวร้ายรีบมาดูลูกชาย เมื่อเห็นสภาพทั้งคู่เข้าไปกอดศพและร่ำไห้จนเป็นลม
ตำรวจสอบถามชาวบ้านให้การว่าเห็น ด.ช.ลิขิต ครั้งสุดท้ายเมื่อเย็นวานนี้ โดยเดินเข้ามาใกล้จุดเกิดเหตุพร้อมกับนายสุริยา
พี่ชาย ก่อนหายตัวไปกระทั่งมาพบเป็นศพสยอง
ส่วนนายสุริยาก็ยังไม่มีคนพบเห็นเช่นกัน ถึงตอนนี้ชาวบ้านและญาติพี่น้องเริ่มสงสัยว่า หรือฆาตกรโหดจะเป็นพี่ชายของเหยื่อเอง !
จากคำให้การตำรวจเริ่มสงสัยเช่นกัน เพราะนายสุริยาเคยมีประวัติเป็นโรคประสาทต้องเข้ารักษาตัวเนื่องจากชอบกิน เครื่องในสัตว์ดิบ ๆ
จนเมื่ออาการดีขึ้นพ่อแม่ก็รับกลับมาอยู่บ้าน แต่ต่อมายังเสพยาจนอาการกำเริบแต่ไม่รุนแรงนัก จนเมื่อเร็วๆนี้บ่นว่าอยากกินเครื่องในคน เพราะกินของสัตว์เบื่อแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจเพราะคิดว่าพูดไปตามประสาคนสติไม่ดี
แต่ถึงตอนนี้ไม่น่าจะเป็นการพูดอย่างเดียวแล้ว!!!
อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาตำรวจและชาวบ้านที่ออกกันตามหาก็พบนายสุริยา นั่งเหม่อลอยอยู่บริเวณเถียงนาห่างจากจุดพบศพไม่มากนัก
สภาพที่เห็นมั่นใจได้ว่าไอ้หมอนี่เป็นฆาตกรแน่ เพราะเนื้อตัวเปรอะไปด้วยเลือดสดๆ และเมื่อค้นตัวยังพบเครื่องปรุงประเภทพริกไทย เกลือป่นซุกอยู่ด้วย
ตำรวจคุมตัวซีอุย 2 มาสอบปากคำซึ่งให้การวกไปวนมา แต่จับใจความได้ว่าเป็นคนลงมือฆ่าน้องชายเพราะอยากลองกินเครื่องในคน
วันเกิดเหตุคือวันที่ 25 สิงหาคม หลังจากน้องชายเลิกเรียนถึงบ้าน ก็ชวนออกมาหาพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ในสวน ระหว่างทางเมื่อมาถึงที่เปลี่ยวนายสุริยาก็ใช้ท่อนไม้ทุบหัวน้องชาย ก่อนจับมัดมือ-เท้า และใช้เชือกรัดคอแขวนกับต้นไม้!!!
ก่อนที่จะเริ่มลงมือผ่าท้องควักเครื่องในออกมา โดยนำไปล้างในโอ่งน้ำใกล้ๆกัน ก่อนเหยาะเครื่องปรุงเพิ่มรสชาติ จากนั้นก็ปล่อยศพลงจากต้นไม้ แอบมานั่งกินอยู่ที่เถียงนา จุดที่ตำรวจเจอตัวนั่นเอง
ตำรวจแม้จะจับกุมนายสุริยา แต่ก็ต้องส่งไปตรวจสภาพจิต ซึ่งดูแล้วเข้าข่ายโรคประสาทอย่างรุนแรง
พฤติกรรมของนายสุริยา ถูกนำไปเปรียบเทียบกับต้นตำรับฆ่าเด็กกินหัวใจและตับไตที่โด่งดังที่สุดใน เมืองไทยคือ ซีอุย หรือนายซีอุย แซ่อึ้ง ชาวจีนโพ้นทะเล ที่เข้ามาอยู่เมืองไทยเมื่อ 50 กว่าปีก่อน
ซีอุยสร้างตำนานวิปริตสุดสยองด้วยการลวงเด็กชาย - หญิงไปฆ่าผ่าท้องควักตับไต ไส้พุงออกมาต้มกิน ! ! !
ระหว่างปีพ.ศ.2497-2501 ซีอุยก่อเหตุถึง 7 คดี เป็นคดีฆ่า 6 คดีและพยายามฆ่า 1 คดี เหยื่อเป็นเด็กหญิง 6 คนและชาย 1 คนอายุระหว่าง 5-10 ขวบ โดยคดีสุดท้ายคือฆาตกรรมด.ช.สมบุญ บุณยกาญจน์ อายุ 8 ขวบ ที่ต.เขาไผ่ อ.เมืองระยอง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501
คดีนี้เป็นคดีเดียวที่มีพยานหลักฐานชัดเจน และจับได้ขณะที่ซีอุยพยายามทำลายศพ กระทั่งนำไปสู่คำสารภาพในคดีอื่นๆอีก 6 คดีก่อนหน้านี้ !
ก่อนที่ซีอุยจะถูกจับกุมมีเด็กชาย-หญิงหลายจังหวัดถูกฆ่าผ่าท้อง แต่ไม่มีเบาะแสสาวไปถึงฆาตกรแม้แต่ครั้งเดียว
มีเพียงรายแรกซึ่งเป็นรายเดียวที่รอดชีวิตมาได้ โดยหลบหนีเข้าไปในป่าไผ่ทำให้ซีอุยตามเข้าไปไม่ได้ แจ้งกับตำรวจว่าฆาตกรเป็นคนจีน รูปร่างสันทัด ตัดผมสั้นเกรียนแต่เพลานั้นเป็นช่วงที่มีชาวจีนนั่งเรือ หนีความยากจนจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเมืองไทยจำนวนมาก และแทบทุกคนมีลักษณะคล้ายกับคนร้ายที่เหยื่อให้การ
จนมาถึงรายของด.ช.สมบุญ ซึ่งซีอุยมาทำงานสวนกับพ่อแม่ของเหยื่อ และเพียง 5 วันเท่านั้นซีอุยก็ลงมือขณะที่อยู่
กับเด็กเพียงลำพังจนเมื่อพ่อ - แม่เด็กกลับมาถึงบ้านและไม่พบทั้งลูกชายและลูกจ้าง
ตำรวจออกติดตามจับกุมซีอุยได้ขณะพยายามทำลายศพเด็ก จึงคุมตัวมาสอบสวนผ่านล่าม ซึ่งซีอุยให้การสารภาพและยอมรับอีก 6 คดีที่ก่อเหตุเอาไว้ด้วยและเมื่อตำรวจเรียกเด็กหญิงคนแรกที่รอดคมมีดมาดูตัว ก็ชี้ยืนยันว่าซีอุยคือคนร้ายที่พยายามสังหารเธอ
จากคำให้การของซีอุย พบว่าขึ้นเรือจากเมืองซัวเถาเข้าเมืองไทยทางต.ทับสะแก จ.ประจวบฯ เมื่อปีพ.ศ.2489 โดยมีญาติที่หลบหนีมาก่อนมารอรับและทำเรื่องรับรองให้อยู่เมืองไทยได้
จากนั้นซีอุยก็เดินทางไปโน่นมานี่หลายจังหวัด ก่อนที่จะย้อนกลับมาปักหลักช่วยทำสวนกับญาติที่ต.ทับสะแก อ.เมือง จ.ประจวบฯ
