. แกงอ่อมไก่ (สูตรอีสาน) • ส่วนผสม-ไก่บ้าน สับหรือหั่นชิ้นพอคำ
- ผักสดชนิดต่างๆ เช่น กะหล่ำปลี เห็ดหูหนู มะเขือเทศ ฯลฯ
- ต้นหอมหั่นท่อนสั้น
- ใบมะกรูดฉีก 4-5 ใบ
- ตะไคร้ 1 ต้น
- หอมแดง 2-3 หัว
- น้ำปลาร้าต้มสุก (สำหรับปรุงรส) • เครื่องปรุงพริกแกง- พริกเม็ดใหญ่เปลือกหนาแช่น้ำจนนุ่ม 3-5 เม็ด
- หอมแดง 3-4 หัว
- ตะไคร้ 1 ช้อนโต๊ะ
* โขลกเครื่องปรุงทุกอย่างให้ละเอียด • วิธีทำ1. ตั้งน้ำซุปกระดูกไก่ หรือน้ำเปล่าพอเดือด ใส่พริกแกงลงคนให้ละลาย
2. ใส่ตะไคร้หั่นท่อนและหอมแดงบุบพอแตก ใส่เนื้อไก่เคี่ยวจนเนื้อไก่นุ่ม
3. ใส่ใบมะกรูดฉีก กะหล่ำปลี เห็ดหูหนู (และผักสดอื่นๆ)
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ก่อนยกลงจากเตา ใส่ต้นหอมหั่นท่อน มะเขือเทศ
5. ตักใส่ชามเสิร์ฟ รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ แกงอ่อมสูตรนี้ ได้จากแม่ค้าขายอาหารที่ปลูกร้านอย่างง่ายๆ ริมถนนในตัวจังหวัดอุบลราชธานี
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม – ๔ มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้โพสท์มีภารกิจที่จังหวัดอุบลราชธานี
ได้ไปพักแรมที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ทุกเช้ามืดประมาณตีห้าเศษ จะเดินจากที่พักไปตามถนนสายหลัก
เพื่อออกกำลังกายและใส่บาตรเช้า (ไปกลับประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ) ได้ซื้อแกงชนิดหนึ่ง
ถือติดไม้ติดมือกลับไปกินที่รีสอร์ท รสชาติแกงนั้นอร่อยมากๆ เท่าที่สังเกต แกงนั้นใส่เครื่องในไก่
กะหล่ำปลี ผักใบเขียวชนิดหนึ่งคล้ายปวยเล้ง มะเขือเทศ ต้นหอมหั่นท่อน ใบมะกรูดฉีก
หอมแดงบุบ ตะไคร้บุบ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้ากลิ่นอ่อนๆ
เช้าวันถัดมา กลับไปร้านนั้นอีก ตั้งใจไว้ว่าจะถามชื่อแกงและขอสูตร สรุปความได้ว่า
แกงนั้นคือ “
แกงอ่อม” สูตรเครื่องแกง มีเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ พริกแห้ง ตะไคร้ หอมแดง
(ผู้ขายย้ำว่า ไม่ต้องใส่กระเทียม)
บริเวณทุ่งศรีเมือง อุบลราชธานี ยามค่ำคืน
มีร้านค้าจำหน่ายอาหารให้เลือกสั่งตามอัธยาศัยจำนวนมากไปอยู่อุบลราชธานี 5 วัน มีโอกาสสั่งแกงอ่อมมากิน 4 ครั้ง ครั้งแรกที่ร้านอาหารบริเวณทุ่งศรีเมือง
หน้าศาลหลักเมืองอุบลราชธานี สั่งมาแล้วกินไม่ได้เพราะเขาใส่น้ำปลาร้าจนเค็มจัดและกลิ่นแรงมาก
มีข้าวคั่วใส่มาด้วย
ร้านส้มตำและอาหารตามสั่ง ร้านนี้อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อำเภอโขงเจียม อุบลราชธานีดั้นด้นมาถึงริมฝั่งโขงทั้งที อยากกินแกงอ่อมจึงต้องเลือกสั่ง
แกงอ่อมปลาบึกได้ถามผู้ขายว่าแกงอ่อมที่นี่ใส่ข้าวคั่วหรือเปล่า ผู้ขายรับว่าใส่ข้าวคั่วด้วย... จึงขอแกงอ่อม “ไม่ต้องใส่ข้าวคั่ว”
แกงอ่อมร้านนี้เสิร์ฟมาด้วยหม้อไฟน่ากินทีเดียว ตักเข้าปากคำแรกก็รู้สึกว่าไปไม่ตลอดอีกแล้ว
น้ำแกงของเขาใสๆ ไม่เผ็ด คล้ายแกงจืด มีตะไคร้หั่นแฉลบ หอมแดงบุบ ใบมะกรูดฉีก ใส่ผักหลากหลายชนิด
เช่นมะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ฯลฯ แต่ผักที่รับไม่ได้เอาเสียเลย คือผักขะแยง หรือกะแยง ผักพื้นเมืองอีสาน
ซึ่งเราไม่คุ้นเคยกลิ่นและรสชาติมาก่อน สั่งมาแล้วก็ให้เสียดาย จึงเลือกตักแต่ชิ้นปลาบึกซึ่งผู้ขายหั่นชิ้นใหญ่มาก
ก็กินไม่ได้อีกเช่นเคย จะเพราะด้วยคนครัวรีบร้อนเกรงลูกค้าจะหิวเกินไปหรือเปล่าไม่ทราบ เนื้อปลาจึงยังดิบๆ
และมีกลิ่นคาวปลาอีกด้วย แต่อาหารชนิดอื่นๆ ของเขารับประกันความอร่อย โดยเฉพาะส้มตำ...สุดยอด!
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องวัฒนธรรมการบริโภคของคนไทย ซึ่งเป็นประเทศมีอาณาเขตกว้างใหญ่
วัตถุดิบการปรุงอาหารในครัวเรือนจึงผูกติดกับทรัพยากรที่มีอยู่มากมายและสมบูรณ์ในแต่ละท้องถิ่น
ส่วนเรื่องความแตกต่างของรสชาติอาหารในแต่ละภาค เป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิดติดกัน
หรือรับมาจากชาวต่างชาติที่อพยพมาอยู่ในเมืองไทย หรือผ่านทางการสัมพันธไมตรีทางการทูต และทางการค้ากับประเทศต่างๆ.
กล่าวมาเพียงเพื่อเหตุผลที่ว่า เราไปกินของเขา ติว่าไม่อร่อย...เขามาภาคเราเขาก็กินไม่ลงเหมือนกันเท่านั้นเอง.
ติดตามสูตรอาหารและเคล็ดลับการประกอบอาหารคาว-หวาน มากมายกว่า 200 สูตร
ได้ที่
"สุขใจในครัว" สุขใจดอทคอมwww.sookjai.com