ที่นี่เองซีอุยลงมือฆ่าเด็ก 3 ราย และพยายามฆ่า 1 ราย
รายแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2497 ซีอุยพยายามฆ่าด.ญ.บังอร ภมรสุต อายุ 8 ขวบ ขณะที่เด็กหญิงออกไปซื้อของในตอนค่ำ และถูกซีอุยดักฉุดจากนั้นพยายามแทงคอแต่เด็กดิ้นจึงไม่ถูกจุดสำคัญ ทำให้ซีอุยโมโหจับโยนเข้าไปในกอไผ่ พลอยทำให้ตัวเองไม่สามารถตามเข้าไปทำร้ายได้!??
ถัดมาวันที่ 9 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ซีอุยลงมือสำเร็จด้วยการฆ่าด.ญ.นิด แซ่ภู่ อายุ 10 ขวบ ซีอุยใช้ขนมล่อเด็กออกมาจากงานวัดแห่งหนึ่ง ก่อนอุ้มเข้าป่าแทงคอจนเสียชีวิต และผ่าท้องควักเอาหัวใจกับตับกลับมาต้มกินที่บ้าน
รายที่ 3 คือด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่เล้า อายุ 9 ขวบ ชาวต.ทับสะแกเช่นกัน ถูกฆ่าลักษณะเดียวกับรายที่ 2 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ปีเดียวกัน
ถัดมาวันที่ 27 ตุลาคม ปีเดียวกัน ซีอุยก็ลงมือสังหารด.ญ.หงั่น แซ่ลี้ อายุ 10 ขวบ ที่ต.สามร้อยยอด
จากนั้นซีอุยหลบหนีออกจากพื้นที่เข้ากรุงเทพฯ และก่อเหตุอีกครั้งบริเวณสถานีรถไฟสวนจิตรลดา ด้วยการฆ่าด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง อายุ 5 ขวบ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน นับเป็นเหยื่อรายที่ 5
ซีอุย หนีจากกรุงเทพฯมาทำงานที่นครปฐม และก่อเหตุฆ่าเหยื่ออีกรายคือด.ญ.ซิ่วจู แซ่ตั้ง อายุ 7 ขวบ บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2500
แต่ฆาตกรต่อเนื่องที่โด่งดังที่สุดของเมืองไทย ก็ยุติบทบาทมนุษย์กินเด็กนานเกือบ 1 ปี ก่อนที่จะมาก่อเหตุครั้งสุดท้ายที่จ.ระยอง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 กระทั่งถูกจับกุมได้
คำสารภาพของซีอุยนำมาสู่คำตัดสินประหารชีวิต และถูกยิงเป้าเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2502 ก่อนที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะทำเรื่องขอศพไปตรวจสอบสมอง
คณะแพทย์เก็บรักษาศพฆาตกรต่อเนื่องอยู่ในพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ ตึกอดุลยเดชวิกรม โรงพยาบาลศิริราช
ซึ่งเป็นที่เก็บหลักฐานทางคดีสำคัญ ๆ มากมาย เช่น นวลฉวี ฯลฯ
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือศพของซีอุยนั่นเอง จนมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า"พิพิธภัณฑ์ซีอุย"มาจนทุกวันนี้
สิ่งที่น่าสนใจในคดี ซีอุย เกิดขึ้นในอีกหลายสิบปีให้หลัง มีการรื้อข้อมูลเก่าๆขึ้นมาตรวจสอบและตั้งคำถามว่า
ซีอุยเป็นฆาตกรจิตวิปริต หรือเป็นเพียงแพะรับบาปโดยมีการจับพิรุธและตั้งข้อสังเกตคดีนี้หลายประการด้วยกัน เริ่มจากคำให้การที่สับสนของซีอุยเอง ตั้งแต่การเข้ามาเมืองไทยว่าขึ้นฝั่งไทยที่ต.ทับสะแก หรือกรุงเทพฯกันแน่
หรือการรับสารภาพในคดีก่อนที่จ.ระยอง อีก 6 คดี เพราะถูกหลอกหรือเป็นความเข้าใจผิดของซีอุย ว่าหากรับสารภาพไปแล้วจะถูกส่งตัวกลับประเทศจีนเท่านั้น เนื่องจาก 6 คดีก่อนหน้านี้ตำรวจไม่มีหลักฐานใดๆระบุเลยว่าซีอุยคือฆาตกร นอกจากคำรับสารภาพของเจ้าตัวเท่านั้น
และคำรับสารภาพก็สับสน และบางเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเกิดเหตุอีกด้วย!??
ไม่เพียงเท่านั้นในจำนวน 6 ศพที่ซีอุยก่อเหตุ มีบางศพที่ไม่ได้ถูกควักหัวใจและตับออกมากิน ซึ่งน่าจะผิดวิสัยในการฆาตกรรม เพราะระบุกันว่าซีอุยฆ่าเด็กเพราะต้องการกินอวัยวะภายใน
อีกจุดหนึ่งก็คือรอยต่อเรื่องเวลาระหว่างคดีที่ 6 กับคดีที่ 7 ทิ้งช่วงห่างกันนานเกือบ 1 ปี ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ซีอุยก่อเหตุถึง 6 คดีซ้อนๆในเวลาไม่ถึง 1 ปีหรือ 4 คดีแรกที่เกิดยังต.ทับสะแก โดยเฉพาะคดีแรกที่เหยื่อรอดตายมาได้ กลับไม่มีความพยายามที่จะติดตามคนร้าย ปล่อยให้ซีอุยลอยนวลและอยู่ในพื้นที่ก่อเหตุอีก 3 ครั้งซ้อนมีการตั้งข้อสังเกตไว้มากมายหลายเรื่อง และบางเรื่องหาข้อพิสูจน์ไม่ได้แม้ในปัจจุบันนี้
อย่างไรก็ตามฝ่ายที่เชื่อว่าซีอุยคือฆาตกรแน่นอน ยกสิ่งสำคัญที่สุดออกมาหักล้างตั้งแต่ซีอุยถูกจับกุม ก็ไม่มีคดีวิปริตแบบนี้เกิดขึ้นอีกเลย !

จาก.........................................หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 29 สิงหาคม 2547 หน้า 2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:17:28 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:18:57 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร


หลาย ๆ คนอาจเคยไป พิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลศิริราช ชั้น 2
สิ่งที่สะดุดตาสำหรับการมาครั้งแรก มันไม่ใช้เครื่องมือแพทย์หรืออวัยวะดอง แต่มันคือโครงร่างของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ในตู้กระจกขนาดใหญ่ ร่างกายแห้งเหี่ยว เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก โครงหลังบิดเบี้ยว ที่ถูกดองเก็บไว้อย่างดี เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา
มันเป็นโครงร่างมนุษย์ร่างเดียว ในประเทศไทย ที่ได้รับเกียรติสูงสุดนี้ ที่เป็นอาชญากรคนสำคัญของแผ่นดิน ที่เลื่องลือกล่าวขานกันเนิ่นนานและเป็นตำนานที่ไม่ลืมเลือนเขาคือ ซีอุย แซ่อึ้ง ปีศาจฆาตกรกินคน
ทุกพื้นที่ ที่เขาเดินทางไป ศพแล้วศพเล่าเกิดจากการกระทำของเขา ทั้งข่มขื่น ทั้งฆ่า และผ่าศพเพื่อควักเอา อวัยวะภายในของเหยื่อออกมากิน
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่อาชญากรอัจฉริยะ แต่เขาก็สามารถสังหารเหยื่อถึง 6 ศพ และเขาอยู่รอดลอยนวลกว่า 5 ปี
เพราะอะไรเล่าที่ทำให้เขากลายเป็นปีศาจฆาตกรกินคนที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้




..................................................กำเนิด ซีอุย.................................................



ณ.ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2470 ใน ซัวเถา เด็กชายคนหนึ่งได้ลืมตาดูโลกขึ้น เขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้อง12 ของนายฮุนฮ้อ กับ นางไป๋ติ้ง แซ่อึ้ง
พวกเขาได้ตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่านาย หลีอุย แช่อึ้ง แต่พวกเราชาวสยามต่างรู้จักนามว่า ซี อุย
ทั้งสองมีอาชีพทำไร่มีฐานะ มีค่อนข้างยากจน และมีลูกมาก ซีอุยจึงขาดการดูแลจากพ่อแม่ ชั่วชีวิตของเขา เขาดำเนินชีวิตตามความพอของตนเองเป็นที่ตั้งออกจากบ้านไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ
เขาเกิดมาเป็นคนตัวเล็กเมื่อเปรียบเทียบเด็กวัยเดียวกัน (แม้เขาจะโตเป็นหนุ่ม เขาก็มีความสูงแค่ 150 เซนติเมตร) สาเหตุนี้เองเขามักถูกเด็กรอบข้างข่มเหงรังแกมาโดยตลอด มันเจ็บทั้งกายและใจจนกระทั้ง.................
วันหนึ่งมีมีนักบวชชรารูปหนึ่งเกิดนึกสงสารเด็กที่มักถูกรังแกจากเด็กวัยเดียว กัน เขาจึงได้คำแนะนำน่ากลัวกับเขาอย่างหนึ่งว่า...........................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:18:35 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:22:20 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร


นายต้องกินหัวใจและตับของคน นายจะได้มีพลังมหาศาลเพื่อต่อสู้กับคนมารังแกได้
ซีอุย น้อยเชื่อคำแนะนำที่แสนชั่วร้ายอย่างสนิทใจ เขาเชื่อโดยไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เขาเริ่มหันกินเนื้อสด ๆ เริ่มต้นด้วยการฆ่าสัตว์กินเครื่องใน เช่น ตับ ไต หัวใจ โดยคนรอบข้างไม่ห้ามปรามเพราะเขายังเด็กอยู่ความทมิฬหินชาติได้เริ่มต้นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว พ.ศ.2488
ซีอุยอายุครบ 18 ปี เขาเป็นหนุ่มฉกรรจ์ เขาถูกเกณฑ์ไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาประจำอยู่หน่วยรบทหารราบที่ 8  ในขณะที่จีนและ ญี่ปุ่นทำสงครามอยู่เขาถูกส่งไปรบในสมรภูมิพม่า แนวสนามรบตามรอยต่อตะเข็บแดนของประเทศจีน
เป็นเวลาเกือบ ปีเต็ม ๆ ที่เขาต้องเสี่ยงอันตรายจากห่ากระสุนปืนจากข้าศึก กระสุนเหล่านั้นปลิดชีวิตเพื่อน ๆ ของเขา ล้มตายดุจใบไม้ร่วง ตัวเขาก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส จากการสู้รบ ความหนาวเหน็บ และความอดอยากยากแค้น จนกระทั้งหน่วยรบของซีอุยพลาดท่าตกวงล้อมของข้าศึก เสบียงเริ่มหมดลง ซีอุยหิวกระหายอย่างหนักเพราะไม่มีอาหาร เขามองรอบ ๆ จนสายตาเขามาหยุดที่เพื่อนทหารที่ล้มตายราวผักปลา
นี้แหละอาหารชั้นหนึ่ง........................................................
เขาใช้มีดพกคู่กายกรีดศพเพื่อนทหารด้วยกันอย่างเลือดเย็นตั้งแต่หน้าอกจนถึง หน้าท้อง ควักหัวใจ ตับ และไส้ออก มาต้มกิน โดยไม่สนใจและความรู้สึกของเพื่อนทหารที่ตะลึงกับพฤติกรรมของเขา
และนี้เองคือที่มาของพฤติกกรมอันแสนสยดสยองของเขาในเมือง ไทยในเวลาต่อมา
เมื่อสงครามสงบ.........ซีอุย ถูกปลดจากกองทัพ แต่เขาไม่คิดอยู่เมืองจีนต่อไป เนื่องจากระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ รวมทั้งความอดอยากยากแค้น ชาวบ้านส่วนใหญ่พยายามอพยพหนีตายในเมืองไทยอย่างมากมายเพื่อนคนหนึ่งได้ชวน มาทำงานไทย ในขณะที่ซีอุยได้กรรมกรแบกหามสินค้าของบริษัทเดินเรือค้ากับต่าง ประเทศ แห่งหนึ่ง ว่าเมืองไทยมีงานทำหลายอย่างและรายได้ดีกว่ากรรมกรแบกหามในจีน.................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:19:11 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:27:18 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร


ซีอุย เห็นดีเห็นชอบด้วย เพราะมันยังดีกว่าอดตายในแผ่นดินเกิด และเขานึกขึ้นได้ว่าเขามีญาติและคนรู้จักในเมืองไทยหลายคนสามารถพึ่งพา อาศัย หางานได้บ้าง จึงตกลงเดินทางหางานในเมืองไทยปสร้างตำนานสยองขวัญแรกมาเมืองไทย ชีวิตแบบนกขมิ้นซีอุยหลบหนีมาทำงานในไทยซีอุยเหยียบแผ่นดินไทยครั้งแรกที่ท่าเรือคลองเตยวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2489 ด้วยอายุเพียง 19 ปี เขาแอบแฝงมากับกลุ่มจับกัง ในเรือขนส่งสินค้าชื่อ โคคิด เป็นเวลานานกว่า 3 สัปดาห์
ขณะที่เรือเทียบท่าส่งสินค้าที่คลองเตยซีอุยกับเพื่อนหลบหนีขึ้นฝังมาพักที่ โรงแรมเทียนจิน ตรอกเทียนกัวเทียน จังหวัดพระนคร แต่หาญาติที่รู้จักกันไม่พบ ก่อนที่จะเดินทางไปที่ อ.ทับสะเก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปทำงานรบจ้างทำไร่ทำสวน
เขาพักและทำงานหลาย ๆ ที่  ไป ๆ มา ๆ บ้างอยู่เป็นสัปดาห์ บ้างอยู่เป็นเดือน บ้างอยู่เป็นปีจนกระทั้งเวลาผ่านไป 8 ปี ซีอุยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยด้วยการรับจ้างทำสวนกับนายไอ่ แซ่เล้า จากการทำงานหนัก ร่างกายของเขาทรุดลง จิตใจพะวักพะวนหงุดหงิด คำแนะนำของนักบวชชราจีนจงผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้งหนึ่ง................................................................




..........................................เหยื่อรายแรก................................



10 เมษายนพ.ศ. 2497หนึ่งทุ่มเศษซีอุยออกมาเดินเล่นในตลาดทับสะเก ระหว่างทางเดินผ่านหน้าโรงสีของนายกิ่ว บรรยากาศเงียบเชียบ มีแต่เสียแมลงร้อง และ แสงไฟที่ข้างรั่วโรงสีจนกระทั้ง ซีอุย แลเห็น
ด.ญ.บังอร บุตรสาว 8 ขวบ ของนายตำรวจผู้หนึ่งเดินสวนมา มือถือขันอยู่ 1 ใบ นุ่งผ้าถุงแดง ท่อนบนเปลือยเดินอย่างสบายอารมณ์ ซีอุยอดใจไว้ไม่ไหว เดินตามเด็กหญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วจึงปรี่เข้าไปอุ้มเด็กเอามือปิดจมูกปิดปาก กึ่งเดินกิ่งวิ่งเข้าไปในทางมืดข้างโรงสี
เด็กหญิงโชคร้ายพยายามต่อสู้ดิ้นรน แต่ไม่สามารถทานแรงของซีอุยได้ จนสิ้นสติไป ในที่สุดร่างของเธอถูกวางบนพื้นดินใกล้ลำคลองเล็ก ๆ ความเงียบสงบ ประสานเสียงเต้นของปีศาจแสดงให้เห็นความเหนื่อย ซีอุยไม่รอช้าหยิบมีดพับปลายแหลมยาว 5 นิ้วที่เขาพกติดตัวเสมอ แทงไปที่คอใต้ลูกกกระเดือกเด็กหญิง 1 ที เลือดสีแดงฉาดคาวเลือดกระจายคละคลุ้ง
แต่โชคดีในความโชคร้ายแผล นั้นมันยังตื้นเกินไปที่ไม่ให้เด็กหญิงตายได้ และมีคนผ่านมาพอดีก่อนที่ซีอุยจะลงมีดที่ 2 ซีอุย หงุดหงิดแต่ต้องผละจากไปอย่างช่วยไม่ได้
เด็กน้อยหมดสติจนกระทั้ง เช้า 7 โมง ของวันรุ่งขึ้น ร่างอันขะมุกขะมอมคลุกเคร้าไปกับคราบเลือดของหนูน้อยบังอร ที่กระเซอะกระเซิงล้มลุกคลุกคลานออกจากตรอกชายข้างโรงสี ผวาเข้าสู่อกบิดามารดา ทุกคนต่างรินน้ำตาให้กันอย่างเศร้าสลดต่อภาพที่พบเห็น
ด.ญ.บังอรรอดตายปาฏิหาริย์ แต่รอยแผลเป็นที่คอหอยของเธอยังคงปรากฏชัด พร้อมกับความทรงจำที่เลวร้าย แม้ปัจจุบันเธอจะอายุ 53 ปีแล้วก็ตาม
เธอเป็นเหยื่อรายแรกและรายเดียวที่รอดตายเพราะเหยื่อรายที่ 2-7 ต่างตายเพราะเงื่อมมือของซีอุย ปีศาจกินคน จนหมดสิ้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:19:47 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:31:20 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร



..........................................เหยื่อรายที่สอง....................................................



วันที่ 9พฤษภาคม พ.ศ.2497เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 เดือน ทุกคนต่างลืมเรื่องราวขอ งด.ญ.บังอร เสียสิ้น
วันนี้ที่บริเวณลานกว้างที่ ว่าการอำเภอทับสะแก ได้มีงานแต่งงานของนายมงคล สุดลาภา อดีตปลัดอำเภอทับสะแก
งานจัดอย่างยิ่งใหญ่ ชาวบ้านทับสะแกเกือบทุกคน ต่างหอบลูกจูงหลานมาร่วมงานมงคล งานนี้เกือบหมดอำเภอ
แต่ซีอุยไม่สนุกด้วยเขา กำลังหาเหยื่อ ความหงุดหงิดงุ่มงามที่ฆ่าเหยื่อรายแรกครั้งแรกไม่ได้มันฝังลึกในจิตใจของเขา ความอ่อนเปลี้ยเพียงแรงได้กระตุ้นหาเหยื่ออีกครั้งในงานนี้
แน่นอน นอกจากผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน ยังมีลูกเด็กเล็กแดง ต่างตามพ่อแม่ ญาติพี่น้องมาวิ่งเล่นสนุกสนานอยู่หน้าเวทีลำวงบ้าง ตามทางเดินบ้าง ใครแยกออกจากกลุ่มนี้แหละเหยื่อของซีอุยสายตาของเขามันจับจองเหมือนเลือกหมูกับปลาในตลาดสดไม่ปานจนกระทั้งสายตาจับต้องไปยังเด็กหญิงคนหนึ่ง
ด.ญ.นิด แซ่ภู่ วัย 11 ขวบ ได้แยกตัวออกจากกลุ่ม กับน้องสาวเพื่อกลับบ้านเพราะง่วงนอน เธอกำลังกลับบ้านแต่ทางไปบ้านเธอนั้นอยู่หลังเวทีลำวงเป็นทางเปลียวและมืด สนิท ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อ
ออกมาเพียง 200 เมตร ฝ่ามืออันหยาบกร้านตะปบปิดปากปิดจมูก หนูน้อยในทันที มันอุ้มร่างเด็กน้อย หายลับไปในรัตติกาลอันมืดมิด ทิ้งไว้แต่น้องสาวที่หวาดกลัวจนร้องไห้จ้า  
เขาวิ่งอุ้มร่างของด.ญ.นิด เข้าไปในความมืด วิ่งผ่านข้างทางรถไฟสายใต้ จนมาหยุดที่สะพานผ่านทางรถไฟที่มีป่าหญ้า มืดสนิท ปราศจากสิ่งมีชีวิตใด .....  ๆ มันวางร่างเหยื่อลงทันที จัดการถอดเสื้อ ผ้าถุงเหยื่อ ร่างน้อยอยู่สภาพเปลือย เป็นครู่ใหญ่ที่มันสมปรารถนากับความสุขของกามารมณ์ในแบบผีนรกความ ชั่วของมันยังไม่พอ เพราะขาดความเหี้ยม มันล้วงมีดพับปลายแหลมด้านไม้ที่ที่ขาววับจากกระเป๋ากางเกง มันเริ่มกรีดทิ่มไปยังอณูเนื้อที่อ่อนนุ่มของเหยื่อเด็กสาวทันที
มีดกรีดตั้งแต่หลุมสะดือลงมาผ่านหน้าท้องขึ้นมาถึงทรวงอกจรดคอเผยเห็นตับไตไส้พุง ทะลักอย่างกับไส้ไก่ และอีกจุดหนึ่งจากสะดือลงไปบริเวณของลับจากนั้นมันก็หมกมุ่นอยู่กับการเอามีดเชือดเฉือดของลับ ขาอ่อนและแขนทั้งสองข้าง แยกเนื้อและกระดูกออกราวกับพ่อค้าเนื้อที่ชำนาญ  แต่มันไม่สนใจเนื้อที่ได้มากนัก และโยนทิ้งที่พุ่มต้นไม้เอาใบไม้หุ้ม.........................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:20:13 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:36:14 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร


มันควักอวัยวะภายในคือลำไส้และหัวใจ ตับของเด็กสาวออกมา แยกนำมาล้างเลือดที่คลอง เก็บใส่กระป๋องกางเกง ล้างเสื้อที่เปรอะเปื้อนออกที่ลำคลองเช่นกัน
หลังจากที่เขาสังหารเหยื่อแล้ว เขาทิ้งศพ และมุ่งกลับบ้าน ประมาณ 4 ทุ่ม เขาเดินเข้าไปในครัว เอาอวัยวะที่ได้ทั้งหมด ใส่กาน้ำใบใหญ่ต้มจนสุขและลงมือกินในห้องน้ำอย่างเอร็ดอร่อย กินจนนิ่มแล้วเข้านอนอย่างมีความสุข
จนกระทั้ง ศพ ด.ญ.นิด แซ่ภู ถูกพบ ร่างนอนเปลือยเปล่า ขาวโพลน แน่นิ่งไม่ขยับ อยู่พงหญ้า ติดคลองทับสะเก พวกชาวบ้านและตำรวจที่พบศพถึงกับสยดสยองและความเวทนาต่อสิ่งที่พบเห็นตรงหน้า
เพราะตั้งแต่ลำคอของเธอ ถูกผ่าลงที่ทรวงอก จนถึงอวัยวะเพศ อวัยวะภายใน เช่น ตับ ปอด ไต หัวใจ หายไปจนหมดสิ้น ดวงตาเหลือกถลนแสดงถึงความตกใจถึงขีดสุด เสียงเล่าลือเริ่มแพร่สะพัดไปทุกซอกทุกมุมเมือง
ต่อมาตำรวจได้ควบคุม อดีตพลตำรวจปอเตียง ผู้สติไม่สมบูรณ์มากนัก เพราะเคยมีประวัติฆ่าคนตายมาก่อนเพราะชาวบ้านคิดว่าเหตุการณ์เลวร้ายผ่านพ้นไปแล้วเมื่ออดีตพลตำรวจปอเตียงถูก จับแต่มันไม่เป็นอย่างนั้น
เพราะศพเดียวมันไม่เพียงพอ........................นี้สิ.........................




..........................................เหยื่อรายที่ 3...............................................



เป็นเวลาหลายเดือนที่ซีอุย ต้องตระเวนอยู่รอบอาณาจักรไทย ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพ ระนอง ก่อนที่จะกลับมายังถิ่นเก่า อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อีกครั้ง แล้วทำงานและทำงานอยู่กลับนาย เทียนเชีย แซ่ตั้ง แค่ 2 วัน มันก็เริ่มแผนอุบาทว์ขึ้นอีก
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2498
หลังจากเลิกงานจากไร่ถั่ว  ซีอุยเดินออกมาจากไร่ไปตามร่องสวน จนกระทั้งพบด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่ลี้ อายุ 7 ขวบ ลูกสาวนายหยิ่นฝาและนางซิ่ว กำลังเดินอยู่ข้างทางห่างออกไปประมาณ 50 เมตรแค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว สำหรับการกระตุ้นความวิปริตปีศาจที่อยู่ในจิตใจที่ผิดมนุษย์อย่างซีอุยแล้ว
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2498
มีผู้พบศพของด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่ลี้ นอนตายอืดอยู่สวนห่างจากบ้านแค่  300 เมตรเธอออกจากโรงเรียน แต่ไม่กลับบ้านเป็นเวลา 3 วัน สภาพศพเริ่มอืด เริ่มเน่าเฟะแทบจำไม่ได้ แต่สิ่งที่เหมือนกับศพแรกก็คือข่มขืน - กรีดคอ - ถึงช่องท้อง-ควักตับ - ปอด-หัวใจ - หายไปแม้ต่างท้องที่ ต่างอำเภอ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รู้ว่า ต้องเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกันแน่การ สืบสวนหาตัวฆาตกร จึงเริ่มต้นอย่างจริงจัง เพิ่มจำนวนคนมากขึ้น จากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งสองอำเภอ ใช้เวลาไม่กี่วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามร้อยยอด สามารถจับผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ถึง 2 คน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:21:27 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:39:10 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร


นายเจือ เสียงเสนาะกับ นายสนิท สังวาล์ยวงค์ เพื่อนบ้านใกล้ชิดของนายหยิ่นฝา อันเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบพบว่า มูลเหตุอาจมาจากทั้งสองกับนายหยิ่นฝาทะเลาะวิวาทเรื่องที่ดินและการทำสวนของทั้งสองฝ่าย รุนแรงถึงขั้นประกาศเอาชีวิตกันแต่ทั้งสองมีพยานหลายปาก ยืนยันที่อยู่ของเขาทั้งสองในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปล่อยตัวอย่างช่วยไม่ได้ชาวบ้านต้องหวาดผวาอีกครั้ง เพราะฆาตกรตัวจริงยังลอยนวลอยู่ ไม่รู้ว่าลูกคนไหนจะถูกฆ่าควักเครื่องในกินอีก



............................................เหยื่อรายที่ 4.............................................



วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2498ซีอุยยังไม่ได้หนีไปยังจังหวัดไหน เขายังไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ และเขายังอยู่อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  และที่นี้เองเขาก็ได้ฆ่าคนอีกเป็นศพรายที่ 3
ด.ญ.หงั่น ลูกสาวของนายไกว และนางน้ำ แซ่ลี้ อายุ 10 ขวบ ได้หายไปหลังจากดูลิเกที่เปิดวิกการแสดงอยู่ข้างบ้าน เธออุ้มน้องสาววัย 10 เดือนออกไปด้วย แต่ภายหลัง มีผู้พบทารกน้อย นอนร้องไห้จ้าอยู่ริมถนนที่ไม่ไกลจากโรงลิเกมากนัก
วันรุ่งขึ้นก็พบศพตัวพี่สาวชั้น ป.3 อยู่ใกล้โรงเก็บน้ำมัน ของกรมทางหลวง ที่ตั้งอยู่ท้ายตลาด 3  ยอด สภาพศพไม่แตกต่างไปจาก 2 ศพ ก่อนหน้าไม่มากนัก มันเหมือนกับประเพณีแห่งการฆ่า มันเป็นเหมือนเครื่องจักรสังหารที่ฆ่าคนดั่งผักปลา
คราวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับ นายทับ ฤาเผย รปภ.ของโรงเก็บน้ำมันมาสอบสวน เพราะเขาเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ในคืนนั้นมากที่สุด แต่ก็เช่นเคย ไม่มีอะไรในกอไผ่
ในขณะที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มากมายจากกรมตำรวจ ต่างเดินทางประจวบคีรีขันธ์เพื่อคลี่คลายคดีนี้แต่ซีอุยมุ่งสวนทางไปกรุงเทพ อีกครั้ง.............ไปสร้างตำนานสะท้านกรุงต่อไป.....................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:21:58 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:41:57 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร


...............................................เหยื่อรายที่ 5...............................................



28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498กรุงเทพสมัย 50 ปีก่อน นั้นยังร้างไร้ผู้คน
วันนี้เป็นวันพิเศษ ไม่เหมือนวันเดิมเพราะว่าเป็นวันตรุษจีน ทุกคนมีความสุขในวาระเฉลิมฉลอง ซีอุยเดินออกจากที่พักที่ทำงานของนายอิ่วไฉ่ แซ่อึ้ง  นายจ้างร้านเหล้าและโซดา  เมื่อทุ่มเศษ ๆ เดินไปอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั้งมาหยุดโรงงิ้วที่วัดปทุมวนาราม
ด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง หนูน้อยวัย 4 ขวบ บุตรสาวของนายกิมบั๊ก พ่อค้าเหล็กย่านถนนมิตรไมตรี คือเหยื่อรายที่ 5 เธอ ชะตาขาดเพราะพลัดหลงกับแม่ตอนดูงิ้วที่วัด    
ในที่สุด มันตัดสินใจอุ้มเด็กเคราะห์ร้ายไว้ในอ้อมแขน ใช้มือ อุด ปาก อุดจมูก ใช้ความมือเป็นเกราะกำบังตัว มันวิ่ง........วิ่งเหนื่อยแทบขาดใจ จนถึงทางรถไฟสถานีรถไฟจิตรลดาศพของหนูน้อยชะตาขาดถูกทิ้งอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ
และวันต่อมาข่าวนี้สร้างความโกลาหลและสะท้อนกรุงยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง แม้แต่ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมกรมตำรวจยุคนั้นออกคำสั่งด่วนให้ดินตามฆาตกรรายนี้โดยเด็ดขาด
แต่ไม่มีใครจับซีอุยได้ เพราะมันใช้ชีวิตแบบนกขมิ้น ที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง  มันจากกรุงเทพฯ ไปทำงานหลายจังหวัด ไม่ว่าลำพูน ธนบุรี เข้ากรุงเทพ ไประยอง ฯลฯ..............................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:22:27 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:45:26 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร



..............................................เหยื่อรายที่ 6.....................................................



6 กุมภาพันธ์ 2500 พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐมวันตรุษจีน วันนี้มีงิ้วบนลานกว้างองค์พระปฐมเจดีย์ และเต็มไปด้วยฝูงคนมาชมเที่ยวงานห่างจากโรงงิ้วไม่มากนัก ซีอุยล่อลวง ด.ญ.ซิวจู แซตั้ง อายุ 5 ขวบ ที่หลงมากับแม่ด้วยขนมแป๊ะก๊วย
เมื่อกินเสร็จ ถึงคราวเชือด มันพาหนูน้อยชะตาขาดไปลานองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งมีต้นจามจุรี 1 ต้น มันใช้มีดเล่มเดิมจากกระเป๋าของมันแทงไปที่คอหอย ใช้เวลาไม่นานเธอก็หมดลมหายใจ
มันจัดการอุ้มร่างที่ไร้ลมหายใจไปที่ถ้ำมือแห่งหนึ่งในองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อทำการแหวะตับและหัวใจเพื่อเอาไปกิน แต่ระหว่างหนีก็ทิ้งไฟฉาย และเกี๊ยะ ข้างศพหนูน้อยในถ้ำ
ครั้งนั้นตำรวจที่รับผิดชอบเวลานั้น เร่งติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วนอย่างสุดเหวี่ยงและได้จับกุม นายไสว ปิ่นสินชัย คนขายเนื้อในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้ช่วย ส.ส.พรรคไทยรักไทยเขต 3 นครปฐม โดยมีหลักฐานเป็นมีดเปื้อนเลือดไฟฉาย และเกี๊ยะ ซึ่งเข้าใจผิดว่าเป็นของนายไสว กว่าจะรู้ว่าจับผิดตัวนายไสวจำคุกนานถึง 1 ปีเต็ม
แน่นอนหนังสือพิมพ์กรุงเทพ ฯ ได้เสนอข่าวนี้อย่างครึกโครม ซีอุยทนกระแสกดดันไม่ไหว จึงรีบหลบหนีไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกลับมายังนครปฐม มันเร่รอนไปทั่วทุกแห่งในประเทศไทย พร้อมฟังข่าวว่ามีเรือกลับเมืองจีนหรือไม่
ขาฝันอยากกลับบ้านเกิดมาตั้งนานแล้ว
เมื่อไม่มีเรือกลับ ซีอุย จึงมาเป็นลูกจ้างทำสวนผักของนาย อิ๋ดเจียก แซ่อึ้ง ที่ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และที่นี้เองคือที่สุดท้ายที่มันจะก่อกรรมทำเข็ญ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:22:57 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:48:08 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร



..............................................เหยื่อรายที่ 7  รายสุดท้าย..................................................



27 มกราคม พ.ศ. 2501นี้เป็นข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ของซีอุย เพราะเขาตั้งใจที่จะสังหารเหยื่อที่เป็นเด็กชายคนแรกแทนที่จะเป็นผู้หญิงและ เป็นคนที่เขารู้จักในเวลานั้น เวลาประมาณ 15.00 น.ซีอุย ยังทำงานที่สวนของนายเฉลียว ขุดดินปลูกผักอยู่ในไร่ ทันใดนั้นเหยื่อสุดท้ายของเขาก็มาหาด.ช.สมบุญ บุตรนาวา บุญยกาญจน์ทั้ง สองรู้จักกันมานานแล้ว ในฐานะลูกค้าซื้อผักประจำ แต่ซีอุยทนแรงยั่วยวนไม่ไหว มันหาจังหวะที่จะฆ่ามานานแล้ว และวันนี้เป็นวันที่เหมาะสมอย่างยิ่ง  มัน กระโดดเข้าสวมกอดเด็กชายผู้นั้นอย่างรวดเร็ว แล้วอุ้มเข้าไปในสวนยางพาราท่อยู่ลึกสุด เมื่อมันถึงที่ปลอดคน ก็ปล่อยให้ยืน เด็กชายก็ไม่ร้องและดิ้นแต่อย่างใด มันเริ่มเอามือกดศีรษะ กดให้ล้มนอนหงาย ก่อนใช้มือซ้ายปิดปากและจมูก มือขวาก็ใช้มีดแทงคอที่ใต้ลูกกระเดือก เด็กชายผู้เคราะห์ร้ายสิ้นใจในเวลาไม่นานนัก ซีอุยเริ่มใช้มีดด้านเดิมเชือกหลอดลมให้ขาด แล้วทำการผ่าท้องและสะดือจนถึงหลอดลมที่ตัดไว้ แล้วตัดเอาหัวใจและตับออกมากองบนใบไม้ที่อยู่ข้างศพ เย็นนั้นมันนำหัวใจและตับของเหยื่อคนล่าสุดกลับเข้าที่พักในสวน ผักล้างด้วยน้ำจนสะอาดก่อนเก็บไว้กะละมังไว้ในตู้กับข้าว แต่ ครั้งนี้มันแตกต่างกับเหยื่อรายอื่น ๆ ที่มันจัดการ มันคิด หากมีผู้พบเห็นศพมันจะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน เพราะพ่อแม่เด็กนั้นต้องรู้ดีว่าได้ใช้ลูกของต้นมาซื้อผักที่สวนนี้มัน จึงตัดสินใจกลับไปที่สวนยางพาราอีกครั้ง มันทำการกำจัดศพ มันใช้ไฟเผา ชั่วพริบตาเดียวไฟก็ลุกลามไปเศษไม้ใบแห้งจนลามติดเนื้อหนังมังสาของเด็กชาย ผู้เคราะห์ร้ายห่าง จากตำบลเนินพระไปเล็กน้อย นาย
นาวา บุณยกาญจน์ พ่อของเด็กชายสมบุตร และนายเสงี่ยม ม่วงแสง เพื่อนบ้าน กำลังออกตามหาลูกชาย เพราะเป็นห่วงว่าให้ไปซื้อผักที่เนินพระและไม่กลับมา ซึ่งตอนแรกทั้งสองคนพากันเดินทั่วบริเวณสวนผักมัน คงถึงคราวชะตาขาดของซีอุย ที่มันก่อกรรมทำเข็นไว้มาก นายนาวาและนายเสงี่ยมได้ตรงไปที่ซีอุยใช้เป็นที่กำจัดหลักฐานศพทั้งสองเฝ้ามองพฤติกรรมที่น่าสงสัยของซีอุย และเขาก็อุทานอย่างไม่เป็นภาษาคน เมื่อเห็นวัตถุอย่างหนึ่งโผล่ออกจากกองไฟมันเป็นขาคน ขาของเด็กชายสมบุตรไฟ ยังไม่ติดหมดทั่วร่าง สภาพยังเห็นศพเด็กน้อยครบสมบูรณ์อยู่ นายนาวาไม่รอช้าปราดไปเขี่ยกองไฟแล้วอุ้มร่างไร้วิญญาณของลูกรักไว้แนบอก ดวงตาและสีหน้าโกรธแค้น สัตว์นรก มึงทำได้อย่างไร"นายนาวาคำรามดุดัน วางศพลูกชายลงกลับพื้นโผเข้าใส่ซีอุยอย่างบ้าคลั่ง ซี อุยไม่ได้ต่อสู้เพราะตัวมันไม่มีอาวุธอะไรเลย มันยอมให้นายนาวาและนายเสงี่ยมจับมัดไว้ที่เสาบริเวณบ่อน้ำของสวนผัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา 2 ชั่วโมง และเก็บหลักฐาน หัวใจและตับที่ซ่อนในตู้กับข้าว...............................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:23:22 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:51:21 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร



........................................ซีอุยให้การรับสารภาพในสิ่งที่มันทำทั้งหมด........................................



...........................................การตัดสินของศาล.......................................



ซีอุยขึ้นศาลชั้นต้นในจังหวัดระยอง ซึ่งตอนแรกเป็นการสืบคดีเด็กชายสมบุญก่อน แล้วจึงเล่าว่าได้ก่อคดีแบบนี้ที่จังหวัดอื่นหลายแห่ง มากถึง 6 ศพตามกฎหมาย อาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 289ไม่ พ้นโทษประหารแน่แต่จำเลยรับสารภาพหมดทุกข้อกล่าวหา และให้คำสัตย์จริงตั้งแต่ต้นเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ศาลจึงลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิตแทนซีอุยยิ้มไม่หุบเพราะมันรอดตาย แต่ อัยการ นายสุเมธ กาญจนอักษร ไม่คิดเช่นนั้นเนื่องจากสังคมไม่ยอมรับและให้อภัยการกระทำที่ซีอุยทำไว้ ความรู้สึกประชาชนและความหวาดระแวงต่าง ๆ ก็ยังเกิดขึ้น ถ้าฆาตกรกินคนยังมีชีวิตอยู่  จึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาล  ฐานฆ่าคนโดยไต่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้าย ต่อสู้คดีจนถึงบทสรุปที่ศาลอุทธรณ์ต้องประหารชีวิตสถานเดียวส่วน ที่ศาลชั้นต้นลดโทษ เพราะจำเลยรับสารภาพ แต่ที่ทำเพราะมีพยานและหลักฐานแน่นหนา เมื่อมีหลักฐานจำเลย(ซีอุย)ก็ไม่จำเป็นที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะลดโทษอีกซีอุยเมื่อฟังคำตัดสิน  ถึงกับเป็นลมกลางอากาศ ล้มผลึ่งกลางศาลลงนอนกลับพื้น ภายหลังเครียดจัดถึงกับอัดบุหรี่เข้าปอดอย่างรุนแรง 4 ครั้งใน ระหว่างรอการประหาร ซีอุย แซ่อึ้ง ถูกส่งตัวขังเดี่ยวที่เรือนจำบางขวางจังหวัดนนบุรี และเกือบตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยช้อนสังกะสีสำหรับตักข้าวกิน แต่ผู้คุมมาเห็นก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:23:53 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:56:31 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร



....................................วันประหารของซีอุยถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว..........................................


จุดจบ 17 กันยายน 2502 ที่เรือนจำบางขวาง จังหวัดนนบุรีปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


...............................................ก่อนจบ...................................................


ในหลายสิบปีให้หลังมีผู้สนใจเรื่องราววิปริตของซีอุย พยายามค้นคว้าและพบว่าคดีนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลไม่น้อยถึงขนาดตั้งข้อสังเกต ว่าซีอุยเป็นฆาตกรวิปริต หรือแค่แพะรับบาปเท่านั้น !??ประการ หนึ่ง ซีอุยเป็นผู้รับสารภาพเองว่าเป็นฆาตกร ในขณะที่ตำรวจเองไม่มีหลักฐานใดๆ มัดตัวคนร้าย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยซีอุยลอยนวลอยู่นานหลายปี
การที่ตำรวจคลี่คลายคดีเก่า ๆ ได้ มีหลักฐานเดียวคือคำสารภาพของซีอุยเท่านั้น !
น่าสนใจว่าซีอุยพูดไทยไม่ได้มาก ต้องให้การผ่านล่าม คำแปลและความเข้าใจของซีอุยเกี่ยวกับความผิดหรือคำสารภาพนั้นมีมากขนาดไหน  มีการตั้งข้อสังเกตว่าซีอุยอาจจะสารภาพไปตามบท เพราะเข้าใจว่าเมื่อจบเรื่อง ตัวเองจะถูกส่งกลับเมืองจีนเท่านั้น
จากข่าวในห้วงเวลานั้นพบว่าคำรับสารภาพของซีอุยก็สับสน และบางเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเกิดเหตุอีกด้วย !
ในจำนวน 6 ศพ ที่ซีอุยก่อเหตุ มีบางศพที่ไม่ได้ถูกควักหัวใจและตับออกมากิน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์การฆ่าอย่างสิ้นเชิง ตำรวจแถลงว่าที่ไม่กินเพราะซีอุยบอกว่า ตับกับหัวใจเล็กเกินไป กินไม่อิ่มเลยไม่กิน !

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:25:18 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 10:59:49 »

http://img502.imageshack.us/img502/7629/dark1a.jpg
ซีอุยผู้น่าสงสาร



ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวซีอุย ไปทำแผน ฯ บางคดีพิสดารและเหลื่อเชื่อเกินไป เช่น รายหนึ่งซีอุยให้การว่าฆ่าเด็กแล้วอุ้มวิ่งเข้าไปในสวนลึกหลายกิโล แถมยังแวะอาบน้ำอาบท่าระหว่างทางอีกด้วย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวผิดวิสัยเกินไป
อีกจุดหนึ่งคือการลงมือระหว่างเหยื่อรายที่ 6 และรายที่ 7 ที่ทิ้งช่วงเวลาห่าง กันถึง 1 ปี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซีอุยก่อเหตุถึง 6 คดีในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นหรือคดีที่ ต.ทับสะแก ซึ่งซีอุยสารภาพว่าลงมือถึง 4 ครั้ง รายแรกทำไม่สำเร็จ แต่ก็ลงมือได้ในอีก 3 รายต่อมา
ตามปกติทั่วไปเมื่อก่อเหตุครั้งแรกไม่สำเร็จ ซีอุยน่าจะหลบหนีเพราะเด็กต้องจำหน้าได้ กลับกล้าอยู่ในพื้นที่เดิมและลงมือกับเหยื่ออีก 3 ราย ซ้อน ฯลฯ      
แม้มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสงสัยมากมาย แต่อย่างไรเสียคงไม่สามารถหาข้อยุติหรือตรวจสอบให้แน่ชัดได้แต่ก็น่าสนใจว่า หลังตำรวจจับกุมซีอุยได้ คดีฆ่าผ่าท้องเด็กก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย !



............................ข้อมูลจากหนังสือ ซีอุย มนุษย์กินคน เรียบเรียงโดย ท่านขุน บุญราศรี.............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มีนาคม 2553 11:30:42 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 19:32:47 »




 ช๊อค   เหงื่อตก   ช๊อค
บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 19:52:27 »




 ช๊อค   เหงื่อตก   ช๊อค


เจ๊ เงาฝัน ต้องเกิดไม่ทััน เรื่อง ซีอุย แน่ ๆ 5 5 5

http://img200.imageshack.us/img200/430/f9240cd67b3ff9bccef9906.gif
ซีอุยผู้น่าสงสาร
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553 20:56:38 »


เหงื่อตก   ทันค่ะ แค่ไม่ทราบรายละเอียดเบื้องลึกที่
น้อง"บางครั้ง"นำมาแบ่งปัน

หวาดเสียว หวาดกลัว ตื่นเต้น สยองขวัญ    ไฟลุก  มิน่า!ร้องให้อยู่จึงเงียบ
 น้ำตาเล็ด  เมื่อถูกขู่ด้วยเรื่องนี้
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.369 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 10 เมษายน 2567 08:18:55